Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 232
บทที่ 232
สงครามหวนคืนต้นกำเนิด
ขณะเดียวกันกับที่หลี่ฟูเฉินเริ่มต้นในส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาว ผู้นำนิกายวารีคราม โอหยางเว่ยเทียนก็ได้มาถึงแคว้นร้อยเทพยุทธ์
เขาได้ไปหาเจ้านิกายสวรรค์ปีศาจ หลี่เซี่ยเทียนเป็นคนแรก
“หลี่เซี่ยเทียน ถอนหมายจับศิษย์หลักระดับทองของข้า หลี่ฟู่เฉิน ออกไปซะเถอะ และข้าจะทำเป็นว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” โอหยางเหว่ยเทียนเรียกร้อง
หลี่เซี่ยเทียนหัวเราะเยาะ “เขาสังหารลูกชายของข้าหลี่หวูเซี่ยเลือดต้องล้างด้วยเลือด โอหยางเหว่ยเทียน เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเจ้าคงจะไม่สามารถรับผิดชอบได้”
“เจ้าเป็นพยานด้วยตนเองหรือไม่ว่า หลี่ฟู่เฉินเป็นผู้สังหารหลี่หวูเซี่ย?” โอหยางเว่ยเทียนถาม
หลี่เซี่ยเทียนแสดงออกอย่างช้าๆ ก่อนจะหัวเราะอย่างน่ากลัวออกมา “แล้วถ้าข้าไม่ได้เป็นพยานล่ะ? ตราบใดที่ยังมีข้อสงสัย ข้าก็คงจะปล่อยมันไปไม่ได้ ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะไม่สังหารเขาในทันที ข้าจะนำเขากลับไปที่นิกายสวรรค์ปีศาจ และสอบปากคำเขาเป็นการส่วนตัว ถ้าเขาไม่ได้ทำจริงๆ ข้าจะไม่แตะต้องเขาแม้แต่ผมเส้นเดียว”
โอหยางเว่ยเทียนตอบกลับ “ถ้าเขาเข้าไปในนิกายสวรรค์ปีศาจ หากไม่ตายจริงๆ หนังของเขาก็คงจะถูกแล่ออกมาเป็นชิ้นๆ ไม่เหลือสิ่งใด หลี่เซี่ยเทียน ข้าไม่ต้องการดำเนินเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี่อีกต่อไป หากเจ้าไม่ได้เป็นพยานตอนที่หลี่ฟู่เฉินเป็นคนสังหารหลี่หวูเซี่ย ก็ถอนใบประกาศจับออกไปซะ ส่วนนิกายวารีครามของข้าจะทำการสู้ด้วยไฟดับไฟ เจ้าออกหมายจับศิษย์หลักระดับทองของเรา พวกเราก็จะออกหมายจับศิษย์หลักระดับทองของนิกายสวรรค์ปีศาจเช่นกัน เว้นเสียแต่ว่าศิษย์หลักระดับทองของนิกายสวรรค์ปีศาจจะไม่ได้ไปทำอะไรที่มันเสี่ยงภัย ไม่งั้นก็เตรียมตัวไว้เสียเถะ”
หลี่เซี่ยเทียนหรี่ตาลง “โอหยางเหว่ยเทียน เจ้าทำให้ข้าลำบากใจยิ่ง ตอนนี้เจ้าเข้าใจความรู้สึกที่ต้องสูญเสียลูกชายไป หรือไร?”
“หากเจ้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ลูกชายของเจ้าออกมา? คงเป็นการดีกว่าถ้าหากให้เขาอยู่ในนิกายสวรรค์ปีศาจตลอดกาล ดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่เซี่ยเทียนก็เกิดความขุ่นเคือง และก็เกิดเจตจำนงสังหารขึ้นในใจของเขา
ก็จริง เขาไม่ควรปล่อยให้หลี่หวูเซี่ยจัดการตนด้วยตนเอง ถ้าเขาขาดประสบการณ์การต่อสู้ หรือขาดทักษะในการต่อสู้ไปแม้แต่เพียงนิดละ? ด้วยความสามารถของหลี่หวูเซี่ย ถ้าเขาถูกฝึกฝนไปตามปกติ เขาก็ยังจะคงพัฒนาไปสู่ขอบเขตสวรรค์
แต่สำนึกผิดตอนนี้ก็สายไปแล้ว หลี่หวูเซี่ยตายไปแล้ว และการสำนึกผิดจะไม่ทำให้เขาฟื้นขึ้นมา
ความคิดเดียวของเขาในตอนนี้คือการตามหาฆาตกร โอหยางเหว่ยเทียนก็กำลังขอให้เขาไม่ออกหมายจับหลี่ฟู่เฉิน มันหมายถึงการขัดขวางการแก้แค้นของเขา และผู้ที่ขัดขวางการแก้แค้นของเขาก็ต้องตาย
“โอหยางเหว่ยเทียน พวกเราไม่ได้ประลองกันมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว ข้าสงสัยเหลือเกินว่าตอนนี้เจ้าคู่ควรที่จะประลองกับข้าอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ เจ้าควรลืมเรื่องการออกจากที่นี่ในวันนี้ไปเสีย เว้นเสียแต่ว่าเจ้ามีความสามารถ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราอาจจะมีเวลาได้พูดคุยกันบ้าง” หลี่เซี่ยเทียนไม่พยายามปกปิดเจตนาสังหารของเขา
โอหยางเหว่ยเทียนตอบกลับ “ได้ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าข้ามีความสามารถหรือไม่”
เมื่อมันเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง นิกายวารีครามนั้นกลัวนิกายสวรรค์ปีศาจ
“ฮึ่ม อาชูร่าสวรรค์ปีศาจ!” หลี่เซี่ยเทียนตะโกนออกมาและใช้เทคนิคลับระดับ 5 ดาวของนิกายสวรรค์ปีศาจทันที
เขาผู้ซึ่งเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด เมื่อใช้เทคนิคลับพลานุภาพที่ออกมาก็ดูน่าทึ่งมากกว่าเดิม พื้นดินในบริเวณใกล้เคียงเริ่มแยกออกจากกัน และครู่หนึ่ง แม้แต่อากาศก็บิดเบี้ยว ลมแรงไม่มีที่สิ้นสุดพัดพาทุกอย่างออกไป ทราย และก้อนกรวดบนพื้นผิว เช่นเดียวกับก้อนหินขนาดหินเท่ากำปั้นก็ยังถูกพัดขึ้นไปในอากาศ
ในช่วงเวลาเดียวกัน เงาขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของหลี่เซี่ยเทียน
เงานั่นเป็นสิ่งที่แสดงถึงนิกายสวรรค์ปีศาจ
“นิกายต้นกำเนิดดาบ”
โอหยางเหว่ยเทียนตะโกน ส่งผลทำให้อากาศโดยรอบมีดาบพลังฉีปรากฏขึ้นในอากาศนับหมื่นเล่ม ก่อตัวเป็นป่าแห่งดาบขึ้นมา
“กำจัด!”
หลี่เซี่ยเทียนกระแทกฝ่ามือเข้าหาโอหยางเว่ยเทียน เงาของอาชูร่าสวรรค์ปีศาจก็ถูกส่งเข้าหาโอหยางเหว่ยเทียนพร้อมกันกับฝ่ามือ
ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ดำเนินไปพร้อนกับกับฝ่ามือขนาดเล็ก ทำให้รู้สึกว่ามันจะทำให้ช่องว่างในการโจมตีนั้นๆ ดูเล็กสั้นลง
“ทำลาย!”
ด้วยปลายนิ้วชี้ของเขา พลังฉีแห่งดาบทั้งหมดจึงถูกยิงไปที่เงาอชูร่าสวรรค์ปีศาจที่อยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า
บูม บูม บูม บูม,…
การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างคนสองคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถแทรกแซงด้วยทักษะการต่อสู้ใดๆ มันเป็นการดวลกันของเทคนิคลับกับเทคนิคลับ ใครที่สามารถหยุดใครได้ก่อนก็จะมีชีวิตรอดไป และอีกคนก็จะตายลงไป ไม่มีการเว้นระยะห่างใดๆ ไม่มีกลอุบายใดๆ หรือแผนการใดๆ
หนึ่งชั่วโมงถัดมา โอหยางเว่ยเทียนก็เริ่มเหนือกว่า
ไม่ว่า อชูร่าสวรรค์ปีศาจจะทรงพลังเพียงใด มันก็ไม่สามารถต้านทานดาบของ นิกายต้นกำเนิดดาบได้ ดาบกว่าหมื่นดาบได้เข้าห่ำหั่นและฟ่าฟันอย่างรุนแรง
ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด นิกายต้นกำเนิดดาบ เป็นหนึ่งในสิบอันดับเทคนิคลับ 5 ดาวในขณะที่อสูรอชูร่าสวรรค์ปีศาจ ไม่ได้อยู่ในสิบอันดับแรกเสียด้วยซ้ำ
พวกเขาสองคนต่อสู้กันมาตั้งแต่สมัยเด็ก และในช่วงเวลานั้น ทั้งคู่ก็มีความสามารถระดับเดียวกัน
แต่ตั้งแต่ที่พวกเขาทั้งสองได้ฝึกฝนเทคนิคลับระดับ 5 ดาว ตั้งแต่นั้นโอหยางเหว่ยเทียนก็มักจะจะอยู่เหนือกว่าเสมอ ซึ่งในเวลานี้ก็ไม่ได้ต่างกัน
หากไม่ใช่เป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของของนิกายสวรรค์ปีศาจเหล่านั้น นิกายสวรรค์ปีศาจก็อาจจะด้อยกว่านิกายวารีครามในแง่ของการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง
“นิกายต้นกำเนิดดาบช่างน่าเกรงขามเสียจริง” หลี่เซี่ยเทียนพยายามดิ้นรนและไม่ยอมที่จะตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้
นิกายต้นกำเนิดดาบของนิกายวารีครามเป็นที่รู้จักกันดีว่าไม่สามารถแก้ทางได้ นอกเสียจากว่าศัตรูจะมีการป้องกันจากสวรรค์ ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็คงจะไม่มีวิธีในการต่อต้านมัน
“หลี่เซี่ยเทียน ขอโทษด้วย มันคือชัยชนะของข้าอีกครั้ง” โอหยางเหว่ยเทียนกล่าวอย่างเฉยเมย
หลี่เซี่ยเทียนกล่าวอย่างไม่แยแส “โอหยางเหว่ยเทียน เจ้าไม่กลัวว่านิกายสวรรค์ปีศาจของเราจะประกาศสงครามกับนิกายวารีครามของเจ้า? สิ่งที่ข้าเสียไปคือลูกชาย นิกายวารีครามของเจ้าตั้งใจจะปกปิดเรื่องนี้ไว้หรือไร?”
“ข้าจะทบทวนมันด้วยตนเอง เจ้าไม่ได้เห็นหลี่ฟู่เฉินสังหารลูกชายของเจ้าเป็นการส่วนตัว หากนิกายสวรรค์ปีศาจของเจ้าต้องการสงคราม เช่นนั้นก็แค่เริ่มมันขึ้น! แม้ว่านิกายวารีครามของข้าจะถูกจำกัดออกไปทั้งหมด นิกายสวรรค์ปีศาจของเจ้าก็จะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปประมาณ 70% เมื่อนิกายสวรรค์ปีศาจของเจ้าเหลือความสามารถในการต่อสู้เพียง 30% ข้าก็เชื่อว่าเจ้าก็คงจะดูเหมือนชิ้นเนื้อตัวอ้วนสำหรับนิกายเร้นวิญญาณ”
ถ้าหากมีเพียงแค่นิกายสวรรค์ปีศาจนิกายเดียว นิกายวารีครามก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆ แต่สิ่งที่นิกายวารีครามต้องกลัวก็คือ นิกายสวรรค์ปีศาจร่วมมือกับนิกายเร้นวิญญาณและนิกายโหมกระบี่ โชคดีที่ ไม่มีใครโง่เขลาพอที่จะเป็นพันธมิตรที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
มีการกล่าวไว้ว่า ‘เมื่อกระต่ายตาย สุนัขจิ้งจอกเสียใจ’ คำกล่าวนี้มีเหตุผล
(หมายเหตุ TL: คำพูดหมายความว่าเมื่อมีคนคล้ายกับคุณตายคุณจะรู้สึกถึงความสูญเสียในกรณีนี้ก็หมายความว่าหากนิกายสวรรค์ปีศาจกำลังจะเป็นพันธมิตรกับนิกายอื่นๆ แม้กระทั่ง หนึ่งนิกายล่มสลายมันจะยังคงเป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับพวกเขา)
“ฮี่ฮี่ โอหยางเหว่ยเทียน จะมีวันหนึ่งที่ข้าจะได้กำจัดนิกายวารีครามของเจ้า” หลี่เซี่ยเทียนหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างสงบ “ข้าจะถอนใบประกาศจับ แต่ข้าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของหลี่ฟู่เฉินได้ หลังจากทั้งหมดแล้ว นี่คือแคว้นร้อยเทพยุทธ์มีสัตว์ประหลาดชั่วร้ายและผู้คนทุกชนิด อาจมีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกคนอื่นสังหารหรือตายจากอุบัติเหตุ”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าปล่อยให้ข้ารู้ว่ามันคือนิกายสวรรค์ปีศาจที่เจ้าเป็นผู้บงการ ไม่เช่นนั้นแล้ว ศิษย์หลักระดับทองของเจ้าจะต้องระมัดระวังให้มากๆ แม้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนย้ายไปไหนก็ตาม”
โอหยางเหว่ยเทียนเพิกเฉยต่อคำขู่จากอีกฝ่าย
หลังจากแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหมายจับของหลี่ฟู่เฉิน โอหยางเหว่นเทียนก็ออกจากแคว้นร้อยเทพยุทธ์ แต่เขาก็แอบส่งข้อความไปยังกลุ่มลับที่แฝงตัวอยู่กระจัดกระจายไปทั่วแคว้นร้อยเทพยุทธ์แห่งนี้ ขอให้พวกเขาระวังข้อมูลที่เกี่ยวกับหลี่ฟู่เฉิน
***
เส้นทางดวงดาว ส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาว
หลี่ฟู่เฉินเหงื่ชุ่มอและผิวดูซีดกว่าปกติ
‘ไม่ควรมีปัญหาใดๆ หากเร่งขึ้นอีกนิด’
หากหลี่ฟู่เฉินไม่ได้ทดสอบขีดจำกัดของศักยภาพของเขา เขาก็จะไม่มีวันรู้เลยว่าขีดจำกัดของเขาอยู่ที่ไหน ซึ่งเขาประเมินมันต่ำไปมากแล้ว
เขาอาจจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แต่เขาก็ยังไม่ถึงขีดจำกัด มันเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดาที่ออกกำลังกายอย่างหนัก และยังมีวิธีอีกค่อนข้างมากก่อนที่จะถึงขีดจำกัดที่แท้จริงของเขา
ท้ายที่สุดแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็สามารถมองเห็นว่าส่วนที่สี่ของเส้นทางดวงดาวนั้นเป็นอย่างไร
ปรับสภาวะพลังฉีของตัวเองเล็กน้อย หลี่ฟู่เฉินก็ก้าวเข้าสู่เกาะโดดเดี่ยวซึ่งเป็นด่านที่สี่
ก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะเข้าสู่ขั้นส่วนที่สี่ ฮั่นเฟิงก็หายตัวออกจากเส้นทางดวงดาวไปแล้ว
เขาไม่สามารถต้านกระบี่พิพากในด่านที่สามได้ สาเหตุหลักก็คือเนื่องจากข้อบกพร่องในหัวใจของเขา หากไม่มีข้อบกพร่องในใจ เขาก็คงมีโอกาส 70% ที่จะต่อต้านกระบี่พิพากได้
หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ฮันเฟิงหายตัวไป เซี่ยฮัวชี่ก็หายตัวไปจากเส้นทางดวงดาวด้วยเช่นกัน
เขาผ่านไปได้ประมาณครึ่งทางของส่วนที่สี่ในเส้นทางดวงดาว
จากประวัติของเส้นทางดวงดาว ผู้ที่สามารถเข้าสู่ส่วนที่สี่ด้วยความพยายามในครั้งแรกของพวกเขา เป็นปกติที่จะสามารถทิ้งชื่อไว้ในกลุ่มแรกที่อนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่สามได้ แต่เซี่ยฮัวชี่อยู่แค่ในกลุ่มที่สองเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยังรู้สึกไม่เพียงพออยู่เล็กน้อย
ติดตามได้ก่อนใครที่ indynovels