Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 293
บทที่ 293
ค่ายกลชุบสวรรค์
หลี่ฟู่เฉินเองก็พบกับความตัดพันชุลมุนในที่ที่เขาอยู่เช่นกัน เป็นที่น่าสงสัยว่ามีใครยุยงมาหรือไม่ ก็ในเมื่อมีอัจฉริยะมากกว่าหนึ่งโหลร่วมมือกันมาเพื่อโจมตีหลี่ฟู่เฉิน หากหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากพวกเขาได้ เขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
“นั่นคือการใช้ประโยชน์จากจำนวน”
เปิดใช้งานฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่ม หลี่ฟู่เฉินใช้ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางท่าแรกของเขา ดาบหลั่งไหล
ครั้งนี้แสงดาบสองสามโหลพุ่งออกไป
ปิส ปิส ปิส ปิส ปิส…
เมื่อนักสู้อยู่ในระดับของหลี่ฟู่เฉิน การที่จะสะกดข่มอัจฉริยะที่อ่อนแอกว่าได้นั้นมีมากเกินไป ด้วยดาบเดียว อัจฉริยะกว่าหนึ่งโหลได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมาจากร่างกาย
นี่คือตอนที่หลี่ฟู่เฉินยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงของเขา ดาบเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาทั้งหมดแล้ว
“มีใครอีกหรือไม่?!”
หลี่ฟู่เฉินกวาดสายตามองไปยังฝูงชนด้านล่าง
“ข้า หยุนเยี่ยต้องการลิ้มลองทักษะของเจ้า”
มีร่างที่ขึ้นเพิ่งขึ้นมาจากภูเขา จริงๆ แล้วมันเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำยิ่ง
“เป็นอันดับที่ 48 ในการแข่งขันครั้งก่อน หยุนเยี่ย เขาเพิ่งขึ้นมาถึงยอดเขาหรือ?”
“หยุนเยี่ยไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคตัวเบา แต่เทคนิคปรับแต่งร่างกายของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ท่ามกลางอันดับดาราด้วยกันเอง เขาเป็นอย่างน้อยก็สิบอันดับแรก ในแง่ของการป้องกันอย่างเดียว”
มีคนจำบุคคลที่เพิ่งมาถึงได้
ที่หยุนเยี่ยเพิ่งมามาถึงยอดเขาเอาตอนนี้ไม่ใช่เพียงเพราะเขาขาดเทคนิคตัวเบา ส่วนใหญ่เป็นเพราะโชคที่ไม่ดีของเขา ก็ในเมื่อเขาเลือกเส้นทางที่ค่อนข้างจะท้าทาย เขาเองก็เป็นถึงอันดาราและไม่ว่าเทคนิคตัวเบาของเขาจะแย่แค่ไหน มันก็คงไม่ถูกจัดอันดับต่ำกว่าอันดับ 300 แน่นอน
เขาไม่ได้มีเรื่องขัดใจอะไรกับหลี่ฟู่เฉิน แต่เขาไม่ชอบความเย่อหยิ่งที่หลี่ฟู่เฉินแสดงออกมาหลังจากเอาชนะผู้เข้าร่วมหลายคนได้ เขาแค่ต้องการทดสอบทักษะของหลี่ฟู่เฉิน
ดุจดั่งสัตว์ที่ดุร้าย หยุนเยี่ยเหยียบพื้นและพุ่งตัวเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน
“ผลิกเขาทลายภูผา”
ขณะที่หยุนเยี่ยยังคงอยู่กลางอากาศ เขากำขวานยักษ์ด้วยมือทั้งสองข้างและตวัดฟันลงมาอย่างรุนแรง ในทันที เกิดพายุที่รุนแรงขึ้น ขณะที่เงาสีขาวราวกับหิมะเองก็ปรากฏขึ้นพร้อมสภาวะพลังที่น่าประทับใจ
“เขาคู่ควรกับอันดับดาราที่ 48 ในการแข่งขันครั้งก่อนจริงๆ”
ผู้คนส่วนใหญ่ตกใจ
“ดาบระเบิด!”
หลี่ฟู่เฉินยังคงไร้อารมณ์ ในขณะที่แสงดาบเปล่งประกายพุ่งออกไป ชั้นของเงาดาบถูกบีบอัดอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะพุ่งไปข้างหน้าและระเบิดออกมา
ครืน!
วงกลมอากาศโปร่งใสกระเพื่อมออกไปรอบๆ ขณะที่หยุนเยี่ยเองก็ถูกส่งบินกลับไป หลี่ฟู่เฉินยังคงยืนอยู่บนเสาหินชุบสวรรค์โดยที่ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“ดี เอาอีกรอบ!” ดวงตาของหยุนเยี่ยเป็นประกายด้วยความสดใส
ดาบของหลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่ลึกซึ้งและโดดเด่น มันยังมุ่งเป้าไปที่ข้อบกพร่องในท่าสังหารของหยุนเยี่ยด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว หลี่ฟู่เฉินคงไม่สามารถขับไล่หยุนเยี่ยออกไปได้เช่นนี้
เหยียบลงบนพื้น หยุนเยี่ยพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉินอีกครั้ง ครั้วนี้ร่างกายของเขาเปล่งประกายออกมาเป็นสีทองแดง มันราวกับว่าร่างของเขากลายเป็นรูปปั้นทองแดง มันส่งผลทำให้ผู้คนรู้สึกถึงแรงกดดัน
“เทคนิคการปรับแต่งร่างกายระดับลึกลับขั้นสูงและเขาก็เข้าใจเจตจำนงปรับแต่งร่างกายแล้ว” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินหดตัว
นี่เป็นครั้งแรกของหลี่ฟู่เฉินที่ได้เห็นเทคนิคปรับแต่งร่างกายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
เทคนิคปรับแต่งร่างกายนั้นแตกต่างจากทักษะต่อสู้อื่นๆ อย่างมาก และมันก็ยากมากที่จะทำความเข้าใจเจตจำนงของเทคนิค มันยากกว่ามากเมื่อเทียบกับเจตจำนงเทคนิคบ่มเพาะ
แต่เมื่อผู้ฝึกฝนเข้าใจเจตจำนงปรับแต่งร่างกายแล้ว การป้องกันของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับฝ่ายตรงข้ามที่มีพลังฝึกฝนในระดับเดียวกัน มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ฝ่ายตรงข้ามจะทำลายการป้องกันของพวกเขาได้
นอกเหนือจากนี้ หลังจากเข้าใจเจตจำนงปรับแต่งร่างกายแล้ว ผู้ฝึกฝนจะได้รับความแข็งแกร่งทางร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
จากสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินรู้ เฉพาะราชาดาราไร้เคลื่อนไหว ฉีเหิงเท่านั้นที่เข้าใจเจตจำนงปรับแต่งร่างกายระดับลึกลับขั้นสูง แน่นอน เขาเองก็ประทับลวดลายลงบนร่างกายเช่นกัน ดังนั้นการป้องกันของเขาจึงเหนือกว่าหยุนเยี่ยมาก ไม่งั้นแล้ว เขาคงจะไม่ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาดาราไร้เคลื่อนไหว
“ความสามารถในการปรับแต่งร่างกายของหยุนเยี่ยเกือบจะติดอันดับหนึ่งในห้าของทุกคนที่นี่” ราชาดาราไร้เคลื่อนไหวฉีเหิงมีความสนใจเล็กน้อย
เผชิญหน้ากับหยุนเยี่ยผู้กล้าหาญ นอกเหนือจากความประหลาดใจในครั้งแรก หลี่ฟู่เฉินก็ไม่แสดงสีหน้าอื่นใดอีก
ใช้ทักษะดาบเพลิงปีศาจ ชั้นของแสงสีแดงเข้มมาบรรจบกันอยู่ที่ดาบสีดำของเขา
เช้ง!
เมื่อดาบและขวานปะทะกัน มือของหยุนเยี่ยระเบิดเลือดออกมา ขณะที่ขวานยักษ์ของเขาหลุดออกจากการจับของเขา
“ไม่ดีแล้ว!” หยุนเยี่ยรู้สึกตกใจ
ปิสส!
ทันใดนั้นเอง ดาบของหลี่ฟู่เฉินก็พุ่งเข้าไปที่หน้าอกของหยุนเยี่ย
เพื่อที่จะทำลายการป้องกันของเจตจำนงปรับแต่งร่างกายระดับลึกลับขั้นสูง คนผู้นั้นต้องเข้าใจเจตจำนงทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูง หากเปรียบเทียบกัน ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าเจตจำนงของทักษะดาบมีความรุนแรงมากที่สุด เมื่อเผชิญหน้ากับเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉิน หยุนเยี่ยจึงไม่มีทางที่จะป้องกันได้
“เจตจำนงระดับลึกลับขั้นสูง น่าสนใจ!” นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเยว่ มองมา
เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินเองก็เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูง ตาของเขาเปล่งแสง จากสิ่งที่เขารู้ จำนวนคนที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงนั้นมีน้อยมาก แม้ว่าจะรวมคนที่เพิ่มเข้ามาทั้งหมดแล้วก็ตาม มันก็อาจจะน้อยกว่านิ้วจากมือข้างหนึ่ง
“ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า” หยุนเยี่ยถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่บาดแผลบนหน้าอกของเขาค่อยๆ ปิดลง แต่ถึงแม้มันจะปิดสนิทแต่มันก็ยังคงทิ้งรอยแผลเป็นของดาบเอาไว้
เขาเพิ่งเข้าใจเจตจำนงปรับแต่งร่างกายเมื่อไม่นานมานี้และมันก็ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น เมื่อเทียบกับเจตจำนงดาบระดับลึกลับขั้นสูงของหลี่ฟู่เฉินแล้ว มันก็เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในขั้นสุกงอมแล้วหรืออาจจะมากกว่านั้น มันไม่คุ้มค่าหากต้องการลองดีกับมัน
(ระดับของเจตจำนงที่รู้ตอนนี้ เริ่มต้น สุกงอม สมบรูณ์)
แต่มีบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ เขาอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพี และหลี่ฟู่เฉินอยู่แค่ในระดับที่ 8 ของขอบเขตปฐพีเท่านั้น ตามเหตุผลแล้วแม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะมีเจตจำนงดาบระดับลึกลับขั้นสูง มันก็ยังคงยากที่จะทำร้ายหยุนเยี่ย เนื่องจากมีความแตกต่างของระดับพลังฝึกฝน
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าความตระหนักรู้ในการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นโดดเด่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ก็ในเมื่อหลี่ฟู่เฉินเล็งไปที่ข้อบกพร่องที่มีอยู่ในเกราะพลังฉีของเขา
มีข้อบกพร่องในทุกสิ่ง แม้จะเป็นเกราะพลังฉีของคนๆ นึงก็ตาม
แน่นอนว่าหากปราศจากความตระหนักรู้ในการต่อสู้ที่โดดเด่นเช่นหลี่ฟู่เฉิน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายการป้องกันของหยุนเยี่ย เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจของเขาอยู่ในขั้นสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นจึงเพียงพอที่จะทำลายเกราะป้องกันของหยุนเยี่ย
เรียนรู้จากบทเรียนของหยุนเยี่ย ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายหลี่ฟู่เฉินอีกต่อไป
แม้ว่าจะไม่มีใครเต็มใจที่จะยอมรับมัน หลี่ฟู่เฉินก็มีความแข็งแกร่งที่จะเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ จริงๆ
“เจตจำนงแห่งดาบของฟู่เฉินชัดเจนมากขึ้น” จ้าวหวูจินจมอยู่กับอารมณ์
เขาให้ความสนใจกับหลี่ฟู่เฉินตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่เพียงขอบเขตต้นกำเนิด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจได้ดีว่าหลี่ฟู่เฉินพัฒนาขึ้นมากเพียงใด
ด้วยความสามารถของหยุนเยี่ย มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะคว้าที่ใดที่นึงของเสาหินชุบสวรรค์ และมันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะยืนหยัดต่อสู้กับเหล่าอัจฉริยะนับสิบ
ผู้ครอบครองเสาหินชุบสวรรค์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและมีช่วงเวลาหนึ่งที่มีผู้ครอบครองถึง 107 คน แต่ก็ยังขาดผู้ครอบครองทั้งหมด 108 คน
กว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
“ไปให้พ้น!”
ร่างหนึ่งที่ฝ่าออกมาจากฝูนชนรอนขึ้นไปและลงมาที่ยังเสาหินชุบสวรรค์
ครืน!
เมื่อเสาหินชุบสวรรค์ทั้ง 108 ต้นถูกยึดครอง ทั้งเสาหินทั้งหมดและร่างกายของผู้คนก็สั่นสะเทือน ผิวของเสาหินเต็มไปด้วยพลังฉีสีเหลือง ซึ่งมันก็เชื่อมต่อเข้าด้วยกันและขับไล่คนอื่นๆ ยกเว้นผู้ครอบครองเสาออกไป
“เวรเอ้ย”
ผู้ที่ไม่สามารถยืนอยู่บนเสาหินชุบสวรรค์ได้มีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปทันที ก็ในเมื่อพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับผลลัพธ์นี้
ค่ายกลชุบสวรรค์ถูกเปิดใช้งานแล้ว ตอนนี้ เสาหินชุบสวรรค์ 108 ต้นสร้างเขตแดนโดยที่มีเวทีวงกลมอยู่ตรงกลาง แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับค่ายกลนี้ได้
หากมีการแทรกแซงเกิดขึ้นคนผู้นั้นก็จะถูกโจมตีจากค่ายกลชุบสวรรค์ ส่งผลทำให้เสียชีวิตทันที
“ดี”
โอหยางเหวินเทียนและคนอื่นๆ ปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของนิกายวารีครามที่มีบุคคลสองคนเข้าสู่อันดับดารา
ประมาณหนึ่งในสามของนิกายทั้งหมดศิษย์ของพวกเขาไม่สามารถเข้าสู่การจัดอันดับดาราได้ นอกเหนือจากนิกายวารีครามและนิกายชั้นยอดสิบอันดับแรกแล้ว มีน้อยกว่าห้านิกายที่มีศิษย์สองคนขึ้นไปเข้าสู่การจัดอันดับดารา
ดั่งเช่นนิกายโหมกระบี่และนิกายเร้นวิญญาณเอง ก็ไม่มีศิษย์คนใดเข้าสู่การจัดอันดับดารา
“ข้าสงสัยว่าการแข่งขันจัดอันดับดาราจะดำเนินต่อไปอย่างไร?”
หลี่ฟู่เฉินมองไปยังเสาหินชุบสวรรค์ทั้ง 108 ต้น และเวทีวงกลมตรงกลาง ขณะที่เผยสีหน้าสงสัยออกมา
ไม่มีผู้ตัดสินในการแข่งขันจัดอันดับดารา หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ตั้งใจหาข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดมากนัก
ครืน!
เช่นเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินกำลังคิดถึง…
เสาหินชุบสวรรค์ทั้ง 108 ต้นค่อยๆ จมลงพื้น ต่อจากนั้น อัจฉริยะสองคนบนเสาหินที่เพิ่งจมลงมาก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีวงกลม
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่ฟู่เฉินเข้าใจในพริบตา