Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 248
บทที่ 248
สร้างท่าสังหาร
กระบี่ของเหอเหลียนเป่านั้นรวดเร็วมาก ส่งผลทำให้แสงกระบี่ดูรากับชิ้นกระจกที่แตกออกซึ่งกระจายไปทางเฉินหยวนหู
ดาบของเฉินหยวนหู่ก็มีแรงกดดันสะกดข่มเช่นกัน ในขณะที่สภาวะพลังฉีของเขานั้นดูดุร้ายมาก ราวกับเสือที่คำรามขึ้นฟ้า
หลังจากแลกเปลี่ยนกันไปกว่าร้อนกระวนท่า ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงก้ำกึ่งและสูสีกันอยู่
“ฮ่าฮ่า! เฉินหยวนหู ดูเหมือนว่าการพัฒนาของเจ้าจะไม่เท่าข้า ในกระบวนท่าต่อไปเจ้าต้องพ่ายแพ้ข้าแน่!” เหอเหลียนเป่าเข้าใจรูปแบบการโจมตีของเฉินหยวนหู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แสงกระบี่ของเขาเองก็เต็มไปด้วยสภาวะกระบี่ที่ทรงพลัง ดุจดั่งเช่นมังกรสายฟ้าที่ขาวราวกับหิมะ ซึ่งฉายไปที่เฉินหยวนหู
เฉินหยวนหูคำรามหลงและปล่อยดาบออกไป แสงดาบของเขาไขว้กันคล้ายกรงเล็บและคมเขี้ยว เข้าไปพัวพันกับแสงกระบี่ของเหอเหลียงหูอย่างรุนแรง
“เหอเหลียนเป่า หนึ่งปีที่แล้วเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ข้า หนึ่งปีต่อมาข้าก็จะทำแบบเดียวกัน”
ในขณะที่เขากล่าว เขาก้าวไปข้างหน้าเป็นตอนนี้เองที่ริ้วของแสงดาบดุร้ายดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับเสือกำลังหิวโหยซึ่งเข้าไปตะครุบเหยื่อของมัน ได้พุ่งไปทางเหอเหลียนเป่า
“มังกรโหมตวัดผ่า!”
เหอเหลียนเปาปลดปล่อยท่าสังหารของเขาออกไป ซึ่งเป็นการผสมผสานของแสงกระบี่ที่น่าขนลุกสองแสง ซึ่งรอบๆ ของมันยื่นออกมาด้วยหนามแหลม ดูแล้วคล้ายกับมังกรยักษ์ที่โตตัววัยเข้าตวัดกรงเล็บและเขี้ยวของมัน
แคร็ก!
พื้นดินด้านล่างเป็นหลุมแนวยาว ขณะที่เศษหินบินไปทุกทิศทุกทาง
“พยัคฆ์ธาตุสังหาร!”
เฉินหยวนหูเองก็ปลดปล่อยท่าสังหารของเขาด้วยเช่นกัน
ท่าสังหารนี้ถูกตั้งตามชื่อของเขา
(หมายเหตุ TL: หยวนหูหมายถึงพยัคฆ์ธาตุ)
เมื่อทักษะดาบสังหารถูกใช้ออก สวรรค์และโลกเปลี่ยนสี ขณะที่เศษทรายและหินบินว่อน ทุกคนสามารถมองเห็นเงาเสือยักษ์ที่ปรากฏอยู่เหนือเฉินหยวนหูได้อย่างละเอียด
ครืน!
พื้นสั่นสะเทือนมากจนแม้แต่กระทั่งเหอเหลียนเป่าก็ถูกส่งตัวบินออกไป ขณะที่เขาออกมาอาเจียนเป็นเลือด
ในแง่ของความสามารถขั้นพื้นฐาน เหอเหลียนหูอยู่ในระดับเดียวกับเฉินหยวนหู แต่ในแง่ของท่าสังหาร เขาด้อยกว่ามาก
“เป็นท่าสังหารที่แข็งแกร่งยิ่ง”
ดวงตาหลายคู่สว่างขึ้น ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าอยู่อย่างเงียบๆ
ท่าสังหารของเหอเหลียนเปานั้นมีความแข็งแกร่งพอๆ กับหรันเฉียนฉิว แต่ท่าสังหารของเฉินหยวนหูนั้นเหนือกว่าหรันเฉียนฉิวอย่างเห็นได้ชัด
‘มีภูเขาย่อมมีภูเขาที่สูงกว่าเสมอ และบุคคลที่เก่งก็ย่อมมีคนที่เก่งกว่าเสมอ ข้าคิดว่านอกเหนือจากผู้จัดอันดับดารา 50 อันดับแรกแล้ว อันดับดาราคนอื่นๆ ที่ต้องการติดอันดับในการจัดอันดับดาราอีกครั้งอาจจะตกอยู่ในความเสี่ยง!’ หลี่ฟู่เฉินกำลังคิดอย่างลึกซึ้ง
เขตแดนเทพยุทธ์จะเปิดเพียงหนึ่งครั้งในทุกๆ สามเดือน และเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ยังมีเวลาอีกสองเดือนก่อนการเปิดครั้งต่อไป
หลี่ฟู่เฉินอาศัยอยู่ในเมืองเมฆสีเขียวและรับประทานอาหารอยู่ที่โรงเตี้ยมเมฆเขียว ในขณะที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอัจฉริยะจากนิกายต่างๆ
หลังจากฟังเสียงซุบซิบมากมาย หลี่ฟู่เฉินก็รู้เกี่ยวกับระดับความสามารถที่แตกต่างกันของอัจฉริยะต่างๆ
ในความคิดเห็นของทุกคน อันดับดาราสามอันดับแรกเป็นระดับหนึ่ง
สิบอันดับแรกเป็นระดับสอง
ยี่สิบอันดับแรกเป็นระดับสาม
ห้าสิบอันดับแรกระดับสี่
ส่วนที่เหลือเป็นระดับห้า
ความแตกต่างระหว่างระดับนั้นรุนแรงมากและมันก็ง่ายดายมาก ในการที่ระดับแรกที่จะสังหารระดับที่สองได้ในทันที เช่นเดียวกันกับระดับสองสังหารระดับสามได้ในทันที
แม้จะอยู่ในระดับเดียวกัน ก็มีความแตกต่างเช่นกัน ขณะที่หลี่ฟู่เฉินเห็นว่าอันดับดาราอันดับที่ 52 เอาชนะอันดับที่ 91 ของอันดับดาราได้ในการโจมตีครั้งเดียว
คนส่วนใหญ่มีความสามารถพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน แต่เมื่อเผยท่าสังหารออกมาแล้ว ผู้ชนะจะได้รับการตัดสิน
‘ท่าสังหาร… บางทีข้าอาจต้องค้นคว้าข้อมูลพวกมันสักหน่อย’
ทักษะดาบเพลิงปีศาจอาจทรงพลัง แต่การเข้าใจเจตจำนงของดาบเพลิงปีศาจนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน
หากเขาสามารถพัฒนากระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางได้ก่อน มันอาจจะสามารถช่วยเขาในการเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจได้
ลงมือทำทันทีที่เขามีความตั้งใจ หลี่ฟู่เฉินเริ่มพัฒนากระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางในทันที
ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางต้องได้รับแรงบันดาลใจจากทักษะดาบระดับลึกลับ
หลี่ฟู่เฉินได้ฝึกฝนวิชาดาบระดับลึกลับขั้นกลางทั้งหมดสามทักษะ ซึ่งก็มีทักษะดาบดาวตก ทักษะดาบเก้าโคจร และทักษะดาบโจรหลั่งไหล
ทักษะดาบทั้งสามนี้มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่เกี่ยวข้องกัน
ไม่กี่วันต่อมา หลี่ฟู่เฉินค่อยๆ มีสัญญาณเริ่มต้น และเขารู้สึกว่าการพัฒนาท่าสังหารเป็นงานที่น่าสนใจ
มันเหมือนกับการผลิตงานศิลปะและงานนี้ก็เป็นไปตามความประสงค์ของเขา ซึ่งเป็นการหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรูปแบบการต่อสู้ของเขาเอง
หลี่ฟู่เฉินยังคงทานอาหารอยู่ที่ชั้น 5 ของโรงเตี้ยมเมฆเขียว
ตุบ ตุบ ตุบ…
เสียงฝีเท้าดังมาจากทางบันได
สองร่างเดินผ่านชั้นห้าและกำลังเตรียมมุ่งหน้าไปชั้นหก
“อ๊ะ!”
หนึ่งในบุคคลผู้นั้นที่สังเกตเห็นหลี่ฟู่เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งเขากำลังที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง คนๆ นั้นรู้สึกประหลาดใจ
“ฮันชิตี๋ เป็นอะไรไป?” บุคคลอีกคนถาม
ฮังเฟิงกล่าวถาม “ซูชิเซียง สภาวะพลังฉีของคนผู้นี้ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เหมือนกับว่าข้าเคยเห็นเขาจากที่ไหนสักแห่ง?”
ซูเซียงหัวเราะออกมาเบาๆ “มีคนจำนวนมากที่มีสภาวะพลังฉีดูคุ้นเคย ไม่มีความหมายใดๆ ที่จะต้องรบกวนคนที่ไม่สำคัญเช่นนี้ มา ขึ้นไปกันเถอะ!”
“เช่นนั้นก็เอาเถอะ”
ฮันเฟิงพยักหน้าและเดินตามซูเซียงไปที่ชั้นหก
ขณะที่เขากำลังปีนขึ้นบันได เขามองไปที่หลี่ฟู่เฉินอีกครั้งในขณะที่พยายามนึกในความทรงจำ
สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าหลี่ฟู่เฉินต้องเกี่ยวข้องกันไม่อย่างใดก็อย่างนึง แต่อาจจะไม่ได้เผชิญหน้ากันในเร็ววันก็เท่านั้น
“นั่นคือเขา!”
หลังจากที่ฮังเฟิงขึ้นไปที่ชั้นหก หลี่ฟู่เฉินก็ขมวดคิ้ว
คนผู้นี้คือฮันเฟิงที่หลี่ฟู่เฉินเคยพบในเขตแดนเส้นทางดวงดาว หนึ่งในเจ็ดนภาของนิกายนภาดารา
“ดูเหมือนว่าเมืองเมฆเขียวแห่งนี้เป็นที่รวบรวมบุคคลสำคัญทั้งหมด การปลอมตัวง่ายๆ คงไม่ได้ได้ช่วยอะไรมากนัก” หลี่ฟู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น
การอำพรางตัวตนด้วยพลังฉีไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้ เขาสามารถปกปิดสภาวะพลังฉีของเขาได้ แต่เขาไม่สามารถทำได้ตลอดทั้งวัน หลังจากทั้งหมดแล้ว การปกปิดสภาวะพลังฉีก็เป็นความสามารถของจิตวิญญาณของเขา และมันก็ทำให้วิญญาณของเขาหมดไปมาก
“ลืมมันเถอะ ด้วยการบ่มเพาะในปัจจุบันของข้า ก็มีบางอย่างที่ข้าไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับมัน”
หลี่ฟู่เฉินมีความมั่นใจในตนเอง ในช่วงเวลานี้ เจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลางของเขามีความก้าวหน้าอย่างมาก พลังของทักษะดาบระดับลึกลับขั้นกลางทั้งสามนั้น แทบจะใกล้เข้าขั้นประณีต ซึ่งมันก็ได้เข้าใกล้กับทักษะดาบเพลิงปีศาจขั้นดีเลิศแล้ว
หลี่ฟู่เฉินจะมาทานอาหารที่โรงเตี้ยมเมฆเขียวทุกๆ สองสามวันเท่านั้น
เขาจะใช้เวลาที่เหลือในการพัฒนาท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลาง
***
หนึ่งเดือนก่อนการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ หลี่ฟู่เฉินได้พัฒนาจนวางเค้าโครงของท่าสังหารของเขาได้แล้ว
ท่าสังหารนี้เป็นการผสมผสานระหว่างลักษณะพิเศษของทักษะดาบดาวตกและทักษะดาบเก้าโคจร บรรจุเจตจำนแห่งดาบทั้งสองไว้ที่เดียววัน
ในลานบ้าน…
หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่อย่างเงียบๆ ในขณะที่ร่างกายของเขากำลังซึมซับเจตจำนงแห่งดาบดาวตกและดาบเก้าโคจร
หลังจากเวลานาน!
มีลมพัดอย่างรุนแรง
“ฆ่า!”
หลี่ฟู่เฉินลงมือ ด้วยแสงที่กระพริบ หลี่ฟู่เฉินเฉือนและแทงลงไปในกลางอากาศ
ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ…
กลางอากาศแสงดาบเจ็ดดวงพุ่งออกมาจากจุดๆ เดียว แต่ละจุดโจมตีจากมุมที่แตกต่างกันและมีพลังมหาศาล มีเพียงแค่ผลสะท้อนกลับซึ่งได้สร้างริ้วรอยบนพื้นผิวดิน
“ผสานความแข็งแกร่งในการระเบิดพลังของทักษะดาบดาวตก และความยืดหยุ่นของทักษะเก้าโคจร มันแค่อยู่ในขั้นตอนเริ่มพัฒนาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะดาบระดับลึกลับขั้นกลางแต่อย่างใด”
หลี่ฟู่เฉินพอใจกับท่าสังหารนี้
หลังจากนั้นอีกสัปดาห์หลี่ฟู่เฉินก็ผลักดันให้ท่าสังหารนี้ก้าวไปสู่ความสมบูรณ์แบบ
ด้วยดาบเล่มเดียวแสงดาบสิบแสงพุ่งออกมาจากจุดๆ เดียว แสงดาบแต่ละดวงมีพลังระเบิดมหาศาล พร้อมทั้งความยืดหยุ่น และยังมีพลังในการกระแทก
ในแง่ของความแข็งแกร่ง มันแข็งแกร่งกว่าทักษะดาบเพลิงปีศาจอยู่ราวๆ 30%
หลังจากทั้งหมดแล้ว มันก็มีทั้งเจตจำนงแห่งดาบดาวตกและดาบเก้าโคจร
‘ด้วยท่าสังหารนี้ ฉันต้องการเพียงแค่กระบวนท่าเดียว เพื่อเอาชนะคนที่อยู่ในระดับเดียวกับหรันเฉียนฉิว’ หลี่ฟู่เฉินกำลังทำการวิเคราะห์อยู่อย่างเงียบ ๆ
เมื่อเวลาผ่านไป เวลาในการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับก็ใกล้เข้ามามากขึ้น
ในวันนี้ หลี่ฟู่เฉินบังเอิญเห็นเซี่ยฮัวชือที่โรงเตี้ยมเมฆเขียว
เซียวโจวชืออาจไม่ได้รับการจัดอันดับในการจัดอันดับดารา แต่เป็นเพราะเขาอายุน้อยกว่า แต่เป็นเพราะเขาอายุน้อยกว่าเซี่ยฮัวช๋วนมาก กลับไปเมื่อตอนอยู่ในเส้นทางดวงดาวเซี่ยฮัวชืออยู่ในระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ เขามาถึงระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีแล้ว ความสามารถของเขาเหนือกว่าหรันเฉียนฉิวมาก หลักจากทั้งหมดแล้ว เขาก็เป็นโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์
หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง หลี่ฟู่เฉินเห็นชูมู่หยู
เห็นได้ชัดว่าชูมู่หยูได้เข้าไปในเขตแดนเส้นทางดวงดาวและเพิ่มการฝึกฝนของเธอจากระดับที่ 4 มาเป็นระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพี
แต่บุคคลทั้งสองนี้ไม่ได้สังเกตเห็นหลี่ฟู่เฉิน สาเหตุหลักมาจากการที่เขารักษาตัวตนให้ดูต่ำเข้าไว้ ส่วนฮันเฟิงที่มองเห็นหลี่ฟู่เฉินแล้วนั้น นั่นเป็นเพียงการพบกันโดยบังเอิญ
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels