Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 258
บทที่ 258
ชายที่โดดเด่นลืมตาขึ้น
“ระเบิด!”
ในพื้นที่เปลวเพลิง จื่อหยูเย่ตะโกนด้วยความโกรธขณะที่เขาเดินไปด้านหน้า
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายคำรามดังก้อง ขณะที่มังกรพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงซึ่งมีการปรากฏตัวที่สง่างาม
หลังจากนั้น ประตูแห่งเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเวลานี้เองที่จื่อหยูเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เขารู้สึกได้ถึงความยากของประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม และแม้แต่กระทั้งเขาก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้โดยบังเอิญ
ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ ก็ผ่านพื้นที่เปลวเพลิง
ชูมมู่หยูและเซี่ยฮีวชือเป็นพวกแรกที่ผ่าน
ตามมาโดยหลี่เซียงหรู และฮังเฟิง
เฉินหยวนหูและเซี่ยเฟิงสามารถงระเบิดพลังและสร้างได้เพียงงูหลามยักษ์เท่านั้น ฉะนั้นแล้วเขาจึงต้องจากไปอย่างน่าเสียดาย
ดังนั้นผู้ทดสอบยี่สิบกว่าคนจึงเหลือเพียงเก้าคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม
ในบรรดาพวกเขาศิษย์ของนิกายวารีครามสองคนก็คือ หลี่ฟู่เฉิน และหลี่เซียงหรู
หลังจากออกจากพื้นที่แห่งเปลวเพลิง จื่อหยูเย่ไม่เห็นหลี่ฟู่เฉิน
‘เขายังไม่ออกมาหรือ?’ จื่อเยว่พึมพำ
หลังจากยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นและรออยู่สักครู่ เมื่อจื่อหยูเย่ยังไม่เห็นหลี่ฟู่เฉินออกมา เขาจึงเดินหน้าไปยังประตูที่สี่
ประตูเวทย์เทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่คือโลกแห่งน้ำ
เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้ามา เขาก็ถูกห่อหุ่มด้วยน้ำทันที
ปลาตัวใหญ่ว่ายมาจากระยะไกล
หลังจากดูอย่างใกล้ชิด ใครก็ตามก็จะสังเกตได้ว่ามันไม่ใช่ปลาตัวใหญ่ แต่เป็นปลาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุล้ำค่า
ช่องท้องของปลาเปิดขึ้นและมีห้องควบคุมอยู่ภายใน
หลังจากเข้าสู่ช่องท้องของปลาแล้ว หลี่ฟู่เฉินสำรวจห้องควบคุม
ห้องควบคุมนั้นเรียบง่ายมากและนอกเหนือจากชิ้นส่วนที่เป็นคริสตัลใสแล้ว ก็มีเพียงพวงมาลัยนี้
หลี่ฟู่เฉินจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้างของเขาและหมุนเล็กน้อย ในขณะที่ปลาตัวใหญ่ก็หันไปตาม เมื่อเขากดมันลง ปลาตัวใหญ่ว่ายลง เมื่อเขาดึงมันขึ้นมา ปลาตัวใหญ่ก็จะลอยขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นหลี่ฟู่เฉินก็ลองถ่ายพลังฉีของเขาเข้าไป
วูสสสส!
ความเร็วของปลาตัวใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเร็วกว่าเมื่อก่อนถึงสิบเท่า
“ประตูนี้ทดสอบอะไร?” หลี่ฟู่เฉินไม่เข้าใจ
หากเป็นการทดสอบถ่ายพลังฉี เช่นนั้นเขาก็จะพ่ายแพ้ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเขาแน่นอน
สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับพวงมาลัยนี้
หลังจากปลาตัวใหญ่ว่ายไปได้สักครู่ ทันใดนั้นเอง มีจุดดำกลุ่มนึงปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า
หลังจากเข้าไปดูใกล้ๆ เขาได้ก็รู้ว่าจริงๆ แล้วจุดดำนั้นเป็นฝูงปลาที่กำลังว่ายอยู่
ฝูงปลานี้ว่ายเร็วมาก ขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน
“การทดสอบความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้!” หลี่ฟู่เฉินเข้าใจได้ในทันที
ความเร็วของปฏิกิริยาและการรับรู้เกี่ยวข้องกับการฝึกฝน แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก อย่างน้อย มันก็ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด
แน่นอนว่าถ้าหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงอัจฉริยะทั่วไปตอนนี้เขาก็คงจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็อยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพีและอัตราการเติบโตของความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้ของคนๆ หนึ่งนั้นก็น้อยเกินไป การรับรู้ของคนที่ที่ต่ำกว่าระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีจะมีแค่หนึ่งรอย ซึ่งมันแตกต่างอย่างมากจากระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพี และมันอยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับระดับที่ 8 และ 9 ของขอบเขตปฐพี
สำหรับประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับที่ 7 หรือ 8 ของขอบเขตปฐพีเพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
“ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ทดสอบความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้ ข้าสงสัยว่าเขาจะผ่านมันไปได้อย่างสบายใจหรือไหม”
“มันเสียเปรียบมากเกินไปสำหรับการอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี แต่ด้วยความสามารถของเขา มันไม่ควรเป็นปัญหา แต่เขาคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งหกคนต่างก็ให้ความสนใจกับหลี่ฟู่เฉิน
ผู้เชี่ยวชาญอีกสองคนให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
แต่เพียงไม่นาน ทั้งหกคนก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาคิดผิด ขณะที่ดวงตาของพวกเขาค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับความเหลือเชื่อ
ความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่ากลัวเกินไป
ฝูงปลาฝูงนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดและไม่อนุญาตให้มีสิ่งใดเคลื่อนที่ผ่านไปได้ หากอัจฉริยะทั่วไปต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จิตใจของพวกเขาอยู่ในสภาพว่างเปล่าและจะต้องตะลึง มีเพียงอัจฉริยะที่น่าเกรงขามเท่านั้นถึงจะสามารถสงบสติอารมณ์และหลบเลี่ยงมันราวกับว่าชีวิตของพวกเขาแขว้งอยู่บนเส้นด้าย เช่นนั้นพวกเขาจึงจะสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
แต่หลี่ฟู่เฉินสามารถควบคุมปลาตัวใหญ่ได้ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา ภายใต้การจัดการของหลี่ฟู่เฉิน ปลาตัวใหญ่ใช้ประโยชน์ได้จากทุกพื้นที่ มองหาช่องว่างที่จะเข้าไปในขณะที่เคลื่อนไหวอย่างราบรื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การได้เห็นหลี่ฟู่เฉินควบคุมปลาตัวใหญ่ก็เป็นเหมือนกับความเพลิดเพลิน
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหกคนหันไปมองคนอื่นๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ และสังเกตเห็นความแตกต่างทันที
คนอื่นๆ ทั้งหมดที่ควบคุมปลาตัวใหญ่ต่างก็กลัวมากและไปอยู่ขอบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เกรงว่าอาจชนเข้ากับฝูงปลา
แต่หลี่ฟู่เฉินทำตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“การรับรู้ของเขาเหลือเชื่อขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมเผยแววตาที่เปล่งประกาย
โดยธรรมชาติแล้วเขาสามารถเห็นได้ว่าความเร็วในปฏิกิริยาของหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงปัจจัยรอง ในขณะที่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือความตระหนักรู้ของเขา ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องทำอะไร
“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ก็ยังไม่ได้มีการรับรู้ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้!”
หลังจากที่ชายร่างสูงและแข็งแกร็งตกใจแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็น ‘ความเศร้าโศก’
เขายอมรับว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นที่อาจารบ์ให้กับหลี่ฟู่เฉิน และถ้าหลี่ฟู่เฉินอยู่ในมือของเขา มันจะเป็นการทำให้ความสามารถของเขาเป็นการเสียของไปโดยสิ้นเชิง
‘มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สองเท่านั้นที่สามารถสอนเขาได้!’ ชายร่างสูงและแข็งแกร็งคิดกับตัวเอง
ชายผู้โดดเด่นและผู้อาวุโสผมขาวล้วนมีความสามารถรอบด้านและไม่มีข้อบกพร่องมากนัก ในขณะที่ทั้งหกคนมีข้อบกพร่องบางประการ
“เด็กคนนี้เป็นข้อยกเว้น เมื่อเทียบกับการรับรู้ของเขา ความแรงในการระเบิดพลังของเขาก็ไม่นับว่าเป็นอะไร” มือของสาวงามวัยกลางคนวางอยู่บนหน้าผากของเธอ การรับรู้เป็นมือขวาของเธอ แต่พี่ใหญ่และพี่ชายคนที่สองทำได้ดีกว่าเธอมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอไม่มีทางสอนคุณลักษณะความแข็งแกร่งของการระเบิดพลังได้
เมื่อปลาตัวใหญ่ว่ายผ่านฝูงปลา ประตูลำธารก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า
โผล่ออกมาจากปลาตัวใหญ่ หลี่ฟู่เฉินเดินเข้าประตูลำธาร
***
นอกเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ…
“มีใครบางคนผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่และมันก็ไม่ใช่นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ ผู้ชายคนนั้นชื่อหลี่ฟู่เฉิน”
ที่เสาด้านซ้ายของประตูพระราชวัง มีประตูหินแปดประตูที่มีภาพว่างเปล่าซึ่งทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่ฟู่เฉินโผล่ออกมาจากประตูหินที่สี่และเข้าสู่ประตูหินที่ห้าอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตาทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล
นายน้อยดาบมังกรจื่อหยูเย่เป็นใคร? เขาเป็นหนึ่งในหกนายน้อยแห่งทวีปยูนิคอร์นตะวันออกและมีพรสวรรค์ชั้นยอด ผู้ที่ถูกอ้างว่ามีศักยภาพในระดับราชา ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงแค่ดาวรุ่งพุ่งแรงเท่านั้น
ในความเห็นของทุกคน หากมีใครเร็วกว่านายน้อยดาบมังกรจื่อหยูเย่ ก็ควรจะเป็นเทพธิดามู่หยู , ชูมู่หยู หรือไม่ก็โครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ เซี่ยฮัวชือ มันไม่ควรเป็นหลี่ฟู่เฉิน
“ดูเหมือนว่าเราจะตัดสินผิด คนๆ นี้มีศักยภาพโดยกำเนิดที่ทรงพลังจริงๆ”
ทุกคนรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้าของพวกเขา ขณะที่พวกเขาล้อเลียนหลี่ฟู่เฉินด้วยการประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปและมั่นใจมากเกินไป
ความจริงเช่นนี้มันเข้ามาตบหน้าพวกอย่างโหดเหี้ยม
“ฮึ่ม ก็แค่รอและดู เขาอาจจะไม่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าก็ได้ มีสถานการณ์เช่นนี้ในอดีต มีคนผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานสี่เป็นคนแรก แต่กลับติดอยู่ในประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า”
มีบางคนที่ไม่เต็มใจกับผลลัพธ์ที่เป็นเช่นนี้
“บ้าเอ้ย เขาผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ไปแล้ว” ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายสวรรค์ปีศาจดูไม่พอใจอย่างมาก
ยิ่งหลี่ฟู่เฉินผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับมากเท่าไหร่ ก็หมายถึงความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นสำหรับการที่เขาจะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัว
ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง เมื่อหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ นิกายสวรรค์ปีศาจจะต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมาอย่างรอบคอบว่าพวกเขาจะสัมผัสหลี่ฟู่เฉินดีหรือไม่
การฆ่าหลี่ฟู่เฉินเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การล่วงเกินผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับเป็นเรื่องใหญ่
ใครจะรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะบ้าคลั่งและสร้างหายนะที่นิกายสวรรค์ปีศาจหรือไม่ อย่างเช่นการสังหารนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั้งหมด…
***
เมื่อเข้าไปในประตูเทพยุทธ์เร้นลับที่ห้า โลกแห่งสายฟ้าฟาดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่ฟู่เฉิน
ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสายฟ้า ราวจะกับสายฟ้าฟาดผ่าลงมาจากเบื้องบน ถักทอกันเป็นตาข่าย
หลี่ฟู่เฉินยังคงยืนอยู่นิ่งๆ และสังเกตพื้นที่สายฟ้าฟาดอย่างระมัดระวัง
“สายฟ้าฟาดทั้งหมดนี้ดูเหมือนทักษะต่อสู้”
หลังจากสังเกตมานาน หลี่ฟู่เฉินได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ
การโจมตีด้วยสายฟ้าทุกครั้งดูเหมือนนักสู้ที่ใช้ท่าสังหาร บางอันช้า ในขณะบางอันเร็ว บางอันก็มีหลายรูปแบบ และบางอันก็ก้าวร้าว
ในช่วงเวลานี้เองผู้อาวุโสผมขาวในที่พำนักที่สองก็ลืมตาขึ้นและเริ่มสังเกตหลี่ฟู่เฉิน
ในขณะเดียวกัน ชายที่โดดเด่นในที่พำนักแรกก็ลืมตาขึ้นด้วยเช่นกัน