Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 252
บทที่ 252
นายน้อยมังกร จื่อหยูเย่
ยิ่งการท่าสังหารนั้นทำให้ความสามารถในการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนผู้นั้น
พลังของท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางที่ด้อยกว่านั้น ก็จะใกล้เคียงกับทักษะดาบระดับลึกลับขั้นกลาง แต่มันยากที่จะป้องกันและรุนแรงกว่า
ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางที่เหนือกว่า ไม่เพียงแต่ยากที่จะป้องกันเท่านั้น มันยังมีอำนาจพลังการทำลายล้างที่สูงมากอีกด้วย ในบางครั้ง มันแทบจะใกล้เคียงกับทักษะดาบลึกลับขั้นสูง
แน่นอนว่า ยิ่งท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางแข็งแกร่งเท่าไหร่ การพัฒนาของมันก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
มันขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครเข้าใจเจตจำนงดาบระดับลึกลับขั้นกลางได้ในระดับใด
หากมีใครเข้าใจเจตจำนงดาบระดับลึกลับขั้นกลางธรรมดาๆ ก็จะสามารถสร้างท่าสังหารในระดับพลังที่ไม่สูงมากนักได้
หากมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเจตนจำแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลาง เขาก็จะสร้างท่าสังหารที่มีพลังที่มากกว่าได้
และหากเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางขึ้นไปถึงขีดจำกัดสูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกับเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงได้ ท่าสังหารที่สร้างขึ้นได้ก็จะคล้ายกับทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงได้
แต่มีสถานการณ์อื่นอยู่อีก
ท่าสังหารอาจไม่ได้เพียงมีเจตจำนงแห่งดาบอันเดียว แต่อาจมีดาบเจตจำนงถึงสองหรือสาม
ยกตัวอย่างเช่นดาบของหลี่ฟู่เฉิน ซึ่งบรรจุเจตจำนงแห่งดาบดาวตกและเจตจำนงแห่งดาบเก้าโคจรเอาไว้
ท่าสังหารที่ใช้เจตจำนงแห่งดาบสองรูปแบบจะมีความสามารถหลากหลายขึ้นมาก และยากที่จะป้องกัน ในอีกแง่นึง พลังโจมตีของมันอาจแข็งแกร่งมากขึ้น
ตามทฤษฎีแล้ว หากมีเจตจำนงแห่งดาบมากๆ เข้า และมาสร้างท่าสังหารโดยเฉพาะ มันจะส่งผลให้ท่าสังหารขึ้นไปสู่ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง หรือทำให้มีพลังมากขึ้น
แต่มันเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น และยังไม่มีใครที่ยังบรรลุเป้าหมายนี้
เนื่องจากการผสมผสานของเจตจำนงแห่งดาบนั้นยากเกินกว่าจะควบคุมได้
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ มันอาจจะราบรื่นเหมือนกรณีของหลี่ฟู่เฉิน แต่เมื่อท่าสังหารค่อยๆเคลื่อนไปสู่ความสมบูรณ์แบบและมีพลังมากขึ้น สิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างเจตจำนงแห่งดาบแต่ละอันจะมีความโดดเด่นแบบแย่งชิงกัน จนไม่มีทางที่จะผสานเข้ากันได้
ถ้าเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อตอนที่เขาเพิ่งจะบรรลุมันมา งั้นแล้วตอนนี้ เจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางของเขาก็คงอยู่ในช่วงที่ประเมินไม่ได้ หากมันไม่ได้เกิดจากการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาก็คงไม่สามารถใส่เจตจำนงทั้งสองลงไปในท่าสังหารได้
เมื่อตอนที่วันนั้นมาถึง เมื่อเจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลางถึงขีดจำกัด มันอาจจะลำบากสำหรับอยู่บ้าง
แต่สวรรค์ไม่เคยกีดขวางเส้นทางของใคร ด้วยเจตจำนงแห่งดาบที่แตกต่างผสมผสานกัน และด้วยการรับรู้ที่เหนือกว่า จริงๆ แล้วเจตจำนงแห่งดาบทั้งสองสามารถมีทางที่ผสานเข้ากันได้อย่างสมบรูณ์
แค่เราต้องละทิ้งส่วนของเจตจำนงแห่งดาบที่ไม่สามารถประสานกันและกันได้ กลับกันแค่ผสมผสานสิ่งที่เป็นไปได้ลงไปแทน มันก็จะบรรลุการผสานได้อย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่าตอนพูดง่ายกว่าทำ
เมื่อเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางทั้งสองถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบรูณ์ แน่นอนว่ามันจะเป็นเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงที่ทรงพลังอย่างมาก มันอาจจะแม้แต่กระทั้งเป็นระดับลึกลับขั้นสูงสุด ดังนั้นความยากลำบากจึงค่อนข้างมาก
หลี่ฟู่เฉิน ไม่ได้นึกถึงเรื่องดังกล่าวในเวลานี้ ในมุมมองของเขา ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจได้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าใจถึงความสามารถของมัน สำหรับการผสานนเจตจำนงแห่งดาบ นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจได้แล้ว
***
เมื่อดาบหมาป่าสังหารถูกใช้ออก พื้นที่ที่หลี่เซียงหรูยืนอยู่นั้นก็เต็มไปด้วยกระแสพลังฉีที่รุนแรง นี่เป็นท่าสังหารที่ทำความเสียหายเป็นวงกว้างและยากที่จะหลบเลี่ยง
“สิบดาบสังหาร!”
ดวงตาของหลี่เซียงหรูหรี่ลงในขณะที่เขาใช้ท่าสังหารครั้งที่สองออกไป
บูม!
คลื่นพลังฉีไหลกลับด้าน ขณะเจตจำนงแห่งดาบและพลังฉีไหลอยู่รอบตัวหลี่เซียงหรู ซึ่งมันทั้งดูกว้างใหญ่และโอ่อ่า ได้เริ่มโจมตีลู่หยุนราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยว
หากท่าสังหารร้อยดาบสังหารมีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยรูปแบบต่างๆ เช่นนั้นแล้วสิบดาบสังหารก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถผ่านไปได้ ในขณะที่จำนวนมันลดลง แต่สภาวะพลังฉีแห่งดาบกลับไม่ได้ลดลง กลับกันมันเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัว
ครืน!
มีเสียงสะท้อนดังลั่น ราวกับสวรรค์และโลกเกิดระเบิดออก ส่งผลทำให้ลู่หยุนและหลี่เซียงหรูต่างต้องกระเด็นถอยกลับไป
ระหว่างนั้น ที่พื้นมีรอยแตกและรอบแยกนับพันรอย ราวกับนักสู้ขอบเขตปฐพีจำนวนนับไม่ถ้วนเคยต่อสู้ที่นี่ และได้ทิ้งร่องรอยหลงเหลือเอาไว้
“พลังน่ากลัวอะไรเช่นนี้ นี่คงเกิดจากการสร้างท่าสังหารได้สองท่า”
“ลู่หยุนคู่ควรกับการเป็นอันดับดารา อันดับที่ 72 ของเขา มันไม่ได้เป็นสิ่งที่อันดับดารา อันดับล่างสุดจะมาเปรียบเทียบได้”
“ดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของลู่หยุนได้อย่างแท้จริง”
เหล่าผู้ชมต่างพากันตกใจ
การสร้างท่ากระบวนท่าสังหารไม่ใช่เรื่องง่าย การสร้างกระบวนท่าสังหารเพียงครั้งแรกนั้นก็ยากอยู่แล้ว และต้องใช้เวลานานมากสำหรับการทำให้มันสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องบอกว่าต้องใช้พลังงานมากแค่ไหนในการสร้างท่าสังหารครั้งที่สอง ซึ่งมันต้องน่ากลัวยิ่งกว่าการสร้างท่าสังหารครั้งแรกเป็นแน่
สรุปแล้ว การสร้างกระบวนท่าสังหารต้องสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ไม่ใช่แค่สร้างกระบวนท่าสังหารแบบมั่วๆ ที่ใครก็สามารถสร้างได้ออกมา
เนื่องจากท่าสังหารของพวกเขายังคงอยู่ ทั้งสองคนจึงเริ่มต่อสู้ในการระยะประชิด
ในฐานะผู้ที่มีชื่อถูกจัดอันดับดาราที่รู้จักกันดี ดาบของลู่หยุนเปรียบเสมือนเมฆที่เคลื่อนไหวอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ
ในขณะที่ดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูนั้นเน้นไปที่ความแม่นยำ แม่นยำมากจนทำให้รู้สึกเย็นวาบไปทั่วบริเวณหนังศรีษะ
เช้ง เช้ง เช้ง…
เมื่อคมดาบของพวกเขาเสียดสีกัน ก็เกิดประกายไฟกระจายออกไปในทุกพื้นที่ ในขณะที่ร่างกายของทั้งสองและดาบของพวกเขาตัดกันไปทางซ้ายและขวาจากนั้นขึ้นและลง ที่เวทีนี้ มันยากที่จะสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยของการต่อสู้ แต่ทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เหนือกว่ากัน
“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถดูถูกใครได้เลย”
ด้วยความตระหนักในการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงของหลี่ฟู่เฉิน เขาจึงสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยในการต่อสู้ของพวกเขาได้ แม้แต่กระทั้งรายละเอียดบางอย่างที่นักสู้ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ก็ยังอยู่ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน
ในสายตาของเขา ดาบของลู่หยุนดูเหมือนจะมีวิญญาณสถิตอยู่ มันอาจดูเบาบาง และล่องลอย ไม่มีอำนาจพลังใดๆ แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับมีพลังกำลังแข็งแกร่งที่ประหลาดใจไหลออกมา
ในขณะที่ดาบของหลี่เซียงหรูนั้นมีความแม่นยำอย่างเหนือจินตนาการ และสามารถโจมตีเข้าไปได้แม้แต่กระทั่งจุดอ่อนที่เล็กที่สุด
ทักษะการต่อสู้ของบุคคลทั้งสองนี้ยอดเยี่ยมมาก และเมื่อดูที่ปัจจัยนี้เพียงอย่างเดียว มันก็น่าตกใจมากพอแล้ว
100 กระบวนท่า 200 กระบวนท่า…
การต่อสู้ระหว่างพวกเขาสองคนเป็นเหมือนไฟป่า ไม่มีสัญญาณของความเหนื่อยล้าใดๆ ออกมาจากพวกเขา
‘โอกาสที่จะชนะของหลี่เซียงหรูนั้นสูงกว่าเล็กน้อย เขาเหนือกว่าในแง่ของการสังเกตรายละเอียด’ หลี่ฟู่เฉินกล่าวกับตัวเอง
“น่าสนใจ ดูเหมือนว่าจะมีบุคคลที่มีความสามารถบางคนจากนิกายดาบธารเมฆาและนิกายวารีครามต่อสู้กัน”
โดยที่ไม่รู้ตัวว่า มีเยาวชนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในดินแดนที่ว่างเปล่าอันห่างไกล
เยาวชนกลุ่มนี้สวมเสื้อคลุมยาวสีทองซีดซึ่งมีลายมังกรปักอยู่
หัวหน้าของกลุ่มนี้มีมงกุฎสีทองอยู่บนศีรษะซึ่งส่งเสริมให้ใบหน้าของเขาให้มีชีวิตชีวา ที่ด้านซ้ายเอวของเขามีดาบ ในขณะที่มีขลุ่ยอยู่ทางขวา เมื่อเขายิ้ม มีสภาวะพลังฉีที่ชัดเจนเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ดังเช่นว่าเขาเป็นราชาแห่งดาบ
“มันเป็นคนจากนิกายดาบมังกรฟ้า”
“นิกายดาบมังกรฟ้าเป็นหนึ่งในสองนิกายที่เน้นดาบเป็นหลักในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก หัวหน้าของกลุ่มนั้นสมควรเป็นนายน้อยมังกร จื่อหยูเย่”
มีคนสังเกตเห็นพวก และขณะที่พวกเขามองข้ามไป พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
นิกายดายมังกรฟ้าเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นยอดในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก และยังเป็นหนึ่งในสองนิกายดาบหลัก
เมื่อเปรียบเทียบกับนิกายดาบธารเมฆาและนิกายวารีคราม พวกเขาเหนือกว่ามาก
นายน้อยมังกร จื่อหยูเย่ โครงกระดูกระดับ 6 ดาวและ เป็นนักดาบอัจฉริยะที่ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในรอบศตวรรษของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก เขาอยู่ในอันดับที่ 28 ของการจัดอันดับดารา และถ้าไม่ใช่เพราะอายุยังน้อย เขาจะสามารถก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรกได้อย่างแน่นอน
สำหรับการจัดอันดับดาราครั้งถัดไป เขาเป็นผู้สมัครที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงว่าเป็นสิบอันดับแรกถึงสามอันดับแรกแน่นอน
“จื่อหยูเย่มาทำอะไรที่นี่?”
“จะอะไรอีกหล่ะ? เขาคงอยู่ที่นี่ก็เพื่อเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ”
“ก็จริง ในการทดสอบในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ ไม่เพียงแต่ต้องมีศักยภาพโดยกำเนิดที่ดี เขาก็ต้องมีประสบการณ์ด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าจื่อหยูเย่คงจะไม่พอใจมราผ่านได้แค่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า เขาต้องอยากผ่านประตูบานที่หกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาช้าเช่นนี้”
“นั้นก็ถูก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์ส่วนตัวแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีลำดับชั้น จากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งแปดคน พวกเขาแต่ละคนเองก็มีคนลำดับที่เหนือกว่า มีข่าวลือว่าสุดยอดผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับสองคนยังไม่ได้รับศิษย์ส่วนตัว ในช่วงเวลาล่าสุด มีเพียงเซี่ยฮูชวนเท่านั้นที่ถูกรับเป็นศิษย์โดบผู้เชี่ยวชาฐเทพยุทธ์ลำดับที่ 4 ถ้าจื่อหยูเยสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้ เขาอาจจะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้สุดยอดผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับสองคนนั้น”
“เมฆพายุเข้าเข้ามาใกล้และปัญหาก็อยู่ข้างหน้า แคว้นร้อยเทพยุทธ์เป็นสถานที่ที่ไม่มีสันติภาพ ข้าสงสัยว่าการแข่งขันจัดอันดับดดาราครั้งต่อไปจะน่าตื่นเต้นขนาดไหน”
“เนื่องจากปรมาจารย์ที่แท้จริงทั้งหมดหายได้ไปจากทวีปยูนิคอร์นตะวันออกแล้ว ยุคนี้ความแข็งแกร่งจึงต้องเป็นที่สุด จากสิ่งนี้ มันจะก่อให้เกิดพายุเป็นแน่”
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels