Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 240
บทที่ 240
เจ้ามีอะไรจะกล่าวหรือไม่?
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ข้าก็แค่ไม่ชอบท่าทีที่ดูอวดดีและหยิ่งยโสของเจ้าก็เท่านั้น” ลั่วชิงหยุนส่ายหัวและเขาไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นไป
นิกายดาบธารเมฆาของเขานั้นคล้ายกับนิกายสารีคราม ซึ่งทั้งคู่ล้วนเป็นนิกายที่มุ่งสู่เต๋าแห่งดาบ
นักดาบย่อมเข้าใจนักดาบด้วยกันเองดีที่สุด
การรับรู้ด้านการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูงมาก แต่ตราบใดที่มันไม่สูงมากไปกว่านั้น ลั่วชิงหยุนก็มีความมั่นใจอย่างยิ่งที่เข้าจะจัดการหลี่ฟู่เฉินได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวหรือ?” หลี่ฟู่เฉินถาม
ลั่วชิงหยุนยังคงส่ายหัวอย่างต่อเนื่อง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่กล้า แต่ข้ากำลังดูถูกเจ้าอยู่”
“ตั่งแต่ที่เจ้าไม่เต็มใจที่จะลงสนามประลอง งั้นแล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวข้า? เจ้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักดาบ เจ้าก็เป็นเพียงนักดาบจอมปลอมที่แกล้งทำตัวเป็นคนมีความชอบธรรม” หลี่ฟู่เฉินโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ประกายอันเย็นชาวาบผ่านในสายตาของลั่วชิงหยุน “เจ้ากำลังทำให้ข้าโกรธ”
“เจ้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนโกรธข้า เพราะว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเสียด้วยซ้ำ”
“ดี ดีมาก ตั้งแต่ที่เจ้าต้องการลิ้มรสความพ่ายแพ้ เช่นนั้นแล้วข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง” ลั่วชิงหยุนกระโดดลงมาจากชั้นบนของศาลา สภาวะพลังฉีบนร่างของเขากลายเป็นเหมือนคมดาบ ราวกับคมดาบที่เย็นยะเยือก ราวกับว่าแค่มุมของเสื้อผ้าในตัวเขาก็สามารถฆ่าคนได้ ความแหลมคมของเขาแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
“คราวนี้ข้าจะดูว่าหลี่ฟู่เฉินจะชนะได้อย่างไร ลั่วชิงหยุนเป็นที่รู้จักกันในนามนักดาบฟ้ากระจ่าง และเขาก็ด้อยกว่าอันดับดาราเพียงเล็กน้อย ซินหวูหยวนและหูหมิ๋งไม่แม้แต่จะอยู่ในระดับเดียวกับเขา”
“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ลั่วชิงหยุนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับซินหวูหยวนและหูหมิ๋ง ซินหวูหยวนเป็นเพียงห้าอันดับแรกในนิกายของเขาเอง แต่ลั่วชิงหยุนเป็นศิษย์หลักลำดับที่ 2 ของนิกายดาบธารเมฆาและมีความสามารถที่น่ากลัว”
“ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนก็เป็นนักดาบและควรรู้เกี่ยวกับจุดอ่อนและจุดแข็งของกันและกัน ด้วยเหตุนี้ สำหรับลั่วชิงหยุนที่ต้องมากำจัดหลี่ฟู่เฉิน มันก็ไม่ต่างจากเดินเล่นในหญ้าหลังบ้าน”
“มารอดูกันเถอะ! ข้าหวังว่าลั่วชิงหยุนจะสามารถจัดการหลี่ฟู่เฉินได้ในเวลาไม่กี่วิ ข้าไม่ต้องการเห็นใบหน้าที่หยิ่งยะโสของเขาอีกต่อไป”
ทุกคนต่างก็คาดหวังกับลั่วชิงหยุนมาก
ในที่สุดการแสดงออกของเสี่ยวไบ๋ก็ดูผ่อนคลาย เมื่อลั่วชิงหยุนลงมือแล้ว ผลลัพธ์ก็เกือบจะเป็นเรื่องที่แน่นอน
หากลั่วชิงหยุนมาอยู่ในนิกายสวรรค์ปีศาจเขาก็จะได้ตำแหน่งศิษย์อันดับที่ 2 ไป และบุคคลเดียวที่สามารถปราบปรามลั่วชิงหยุนได้ก็คือเสี่ยวไบ๋
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าต้องทำได้!”
ตอนนี้ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูค่อนข้างวิตกกังวล ลั่วชิงหยุนไม่เหมือนกับซินหวูหยวนและหูหมิ๋ง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง และหากไม่มีผู้จัดอันดับดาราเข้าร่วม ความสามารถของลั่วชิงหยุนก็ย่อมเหนือกว่าแน่นอน
“ฮึ่ม!”
ฮวงหยูเซียงปล่อยเสียงฮึมฮัมเบาๆ ในขณะที่เขากำลังรอลั่วชิงหยุนเอาชนะหลี่ฟูเฉินอยู่ เขาต้องการดูว่าพวกเขามีอะไรที่จะพูดอีกหรือไม่
หลังจากทั้งหมดแล้ว หากหลี่ฟู่เฉินไม่แม้แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของลั่วชิงหยุน เช่นนั้นแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถเอาชัยเสี่ยวไบ๋ได้
“ฉินเคอชือ เจ้านั่งลงเถอะ! การแข่งขันนี้จะจบลงโดยที่ไม่มีเรื่องน่าประหลาดใจใดๆ” หรันเฉียนฉิวนั่งจิบชาขณะที่หัวเราะเบาๆ
ฉินเคอชือไม่ได้ตอบกลับและแค่จ้องมองหลี่ฟู่เฉินอยู่อย่างเงียบๆ
“หลี่ฟู่เฉิน หลี่ฟู่เฉิน หลังจากการแข่งขันครั้งนี้ เราจะได้รู้กันว่าเจ้าแค่คุยโวโออวดหรือไม่ ข้าหวังว่าข้าจะคิดไม่ผิด”
ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกมีขนาดใหญ่เกินไป และมีนิกายเกือบร้อยแห่งที่กำลังมีความมหัศจรรย์มากมาย ดวงตาของทุกคนไม่ได้มองได้ออกทุกอย่าง แต่มันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการที่ตัวเราจะต้องมีทั้งตาแล้วแวว แต่ตอนนี้เธอตื่นตัวมากขึ้น
บนเวทีศิลปะการต่อสู้ สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สภาวะพลังฉีของลั่วชิงหยุนเป็นเหมือนคมดาบและใบดาบที่เย็นยะเยือก
ส่วนสภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินก็เหมือนคมดาบที่มีแต่ความร้อนแรงราวกับมันจะเผาไหม้สวรรค์ได้
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้สบประมาทลั่วชิงหยุน ความสามารถที่แท้จริงของเขาเหนือกว่าลั่วชิงหยุนอย่างแน่นอน แต่มันเป็นนิสัยของเขาที่ชอบซ่อนไพ่ตาย
“บุคคลผู้นี้ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอด” หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง
ในนิกาย โครงกระดูกระดับ 4 ดาวถือว่าเป็นอัจฉริยะ และโครงกระดูกระดับ 5 ดาวถือว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอด แต่เมื่อเทียบกับทั่วทั้งทวีป โครงกระดูกระดับ 4 ดาวนั้นถือว่าเป็นแค่อัจฉริยะธรรมดา ในขณะที่โครงกระดูกระดับ 5 ดาวเป็นอัจฉริยะที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีเพียงโครงกระดูกระดับ 5 ดาวที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะถือว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอด ซึ่งหมายความว่า ภายในนิกายวารีคราม มีเพียงเฉพาะดาบคลั่ง ดาบพยัคฆ์ และดาบไร้อารมณ์ที่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นชนชั้นเดียวกันกับอัจฉริยะชั้นยอด สำหรับคนอื่นๆ นั้นก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณา
“สิบกระบวนท่า!” ลั่วชิงหยุนกวาดดวงตาที่แหลมคมมองมา
“เจ้าควรต้านทานสามกระบวนท่าของข้าให้ได้ก่อน!” ดาบทองคำดำของหลี่ฟู่เฉินชี้ไปที่พื้น
“เจ้าช่างน่าเกลียดชัง ตอนนี้เจ้าทำได้ดีกว่าเดิมจริงๆ … หุบปากไปเสียเถอะ!” ลั่วชิงหยุนเริ่มลงมือ
อากาศหนาวยะเยือกที่สามารถทิ่มแทงกระดูกได้เริ่มก่อตัวขึ้น ดาบของลั่วชิงหยุนมีอยู่ทุกที่ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้แต่เวทีที่ถูกฝังค่ายกลก็มีดาบแฝงตัวอยู่ มีชั้นน้ำค้างแข็งบางๆ อยู่บนพื้นผิว
เจตจำนงแช่แข็งกระดูก แม้แต่กระทั่งพลังฉีเองก็เป็นแช่แข็งกระดูกเช่นกัน
เทคนิคการฝึกฝนที่ลั่วชิงหยุนฝึกฝนนั้นเป็นประเภทน้ำแข็ง พลังฉีประเภทนี้สามารถตรึงเลือดและพลังฉีของศัตรูไว้ได้ ส่งผลทำให้ความเร็วช้าลง และการตอบสนองก็ช้าลง
“ละลาย!”
เผชิญหน้ากับดาบแช่กระดูกที่น่ากลัวของลั่วชิงหยุนซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง หลี่ฟู่เฉินโต้กลับโดยใช้ทักษะดาบโคจรหลั่งไหลเพื่อระเบิดทุกอย่าง
เมื่อน้ำแข็งละลาย แสงดาบก็เริ่มหมุนก่อให้เกิดวังวนไฟซึ่งดูดพลังฉีแช่แข็งกระดูกเข้ามา พลังฉีแห่งดาบเพิ่มอุณหภูมิโดยรอบทันที ทำให้อากาศรอบๆ กลายเป็นร้อนยิ่ง
“ไป!”
ด้วยการแกว่งของดาบทองดำ แสงดาบหมุนวนสร้างความเสียหายให้กับลั่วชิงหยุน
เมื่อคลื่นความร้อนหยุดชะงัก การแสดงออกของลั่วชิงหยุนเปลี่ยนไป เมื่อเขาเห็นว่าทักษะดาบแช่แข็งกระดูกของเขาถูกสลายไปอย่างได้ง่ายเพียงใด
ระดับทักษะดาบของคู่ต่อสู้เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับเขา และดูเหมือนจะอ่อนแอกว่าเขาเล็กน้อย แต่เวลาและมุมในการโต้กลับของหลี่ฟู่เฉินนั้นไร้ที่ติ ซึ่งเวลาที่มันถูกใช้ออกเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทักษะดาบแช่แข็งกระดูกเผยจุดอ่อนออกมา
“ข้าต้องการจะเห็นว่าการรับรู้ด้านการต่อสู้ของเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด”
ลั่วชิงหยุนไม่เหมือนกับซินหวูหยวน เท้าของเขาเปลี่ยนไป ขณะที่เขาสร้างภาพลวงตาขึ้นบนเวที
ถ้าหลี่ฟู่เฉินสามารถฝึกฝนทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นต่ำอื่นๆ ที่ทักษะดาบไปจนถึงขั้นภวังค์ได้ ลั่วชิงหยุนก็สามารถทำได้เช่นกัน
ลั่วชิงหยุนใช้ท่าร่าง ทำให้ร่างกายของเขาลอยไปในลักษณะที่คาดเดาไม่ได้ และเมื่อเติมเต็มด้วยทักษะดาบแช่แข็งกระดูกสร้างดาบน้ำแข็งในทุกที่ มันก็ราวกับว่ายมทูตได้มาถึงแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา นักสู้ขอบเขตปฐพีที่อ่อนแอ่เหล่านั้นไม่สามารถต้านทานดาบของเขาได้แม้แต่ดาบเดียว
น่าแปลกที่ หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ใช้ทั้งทักษะตัวเบาหรือแม้แต่ทักษะเท้า ในทางกลับกัน เขากับใช้ความสงบเพื่อจัดการกับความไม่แน่นอน เขายกดาบทองคำดำในมือของเขาขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง
“หลี่ฟู่เฉินถูกกดดันแล้ว”
“ฮ่าฮ่า! เขาจะต้องรู้สึกโกรธและอับอายเป็นแน่!”
ทุกคนพึงพอใจที่ได้เห็นฉากนี้ และราวกับว่าพวกเขากำลังเพลิดเพลินไปกับการแสดงที่ยอดเยี่ยม
“ข้าเข้าเจ้าการเคลื่อนไหวของเจ้าอย่างสมบรูณ์แบบแล้ว”
ในด้านที่ห้าของเส้นทางแห่งดวงดาว มันได้ทดสอบทักษะเต๋าด้านการสังเกต ซึ่งเป็นการทดสอบการรับรู้ด้านการต่อสู้และทักษะการต่อสู้ หลี่ฟูเฉินใช้การเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อผ่านด่าน ซึ่งง่ายกว่ามากเมื่อกับตอนที่เขาไปยังด่านที่สี่
และทักษะต่อสู้ของลั่วชิงหยุนเองก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับด่านที่ห้า เขาก็แค่มีระดับการฝึกฝนที่แข็งแกร่งก็เท่านั้น
ด้วยการใช้ทักษะดาบดาวตก ประกายไฟปะทุออกมา
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เท้าและทักษะดาบของลั่วชิงหยุนไม่สัมพันธ์กันมากที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่พลังฉีก่อนหน้านี้ถูกใช้จนเริ่มจางหายไป และพลังฉีที่กำลังถูกเติมเข้ามาก็ยังไม่ทันได้เสร็จพร้อมดี เมื่อทักษะดาบดาวตกถูกใช้ มันก็บังคับให้ลั่วชิงหยุนเข้าสู่ภาวะสิ้นหวังทันที
“อ๊าก!”
ลั่วชิงหยุนตะโกน ในขณะที่เขาใช้กระบวนท่าดาบ คำรามแช่กระดูก
ปิส ปิส ปิส ปิส…
ทักษะดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินมาจากสามทิศทาง ในขณะที่ลั่วชิงหยุนสามารถปกป้องได้แค่สองทิศเท่านั้น และละเลยอีกด้านหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง ดาวตกทะลุเกราะพลังฉี สร้างเลือดและบาดแผลไหม้เกรียมให้กับร่างกายลั่วชิงหยุน
เปรียบเทียบกับหูหมิ๋ง เทคนิคบ่มเพาะของลั่วชิงหยุนนั้นสูงกว่าหนึ่งขั้นหรือสองขั้น และระดับการฝึกฝนของเขาก็สูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลทำให้เขามีความต้านทานดาบดาวตกที่ดีกว่าคนอื่นๆ ที่โดนมัน เขาได้รับบาดเจ็บเพียงบางส่วน ซึ่งทำให้เขาดูน่าเกลียดเล็กน้อย
“เจ้าแพ้แล้ว เจ้ามีอะไรจะกล่าวหรือไม่? หากมีอะไรจะกล่าว ตอนนี้ก็พูดออกมาให้หมดเถอะ!” หลี่ฟู่เฉินจ้องมองหน้าที่ขาวซีดของลั่วชิงหยุน และสายตาของเขาดูเรียบเฉย
“ข้า… ปิส!” ลั่วชิงหยุนโกรธมากจนหัวใจของเขาเป็นไปด้วยไฟแห่งโทสะ ส่งผลทำให้เขากระอักเลือดสดออกมาหนึ่งคำ
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels