Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 266
บทที่ 266
ท่าสังหารที่สอง
จากนี้ไป หลี่ฟู่เฉินต้องใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อสร้างท่าสังหาร
หากเขาถูกขอให้สร้างท่าสังหารก่อนหน้านี้ เขาก็คงทำได้เพียงแค่สร้างท่าสังหารใหม่ที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับท่าสังหารแรกที่เขาสร้างขึ้น แต่ในตอนนี้ ด้วยคำแนะนำจากชายที่โดดเด่น แนวทางในการสร้างท่าสังหารของเขาจึงกว้างขึ้นมาก เขาเองก็เริ่มสังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านั้นได้แล้ว
เช่นเดียวกับการควบคุมพลังฉี การมีความแข็งแกร่งของฐานราก และความรุนแรงในการระเบิดพลัง นอกเหนือจากนั้น เขาก็เริ่มใส่เจตจำนงแห่งจิตวิญญาณลงไปด้วยเช่นกัน เพื่อให้ท่าสังหารเต็มไปด้วยพลังฉีสังหาร
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าเจตจำนงแห่งงดาบระดับลึกลับขั้นกลางของเขากำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และกำลังเข้าใกล้เจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงอย่างช้าๆ
บนภูเขาลูกที่สอง…
ผู้อาวุโสผมขาวกำลังให้คำแนะนำบางอย่างแก่ จื่อหยูเย่ ในระหว่างสองสามวันนี้
การฝึกฝนของ จื่อหยูเย่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว แต่หลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสผมขาวแม้ว่าเขาจะไม่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังคงพัฒนาไปในทิศทางที่ต่างจากเดิม
“เต๋าแห่งดาบของข้าคือเต๋าแห่งดาบที่เผด็จการ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเต๋าแห่งดาบราชาของเจ้ามาก ข้าจะมอบคำกล่าวให้เจ้าซักประโยคสองสามประโยคเพื่อให้เจ้าสามารถนำมันไปพิจารณาได้ตลอดเวลา” ผู้เฒ่าผมขาวกล่าว “เต๋าแห่งดาบราชาเป็นเต๋าที่เกี่ยวกับการปกครอง ทุกอย่างต้องอยู่ในการควบคุมของเจ้า แม้แต่กระทั่งดาบในมือของเจ้าเองก็ตาม ดังนั้นแล้ว เจ้าต้องมีหัวใจราชาแห่งดาบ การกระทำของเจ้าอาจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ความคิดของเจ้าต้องเต็มไปด้วยคุณค่า เมื่อถึงวันที่เจ้าสามารถเชี่ยวชาญดาบในมือของเจ้าเช่นนั้นได้ ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบรูณ์”
“หัวใจราชาแห่งดาบ?” จื่อหยูเย่กำลังไตร่ตรองคำพูดเหล่านี้อย่างรอบคอบ
ผู้เฒ่าผมขาวกล่าวต่อว่า “โลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายนับไม่ถ้วน แต่บางคนก็ต้องดับสูญราวกับคนทั่วไป เป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจเส้นทางที่ต้องเดินต่อไป ศักยภาพโดยกำเนิดของคนๆหนึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่จะประสบความสำเร็จ และเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาไปได้ไกลโดยอาศัยศักยภาพที่มีมาแต่กำเนิด การมีจิตใจที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่แท้จริงได้”
ผู้อาวุโสผมขาวลอยออกไปหลังจากกล่าวจบ
ศักยภาพโดยกำเนิดของจื่อหยูเย่อาจไม่เพียงพอที่จะเป็นศิษย์หลักส่วนตัวของเขา แต่ตั้งแต่ที่เขาพาจื่อหยูเย่เข้ามาแล้ว เขาต้องให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่เขา นอกจากนี้ ภายในจิตใจของเขา เขาไม่คิดว่าศักยภาพโดยกำเนิดเป็นตัวแทนของทุกสิ่ง
หากศักยภาพโดยธรรมชาติเป็นตัวแทนของทุกสิ่ง เมื่อนั้นโลกนี้ก็คงจะน่าเบื่อยิ่ง
โชคชะตาจะเป็นแค่เรื่องตลก
“หัวใจราชาแห่งดาบ!”
ดวงตาของจื่อหยูเย่เต็มไปด้วยแสงแห่งราชา เขากำหมัดแน่นและคิด ‘ดาบของข้าต้องเหนือกว่าทุกสิ่งในโลกมนุษย์ ถึงจะคู่ควรกับหัวใจเต๋าแห่งดาบราชา’
บนภูเขาลูกที่สาม…
ชายผู้มีดวงตาอิทผลัมกำลังนำทางชูมู่หยู
ในความคิดของเขา ชูมู่หยูก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจื่อหยูเย่
สิ่งเดียวที่เธอขาดก็คืออายุและประสบการณ์
ถ้าชูมู่หยูมาพยายามที่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับช้าอีกซักสองสามปี มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก
เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับอาจเรียกได้ว่ายุติธรรม แต่ในความเป็นจริงสถานที่แห่งนี้มันไม่มีความยุติธรรมแต่อย่างใด
แต่ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมอย่างแท้จริง
เพราะบางครั้ง บางครั้งความยุติธรรมก็อาจจะแฝงความไม่ยุติธรรมเอาไว้
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนหลี่ฟู่เฉิน ที่มีความสำเร็จเช่นนี้เมื่ออายุยี่สิบปี
“ชูมู่หยูข้าอาจจะเป็นเพียงอันดับที่ 3 ของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ แต่ตราบใดที่ศักยภาพโดยกำเนิดของเจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า ข้าก็มั่นใจได้ว่าความเร็วในการก้าวหน้าของเจ้าจะไม่แพ้ใครเลย นอกเหนือเสียจากหลี่ฟู่เฉิน” ชายผู้มีดวงตาสีอิทผลัมกล่าวอย่างมั่นใจ
ความมั่นใจของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่เข้าใจในตัวชูมู่หยูแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้มีความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะต่อสู้อย่างลึกซึ้ง และสามารถเข้าใจหลายสิ่งได้ด้วยการแนะนำเพียงครั้งเดียว
“ขอบคุณท่านมาก ท่านอาจารย์ มู่หยูจะตั้งใจฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง”
ชูมู่หยูมั่นใจมากเกี่ยวกับการรับรู้ของเธอเอง เจตจำนง และการฝึกฝนของเธอในตอนนี้อาจเทียบไม่ได้กับจื่อหยูเย่ แต่การรับรู้ในด้านการต่อสู้ของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
***
สำหรับหลี่ฟู่เฉิน การสร้างกระบวนดาบถือว่าง่ายและยังดูท้าทายอีกด้วย
ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องการสร้างกระบวนดาบแบบไหน
เป็นท่าสังหารแบบธรรมดา หรือท่าสังหารที่น่ากลัว
เห็นได้ชัดว่าถ้าเขาสร้างท่าสังหารแบบปกติ มันจะเป็นการสร้างความน่าละอายใจให้กับอาจารย์ของเขา ดังนั้น ถ้าหลี่ฟู่เฉินต้องการสร้างท่าสังหาร มันก็ต้องเป็นการสังหารที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
พลังของท่าสังหารจะต้องมากกว่าท่าสังหารแรกของหลี่ฟู่เฉิน ‘ดาบหลั่งไหล’
นอกจากนี้ สำหรับท่าสังหารใหม่นี้ หลี่ฟู่เฉินไม่ได้วางแผนหลอมรวมเจตจำนงแห่งดาบสองเจตจำนงที่แตกต่างกัน
เจตจำนงเดียวก็เพียงพอแล้ว
เขาเลือกเจตจำนงดาบดาวตก
เจตจำนงดาบดาวตกเป็นเจตจำนงแห่งดาบที่มีพลังโจมตีสูง ตราบใดที่ความสามารถในการสร้างสรรค์ของหลี่ฟู่เฉินมีความสามารถเพียงพอ เขาก็สามารถสร้างท่าสังหารที่เหลือเชื่อได้ สร้างท่าสังหารที่เหนือกว่า ‘ดาบหลั่งไหล’ ออกมาได้
“ทำลาย!”
หลี่ฟู่เฉินถือกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาและมันเหวี่ยงใส่ก้อนหินขนาดใหญ่
ปิสสส!
ก่อนที่กิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาจะกระทบกับเป้าหมาย มันก็แตกกระจายตัวออกกลางอากาศ และสลายตัวไป
“ไม่ได้ผล การใช้พลังฉีและการระเบิดพลังของข้ายังไม่ไร้ที่ติ” หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว
เขากำหนดพลังของเขาไปยังขอบเขตพลังฉี แต่ก็ยังไม่สามารถฟาดฟันด้วยกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาได้
พลังของท่าสังหารนั้นน่ากลัวมาก ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ จึงอยู่ในระดับสูง
ความต้องการของชายที่โดดเด่นคือการใช้พลังฉีขอบเขตต้นกำเนิด ใช้ท่าสังหารด้วยกิ่งไม้แห้ง
หากหลี่ฟู่เฉินสามารถใช้ท่าสังหารได้สำเร็จ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ไม่เช่นนั้นแล้ว มันก็เป็นแค่ท่าสังหารที่มีข้อบกพร่อง
หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถใช้ท่าสังหารโดยใช้พลังในขอบเขตพลังฉีได้ แล้วนับประสาอะไรกับขอบเขตต้นกำเนิด
สำหรับเหตุผลนั้นง่ายมาก
หากไม่ได้รับการปรับแต่งพลังฉีอย่างเพียงพอ มันก็จะรั่วได้ง่าย และเมื่อมันรั่วออกไป มันก็จะทำให้กิ่งไม้เหี่ยวเฉาอันนั้นแตกออก
ยิ่งไปกว่านั้น ความแรงในการระเบิดพลังของเขาก็ไม่เพียงพอเช่นกัน
เมื่อชายที่โดดเด่นใช้กิ่งไม้เพื่อใช้ออกกระบวนท่า ความแข็งแกร่งในการระเบิดพลังของเขามีการระเบิดเป็นชั้นๆ และไม่ใช่แค่การระเบิดพลังออกอย่างไม่มีแบบแผนใดๆ
กิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาอาจยังคงแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่มันก็เกิดขึ้นในภายหลัง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
“ทำลาย!”
ใช้พลังของขอบเขตพลังฉี หลี่ฟู่เฉินกวัดแกว่งกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉา และพุ่งไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วและรุนแรง
ปั๊ง!
ก้อนหินขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่กิ่งไม้เหี่ยวเฉาเองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาต่อมาด้วยเช่นกัน
“ในที่สุดก็ทำได้แล้ว”
หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจออกมา
ในที่พำนักแรก ชายผู้โดดเด่นยิ้มออกมา เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงอากาศบริเวณนั้น
การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งเกินไป เขาสามารถบรรลุขั้นตอนนี้ได้โดยใช้เจตจำนงแห่งดาบในการระเบิดพลังมหาศาล
มีเจตจำนงดาบหลายล้านชนิด และบางชนิดก็ยากที่จะจัดการได้เช่นเจตจำนงแห่งดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉิน
หากเป็นเจตจำนงดาบที่ยืดหยุ่นหรือเป็นเจตจำนงแห่งดาบประเภทพลังหยิน มันก็จะจัดการง่ายกว่ามาก
อีกสามวันผ่านไป
หลี่ฟู่เฉินสามารถทำลายก้อนหินขนาดใหญ่ได้โดยที่กิ่งไม้เหี่ยวเฉาไม่ถูกทำลาย
“ต่อไปข้าจะเริ่มใช้มันในขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว”
พลังฉีในขอบเขตต้นกำเนิดโดดเด่นเกินไป และเมื่อใช้กับท่าสังหาร กิ่งไม้เหี่ยวเฉาก็จะระเบิดทันทีเมื่อเขาเคลื่อนไหว
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ขาดการรับรู้ สิ่งเดียวที่เขาขาดคือพื้นฐานเต๋าแห่งดาบและเวลาในการฝึกฝน
ด้วยคำแนะนำจากชายที่โดดเด่น พื้นฐานเต๋าแห่งดาบของหลี่ฟู่เฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อพื้นฐานเต๋าแห่งดาบของเขาเพิ่มขึ้น มันก็ง่ายขึ้นที่จะทำให้ท่าสังหารสมบูรณ์แบบ เพราะในทุกวันจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่อยู่เรื่อยๆ
ในวันนี้…
หลี่ฟู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ
กิ่งไม้เหี่ยวเฉาที่ดูธรรมดาในมือของหลี่ฟู่เฉิน มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยของพลังฉีรั่วไหลออกมาด้านนอกแต่อย่างใด
“ระเบิด!”
เมื่อกิ่งไม้เหี่ยวเฉาถูกตวัดออก ก็เกิดประกายเป็นภาพลวงตาในอากาศ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนมีพลังระเบิดที่น่าตกใจระเบิดออกมา
บูม!
ก้อนหินขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่กระทั้งผืนดินเองก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่กิ่งไม้เหี่ยวเฉาในมือของหลี่ฟู่เฉินยังคงสภาพสมบูรณ์
“ในที่สุดท่าสังหารที่สองก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว”
ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินมีประกายความร่าเริง
หลังจากใช้เวลาไปกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็สร้างท่าสังหารอันที่สองได้สำเร็จ
ท่าสังหารนี้รวดเร็ว รุนแรง และบ้าคลั่ง มุ่งเน้นให้เห็นถึงเจตจำนงดาบดาวตกได้ถึงที่สุด
สิ่งที่สำคัญก็คือท่าสังหารนี้ไม่ได้โจมตีบ้าคลั่งอย่างไร้ทิศทาง แต่เป็นการบ้าคลั่งอย่างมีทิศทาง
พลังถูกเก็บง่ำมากขึ้น และก็หนาแน่นมากยิ่งขึ้น
‘ข้าจะตั้งชื่อท่าสังหารท่าที่สองว่าดาบระเบิด!’ หลี่ฟู่เฉินคิดในใจ
ท่าสังหารท่าแรกมีชื่อว่าดาบหลั่งไหล ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินตั้งชื่อท่าสังหารท่าที่สองว่าดาบระเบิด