Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 283
บทที่ 283
ภูเขาโชคชะตาดารา
สามวันผ่านไปในพริบตา ที่ลานหน้าห้องโถงใหญ่วารีคราม นอกเหนือจากหลี่ฟู่เฉินและอีกสามคน ก็มีศิษย์หลักระดับทองอีกสองคน
พวกเขาคือหลิวหวูหวง และหยูเหวินเทียน
ทั้งสองคนเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาวและมีอายุประมาณ 20 ปี ซึ่งยังถือว่าเด็กอยู่ พวกเขาอาจจะไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับดาราในครั้งนี้
แต่พวกเขาอาจจะผ่านในครั้งถัดไป นอกจากนี้ พวกเขาทั้งสองก็อาจจะเป็นกองกำลังหลักแล้วในตอนนั้น หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และเซี่ยเฟิงอาจก้าวไปยังขอบเขตสวรรค์แล้ว
หลี่ฟู่เฉินอาจเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่ในขอบเขตปฐพีในเวลานั้นและหลิวหวูหวงและหยูเหวินเทียนก็อาจเป็นหนึ่งในสี่ผู้เข้าร่วม
ดังนั้น สำหรับการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งนี้ พวกเขาสองคนจึงได้รับอนุญาตให้ติดตามกลุ่มพวกเขาไปและเป็นพยานถึงความสามารถของอัจฉริยะจากนิกายต่างๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมตัวสำหรับการแข่งขันการจัดอันดับดาราครั้งต่อไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จ้าวหวูจินก็มาพร้อมกับจ้าวหมิ๋งเยว่
ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายชั้นใน สถานะของจ้าวหวูจินจึงอยู่ต่ำกว่าเจ้านิกาย ผู้อาวุโสสูงสุด และผู้พิทักษ์ เขามีสถานะที่ได้น่าเคารพนับถือและหากเขามีโอกาสก้าวเข้าสู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด เขาก็จะกลายเป็นผู้พิทักษ์เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะพาจ้าวหมิ๋งเยว่ไปด้วย
หลังจากนั้นอีกครู่นึง โอหยางเหวินเทียนก็ออกมาจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุดสองคน
นิกายวารีครามต้องการผู้อาวุโสสูงสุดเพื่อปกป้องนิกาย ดังนั้นแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อาวุโสสูงสุดทุกคนจะมาพร้อมกัน มันเป็นเรื่องที่ตกใจอยู่แล้วสำหรับการที่พวกเขาสองคนอยู่ที่นี่
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่ที่นี่ โอหยางเหวินเทียนโบกมือ ในขณะที่สัตว์วิญญาณระดับ 4 ขั้นสูงสองตัวบินลงมา
กลุ่มแยกออกเป็นสองกลุ่มและยืนอยู่บนหลังของสัตว์วิญญาณ สัตว์ปีศาจบนขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปในหมู่เมฆ
สัตว์วิญญาณระดับ 4 ขั้นสูงนั้นรวดเร็วยิ่งและพวกมันก็เร็วกว่านักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั่วไปด้วยซ้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกลงไป หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ นั่งไขว่ห้าง โอหยางเหวินเทียน ผู้อาวุโสสูงสุดสองคน และจ้าวหวูจินที่ไม่เต็มใจที่จะนั่ง แต่ก็ยังต้องนั่งอยู่ดี
หลังจากหลี่ฟู่เฉินนั่งขัดสมาธิ เขาไม่ยอมเสียเวลาใดๆ และเริ่มฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง
“เด็กคนนี้เป็นพวกบ้าคลั่งในการฝึกฝนอย่างแน่นอน!”
ที่ด้านหลังของสัตว์วิญญาณที่อยู่ใกล้เคียง ผู้อาวุโสสูงสุดผมสีเทาผู้มีตาข้างเดียวกล่าวชื่นชม
โอหยางเหวินเทียนพยักหน้า “ต้องมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งจึงจะสามารถฝึกฝนได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้ นักสู้ขอบเขตปฐพีและนักสู้ขอบเขตสวรรค์ทำได้เพียงแค่หลับตาและควบคุมการหายใจเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเพลิดเพลินกับการฝึกฝนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้แน่นอน”
ทำไมนักสู้ถึงต้องอยู่อย่างสันโดษ? เพราะพวกเขาไม่ต้องการถูกรบกวนและพวกเขาต้องการที่จะรวบรวมจิตวิญญาณทั้งหมดของพวกเขาในการตัดผ่าน
แต่ถ้าใครมีจิตวิญญาณที่แน่วแน่ ก็จะสามารถเข้าสู่สภาวะเข้าฌานได้ในทุกสภาพแวดล้อม มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะอยู่อย่างสันโดษหรือไม่
และเหตุผลเดียวที่พวกเขาเข้าสู่ความสันโดษก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูโจมตีพวกเขาในระหว่างการตัดผ่าน ที่ซึ่งพวกเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้
เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงได้ทะลุไปถึงขั้นที่ 16 มาระยะหนึ่งแล้ว
ในช่วงเวลานี้ หลี่ฟู่เฉินได้ทุ้มเทและผลักดันเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไปสู่ขั้นสูงสุดของขั้นที่ 16
แต่อุปสรรคของขั้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวข้าม ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้แต่กระทั้งโครงกระดูกระดับ 5 ดาวก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา เทคนิคระดับลึกลับขั้นสูงสุดนั้นเป็นความท้าทายและดูยากเกินจริงมากกว่าอันอื่นนัก
ยิ่งผู้ฝึกฝนเลื่อนขั้นสูงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องขั้นเท่านั้นสำหรับการก้าวขึ้นสู่ขั้นที่ 19 ได้แม้แต่กระทั้งอยู่ในขอบเขตสวรรค์ก็ตามที ยกตัวอย่างเช่น จ้าวหวูจินผู้ซึ่งบ่มเพาะพลังอย่างขยันขันแข็งเป็นเวลาหลายปี
ก่อนที่เขาจะฝึกฝนหนึ่งในสองเทคนิคระดับลึกลับขั้นสูงสุดของนิกายวารีคราม เทคนิควารีครามแท้จริงไปจนถึงขั้นที่ 19 หลังจากทั้งหมดแล้ว จ้าวหวูจินก็เป็นเพียงโครงกระดูกระดับ 4 ดาว และไม่ได้มีการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมแต่อย่างใด
***
สถานที่จัดการแข่งขันจัดอันดับดารา อยู่ในพื้นที่แคว้นร้อยเทพยุทธ์ ภูเขาโชคชะตาดารา
ในช่วงสองสามวันนี้ มีผู้คนมากมายจากนิกายต่างๆ ที่มาถึงภูเขาโชคชะตาดารา ภูเขาที่ปกติว่างเปล่า กลับเต็มไปด้วยด้วยเสียงคึกคักและความตื่นเต้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“นี่คือภูเขาโชคชะตาดารา?”
อัจฉริยะบางคนที่ไม่เคยมายังภูเขาโชคชะตาดารามาก่อน มองไปที่ยอดเขายักษ์ใหญ่และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวในขณะที่พวกเขาผ่านกลุ่มเมฆ
ภูเขาโชคชะตาดาราได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
ลือกันว่าภูเขาโชะตาดารากำหนดชะตากรรมและโชคลาภของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกเอาไว้ ในระหว่างการแข่งขันการจัดอันดับดาราทุกครั้ง ผู้ที่ได้รับการจัดอันดับดาราจะได้รับร่องรอยแห่งโชคชะตาจากภูเขา ยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับโชคชะตาดารามากขึ้นเท่านั้น
โชคชะตาของดารามีค่ายิ่งกว่าพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์เสียอีก
พลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของนักสู้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่โชคชะตาของดาราจะส่งผลต่อโชคชะตาและชะตากรรมของนักสู้
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีชะตากรรมดาราที่แข็งแกร่งอาจสามารถป้องกันภัยพิบัติได้หลายครั้ง
ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าศักยภาพโดยกำเนิดของใครจะดีเพียงใด หรือความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาจะเร็วเพียงใด หากพวกเขาต้องตายก่อนถึงจุดสูงสุด พวกเขาก็เป็นได้แค่ดาวที่ดับแสงไปแล้ว
มีเพียงผู้ที่รอดชีวิตเท่านั้นที่จะสามารถไปถึงจุดสูงสุดและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
บนท้องฟ้ามีจุดดำสองจุดบินมาอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นาน จุดดำทั้งสองก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นและปรากฏเป็นสัตว์วิญญาณขนาดมหึมาสองตัว
“เรามาถึงภูเขาโชคชะตาดาราแล้ว”
โอหยางเหวินเทียนสั่งให้สัตว์วิญญาณให้บินต่ำลง
“งั้นแล้วนี่ก็คือภูเขาโชคชะตาดารา?”
หลี่ฟู่เฉินค่อนข้างตกใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นภูเขาขนาดมหึมา ซึ่งดูราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ที่ด้านข้าง จ้าวหวูจินกล่าวแนะนำ “การแข่งขันจัดอันดับดาราแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือการขึ้นภูเขา ส่วนที่สองคือการยืนบนเสาหินชุบสวรรค์ ส่วนที่สามคือการแข่งขันจัดอันดับดารา”
“ภูเขาลูกนี้สูงมาก ถ้าจะขึ้นไปมันคงต้องยากแน่ๆ” จ้าวหมิ๋งเยว่แลบลิ้นออกมา
จ้าวหวูจินยังคงอธิบายต่อไป “โดยธรรมชาติแล้วการขึ้นเขาย่อมต้องเป็นเรื่องยาก เจ้าต้องเร็วพอ ไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อเจ้าขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของภูเขา เสาหินชุบสวรรค์ก็อาจจะเต็มแล้ว มีเสาหินชุบสวรรค์ทั้งหมด 108 ต้นเท่านั้น และหากทุกต้นมีใครยืนอยู่แล้ว
เมื่อนั้นคนที่เหลือก็จะไม่มีใครได้รับโอกาสแข่งการในการจัดอันดับดารา ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือเจ้าต้องรักษาความเร็ว หากเจ้าไม่เร็วพอ มันก็ไม่มีความหมาย แม้ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะอันดับดาราได้ก็ตาม”
โอหยางเหวินเทียนกล่าวเสริม “ในระหว่างการขึ้นภูเขา เจ้าอาจจะถูกคนอื่นทำร้ายได้ ดังนั้น การเลือกเส้นทางจึงสำคัญมากและหากเจ้าไม่เลือกเส้นทางให้ดี เจ้าอาจจะได้พบกับอัจฉริยะชั้นยอดล่วงหน้าเสียก่อน”
จุดนี้เป็นปัจจัยที่น่ากังวลที่สุดสำหรับโอหยางเหวินเทียน
ในตอนนี้ อัจฉริยะชั้นยอดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกคือสามราชาดารา หกนายน้อย และสี่เทพธิดา นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ก็มีอัจฉริยะชั้นสูงอยู่อีกมากมาย หากพวกเขาต้องเจอคนเหล่านี้ แม้แต่กระทั้งหลี่ฟู่เฉินก็คิดว่ามันเป็นเรื่องยาก หากหลี่เซียงหรูและอีกสองคนพบกับพวกนั้น
พวกเขาอาจจะเสียโอกาสนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์
“แน่นอน การขึ้นภูเขาเป็นเพียงส่วนแรก เว้นแต่เจ้าจะโชคร้ายมาก โดยทั่วไปก็ไม่ควรมีปัญหาใดๆ ความยากที่แท้จริงคือการยืนอยู่บนเสาหินชุบสวรรค์ มีเสาหินเพียง 108 ต้นและนอกเหนือจากต้นที่ถูกอัจฉริยะชั้นยอดจองไว้แล้ว
เสาที่เหลือก็จะมีหลายคนต่อสู้เพื่อพวกมัน พวกเขาจะไม่ทำให้เจ้าได้ยืนอยู่เฉยๆ แน่นอน แม้ว่าเจ้าจะยืนอยู่บนนั้นได้ และเสาที่เหลืออาจจะยังไม่เต็ม แต่คนอื่นก็ยังสามารถต่อสู้กับเจ้าและแย่งชิงมันไปได้อยู่ดี เมื่อเสาหินทั้งหมดมีคนยืนอยู่เท่านั้นส่วนที่สองของการแข่งขันถึงจะสิ้นสุดลง”
โอหยางเหวินเทียนมองไปที่บุคคลทั้งสี่และในหมู่พวกเขา หลี่ฟู่เฉินและหลี่เซียงหรูมีความแข็งแกร่งพอที่จะเข้าสู่การจัดอันดับดาราได้ เฉินหยวนหูและเซียงเฟิงอาจจะด้อยกว่า
แต่พวกเขาก็ยังมีโอกาส หากมีบุคคลจากนิกายวารีครามมากกว่าสองคนที่เข้าสู่การจัดอันดับดารา ชะตากรรมดาราที่พวกเขาได้รับอาจจะส่งผลต่อนิกายวารีคราม นิกายต่างๆ
ก็มีชะตากรรมในทำนองเดียวกันและผู้ที่มีชะตากรรมที่แข็งแกร่งกว่าก็จะสามารถมีอัจฉริยะที่น่าเกรงขามได้มากขึ้น เมื่ออัจฉริยะเหล่านี้เติบโตเต็มที่
โดยธรรมชาตินิกายก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน และพวกเขาอาจกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มหัวกะทิในอนาคต
เมื่อเวลาผ่านไป มีคนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกนิกายจะนำบุคคลมากกว่าสิบคนและเมื่อหลายๆ นิกายมากเข้า จำนวนคนก็เพิ่มขึ้นเป็นสองสามร้อย
ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนนี้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เชิงเขาโชคชะตาดาราเต็มไปด้วยหมอกและมีทางเข้าเพียงทางเดียวสำหรับการขึ้นไปบนภูเขา ดังนั้น จึงมีการสร้างประตูหินที่นั่น
ตอนนี้ ทุกคนมารวมตัวกันในผืนดินที่ว่างหน้าประตูหิน พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากกันเกินไปนัก เช่นนี้เอง หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ
จึงสามารถใช้ตาเปล่าเพื่อดูสมาชิกของนิกายอื่นๆ ได้
“มีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดอยู่จำนวนมาก” หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจอยู่ในใจ
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels