Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 262
บทที่ 262
ประตูแห่งโลก
โดยไม่ลังเลใดๆ ร่างของหลี่ฟู่เฉินก็กระพริบและพุ่งเข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ด
ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ดถูกเรียกว่าประตูแห่งโลก
ประตูเทพยุทธ์เร้นลับทั้งแปดมีชื่อ
ประตูแรกเรียกว่าประตูบึง ประตูที่สองเรียกว่าประตูแห่งขุนเขา จากนั้นก็เป็นประตูแห่งไฟ ประตูแห่งน้ำ ประตูสายฟ้า ประตูแห่งลม ประตูแห่งโลก และประตูสวรรค์
ประตูแห่งโลกและประตูสวรรค์เป็นที่รู้จักกันในนามสองประตูแห่งสวรรค์และโลก
พื้นที่ภายในประตูแห่งโลกเป็นดินแดนที่กว้างขวางขนาดใหญ่ของแผ่นดินแม่
เมื่อยืนอยู่บนผืนดินนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าพลังงานไร้ขอบเขตกำลังลอยอยู่เหนือเขา ส่งผลทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆ แข็งขึ้น ในขณะที่ความคิดของเขาไม่ชัดเจนอีกต่อไป
ในพริบตา หลี่ฟู่เฉินก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานหินและกลายเป็นโครงสร้างหินที่ดูเหมือนจะถูกลมและหิมะบดบังเป็นเวลานาน
ในแปดที่พำนัก ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งแปดไม่สามารถมองเห็นภาพใดๆ ภายในประตูแห่งโลกได้
ประตูทั้งแปดอาจเรียกได้ว่าเป็นประตูเทพยุทธ์เร้นลับแปดประตู พวกเขาสามารถเห็นได้เพียงหกประตูเท่านั้น ประตูดินและสวรรค์เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถก้าวเข้ามาได้ และไม่ได้เป็นสถานที่ที่เหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆ สามารถเข้าไปได้
สามอัจฉริยะที่ผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่หกก่อนหน้านี้ ทั้งหมดอาศัยความอดทนเป็นเวลาพอสมควรก่อนที่จะผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่หก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ด บางทีในเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ คงมีเพียงหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าสู่ประตูแห่งโลก
“ข้าสงสัยว่าเขาจะได้รับประสบการณ์อะไรในประตูแห่งโลก?” ผู้เฒ่าผมขาวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ชายผู้โดดเด่นตอบว่า “ประตูเทพยุทธ์เร้นลับแปดประตูนั้นเลียนแบบมาจากเต๋าแห่งประตูทั้งแปด ซึ่งมีความลับของสวรรค์และโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองประตูแห่งสวรรค์และโลก ซึ่งมีขั้นเริ่มต้นของเต๋าแห่งสวรรค์และโลก ประตูเทพยุทธ์ทั้งแปดประตูอาจเป็นเพียงของเลียนแบบและอาจไม่มีสาระสำคัญถึงหนึ่งจากหมื่นเสียด้วยซ้ำ แต่ก็อย่าได้ประมาทมันไป จะต้องมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นในประตูแห่งโลกและชะตากรรมนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถสอดแนมดูได้”
ประตูแห่งเต๋ามีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น
ตำนานกล่าวไว้ว่าหากใครได้เห็นประตูแห่งเต๋า เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ห่างไกลจากการเป็นตำนานนัก
แน่นอน ตำนานเป็นเพียงตำนานและไม่มีใครรู้ว่าประตูแห่งเต๋ามีอยู่จริงหรือไม่
ช่วงเวลาที่หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นรูปปั้นหิน เขารู้สึกว่าความคิดของเขาเริ่มแข็งและเขาก็สูญเสียความสามารถในการคิดและความสามารถในการรู้สึกไปในทันที ไม่สำคัญว่าเขาจะมีจิตใจที่เข้มแข็งหรือมีความมุ่งมั่นมากแค่ไหน เพราะประตูแห่งโลกมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับของสวรรค์และโลก มันไม่เหมือนกับประตูหินหกบานแรก
สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือตอนที่เขากลายเป็นรูปปั้นหิน รูปแบบเต๋าก็ได้ขยายไปตามร่างของเขา
รูปแบบเต๋าเหล่านี้คล้ายกับรูปแบบของลวดลายและยังคล้ายกับเส้นทางการบ่มเพาะเทคนิค
การขยายรูปแบบนั้นช้ามากและใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะรามไปทั่วร่างกายของเขา
ในช่วงเวลานี้ สภาวะพลังฉีที่ลึกซึ้งและน่าเกรงขามถูกปล่อยออกมา ทำให้รู้สึกราวกับว่ารูปปั้นหินของหลี่ฟู่เฉินนั้นหนักกว่าภูเขาขนาดใหญ่ มันยิ่งใหญ่และทรงพลังยิ่งกว่าทะเลสาบ ดินแดนทั้งหมดนี้กำลังยึดเขาเป็นศูนย์กลางทั้งหมดของมัน
หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา แต่เครื่องรางทองคำรู้ได้อย่างชัดเจน มันค่อยๆ หมุนวน ปล่อยให้ลวดลายแกะสลักตัวเองภายในร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
เมื่อร่องรอยของกาลเวลาไหลผ่านไป จุดสีฟ้าเริ่มก่อตัวขึ้นบนรูปปั้นหิน
***
ในพื้นที่คมวายุ
เมื่อหมดเวลา ร่างกายของจื่อหยูเย่เริ่มควบแน่น
เมื่อจื่อหยูเย่ลืมตาขึ้น ร่างกายของเขาก็เกิดสภาวะพลังฉีที่หยิ่งผยองและเย่อหยิ่งอย่างไม่อาจพรรณนาได้
เขาผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกแล้ว
นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าสาวราชาดารา และในแง่ของศักยภาพโดยกำเนิด เขาอยู่ในจุดสุดยอดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
“ข้าน่าจะเป็นคนที่สี่ที่ผ่านประเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้ หลังจากออกไปผจญโลกภายนอกมาเป็นเวลาหนึ่งปี มันน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับข้าที่จะไปถึงจุดสูงสุด และขึ้นไปทัดเทียมกับสามราชาดาราได้” จื่อหยูเย่แสยะยิ้มและมองราวกับว่าตัวเองมีอำนาจสูงสุด
ประตูแห่งลมปรากฏขึ้นในขณะที่จื่อหยูเย่ก้าวเข้าไปในนั้น
เมื่อจื่อหยูเย่ปรากฏตัวอีกครั้ง เขาถูกเคลื่อนย้ายออกไปยังเส้นทางหลัก และอยู่ในลาดขนาดมหึมา
ลานแห่งนี้เป็นพื้นที่สำหรับรอ ที่ซึ่งทุกคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกก็อยู่ที่นี่
“จื่อหยูเย่ออกมาแล้ว”
“ไม่น่าแปลกใจ เขาคือนายน้อยดาบมังกร ดูจากลักษณะของเขาแล้ว เขาน่าจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้แล้ว”
“น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เซี่ยฮัวชือผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าและก็ได้รับการยอมรับในฐานะศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับที่สี่ จื่อหยูเย่อาจถูกเลือกตัวจากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธืเร้นลับคนที่สาม เขาอาจมีโอกาสที่จะถูกผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนที่สองเลือกด้วยซ้ำ”
“ครั้งนี้ ชูมู่หยูและเซี่ยฮัวชือได้ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า ข้าสงสัยว่าผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนไหนจะเลือกพวกเขาไป”
เมื่อมองไปที่จื่อหยูเย่ ทุกคนก็มองด้วยความชื่นชม
เมื่อเทียบกับจื่อหยูเย่ ชูมู่หยูและเซี่ยฮัวชือพวกเขาก็แค่พยายามเสี่ยงโชคแต่เพียงเท่านั้น
หากพวกเขาโชคดี พวกเขาอาจจะถูกนำตัวไปเป็นศิษย์ส่วนตัว ถ้าพวกเขามีโชคเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็อาจจะกลายเป็นศิษย์ในสายได้ แต่ถ้าพวกเขาโชคร้าย พวกเขาก็สามารถบอกลาการเป็นศิษย์ในสายไปได้เลย
เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ สำหรับการให้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับยอมรับลูกศิษย์ที่ไม่ได้ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ มีบางคนที่ถูกปฏิเสธ แม้ว่าพวกเขาจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม แต่ก็มีบางคนที่ถูกเลือกไป แม้ว่าพวกเขาจะผ่านเพียงประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามสิ่งที่คนๆ นึงแสดงออกมาระหว่างที่อยู่ในประตูเทพยุทธ์เร้นลับ
“เขาผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก?”
ชูมู่หยูและเซี่ยฮัวชือมองไปที่จื่อหยูเย่
หลังจากได้พบกับพื้นที่คมวายุ พวกเขาทั้งสองก็ได้รู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความยากลำบากในประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก
มันอยู่ในความคาดหวังของทุกคนสำหรับการที่นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ ผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่หก
มีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของจื่อหยูเย่ ในขณะที่เขายืดตัวตรง ในขณะที่ดวงตาของเขาระเบิดความแข็งแกร่งออกมา
“เขาอยู่ที่ไหน?”
จื่อหยูเย่มองไปรอบๆ และไม่เห็นหลี่ฟู่เฉิน
เมื่อเข้าไปในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ ตราบเท่าที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานแรกไปได้ คนผู้นั้นก็จะได้รับอนุญาตให้อยู่ชั่วคราว งั้นชัดเจนแล้วว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่มีวันถูกขับออกจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับแน่นอน
“เขายังไม่ออกมา?” จื่อหยูเย่ขมวดคิ้ว
เขารู้แล้วว่าเพื่อที่จะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกไปได้ เราจะต้องอดทนในช่วงเวลาหนึ่ง ตามเวลาที่ผ่านมานี้ หลี่ฟู่เฉินน่าจะยังคงต้องอยู่ในประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก พื้นที่คมวายุ
หลังจากนั้น หนึ่งชั่วโมงต่อมา การแสดงออกของจื่อหยูเย่ก็ดูไม่พอใจ
ยิ่งหลี่ฟู่เฉินใช้เวลานานขึ้นเท่าไหร นั่นก็หมายความว่าความน่าจะเป็นที่เขาจะผ่านประตูเทพยุทธืเร้นลับบานที่หกก็สูงขึ้น
มันเพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกไปคนเดียว และไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่สอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หลี่ฟู่เฉินเองก็เป็นนักดาบ
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง การแสดงออกของจื่อหยูเย่ก็มืดมนยิ่งขึ้น
เขาเป็นคนที่หยิ่งผยอง และหลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ได้ติดอันดับต้นๆ ในการจัดอันดับดารา ในสายตาของเขามีเพียงสามราชาดาราเท่านั้นที่สามารถปลุกระดมเจตจำนงต่อสู้ของเขาขึ้นมาได้
***
ในดินแดนอันกว้างขวางของประตูแห่งโลก…
แคร็ก!
รอยแตกปรากฏบนรูปปั้นหินของหลี่ฟู่เฉิน
ทันทีหลังจากนั้น ก็มีรอยแตกที่สองและที่สามตามมา…
ในช่วงเวลาหนึ่ง รูปปั้นหินก็เต็มไปด้วยรอยแตก เมื่อเศษหินหล่นลงมา มันก็จางหายไป
เมื่อเศษหินชิ้นสุดท้ายหลุดออกไป หลี่ฟู่เฉินก็ลืมตาขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่ฟู่เฉินอยากรู้อยากเห็นยิ่ง
เขายังคงมีสติอยู่บ้างเมื่อเขาอยู่ในพื้นที่คมวายุในประตูบานที่หก แต่เขาไม่ได้มีสติใดๆ ในพื้นที่พื้นดินแม่แห่งนี้เลย ราวกับว่าทั้งร่างของเขาจมดิ่งสู่ห้วงนิทราที่ลึกที่สุด
เมื่อหลี่ฟู่เฉินก้มศีรษะลง เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีลวดลายจางๆ บนผิวฝ่ามือของเขา
เขาเปิดเสื้อผ้าตรงหน้าอกและเห็นลวดลายบนหน้าอกด้วยเช่นกัน
“ลวดลาย?” หลี่ฟู่เฉินตกตะลึง
เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของความคล้ายคลึงกันของระหว่างรูปแบบลวดลาย(ที่มีในอาวุธ)จากลวดลายเหล่านี้ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเส้นทางการไหลโคจรของเทคนิค
“นี่อาจเป็นเทคนิคปรับแต่งร่างกายระดับปฐพีหรือไม่?”
เทคนิคปรับแต่งร่างกายระดับปฐพีนั้นลึกลับมากและจากบันทึกที่หลี่ฟู่เฉินอ่านในอดีต เทคนิคปรับแต่งร่างกายบางอย่างทำให้สามารถบังคับเนื้อได้ราวกับอาวุธ ซึ่งไม่สามารถทำลายได้ มันมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษและในเวลาเดียวกัน มันก็ก่อให้เกิดเจตจำนงเทคนิคปรับแต่งร่างกายของคนๆ หนึ่งได้
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงซึ่งกลั่นเกลาเทคนิคการปรับแต่งร่างกายระดับปฐพีได้จนถึงระดับสูงสุด เมื่อเขาต่อสู้กับนักสู้คนอื่นๆ ในขอบเขตเดียวกัน เขาเกือบจะอยู่ยงคงกระพันและไม่มีใครสามารถทำลายการป้องกันร่างกายของเขาได้
ติดตามก่อนใครได้ที่เพจ indynovels