Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 291
บทที่ 291
เสาหินชุบสวรรค์
“นั้นมันเทคนิคตัวเบาระดับอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าการฝึกฝนของเขาอยู่ระดับที่8 ของขอบเขตปฐพีหรอกหรือ?”
ทุกคนต่างพากันตกใจ
เทคนิคตัวเบาของเทพธิดาไตรสิกขา เจียงหรัวหลิว อาจจะดูน่าเหลือเชื่อ แต่ระดับการฝึกฝนของเธอก็สูงอยู่แล้วเช่นกัน ในบรรดาผู้เข้าร่วม ยกเว้นเพียงสามราชาดารา เธอเป็นคนเดียวที่ไปถึงครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์
ครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์อาจจะสูงกว่าขั้นสูงสุดของขอบเขตปฐพีเพียงหนึ่งระดับ แต่มันก็แตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลก
ตามชื่อที่กล่าวมาครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์นั้นก็หมายความว่านักสู้ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ไปแล้วครึ่งก้าว
ในความเป็นจริง สามราชาดารา และ เทพธิดาไตรสิกขาต่างก็สามารถก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้ แต่ทั้งสี่คนยับยั้งการฝึกฝนของพวกเขาไปก็เท่านั้น
นักสู้ในระดับนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พลังฉีจำนวนมากอย่างเดียวเท่านั้น แต่สภาพจิตใจของพวกเขาก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน พวกเขาสามารถควบคุมพลังฉีได้อย่างชำนาญ และเป็นไปตามที่ต้องการ
แต่ระดับพลังบ่มเพาะและเทคนิคตัวเบามีความสัมพันธ์กัน สาเหตุหลักมาจากความเชี่ยวชาญเทคนิคตัวเบาที่มี
ตัวอย่างเช่น สัตว์ปีศาจ สัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงบางตัวอาจไม่เร็วเท่ากับสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นกลาง แต่มันก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าตัวก่อนหน้ามีพลังฉีปีศาจที่มากกว่าตัวหลังแน่นอน
หลังจากได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบของสามวายุทมิฬลอกเลียนแล้ว หลี่ฟู่เฉินต้องใช้ความแข็งแกร่งเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมายอดเยี่ยมคล้ายกับสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นกลาง
หลังจากที่เขากระโดดขึ้นไปยังความสูง 1,500 เมตร ร่างของหลี่ฟู่เฉินก็โน้มไปข้างหน้าก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นไปบนหน้าผาเบาๆ ในขณะที่เขากำลังยืมความแข็งแกร่งจากภายนอก หลี่ฟู่เฉินก็ใช้โอกาสนี้ในการระเบิดพลังฉีอีกส่วนหนึ่งและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
หลี่ฟู่เฉินใช้เพียงสองก้าวเพื่อขึ้นไปบนหน้าผา และเขาก็ทำให้มันดูง่ายอย่างมาก
“ท่าร่างของคนผู้นี้ราวกับภูติผี มันไม่ได้ดูง่ายเหมือนกับที่เขาแสดงออกมา”
ทุกคนด้านล่างดวงตาหรี่แคบ
หากหลี่ฟู่เฉินมีโครงกระดูกระดับ 5 ดาว พวกเขาคงไม่ดูถูกเขา
แต่มันผิดปกติเกินไปสำหรับหลี่ฟู่เฉินที่มีเพียงโครงกระดูกระดับ 1 ดาวเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงมองข้ามหลี่ฟู่เฉินไปโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาไม่เห็นความสำคัญใดๆ ต่อการแสดงของหลี่ฟู่เฉินในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ
เส้นทางของเต๋าแห่งการต่อสู้ต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดและเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเป็นเพียงหนึ่งในสิ่งที่สำคัญกว่าเพียงเล็กน้อย
ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ…
ภูเขาโชคชะตาดาราไม่มีสัตว์อสูร แต่มีพืชที่มีลักษณะดุร้าย
พืชเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเถาวัลย์ยาว ซึ่งจะฟาดเข้าใส่ผู้เข้าร่วมที่ประมาท ส่งผลทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ บางคนจะถูกมัดด้วยเถาวัลย์และถูกตรึงไว้
นอกจากนั้น ทุกคนก็ยังสังเกตได้ว่ายิ่งปีนขึ้นไปบนภูเขาโชคชะตาดาราสูงเท่าไหร่ แรงโน้มถ่วงที่มีก็จะมากขึ้นเท่านั้น มันมากำจัดการกระโดดขึ้นสูงของพวกเขา
***
ปิส ปิส ปิส!
เถาวัลย์ถูกตัดออกทีละต้น หลี่ฟู่เฉินเข้ามาในสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่ ในขณะที่เขากำลังปีนภูเขาอย่างรวดเร็ว
ครืน!
ทันใดนั้นพื้นดินด้านล่างก็เปิดออก และมีดอกบัวตูมขนาดยักษ์เบ่งบานออกมา และพยายามโอบล้อมหลี่ฟู่เฉิน
“ขึ้น!”
หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการที่จะถูกจับ เขาจึงกระโดดและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่ดอกบัวตูมไล่มาจากด้านหลัง
แต่ดอกบัวมีความยาวจำกัดและไม่สามารถไล่ตามหลี่ฟู่เฉินต่อไปได้
‘ภูเขาโชคชะตาดาราอาจไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังมีสิ่งกีดขวางมากมาย’
หลี่ฟู่เฉินสังเกตเห็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมที่ถูกดอกบัวตูมรัด เขาไม่ได้ตายเพียงแค่เป็นลมราวกับว่าเขาถูกพิษหลอนประสาท
ถ้าเป็นอย่างที่หลี่ฟู่เฉินคิด เมื่อถึงเวลาที่เขาตื่นขึ้น การแข่งขันการจัดอันดับดาราก็คงจะสิ้นสุดลงแล้ว
“เป็นแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงอะไรเช่นนี้”
ภูเขาโชคชะตาดารามีความสูงอย่างต่ำหลักหมื่นเมตร ตอนนี้เขาอยู่ที่ส่วนรอบๆ ของภูเขาซึ่งมีแรงโน้มถ่วงสูงขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า หลี่ฟู่เฉินสามารถกระโดดได้สูงกว่า 100 เมตรหรือมากกว่านั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ความเร็วของเขาก็ลดลงอย่างมาก เขาต้องหายใจอย่างน้อยสองสามครั้งก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไปที่ความสูง100 เมตรได้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ การหลีกเลี่ยงการโจมตีจากพืชจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น
เถาวัลย์ที่ปกคลุมท้องฟ้าพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง หลี่ฟู่เฉินดึงดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงที่ได้มา เขาเฉือนไปที่เถาวัลย์
“เงาสังหารเพลิงปีศาจ!”
เงาสีแดงสดขนาดยักษ์เข้าปกคลุมและห่อหุ้มเถาวัลย์ทั้งหมด ก่อนที่จะเฉือนมันออกเป็นชิ้นๆ
ท่าไม้ตายของทักษะดาบเพลิงปีศาจ พลังของมันร้ายแรงและยังคงทรงพลังมากแม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่ได้เปิดใช้งานเทคนิคลับใดๆ
‘นี่คือความสามารถของเขางั้นหรือ?!’
ฉินเค่อชืออยู่ห่างออกไปเพียงหลายร้อยเมตร เขายืนอยู่หลังก้อนหินที่ดูแปลกตา และตอนนี้เองฉินเค่อชือมีสีหน้าที่ดูประหลาดใจ
ย้อนกลับไป เมื่อตอนที่เธอเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ หลี่ฟู่เฉินนั้นเหนือกว่าเสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินได้มาถึงระดับที่น่ากลัวแล้ว และเธอก็เห็นได้ว่าหลี่ฟูเฉิน
ยังไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง มันเป็นเพียงการแกว่งดาบของเขาแบบสบายๆ เท่านั้น
‘ใครๆ ต่างก็ดูแคลนเขา แต่ในแง่ของความสามารถอย่างน้อยเขาก็จะอยู่ใน 20 อันดับแรกหรืออาจจะสูงกว่านี้ก็ได้’ ฉินเค่อชือคิดกับตัวเอง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่ฟู่เฉินได้เข้าสู่ชั้นเมฆและอยู่ไม่ไกลจากยอดเขามากนัก
ในช่วงเวลานี้ มีโอกาสสูงมากที่จะพบกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ
“นั่นเจ้า!”
ไม่ไกลออกไป ฮันเฟิงเห็นหลี่ฟู่เฉิน
ฮันเฟิงค่อนข้างโชคดี เนื่องจากเขาเลือกเส้นทางที่ค่อนข้างเรียบซึ่งไม่มีพืชมากนัก
“เป็นข้าแล้วอย่างไร?” หลี่ฟู่เฉินจ้องมองฮันเฟิง
ฮันเฟิงอยู่ระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี ซึ่งสูงกว่าหลี่ฟู่เฉินเพียงหนึ่งระดับ
“เย่อหยิ่งอะไรเช่นนี้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับที่ 1 แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถอยู่ในอันดับต้นๆ ของเหล่าอัจฉริยะได้ ออกจากภูเขานี้ไปเสีย”
ฮันเฟิงไม่เคยต่อสู้กับหลี่ฟู่เฉิน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถของหลี่ฟู่เฉิน ย้อนกลับไปที่เขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินจงใจหลีกเลี่ยงเขา และเลือกที่จะวิ่งไปข้างหน้า
ฮันเฟิงส่งหมัดไปที่หลี่ฟู่เฉิน ซึ่งที่มือเขาได้ใส่งสนับมือเหล็กสีเงินเอาไว้ มันมีแสงสีเงินราวกับท้องฟ้าที่ริบหรี่ไปด้วยดวงดาว
ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลาง… กระทบอนันย์ดารา
“เจ้ากำลังถามหาความตาย”
แม้ว่าจะย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรกในเขตแดนเส้นทางดวงดาว ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินก็เหนือกว่าฮันเฟิงอยู่แล้ว เขาแค่ไม่ต้องการการต่อสู้ที่ไร้ความหมายก็เท่านั้น
สองปีผ่านไป หลี่ฟู่เฉินมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เขาจึงเพิกเฉยต่ออัจฉริยะในระดับของฮันเฟิงไปแล้ว
มีเพียงอัจฉริยะชั้นยอดเหล่านั้นเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะอยู่ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน
เมื่อเห็นฮันเฟิงขยับตัว พลังฉีของหลี่ฟู่เฉินได้ระเบิดออกมาจากภายในร่างกายของเขาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เขาโคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์ที่แท้จริงกับเทคนิคลับมังกรเร้นลับ ทันทีหลังจากนั้น เขาได้ใช้ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางท่าที่สองของเขา
บูมม!
อากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและก้อนหินบนภูเขาก็พังทลาย
ดวงดาวสีเงินถูกทำลายทั้งหมด ในขณะที่ฮันเฟิงกระอักเลือดสดๆ ออกมาและก็กระเด็นลอยออกไป
ฮันเฟิงพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว
ศักยภาพโดยกำเนิดของฮันเฟิงไม่ได้ต่างไปจากดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูมากนัก แต่ทว่าเขาไม่ได้ฝึกฝนมานานเท่ากับหลี่เซียงหรู และยังไม่เข้าใจแม้แต่เจตจำนงระดับลึกลับขั้นสูงใดๆ แล้วเขาจะทนดาบจากหลี่ฟู่เฉินได้อย่างไร?
ฮันเฟิงผู้พ่ายแพ้มีดวงตาที่สูญเสียจิตวิญญาณ ขณะที่เขามองไปยังหลี่ฟู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้ามันเหมือนกับกบที่อยู่ในกะลา แม้เจ้าอาจเป็นหนึ่งในเจ็ดนภา แต่เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะดูถูกข้า”
หลี่ฟู่เฉินจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องสังหารฮันเฟิงแต่อย่างใด
หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะจากไป และยิ่งมีศัตรูน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเขาเท่านั้น
ในพริบตา หลี่ฟู่เฉินก็มาถึงจุดสูงสุดของภูเขา
ยอดเขากว้างขวางและมีรัศมีอย่างน้อยสองสามพันเมตร
ใจกลางของยอดเขา เป็นแท่นวงกลมที่เรียบง่ายและไม่มีการประดับตกแต่งใดๆ แท่นวงกลมล้อมรอบไปด้วยเสาหิน 108 เสา และเสาแต่ละต้นก็หมุนวนไปด้วยกระแสพลังฉีสีเหลือง
ตอนนี้มีคนมากกว่ายี่สิบคนยืนอยู่บนเสาหิน ทุกคนมองลงมาจากด้านบนด้วยสภาวะพลังฉีที่ไม่ธรรมดา
หลี่ฟู่เฉินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่อนลงบนเสาหินต้นหนึ่ง
เสาหินเหล่านี้รู้จักกันในชื่อเสาหินชุบสวรรค์ และพลังฉีสีเหลืองที่หมุนรอบตัวมันก็คือ พลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ มันเป็นประโยชน์สำหรับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ในช่วงระหว่างการฝึกฝน แต่การยืนอยู่บนเสาเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ไปเลย ผู้เข้าร่วมจะต้องติดอยู่ใน 36 อันดับแรกก่อน ถึงพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์
ฟึบ!
หลังจากนั้น หยานฉิงหวูก็ปรากฏตัวออกมาแทบจะพร้อมๆ กันและมายืนอยู่เสาหินชุบสวรรค์ข้างๆ ที่หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่
“แม้ว่าเจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะรักษาจุดยืนของตัวเจ้าเองได้” นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ เปิดดวงตาของเขา เขาจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉิน และหลับตาลงในทันที ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขาไม่ได้คิดว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวแต่อย่างใด