Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 246
บทที่ 246
เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ
ทุกคนมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน ตอนเริ่มพวกเขามองไปที่เขาด้วยความรังเกียจ แต่ตอนนี้พวกเขามองเขาด้วยความเคารพ
หลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี แต่ก็มีความสามารถในสะกดข่มหรันเฉียนฉิวและเสี่ยวไบ๋แล้ว เขาจะน่าหวาดกลัวมากแค่ไหนหากการฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับ 7 หรือ 8 ของขอบเขตปฐพี? อย่างน้อยเขาก็สมควรเป็นบุคคลที่จะอยู่ใน 50 อันดับแรกของการจัดอันดับดารา
พวกเขาสามารถชื่นชมการมีอยู่เช่นนั้นและทำได้เพียงฝันถึงเขาเท่านั้น
แม้แต่กระทั้งในหมู่อัจฉริยะด้วยกันเองก็มีช่องว่าง
ในนิกายของตน พวกเขาอาจอยู่ในหมวดหมู่ของอัจฉริยะหรืออัจฉริยะชั้นยอด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด พวกเขาไม่นับว่าเป็นอะไรและเป็นได้เพียงแค่อัจฉริยะธรรมดาเท่านั้น
สำหรับหลี่ฟู่เฉิน ไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าเขาต้องเป็นอัจฉริยะชั้นยอดในทวีปนี้
ความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะชั้นยอดและอัจฉริยะธรรมดานั้นรุนแรงเกินไป และมันจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเริ่มเติบโตขึ้น
ในหมู่พวกเขา พวกเขาส่วนใหญ่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์เมื่ออายุ 30 หรือ 40 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นขอบเขตที่พวกเขาจะอยู่ไปตลอดชีวิต
สำหรับอัจฉริยะระดับทวีป โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะบุกไปยังขอบเขตสวรรค์ก่อนที่พวกเขาจะอายุ 30 ปี และส่วนใหญ่ก็จะก้าวไปสู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดด้วยเช่นกัน มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่พวกเขาจะพัฒนาเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงความเป็นไปได้และไม่ใช่ความแน่นอน
เพิกเฉยต่อการจ้องมองของทุกคนและความคาดหวังของฉินเคอชือ หลี่ฟู่เฉินส่ายหัวและปฏิเสธ “ข้าไม่สนใจที่จะจัดงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้”
เขาไม่สนใจเลย เพราะการเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้เป็นเพียงการเสียเวลาสำหรับเขา
ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาสองปีเป็นเวลาที่ยาวนานมาก บางทีสองปีต่อมา งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ก็เป็นเพียงแค่การเล่นของเด็กๆ สำหรับเขา
เนื่องจากเป็นการละเล่นของเด็ก อะไรคือจุดสำคัญในการเป็นเจ้าภาพต่อไป?
“เขาปฏิเสธ?” ทุกคนรู้สึกหมดแรง
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ คนไหนบ้างที่เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้และไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียง?
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ เจ้าภาพอาจจะสามารถทำการเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับเจ้าภาพก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งจะดีมากสำหรับการพัฒนาในอนาคตของพวกเขา
“น่าสนใจ!” เซียงเล่ยเผยรอยยิ้ม
ฉินเคอชือเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ฟู่เฉินจะปฏิเสธโอกาสนี้ เธอกล่าว “เนื่องจากหลี่ชิตี๋ไม่สนใจ เช่นนั้นฉินเคอชือก็จะไม่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์นาอึดอัดใจ เติ้งชิตี๋ เจ้าสนใจที่จะจัดงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ครั้งต่อไปหรือไม่?”
ฉินเคอชือมองไปที่ชายหนุ่มอีกคน
ชายหนุ่มคนนี้คือเติ้งเฟิงและเขาเป็นศิษย์หลักระดับทองอันดับ 1 ของนิกายแยกไพศาล ความสามารถของเขาอยู่ในระดับเดียวกับลั่วชิงหยู ยิ่งไปกว่านั้น เขาอายุน้อยกว่าลั่วชิงหยู ในหนึ่งปีครึ่ง เขาจะบุกเข้าไปในการจัดอันดับดาราได้อย่างง่ายดาย
รับฟังข้อเสนอ เติ้งเฟิงกำหมัดและโค้งคำนับ “ขอบคุณมากสำหรับความเมตตาของฉินชิเจี๋ย เติ้งเฟิงจะยอมรับมัน”
ในใจของเขา เขากำลังเยาะเย้ยหลี่ฟู่เฉินว่าโง่มากจนไม่ยอมรับโอกาสดีๆ เช่นนี้
ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูเองก็รู้สึกเสียใจกับหลี่ฟู่เฉินเช่นกัน งานเลี้ยงน้ำชาฝยใบไม้เป็นเหตุการณ์ที่มีประวัติยาวนาน ย้อนหลังไปกว่าศตวรรษที่แล้ว บุคคลทั้งหมดที่ยังไม่ล่วงลับนั้นอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ และหลายคนก็เป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเช่นกัน
มีข่าวลือว่างานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ได้รับการสนับสนุนจากศาลาฝนใบไม้ สมาชิกของศาลาฝนใบไม้ทั้งหมดไปประกอบด้วยเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ทั้งหมดและเจ้าภาพบางส่วนก็เป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
ถ้าหลี่ฟู่เฉินได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ เช่นนั้นเขาก็จะสามารถเข้าไปในศาลาฝนใบไม้ได้โดยธรรมชาติ ถ้าเกิดเหตุขึ้น ภูมิหลังของเขาก็จะไม่ได้มีเพียงแค่นิกายวารีครามอีกต่อไป แต่เขายังเป็นสมาชิกของศาลาฝนใบไม้ด้วยเช่นกัน
แต่ทุกคนรู้ดีว่าอัจฉริยะอย่างหลี่ฟู่เฉินล้วนคล้ายกับหมาป่าเดียวดาย พวกเขาอาจดูเหมือนเป็นมิตร แต่จริงๆ แล้วพวกเขามีความมุ่งมั่นแน่วแน่และเมื่อได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้มันก็สายเกินไปที่จะเสียใจแล้วเช่นกัน
เมื่องานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันออกไป
“หลี่ฟู่เฉิน ข้าและน้องสาววางแผนที่จะกลับไปยังนิกายไร้กังวล หากเรามีโอกาสในอนาคต เราจะได้บกันอีกครั้งแน่” ฟ่านเฉียนวงอำลาหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “เราจะได้พบกันอีกแน่นอน ขอให้เจ้าทั้งสองคนเดินทางอย่างราบรื่น”
ในขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินได้ปฏิบัติต่อฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูในฐานะเพื่อนแล้ว
เมื่อฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูจากไป หลี่ฟู่เฉินก็มีร่องรอยแห่งความเหงาเกิดขึ้นอยู่ในใจ
แต่พอไม่นานร่องรอยแห่งความเหงาก็จางหายไป
ถนนเต๋าแห่งการต่อสู้เป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยวและเงียบเหงา
เป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ที่แท้จริง หากไม่แม้แต่จะอดทนต่อความโดดเดี่ยวเช่นนี้ได้
ด้วยความระมัดระวัง หลี่ฟู่เฉินไม่ได้กลับไปที่เมืองฝนใบไม้หลังจากลงจากภูเขาฝนใบไม้ได้แล้ว
การตกตายของหลี่หวูเซี่ยจะไม่ถูกตัดสินโดยเขาไม่ต้องรับผลกระทบใดๆ แน่นอน หมายจับอาจถูกยกเลิกไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่คิดว่านิกายสวรรค์ปีศาจจะไว้ชีวิตเขา หากเขากลับไปที่เมืองฝนใบไม้ เขาอาจจะพบผู้เชี่ยวชาญของนิกายสวรรค์ปีศาจเอาได้ และนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาถึงมัน
แคว้นร้อยเทพยุทธ์มีขนาดใหญ่มากและหลังจากหลีกเลี่ยงเมืองฝนใบไม้ไปแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็ผ่านเมืองไปเรื่อยๆ
คราวนี้ เขาปลอมตัวให้ดูเหมือนเด็กอายุ 25 หรือ 26 ปีพิเศษเป็นพิเศษ ใบหน้านี้ของเขาแม้จะดูมีความรู้และใสซื่อ แต่ก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกมากมายที่ดูแตกต่างจากใบหน้าดั้งเดิมของเขา
ตอนนี้ แม้แต่กระทั้งฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูก็ไม่สามารถจดจำหลี่ฟู่เฉินในรูปลักษณ์ของเขาเช่นนี้ได้
รูปร่างและสภาวะพลังฉีของเขาอาจเปิดเผยตัวตนเขาได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดีและคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาจะได้พบหน้าคุ้นตาเร็วขนาดนั้น
สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือหลังจากที่เขาออกจากเมืองฝนใบไม้ไปได้ไม่นาน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากนิกายสวรรค์ปีศาจก็มาถึงเมือง
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดจากนิกายสวรรค์ปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นขอบเขตสวรรค์
น่าเสียดายที่หลี่ฟู่เฉินได้ออกจากเมืองฝนใบไม้ไปเป็นเวลานานแล้ว ด้วยเหตุนี้คนเหล่านี้จึงไม่สามารถหาเขาเจอได้
***
เมืองเมฆเขียว
โรงแรมเมฆเขียว
โรงแรมแห่งนี้สูงถึงเก้าชั้นและเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเมฆเขียว
บรรดาอัจฉริยะจากนิกายต่างๆ มักชอบรับประทานอาหารที่โรงแรมเมฆเขียวทุกครั้งที่พวกเขาไปเยือนเมืองเมฆเขียว นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาโต้ตอบและสังเกตความมหัศจรรย์อื่นๆ จากนิกายต่างๆ
บนชั้นห้าของโรงแรมเมฆเขียว หลี่ฟู่เฉินพบที่นั่งริมหน้าต่างและปักหลักลง
เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟ หลี่ฟู่เจินกินและดื่มอย่างมีอารยธรรม
“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ว่าเซียวโจวชวงจากตระกูลตวนหลินได้ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับแล้ว? เขาได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ”
“ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า? ให้ตายเถอะ เป็นเรื่องที่น่ายกย่องจริงๆ ที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับได้ตั้งแต่ครั้งแรกและมีโอกาสได้เข้าไปเป็นศิษย์ของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ เขาต้องไม่ใช่มนุษยธรรมเป็นแน่ ถึงสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าไปได้”
“เซียวโจวชวงผู้นี้คู่ควรกับการเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ คุณภาพของเขาอาจด้อยกว่าโครงกระดูก 6 ดาวเล็กน้อย แต่การรับรู้ของเขานั้นเท่ากันหรือเหนือกว่าพวกเขา ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจเช่นการผ่านเข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า”
“เซียหวงช่วงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเรา เราควรพูดถึงคนอื่นดีกว่า!”
“ถูกต้องการพูดถึง เซียหัวช่วงเป็นการบั่นทอนกำลังใจเกินไป”
บนที่นั่งริมหน้าต่างอีกด้าน เด็กวัยรุ่นสองสามคนกำลังดื่มเหล้า
“เซียวโจวชวงจากตระกูลตวนหลิน?” หลี่ฟู่เฉินนึกถึงเกี่ยวกับเซียวโจวชวง
ถ้าเขาเดาไม่ผิด ไม่ว่าจะเซียวโจวชวงหรือเซียวโจวชือ พวกเขาทั้งสองเป็นโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์จากตระกูลตวนหลิน ซึ่งหมายความว่าแม้แต่กระทั้งเซียวโจวชือก็ด้อยกว่าเซียวโจวชวงเล็กน้อย ความแตกต่างของเขาเองก็จะไม่มากไปกว่านี้นัก หากหลี่ฟู่เฉินต้องพยายามในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ เขาควรจะสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่วี่ได้เป็นอย่างน้อย
สำหรับตัวเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเอง มันก็เป็นเหมือนกับเขตแดนเส้นทางดวงดาว
ภายในเขตแดนเร้นลับนี้ มีประตูเทพยุทธ์เร้นลับอยู่แปดบานและผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอยู่แปดคน
ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งแปดคนเป็นนักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดที่มีความสามารถอันน่าทึ่ง และแต่ละคนก็เชี่ยวชาญในทักษะบางแขนงต่างกันออกไป
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels