Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 260
บทที่ 260
การหวาดกลัวต่อชีวิตและความตาย
ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า อีกห้าคนที่เหลือก็ยังคงอยู่ในห้วงแห่งสายฟ้า
พวกเขาคือ จื่อหยูเย่ ชูมู่หยู เซี่ยฮีวชือ ฮันเฟิง และหลี่เซี่ยงหรู
คนที่เหลือล้วนล้มเหลว
หลังจากนั้นไม่นาน จื่อหยูเย่ ชูมู่หยู และเซี่ยฮัวชือต่างก็ผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่ห้า
ฮันเฟิงและหลี่เซียงหรูไม่สามารถสร้างทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นกลางได้ภายในเวลาที่กำหนดและหยุดอยู่ที่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่
“จื่อหยูเย่ ชูมู่หยู และเซี่ยฮัวชือผ่านไปหมดแล้ว นอกเหนือจากหลี่ฟู่เฉิน พวกเขาสี่คนก็ผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่ห้าได้ในครั้งนี้และสร้างสถิติใหม่”
“ก่อนหน้านี้ มีเพียงเซี่ยฮัวชวนเท่านั้นที่สามารถผ่านไปได้ เวลานี้อัตราการผ่านเท่ากับสี่เท่า นั้ดูเกินจริงมากไปนัก”
“นอกเหนือจากหลี่ฟู่เฉินแล้ว มันก็เป็นที่ยอมรับได้สำหรับการที่อีกสามคนจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าด้วยศักยภาพโดยกำเนิดของพวกเขา แต่ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้หรือไม่”
“ข้าเกรงว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้! จนถึงตอนนี้ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก”
“ถูกแล้ว ท่ามกลางสามราชาดารา มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกไปได้”
“ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกนั้นยากยิ่ง มารอดูกันเถอะ!”
ทุกคนสนทนากันอย่างดุเดือดอยู่ในโลกภายนอก
ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกเป็นพื้นที่คมวายุ
ใบมีดแห่งลมพัดเต็มพื้นที่ทั้งสวรรค์และโลก
ในบรรดาคมวายุเหล่านี้ มีบางส่วนที่มีความยาวมากกว่าหลายไมล์ ในขณะที่บางอันก็มีขนาดเล็กเท่าขนวัว
ปิสส!
หนึ่งในคมวายุเฉือนลงไปยังไหล่ของหลี่ฟู่เฉิน ซึ่งเลือดสดก็พุ่งออกมาทันที
“มันทำร้ายข้าได้จริงๆ ?” หลี่ฟู่เฉินตกใจ
พื้นที่ห้าพื้นที่ก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตาและไม่มีพลังทำลายใดๆ แต่คมวายุของพื้นที่ที่หกนี้สามารถสร้างความเสียหายให้แก่เขาได้ นอกจากนี้ ที่เขาโดนมันก็เป็นเพียงคมวายุที่เล็กเสียยิ่งกว่าเล็ก หากเป็นคมวายุที่ใหญ่กว่านี้ มันคงจะผ่าเขาออกเป็นสองท่อนได้
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ว่าประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกกำลังทดสอบอะไร
หากมันเป็นการทดสอบการป้องกัน เช่นนั้นแล้วมันก็ดูเกินจริงเกินไป มีคมวายุมากเกินไป และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์ เขาก็ไม่สามารถต้านทานพวกมันได้อยู่ดี
ปิส ปิส ปิส…
หลังจากสายลมพัดผ่าน หลี่ฟู่เฉินมีแผลยาวตัดลึกหลายรอยอยู่บนร่างกาย บาดแผลบางส่วนทะลุร่างของหลี่ฟู่เฉิน ในขณะที่เลือดสดพ่นออกมาอย่างรุนแรง
หลี่ฟู่เฉินหยิบโล่ระดับลึกลับออกมาและวางไว้ตรงหน้าเขา
ฉึบ!
โล่ระดับลึกลับถูกผ่าออกทันทีและกลายเป็นฝุ่นผง
พลังของคมวายุนั้นดูน่าเหลือเชื่อและดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์
“นี้ไม่เข้าท่าแล้ว”
หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว เขาต้องพึ่งพาตัวเองในประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกเท่านั้น และไม่สามารถใช้ของนอกกายได้
ปิสส!
แขนบินออก มันคือแขนซ้ายของหลี่ฟู่เฉิน ซึ่งถูกตัดขาดตั้งแต่หัวไหล่ลงไป ถูกตัดโดยคมวายุที่ยาวหลายสิบเมตร
สีหน้าของหลี่ฟู่เฉินดูซีดเซียว แต่เขาก็ยังคงพยายามหลบเลี่ยงต่อไป
ปิสส!
ฟ้าและดินเต็มไปด้วยลม และคมวายุก็มีอยู่ในทุกๆ ที่ ลมทั้งหมดอาจก่อตัวเป็นคมวายุได้ตลอดเวลา แม้ว่าการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินจะท้าทายสวรรค์ก็ตามที เขาก็ยังคงไม่สามารถหลบคมวายุได้ทั้งหมด ครั้งนี้ มันเป็นขาขวาของเขาที่ถูกตัดขาด
นี่ที่พำนักหลึงที่สอง ผู้อาวุโสผมขาวกล่าว “ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก ทดสอบจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ มันจะขึ้นอยู่กับการรู้แจ้งของเขาว่าเขาจะผ่านไปได้หรือไม่”
ในที่พำนักหลังที่สาม ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมกล่าวว่า “วิญญาณของแต่ละคนจะมีความเข้มแข็งแตกต่างกันไป ประตูนี้จะทดสอบทั้งจิตวิญญาณและทดสอบวิญญาณดั่งเดิมคนๆ นึง ซึ่งมันจะระเบิดออกมาหลังจากที่เข้าเผชิญหน้ากับความตาย”
วิญญาณมีความผันผวนอย่างมาก และมันก็จะส่งผลมากในแง่ความสามารถของคนๆ นึง
อย่างเช่น บางคนอาจมีจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ก็จะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
ในขณะที่ผู้ที่มีจิตวิญญาณที่อ่อนแออาจจะระเบิดจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย
ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกเป็นความลึกลับในลึกลับ มันทั้งยุติธรรมและไม่ยุติธรรมในเวลาเดียวกัน
โดยสรุปแล้วยิ่งจิตวิญญาณแข็งแกร่ง โอกาสที่จะผ่านก็ยิ่งสูงขึ้น แต่มันก็ไม่แน่นอน
“วิธีเต๋าแห่งการต่อสู้ธรรมดาแล้วย่อมเป็นการต่อต้านธรรมชาติ ซึ่งเกี่ยวกับการท้าทายสวรรค์ ผู้ที่มีใจไม่ยอมแพ้ต่อสวรรค์ ถึงจะสามารถผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่หกไปได้” ชายที่โดดเด่นซึ่งอยู่ในที่พำนักแรกกล่าวอย่างห้วนๆ
ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธืเร้นลับที่เหลือพยักหน้า
เมื่อแขนขาทั้งสี่ถูกตัดขาด จิตใจของหลี่ฟู่เฉินตื่นตัว เขาไม่มีแรงหลบคมวายุอีกต่อไป
คมวายุในพื้นที่นี้แต่เดิมแล้วมันย่อมเป็นภาพลวงตา แต่เขาแยกความแตกต่างไม่ได้ว่าอะไรจริงกับอะไรปลอม เพราะทุกอย่างนั้นเหนือจริงเกินไป
ตอนนี้จิตใจของเขาถูกครอบงำด้วยบางอย่าง นั่นก็คือการอดทน
เขาไม่รู้ว่าเขาจะอดทนไปเพื่ออะไร แต่เขาก็รู้อย่างเดียวว่าเขาต้องอดทน
เช่นเดียวกับวันที่เขาสูญเสียความสามารถ เขาไม่เคยไม่ยอมแพ้กับตัวเอง
หากเขายอมแพ้ในตอนนั้น เขาอาจจะไม่ได้พบกับเครื่องรางทองคำ
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ จื่อหยูเย่ก็มาถึงพื้นที่ของคมวายุ
ปิส ปิส!
มีรอยแผลสดสองแห่งบนร่างกายของเขา จื่อหยูเย่ตกตะลึง
“การทดสอบของประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกนี้คืออะไร?” จื่อหยูเย่กำลังตื่นตระหนก
ปิส ปิส ปิส ปิส ปิส…
เมื่อลมแรงพัดผ่านไป ขาทั้งสองข้างของจื่อหยูเขาก็ถูกตัด รอยตัดนั้นมันเฉือนขึ้นไปยังเป้ากางเกงของเขา ในขณะที่เขาคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
ทุกอย่างเหมือนจริงเกินไป ไม่มีจุดไหนที่บอกว่านี่เป็นเพียงแค่การหลอกลวง
“ข้าคือราชาแห่งดาบ ข้าจะยอมแพ้ไปได้อย่างไร!?”
คมวายุที่ยาวกว่าสิบเมตรเข้ามา ในขณะที่จื่อหยูเย่กำลังตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ฉึบ!
จื่อหยูเย่ถูกตัดเข้าที่เอว และเขาก็ดูน่าสังเวชมาก
ไม่นานหลังจากนั้น… ชูมู่หยูและเซี่ยฮัวชือก็มาถึงพื้นที่คมวายุเช่นกัน
พวกเขาสองคนประสบชะตากรรมคล้ายกัน
เมื่อเทียบกับเซี่ยฮัวชือแล้ว อาการที่ชูมู่หยูเป็นดีกว่ามาก
เซี่ยฮัวชือเป็นคนที่ต้องการลดความเสี่ยงและเขาก็ไม่เชี่ยวชาญในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเขาหวาดกลัวและหัวใจของเขากังวลเกี่ยวกับผลกำไรและการสูญเสีย
จิตใต้สำนึกของเขาบอกเขาว่านี่เป็นเพียงการทดสอบ แต่ร่างกายของเขาบอกเขาว่าทุกอย่างนี่เป็นเรื่องจริง
“เวรเอ้ย นี่เป็นการทดสอบแบบไหนกันแน่” ดวงตาของเซี่ยฮัวชือเป็นสีแดง
“หากคนอื่นทำได้ ข้าก็ทำได้!” ความคิดของชูมู่หยูนั้นเรียบง่ายกว่ามาก
หากไม่มีใครสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกไปได้ เธอก็คงจะไม่พยายาม แต่เนื่องจากมีคนผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกมาก่อน เธอจึงไม่เชื่อว่าตัวเองจะด้อยกว่าคนอื่น
ผู้อาวุโสผมขาวในที่พำนักหลังที่สองส่ายหัวและหัวเราะ “การทดสอบมันจะไปง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร? มันก็ไม่ได้ผลอยู่ดีถึงเจ้าจะอดทนแค่ไหน หากร่างกายของเจ้ากลายเป็นฝุ่นและความมุ่งมั่นของเจ้าเริ่มพร่ามัว ใครจะไปอดทนได้?”
“ก็อย่างที่พี่ใหญ่กล่าว เราต้องมีใจที่จะต่อต้านสวรรค์” ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมพยักหน้า
ปิสส!
ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินแตกสลายราวกับเป็นบุเยื่อกระดาษ และความมุ่งมั่นของเขาก็ยุ่งเหยิงไปหมด
ในขณะที่เขาเริ่มรู้สึกพร่าเรือน เขาก็เริ่มรู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นสายลมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่คมวายุ เขาไม่มีความคิดที่เป็นของตัวเองอีกต่อไปและเขาก็เหมือนจะแค่ล่องลอยไปมา
ลอยไปลอยมา!
พัดและพัดไปมา!
เวลารู้สึกราวกับว่ามันผ่านไปในพริบตา ในขณะเดียวก็รู้สึกคงอยู่ตลอดไป จิตวิญญาณเองก็เริ่มเลือนลางมากขึ้น
“อ๊ากก!”
ช่วงเวลาที่ร่างกายของเขากลายเป็นฝุ่น เซี่ยฮัวชือรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวัง
แต่ในช่วงเวลาถัดไป ร่างกายของเขาก็ฟื้นคืนรูปลักษณ์และเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกอย่างรวดเร็ว
“ความล้มเหลวครั้งแรก” ผู้เฒ่าผมขาวส่ายหัว
“คนผู้นี้ก็ไม่เลว ทำไมไม่ให้ข้าพาเขาไป!” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับต่ำกว่ากล่าว
ตราบเท่าที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าได้ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็จะถูกยอมรับเป็นศิษย์ส่วนตัว หลังจากทั้งหมดแล้ว ศิษย์ส่วนตัวก็หายากและพวกเขาก็ไม่ได้มีให้เลือกได้อย่างฟุ่มเฟือย ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ส่วนตัวเหล่านั้นก็อาจจะไม่สามารถเป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการได้
มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สองเท่านั้นที่จะปล่อยคนอื่นไปและไม่ยอมรับบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ เพราะความคาดหวังของพวกเขาสูงเกินไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชูมู่หยูไม่ได้ตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ความมุ่งมั่นของเธอกลับสลายไป หมายความว่าหัวใจของเธอที่จะต่อต้านสวรรค์ไม่แข็งแกร่งพอ
นอกจากนี้ เธอยังเด็กเกินไป เนื่องจากเธออายุใกล้เคียงกับหลี่ฟู่เฉิน เธอจึงไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากพอ
ถ้าเธอมีเวลาอีกสองสามปี เธออาจจะสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้
ชูมู่หยูล้มเหลว แต่เธอได้รับเลือกจากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์อันดับ 3
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับ 3 ชายผู้มีดวงตาสีอินทผลัมนานๆ ครั้งถึงจะรับศิษย์ส่วนตัว มันค่อนข้างน่ายกย่องที่ได้รับเลือกจากเขา
ตอนนี้ มีเพียงจื่อหยูเย่ และหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่ยังคงดิ้นรน ขณะที่พวกเขาวนเวียนไปมา
ติดตามก่อนใครได้ที่เพจ indynovels