Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 267
บทที่ 267
การประลอง
“ไม่เลว ไม่เลว ท่าสังหารนี้โดดเด่นกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”
ชายผู้โดดเด่นปรากฏตัวขึ้นข้างหลังหลี่ฟู่เฉินจากที่ไหนสักที่
หลี่ฟู่เฉินหันกลับมาและป้องหมัด “ท่านอาจารย์”
ชายผู้โดดเด่นผงกศีรษะ “แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ต่อไป ข้าต้องการให้เจ้าสร้างท่าสังหารที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ มันคงไม่นับว่าเป็นอย่างไรหากมันแข็งแกร่งขึ้นแค่เพียงเล็กน้อย มันจะต้องมีแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยก็ครึ่งระดับ และต้องใกล้เคียงกับทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง”
‘แข็งแกร่งขึ้นครึ่งระดับ? ใกล้เคียงกับทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง?’ การแสดงออกของหลี่ฟู่เฉินเปลี่ยนไป
ท่าสังหารท่าแรกของเขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ อยู่แล้ว ซึ่งนับเป็นประมาณ 130% ของพลังโจมตีจากทักษะดาบเพลิงปีศาจ ท่าสังหารท่าที่สองของเขาแข็งแกร่งกว่าท่าสังหารท่าแรกราวๆ 30% ซึ่งเป็นประมาณ 170% ของทักษะดาบเพลิงปีศาจ ถ้าท่าสังหารที่สามแข็งแกร่งขึ้นครึ่งระดับ มันก็จะแข็งแกร่งกว่าท่าสังหารท่าที่สองอย่างน้อย 30% ซึ่งนั้นก็หมายความว่ามันจะมีพลังอย่างน้อยเป็นสองเท่าของทักษะดาบเพลิงปีศาจ
แน่นอนว่าทักษะดาบเพลิงปีศาจในปัจจุบันของเขายังไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจและอยู่ในขั้นดีเลิศแต่เพียงเท่านั้น
เมื่อเขาเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจแล้วนั้น ไม่ว่าท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็คงเทียบไม่ได้กับทักษะดาบเพลิงปีศาจ
เว้นก็แต่ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางของคนๆ นั้นจะสามารถก้าวข้ามไปสู่ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงได้
“ทำไม? เจ้าทำไม่ได้?” ชายที่โดดเด่นถาม
หลี่ฟู่เฉินตอบ “แน่นอนว่าข้าทำได้”
ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในพจณานุกรมของเขา
ตราบเท่าที่เขามีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจได้
“เป็นเรื่องดีที่หากเจ้าทำได้จริงๆ” ชายผู้โดดเด่นยิ้ม เขาต้องการรีดศักยภาพของหลี่ฟู่เฉินออกมาอย่างช้าๆ
จากสิ่งที่เขาเห็น ศักยภาพของหลี่ฟู่เฉินยังไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ ในความเป็นจริงแล้ว โดยพื้นฐานย่อมไม่มีใครที่สามารถใช้พลังศักยภาพได้อย่างเต็มที่ มันต้องผ่านการฝึกฝนมากมายและผ่านสถานการณ์ที่สิ้นหวังก่อนที่มันถึงจะเกิดขึ้นได้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ความสำเร็จมีความแตกต่างกันแม้กะดูกจะมีดาวระดับเดียวกันก็ตาม
‘เมื่อร่างท่าสังหารท่าที่สามได้แล้ว ข้าสมควรทดสอบมันกับเจตจำนงดาบโคจรหลั่งไหล’
หลี่ฟู่เฉินมีโครงร่างสำหรับท่าสังหารท่าที่สามแล้ว
ขณะเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินกำลังจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างท่าสังหารที่สาม ศิษย์ในสายบางคนที่อยู่ภายใต้ชายผู้โดดเด่นก็ไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป
“ผู้อาวุโสชิเซียง เฉินชิเซียงเชิญท่านไปสนทนาด้วย”
ในวันนี้ศิษย์ศิษย์ในสายมาที่ที่หลี่ฟู่เฉินกำลังฝึกวิชาดาบ
“แล้วอย่างไร?”
หลี่ฟู่เฉินรู้เกี่ยวกับเฉินชิเซียงที่ศิษย์คนนี้กล่าวถึง
บรรดาศิษย์ในสายภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรกส่วนใหญ่เป็นคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม แต่มีสองคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ เฉิงกวงเจี๋ย เฉิงกวงเจี๋ยผู้นี้เป็นศิษย์หลักอันดับ 1 จากนิกายดาบธารไพศาล แต่เขาก็อายุน้อยกว่าลู่หยุนเล็กน้อย ซึ่งเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 จากนิกายดาบธารเมฆา เขาอยู่ในอันดับที่ 60 ของการจัดอันดับดารา และมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม
“ทุกคนอยู่ภายใต้อาจารย์คนเดียวกัน และเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะดื่มกินและสนทนาด้วยกัน อาวุโสชิเซียงคงจะไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่!” คนผู้นี้ยิ้มแบบเสแสร้งและจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เจ้าไปก่อน ข้าจะตามไปทีหลัง”
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นการท้าทายของศิษย์ในสาย
สถานะของศิษย์ส่วนตัวและศิษย์ในสายเป็นเพียงคำบอกเล่าจากอาจารย์ของพวกเขาเท่านั้น
หากอาจารย์ต้องการให้เจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัว เจ้าก็จะได้เป็นศิษย์ส่วนตัว หากเขาต้องการให้เจ้าเป็นศิษย์ในสาย ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะต้องเป็นศิษย์ในสาย
หากเป็นหลี่ฟู่เฉินที่ได้เป็นศิษย์ในสาย เขาก็อาจไปท้าทายศิษย์ส่วนตัวคล้ายๆ กัน
มันมีความเป็นไปได้ที่อาจารย์จะนับถือเจ้ามากขึ้น หลังจากที่เอาชนะศิษย์ส่วนตัวได้ ซึ่งก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเจ้าจะกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวด้วยเช่นกัน
เมื่อหลี่ฟู่เฉินมาถึงจุดนัดพบมีลูกศิษย์ทั้งเก้าคนรออยู่แล้ว
ผู้นำของศิษย์ในสายก็เข้ามา คนผู้นี้มีรูปร่างที่ธรรมดา แต่มีกล้ามเนื้อมาก และเขาก็มีดวงตาที่ดูสง่างามมาก
เฉิงกวงเจี๋ย ศิษย์หลักอันดับ 1 ของนิกายดาบธารไพศาล อยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี เขาได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ในสายโดยผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรกเมื่อสิบเดือนก่อน
มีกฎในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ หลังจากที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ก็ต้องออกจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับและจะไม่ได้กลับมาอีก
มีเวลาเพียงไม่ถึงสองเดือนก่อนที่เฉิงกวงเจี๋ยจะจากไป
ก่อนที่เขาจะจากไปเขาต้องการเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรก เช่นนั้นแล้วเขาก็จะมีผู้สนับสนุนเมื่อตอนที่เขาอยู่ในโลกภายนอก เขาไม่พอใจเพียงที่ได้พึ่งพาเพียงแค่นิกายดาบธารไพศาล
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้ามาแล้ว”
เฉิงกวงเจี๋ยเรียกชื่อหลี่ฟู่เฉินโดยตรง และเขาก็ไม่ได้เรียก ผู้อาวุโสชิเซียงแต่อย่างใด
หลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ได้รังเกียจเช่นกัน เขาหาที่นั่งและนั่งลง
“ถ้ามีใครอยากจะท้าทายข้า ก็เข้ามาเถอะ! ไม่จำเป็นต้องซุ่มรออยู่รอบๆ พุ่มไม้” หลี่ฟู่เฉินไม่มีเวลามายุ่งกับคนเหล่านี้ ถ้าเขามีเวลาเหลือเฟือ เขาอยากจะใช้มันไปกับการสร้างท่าสังหารที่สามของเขามากกว่า
เฉิงกวงเจี๋ยหัวเราะ “แน่นอนว่าพวกเราจะแลกกระบวนท่ากันอย่างแน่นอน แต่ข้า เฉิงกวงเจี๋ย เป็นชายที่รู้เรื่องมารยาทพื้นฐาน มาดื่มกันก่อนเถอะ”
“ย่อมได้!”
ใช้เวลาไม่มากในการดื่มไวน์ด้วยเหตุนี้ หลี่ฟู่เฉินจึงยอมรับคำท้า
หลังจากดื่มไวน์ไปสามรอบ และด้วยฤทธิ์ของไวน์ จิตวิญญาณของความเจตนาสู้รบของทุกคนพุ่งสูงขึ้น
“ผู้อาวุโสชิเซียง ข้าหลางเทาอยากจะเห็นกระบวนท่าของท่าน” เด็กหนุ่มที่มีแขนขายาวโดดเด่นก้าวออกมา
“เอาเถอะ!” หลี่ฟู่เฉินลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน
เฉิงกวงเจี๋ยกล่าว “เพื่อความยุติธรรม ทุกคนจะต่อสู้กันภายในค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด”
สถานที่รวมตัวของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ธรรมดา ก็ในเมื่อมันมีค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดตั้งอยู่ข้างๆ
ค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดคือรูปแบบที่จำกัดพลังฝึกฝนของคนๆ หนึ่ง
ค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดนี้จะจำกัดการฝึกฝนของทุกคนให้อยู่ในขอบเขตพลังฉี เช่นนี้เอง พลังฝึกฝนของทุกคนจึงเหมือนกันหมด และพวกเขาก็สามารถจัดการกันและกันได้ด้วยแค่ทักษะต่อสู้แต่เพียงเท่านั้น
ในความเป็นจริง หากไม่มีค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด ทุกคนก็ยังสามารถควบคุมพลังฝึกฝนของตนเองได้ แต่ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยับยั้งพลังฝึกฝนของตัวเองได้อย่างแท้จริง และหากการยับยั้งทำได้ไม่ถูกต้อง อาจมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นได้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉิงกวงเจี๋ยปรารถนา
เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้าสู่ค่ายกล เขารู้สึกได้ว่าพลัฉีของเขาถูกลดไปยังระดับที่ 9 ของขอบเขตพลังฉี และมันก็ไม่สามารถเพิ่มพลังขึ้นได้ เขารู้สึกว่าแม้แต่กระลั้งเทคนิคลับมังกรเร้นลับและฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่มก็ไม่สามารถเพิ่มพลังฉีได้เช่นกัน
“ค่ายกลที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!”
ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็ได้เห็นความลึกลับของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ
นิกายทั่วไปไม่มีความสามารถในการครอบครองค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดนี้ แม้แต่กระทั้งกองกำลังที่มีอิทธิพลชั้นยอดในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็อาจจะไม่มี
ขณะที่ยืนอยู่ในค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด หลางเทาและหลี่ฟู่เฉินยืนอยู่ห่างจากกัน 10 เมตร
“อาวุโสชิเซียง ระวังตัวด้วย”
หลางเทากวาดดาบยาวของเขาออกไป ในขณะที่เจตจำนงแห่งดาบอันแหลมคมก็พุ่งออกไปด้วยเช่นกัน
หลางเทาอาจจะเป็นเพียงแค่ศิษย์ในสาย แต่เขาก็ได้รับคำชี้แนะมากมายจากชายผู้โดดเด่นและมีการปรับปรุงอย่างมากในด้านทักษะดาบของเขา เขายังสามารถสร้างท่าสังหารได้ถึงสองท่า
“เข้ามาได้ตามที่เจ้าต้องการ” หลี่ฟู่เฉินมีสีหน้าที่สงบ
“ดาบวายุ เกลียวสังหาร!”
ท่าแรกที่หลางเทาใช้คือท่าสังหาร
ท่านี้เป็นเพียงการหยั่งเชิง เขาไม่ได้หยิ่งผยองถึงขนาดคิดว่าท่าสังหารนี้จะจบเกมหลี่ฟู่เฉินได้
หลังจากได้รับการเสริมพลังด้วยพลังฉีในขอบเขตพลังฉี ดาบยาวของเขาก็เหมือนกับทอนาโดที่บิดเป็นเกลียวเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน
“เอาความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมา” ใช้ทักษะดาบเพลิงปีศาจ หลี่ฟู่เฉินใช้ดาบธรรมดาๆ เพื่อหยุดท่าสังหารของคู่ต่อสู้ บังคับให้คู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าว
ท่าสังหารของหลางเทานั้นอ่อนแอเกินไป และเทียบกับทักษะดาบเพลิงปีศาจไม่ได้เลย
“ได้ วายุสังหาร!”
หลางเทาหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเขาแหลมคมมาก และดาบยาวในมือของเขาก็กลายเป็นพายุที่พุ่งเข้าไปทำลายหลี่ฟู่เฉิน ในชั่วพริบตานั้น สภาวะพลังฉีที่รุนแรงเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“อ่อนแอ่เกินไป”
หลี่ฟู่เฉินไม่จำเป็นต้องลงมือใช้ท่าสังหารด้วยซ้ำ เขาใช้ทักษะดาบเพลิงปีศาจและพุ่งเข้าหาหลางเทา
พายุที่น่ากลัวดูเหมือนจะหายไปทันที
ดาบนี้โจมตีไปที่ข้อบกพร่องของคู่ต่อสู้โดยตรง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ท่าสังหาร
“ใช้ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง?” เฉิงกวงเจี๋ยหรี่ตาของเขา
การมองเห็นของเขาเฉียบคมมาก และต้องใช้การมองเพียงแค่ครั้งเดียวเพื่อตรวจสอบว่าหลี่ฟู่เฉินใช้ท่าสังหารหรือไม่ ท่าสังหารนั้นรุนแรงมาก ในขณะที่กระบวนดาบของหลี่ฟู่เฉินมีความสง่างามที่ท่าสังหารไม่มี ความสง่างามนี้เป็นสิ่งที่มีในทักษะดาบที่สมบูรณ์เท่านั้น
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels