Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 271
บทที่ 271
กลับสู่นิกายด้วยความโกลาหล
***จ้าวหมิ๋งเยว่ ถ้าแอดจำไม่ผิด น่าจะเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสจ้าวหวูจิน (ช่วงแรกๆ แอดแน่ไม่ใจใจว่าชื่อเป็นแบบนี้หรือเปล่าแต่คนๆ เดียวกันนะ
“เด็กคนนี้คือหลี่ฟู่เฉิน?”
ผู้เชี่ยวชาญจากนิกายต่างๆ ล้วนมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินผู้นี้ถูกยอมรับให้เป็นศิษย์หลักส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรก และมีชื่อเสียงแพร่กระจายไปยังนิกายต่างๆ ทั่วทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
“ฮึ่ม! บางทีศักยภาพโดยกำเนิดของเขาอาจเหมาะสำหรับบทสอบของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ ในประวัติศาสตร์ มีอัจฉริยะบาคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก แต่กลับก้าวขึ้นสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ตามค่าเฉลี่ยเท่านั้น ยังไงก็เถอะ สำหรับเขาแล้ว เขาเป็นเพียงโครงกระดูกระดับ 1 ดาว และการที่เขามาถึงจุดนี้ได้มันก็นับว่าน่าประทับใจแล้ว ในอนาคต ทุกความก้าวหน้าในขอบเขตการฝึกฝน มันจะมีอุปสรรคอย่างมาก และความสำเร็จในอนาคตของเขาในตอนนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยแล้ว”
แม้ว่าความสำเร็จในปัจจุบันของหลี่ฟู่เฉินจะดูน่าตื่นตา แต่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา
เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับก็เป็นเพียงการทดสอบ และความยุติธรรมมันก็ไม่ได้เหมือนกับเต๋าแห่งสวรรค์มากนัก
มันมีความแม่นยำในระดับหนึ่งเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ หลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงโครงกระดูกระดับ 1 ดาว ซึ่งทำให้ทุกคนเยาะเย้ยและดูแคลนเขา
โครงกระดูก 1 ดาวทำอะไรได้บ้าง? มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี
หากหลี่ฟู่เฉินสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้ มันก็หมายความว่าสวรรค์ถูกใจในตัวเขา หากสวรรค์ต้องการที่จะรุนแรงกับเขาเล็กน้อย เขาก็อาจไม่สามารถก้าวไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้
สำหรับขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด… นั่นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากความฝัน
แน่นอนว่า มีบางคนที่คิดว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นภัยอันตรายขนาดใหญ่ หากมีโอกาส พวกเขาอาจต้องการกำจัดเขาอย่างเงียบๆ
แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น สำหรับการมีผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับหนุนหลังเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเกิดความคิด
‘ในบรรดานักดาบรุ่นเยาว์ มีราชาได้เพียงหนึ่งเดียว ถ้าเจ้ากล้าขวางเส้นทางของข้า ข้าก็จะไม่รังเกียจที่จะทำให้เจ้านั้นจมดิ่งลงไปสู่ห้วงนรก’ จื่อหยูเย่เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลี่ฟู่เฉินเช่นกัน
ผลลัพธ์ของหลี่ฟู่เฉินนั้นดีกว่าของเขาเล็กน้อย ก็ในเมื่อที่เขาเองก็ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก ทว่าแค่ไม่สามารถเข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ดได้ก็เท่านั้น
นอกจากนี้ หลี่ฟู่เฉินเองก็แค่ได้เข้าไปยังประตูแห่งโลก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากเขายังไม่ผ่านการทดสอบ
ยิ่งไปกว่านั้น ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ตัวบ่งชี้ที่แม่นยำที่สุดสำหรับศักยภาพโดยกำเนิดคือโครงกระดูกของคนๆ หนึ่ง ซึ่งนี้ไม่เหมือนกับการทดสอบที่คลุมเครือ ด้วยโครงกระดูกระดับ 6 ดาว เขาจึงไม่จำเป็นต้องกลัวใคร ในสายตาของเขา มีเพียงสามราชาดาราเท่านั้นที่มีค่าพอที่จะเป็นคู่แข่งที่ดีที่สุดของเขา
“ไปกันเถอะ”
โอหยางเหวินเทียนยื่นมือออกมา และทันใดนั้นเองสัตว์วิญญาณระดับ 4 ขั้นสูงสองตัวก็ลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน
หลังจากที่พวกยืนอยู่บนหลังของสัตว์วิญญาณ สัตว์วิญญาณก็กางปีกและขึ้นไปอย่างรวดเร็ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย
สัตว์วิญญาณระดับ 4 ขั้นสูง มีความเร็วที่น่าประหลาดใจ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการกลับไปยังนิกายวารีครามในแคว้นวารีคราม
หลังจากออกจากนิกายวารีครามเป็นเวลาสองปี หลี่ฟู่เฉินจมอยู่กับความรู้สึกคิดถึง หลังจากที่กลับมาในท้ายที่สุดแล้ว
การเดินทางฝึกฝนครั้งนี้ประสบผลสำเร็จมาก เพียงไม่ถึงสองปี การฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นจากระดับที่ 2 เป็นระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพี ถ้าเขายังคงอยู่ในนิกาย เขาอาจจะไปถึงแค่ระดับที่ 4 ของขอบเขตปฐพีเท่านั้น
***
ในห้องโถงใหญ่ของนิกายวารีคราม ผู้พิทักษ์ทั้งสองได้ลาจากไป ขณะที่โอหยางเหวินเทียนนั่งอยู่ที่นั่งของเจ้านิกาย
“พวกเจ้าทั้งสี่คนอาจจะเป็นศิษย์หลักที่โดดเด่นที่สุดในนิกายวารีครามของข้าก็จริง แต่นิกายวารีครามเองก็ยังคงรักษาความเป็นกลางและความเท่าเทียมกันเอาไว้ หนึ่งเดือนข้างหน้านี้ นิกายจะจัดการแข่งขันคัดเลือกตัว มีเพียงแค่ศิษย์สี่อันดับแรกเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขันจัดอันดับดารา พวกเจ้ามีข้อสงสัยใดๆ หรือไม่”
หากทั้งสี่คนถูกขอให้เข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับดาราโดยตรง มันจะไม่ยุติธรรมสำหรับคนอื่นๆ
แน่นอนว่าโอหยางเหวินเทียน ไม่คิดว่าศิษย์หลักคนใดจะสามารถเหนือกว่า หลี่ฟู่เฉิน หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และ เซี่ยเฟิงได้
การแข่งขันคัดเลือกเป็นเพียงพิธีการเพื่อโน้มน้าวทุกคน
เฉินหยวนหูกล่าว “ท่านเจ้านิกายโปรดอย่ากังวล หยวนหูผู้นี้จะไม่มีข้อสงสัยใดๆ”
พวกเขาทั้งสี่ไม่สนใจการแข่งขันคัดเลือกของนิกาย เพราะพวกเขามั่นใจในความสามารถของตน หากพวกเขาไม่สามารถแข่งขันชนะกาคัดเลือกครั้งนี้ได้ พวกเขาก็คงจะรู้สึกอับอายที่ตัวเองได้เป็นตัวแทนของนิกาย
โอหยางเหวินเทียนพยักหน้า “นั่นเป็นการดี ในช่วงเดือนนี้ พวกเจ้าจะต้องเข้าสู่ความสันโดษและฝึกฝนมุ่งมั่นเพื่อเป็นสี่อันดับแรกด้วยความสามารถที่แท้จริง”
ในบรรดาศิษย์หลักระดับทองในนิกายวารีคราม มีศิษย์หลักมากมายที่มีพลังมหาศาล คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากออกจาก ห้องโถงใหญ่วารีครามแล้วนั้น หลี่ฟู่เฉินก็มาที่ห้องโถงใหญ่ของศิษย์หลัก
จ้าวหวูจินรออยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากได้เห็นหลี่ฟู่เฉิน จ้าวหวูจินก็หัวเราะอย่างร่าเริงและยินดีกับเขา
“เจ้าทำได้ดีมาก ในทวีปนี้ เจ้าหลี่ฟู่เฉิน ไม่ใช่คนไร้ตัวตนอีกต่อไป” กล่าวตามตรง ถึงจ้าวหวูจินอาจจะยกย่องหลี่ฟู่เฉิน แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ฟู่เฉินจะบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
เดิมที เขาคาดหวังให้หลี่ฟู่เฉินบรรลุระดับเดียวกับดาบคลั่ง ซึ่งนั้นมันก็ยอดเยี่ยมแล้ว
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้านี่เหมือนกับปีศาจจริงๆ!” จ้าวหมิ๋งเยว่โผล่ออกมาจากที่ไหนไม่อาจทราบ
ปัจจุบันเธออยู่ที่ระดับ 2 ของขอบเขตปฐพี การฝึกฝนของเธอไม่ได้ถือว่าสูงหรือต่ำ แต่อย่างไรก็ตามเธอคือโครงกระดูกระดับ 4 ดาว
หลี่ฟู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำชมของผู้อาวุโส”
จ้าวหวูจินให้ความช่วยเหลือเขาค่อนข้างมาก และเขาจำเป็นต้องถ่อมตัวเมื่อกล่าวกับผู้อาวุโส
“ข้าอาจจะชมเจ้าไม่มากพอเสียด้วยซ้ำ คืนนี้มาทานอาหารด้วยกันกับข้า!” จ้าวหวูจินเสนอ
“แน่นอน” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวหมิ๋งเยว่ก็หน้าแดง และเผยให้เห็นการแสดงออกที่มีความเขินอาย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ จ้าวหวูจินได้พูดถึงหลี่ฟู่เฉินกับเธอมากมาย
แม้ว่าจ้าวหวูจินจะไม่ได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่จ้าวหมิ๋งเยว่ก็เข้าใจว่าจ้าวหวูจินหมายถึงอะไร
สำหรับหลี่ฟู่เฉิน โดยปกติเธอย่อมไม่ได้รังเกียจเขา
ตรงกันข้ามเสียอีก เธอกลับชื่นชมเขา ใครจะไม่อยากให้คนที่จะมาอยู่กับเธออีกครั้งชีวิตที่เหลือเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น?
ที่ผ่านมาเธอค่อนข้างหยิ่งผยอง และรู้สึกว่าเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่ฟู่เฉิน ดังนั้นเธอจึงไม่มีความชื่นชมในตัวเขา และมีเพียงความเคารพเพียงเล็กน้อย
เธอเคารพที่หลี่ฟู่เฉินซึ่งเป็นเพียงโครงกระดูกธรรมดา แต่สามารถสร้างความสำเร็จได้แบบโครงกระดูกระดับ 4 หรือ 5 ดาวที่แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำได้
ตอนนี้หลี่ฟู่เฉินเป็นที่เลื่องลือในบรรดาชนชั้นสูงในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก และชื่อเสียงของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาเปรียบเทียบได้
‘ก็แค่คุยกันก่อนสักครั้ง!’ จ้าวหมิ๋งเยว่คิดกับตัวเอง
แต่ไม่นานนักใบหน้าของจ้าวหมิ๋งเยว่ก็แดงอีกครั้ง
เธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่? ทำไมเธอถึงต้องหน้าแดง?
จ้าวหมิ๋งเยว่ไม่รู้ว่าการแสดงออกของเธอได้อยู่ในการรับรู้ของจ้าวหวูจินและหลี่ฟู่เฉินเรียบร้อยแล้ว
หลี่ฟู่เฉินและจ้าวหมิ๋งหยูมีอายุใกล้เคียงกัน และถ้าพวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
สำหรับหลี่ฟู่เฉินแล้ว เขาไม่ได้คิดลึกอะไรขนาดนั้น
***
ในห้องโถงอาวุโสวารีคราม…
เหลียวไห่หลงผู้ก่อตั้งตระกูลเหลียวมีความรู้สึกเศร้าหมองในตอนนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เรียกใครบางคนมาและสั่งว่า “ทำตามคำสั่งของข้า ใครก็ตามที่กล้าต่อต้านหลี่ฟุ่เฉินจะถูกเนรเทศออกจากตระกูลเหลียว”
สถานการณ์รุนแรงเกินกำลังของมนุษย์ปกติไปแล้ว ในอดีต เนื่องจากแรงกดดันจากชนชั้นสูงของนิกายวารีคราม จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะแตะต้องหลี่ฟู่เฉิน
แต่ทว่าตอนนี้กลับมีทั้งแรงกดดันจากระดับบนของนิกายวารีคราม และยังมีแรงกดดันจากตัวหลี่ฟู่เฉินเองอีกด้วย
ในตอนนี้หลี่ฟู่เฉินยังไม่ถือว่ามีความสามารถมากนัก แต่เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าการสนับสนุนจากนิกายวารีครามเสียอีก อย่าว่าแต่ตระกูลเหลียว แม้แต่กองกำลังชั้นยอดในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็ยังไม่กล้ายุ่งกับหลี่ฟู่เฉิน
“โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้าคงแก่เกินไปแล้วจริงๆ” เหลี่ยวไห่หลงถอนหายใจ
ในขณะเดียวกัน ข่าวการกลับมาของหลี่ฟู่เฉินได้รับการแจ้งให้เหล่าศิษย์ของนิกายวารีครามได้ทราบทั้งหมด
บรรดาผู้ที่ทำให้หลี่ฟู่เฉินขุ่นเคืองต่างก็หวาดกลัวอยู่ในใจ
ดั่งเช่นเจ้าเมืองน้อย จากเมืองทะเลภูเขา เฟิงเหล่ยไห่
(หมายเหตุ TL: เมืองซานไห่ = เมืองทะเลภูเขา)
เมืองซานไห่เป็นหนึ่งในเมืองหลักของแคว้นวารีคราม และเจ้าเมืองก็เป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์
สถานะของเขาไม่สามารถเทียบกับหลี่ฟู่เฉินได้อีกแล้ว ทั้งยังการที่เขาก้าวเข้าสู่การเป็นศิษย์หลักอีก ตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้เลย
คำพูดเพียงคำเดียวจากหลี่ฟุ่เฉิน อาจไม่เพียงพอที่จะทำลายสถานะของตระกูลเฟิง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน ใครจะรู้ว่าพวกระดับสูงจะลบสถานะเจ้าเมืองทะเลภูเขาของเขาออกเพราะหลี่ฟู่เฉินหรือไม่
“หลี่ฟู่เฉิน…”
เฟิงเหล่ยไห่ทั้งหวาดกลัวและหดหู่ในเวลาเดียวกัน
เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับหลี่ฟู่เฉินอีกต่อไป
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels