Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 289
บทที่ 289
ขึ้นภูเขา
สือตูเหล่ยยืนเอามือไพร่หลัง เขากวาดสายตาไปทั่วบรรดาอัจฉริยะชั้นยอด นั้นรวมไปถึงหลี่ฟู่เฉินด้วย ก่อนจะยิ้มจางๆ
ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะพ่ายแพ้เลย ในสายตาของเขา ไม่มีใครเป็นต่อสู้ของเขา ไม่แม้แต่กระทั้งราชาไร้เคลื่อไหวและราชาแส้ทองคำ ในความคิดของเขา พวกเขาเป็นเพียงคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นเล็กน้อย
ดังนั้นทัศนคติของเขาจึงแตกต่างจากทุกคนที่นี่ เขาปลดปล่อยพลังฉีที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ทรงอำนาจออกมา
‘ถึงการแข่งขันเช่นนี้จะไม่น่าลงมือนัก แต่ก็ยังค่อนข้างน่าสนใจที่จะได้สัมผัสกับคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยประมือด้วยมาก่อน’ สือตูเหล่ยคิดกับตัวเอง
เมื่อพวกเขาทั้งสามมาถึง อัจฉรยะชั้นยอดทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้ว
สามราชาดารา หกนายน้อย และสี่เทพธิดา
พวกเขาทุกคนดูสง่างาม เย็นชา อ่อนโยน โหดเหี้ยม หรือแม้แต่กระทั้งสุภาพเรียบร้อย มันอาจดูเหมือนภาพลวงตา แต่ทุกคนรู้สึกได้ว่าสภาวะพลังฉีทั้ง 13 นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่านักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเลย พวกเขาทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนกับมังกรที่แท้จริง แม้ว่าพวกเขาจะยังเด็ก แต่องค์ประกอบโดยรวมกับให้ความรู้สึกว่าเป็นเขาเป็นมังกรท่ามกลางหมู่มนุษย์
นอกเหนือจาก 13 คนนี้ ก็มีอัจฉริยะชั้นยอดคนอื่นๆ อยู่อีกไม่กี่คน มันเป็นคนอย่างเช่นเซี่ยฮัวชือ และหลี่ฟู่เฉิน
แน่นอนว่านอกเหนือจากหลี่ฟู่เฉินแล้ว ส่วนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว
สำหรับโครงกระดูกระดับ 5 ดาวทั้งหมดนี้ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพโดยกำเนิดที่ไม่ธรรมดาของพวกเขาได้ พวกเขาก็อาจจะมีคุณสมบัติในการเป็นราชาดารา นายน้อย หรือเทพธิดา ซึ่งจะทำให้ชื่อของพวกเขาโด่งดังไปทั่วโลก
“ฮึ่ม หกนายน้อย หากข้าเด็กกว่านี้ซักสามปี ข้าเองก็คงได้เป็นหนึ่งในหกนายน้อยเช่นกัน”
อัจฉริยะบางคนจากนิกายอื่นๆ หัวเราะเยาะ
โดยธรรมชาติแล้วย่อมมีบุคคลมากกว่าหนึ่งคนที่รู้สึกไม่พอใจ ตราบใดที่ยังมีโครงกระดูกระดับ 5 ดาว หัวใจของพวกเขาย่อมไม่พอใจ พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร รวมทั้งราชาดารา นายน้อย และเทพธิดาเหล่านั้นด้วย
‘การจัดอันดับดารา… การจัดอันดับดารา นี่คือการรวมตัวของดารา การเต้นรำของมังกร’
ด้วยอัจฉริยะมากมายที่มารวมตัวกัน แม้แต่กระทั้งหลี่ฟู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์และไม่ใช่นักบุญแต่อย่างใด เขามีอารมณ์และความปรารถนาที่มนุษย์ทุกคนมี เขาเองก็มีความทะเยอทะยานและแรงบันดาลใจเช่นกัน
เมื่อมาเผชิญหน้ากับอัจฉริยะมากมาย เจตนาต่อสู้ของเขาก็ดูเหมือนจะตื่นขึ้น
ในอดีต เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอัจฉริยะที่ผิดธรรมดา เขาจะต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดใดๆ ในใจ เพราะเขารู้แล้วว่าเขาจะต้องชนะ
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป การแข่งขันการจัดอันดับดาราประกอบไปด้วยอัจฉริยะชั้นยอดมากมาย และเขาไม่สามารถมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ท้ายที่สุดจะออกมาเป็นอย่างไร หลังจากทั้งหมดแล้ว ทุกคนก็มีท่าไม้ตายและกระบวนท่าที่เก็บงำ
ไว้อยู่กับตัวเอง โดยผิวเผิน เขาอาจจะเสียเปรียบที่สุดเนื่องจากเป็นนักสู้ในขอบเขตปฐพีระดับที่ 8 แต่เขาก็ยังมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้ในไพ่ตายอีกทีถือครองไว้อยู่
หลี่ฟู่เฉินไม่ใช่คนเดียวที่ถูกกระตุ้น คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเริ่มเดือดขึ้นมาแล้วเช่นกัน
มันไม่นับเป็นอะไรหากเขาเป็นแค่คนที่ถูกรู้จักแค่ในแคว้น แต่คนๆ นั้นจะน่ากลัวอย่างแท้จริงเมื่อเขาถูกรู้จักจากคนทั่วทั้งทวีป
การแข่งขันจัดอันดับดาราเป็นการรวมตัวกันของดาราและเป็นการรวมตัวกันของเหล่าอัจฉริยะ มันยากมากที่จะได้รับการจัดอันดับ แต่เมื่อทำสำเร็จแล้ว มันก็คงเพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะของคนรุ่นนี้ และพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมควรมองข้ามในยุค
นอกเหนือจากราชาดาราอัสนี สือตูเหล่ย บรรดาอัจฉริยะชั้นสูงที่เหลือล้วนมีความสุกใสปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขา คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นกันและกัน
หากคนอื่นพยายามที่จะกลายเป็นอัจฉริยะ เช่นนั้นพวกเขาก็พยายามที่จะเป็นผู้นำของคนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน
คนรุ่นใหม่อาจเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ แต่โอกาสสำหรับคนที่เป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่มันสามารถเปลี่ยนเมฆลมและฝนได้ พวกเขาสามารถเปลี่ยนดินแดนและกำหนดทวีปนี้
สือตูเหล่ยค่อนข้างสงบ เพราะเขารู้ว่าไม่มีใครในการแข่งขันการจัดอันดับดาราครั้งนี้สามารถคุกคามเขาได้
การแข่งขันจัดอันดับดารานี้เป็นสำหรับเป็นเพียงแค่เกม และในไม่ช้าเกมนี้ก็จะจบลง
“ข้าคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นเมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก” หนึ่งในนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเต็มไปด้วยความรู้สึก
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาเป็นอัจฉริยะและมีประสบการณ์ในการแข่งขันการจัดอันดับดารา ในช่วงเวลานั้น เขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญและระเบิดความตั้งใจในการต่อสู้ออกมา เขาอาจจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งกว่าที่เขามีในตอนนี้มาก
ตอนนี้เขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่เมื่อหลายปีแห่งบ่มเพาะพลังผ่านไป จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาค่อยๆ ลดลง จิตใต้สำนึกของเขาเตือนเขาว่าเขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดและไม่จำเป็นต้องเสี่ยงหรือเจอโอกาสใดๆ มันยากเกินไปที่จะก้าวข้ามจากขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดไปยังขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ และมันก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงที่จะลองด้วย เนื่องจากไม่มีผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์วิญญาณในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก เขาจึงแค่ฝึกฝนไปตามปกติเท่าที่เขาเคยทำ มันอาจจะพินาศได้หากเขาเสี่ยงลองใดๆ
“มีอะไรให้คิดถึง? พวกเขายังเป็นแค่กลุ่มลูกไก่ ใครจะไปรู้ว่าจะมีกี่คนที่เติบโตได้อย่างแท้จริง…”
มีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดบางคนที่เหยียดหยามและเต็มไปด้วยการดูถูก
“นั้นก็ถูก หลังจากไปถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดแล้วพวกเขาจะสามารถควบคุมชะตากรรมของตนเองได้ แต่ตอนนี้ พวกเขายังไม่สามารถทำได้”
เห็นได้ชัดว่าในบรรดานักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั้งหมดนี้ พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าอัจฉริยะของการแข่งขันการจัดอันดับดาราเหล่านี้อาจเป็นที่น่ายกย่อง แต่จุดจบที่ดีที่สุดของพวกเขาสมควรเป็นความก้าวหน้าในฐานะนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดตั้งหาก พวกเขาคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่อัจฉริยะเหล่านี้จะเหนือกว่าตัวเอง
ตั้งแต่ที่ผลลัพธ์ต้องเป็นไปในทิศทางนี้ ทำไมพวกเขาจะต้องคิดอะไรให้มากมาย?
พวกเขาอยู่ที่จุดสูงสุดแล้ว แต่อัจฉริยะเหล่านี้อยู่ที่ขอบนอกของภูเขา
เชิงเขาโชคชะตาดาราถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและมีทางเข้าเพียงทางเดียวสำหรับการขึ้นไปบนภูเขา มันมีประตูหินขนาดยักษ์ถูกสร้างขึ้นที่นั่นและมีบันไดหินทอดยาวขึ้นไป ประตูหินเป็นจุดเริ่มต้นที่ที่ก้าวออกไปสู่เชิงเขา เมื่อทุกคนไปถึงที่นั่น มันจะไม่มีบันไดหินอีกต่อไป มันไม่มีเส้นทางภูเขาแม้แต่เส้นเดียว และทุกคนต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อค้นหาเส้นทางที่จะขึ้นไป
ก่อนหน้านี้ประตูหินมีเจตจำนงแห่งกฎ ซึ่งไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ก็เกิดเสียง “ป๊อป” ขณะที่เจตจำแห่งกฎหายไปพอดี ลมกระโชกแรงพัดออกมาจากประตูหินและพัดใส่ทุกคน
“ภูเขาโชคชะตาดาราเปิดออกแล้ว ขึ้นไปบนภูเขาเร็ว”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดจากนิกายต่างๆ กระตุ้นศิษย์ของพวกเขา
ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ…
ผู้มีความสามารถหลายร้อยคนจากนิกายต่างๆ ล้วนใช้ทักษะท่าร่างและพุ่งเข้าหาประตูหิน
มีอัจฉริยะบางคนที่ระเบิดตัวพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
พวกเขารู้ชัดแจ้งในใจว่าภูเขาโชคชะตาดารามีความสูงอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถ้าพวกเขาเร็วกว่าแม้จะสักเล็กน้อย มันอาจจะไม่ทำให้พวกเขาโดดเด่น แต่ถ้าช้าเกินไปผลลัพธ์ก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่หวังไว้
คนกลุ่มแรกไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่นและขึ้นไปบนภูเขา
สำหรับคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาต้องรับมือกับสิ่งกีดขวางหรือการรบกวนจากผู้อื่น
ในอดีต มีสิ่งอัจฉริยะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถไปต่อได้
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงต้องการเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรก
แน่นอนว่าการพยายามตั้งแต่เริ่มต้น นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่มั่นใจ ผู้ที่มีความมั่นใจอย่างแท้จริงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการระเบิดความเร็ว และพวกเขาก็แค่ต้องตามหลังไปอย่างสบายๆ โดยไม่ต้องเร็วหรือช้า
“หลี่ฟู่เฉิน ทำให้ดีที่สุด!” จ้าวหมิ๋งเยว่ส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินโบกมือและมองไปที่ประตูหิน
“เจ้าอาจจะเก่ง แต่ปีนี้ยังไม่ใช่ปีของเรา” หยานฉิงหวูพุ่งผ่านหลี่ฟู่เฉินและออกความเห็น
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ตอบสนองใดๆ
คนอื่นๆ อาจคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมสนุกและจะเป็นได้แค่ 36 อันดับแรกได้เท่านั้น
แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเวลาของเขามีค่าและเขาไม่มีเวลามาเข้าร่วมการแข่งขันจัดอันดับดาราอีก
ดังนั้นการแข่งขันจัดอันดับดาราในปีนี้จึงเป็นโอกาสเดียวของเขา
เขาจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่และจะมุ่งมั่นเพื่ออันดับ 1
หลังจากเข้าประตูหินไปแล้ว มีบันไดหินที่ปกคลุมไปด้วยหมอก เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ เสียงระเบิดจากการต่อสู้ก็ปรากฏออกมา
ทุกคนเป็นศัตรูกันในการแข่งขันการจัดอันดับดารา คงจะดีถ้าไม่มีใครพยายามยับยั้งพวกเขา แต่เมื่อมีคนทำ พวกเขาก็จะไม่ยับยั้งเจตจนาต่อสู้ที่รุนแรง
บันไดหินคับแคบและแออัด ในขณะที่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้าไปในหมอกทั้งสองด้าน
ตูม!
เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น หลี่ฟู่เฉินก็ถูกกลืนเข้าไปในนั้นทันที
หลี่ฟู่เฉินที่ถูกรบกวนก็ระเบิดพลังออกด้วยเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงขั้นที่ 16 และเทคนิคลับระดับ 3 ดาว เทคนิคลับมังกรเร้นลับทันที จากนั้นเขาก็ “สังหาร” เพื่อออกจากสถานที่นั้น