Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 294
บทที่ 294
พลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์
อัจฉริยะทั้งหมดที่มีอยู่ในรายชื่ออยู่การจัดอันดับดาราล้วนแข็งแกร่งพอสมควร ผู้ที่มาจากการแข่งขันการจัดอันดับดาราครั้งก่อนส่วนนใหญ่น่าจะสามารถติดอันดับ 70 ถึง 80 ได้
บูม บูม บูม!
บนเวทีวงกลม มีมีขุมพลังฉีระเบิดออกและอาวุธก็เข้าปะทะกัน
เมื่อการต่อสู้ได้รับการตัดสินแล้ว เสาหินชุบสวรรค์ของผู้แพ้ก็จะแตกออกและส่งกระแสพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ไปยังเสาหินชุบสวรรค์ของผู้ชนะ
‘เสาหินชุบสวรรค์ทุกต้นมีพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์จำนวนจำกัด ทุกครั้งที่แพ้จะทำให้เสียส่วนหนึ่งไป ไม่น่าแปลกใจที่มีเพียง 36 อันดับแรกเท่านั้นที่สามารถได้รับการสนับสนุนจากพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์’ เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ฟู่เฉินตระหนักถึงความจริงนั้นในใจของเขา
สำหรับนัดที่สอง มันคือราชาดาราแส้ทองคำ จินซูตง
คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้อ่อนแอและแข็งแกร่งมา ก็ในเมื่อเขาคือหลู่เซียงตงซึ่งอยู่ในอันดับที่ 42 ของการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งก่อน
ฟึบ!
อาวุธของจินซูตงคือแส้สีทองยาว 10 ฟุตซึ่งมีทั้งหมด 108 ส่วน มันราวกับกระดูกสันหลังที่มีสีทอง ด้วยการตวัดแส้แบบง่ายๆ ก็ยังทำให้เกิดแสงสีทองสว่างวาบบนเวที ขณะเดียวกันเจตจำนงแส้ที่น่ากลัวก็ถูกระเบิดออกมา มันพุ่งไปที่หลู่เซียงตงทันที ส่งผลทำให้หน้าอกของเขายุบและได้รับบาดเจ็บสาหัส
“แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!” ทุกคนตื่นตะลึง
“ชะล่าใจเกินไปแล้ว เขาคิดไม่ได้รึไงว่าเผชิญหน้าอยู่กับจินซูตง!”
“ข้าคิดว่าเขาพยายามที่จะทดสอบความสามารถของจินซูตง!”
ทุกคนมีวิเคราะห์กันอย่างอย่างดุเดือด
หันไปรอบๆ อย่างใจเย็น จินซู่ตงเดินกลับไปที่เสาหินของเขา
ส่วนหลู่เซียงตงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีดวงไฟเข้ามาห่อหุ้มเขาไว้ ช่วยให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
หลู่เซียงตงมีสีหน้าหวาดกลัวสามปีผ่านไปตั้งแต่การแข่งขันครั้งก่อนหน้านี้และเขาก็คิดว่าเขาเองก็เก่งขึ้นไม่มากก็น้อย แม้เขาจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจินซูตง เขายังอยากลองดู เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะพ่ายแพ้ในลักษณะที่ดูน่าสังเวชเช่นนี้ และก็ยังเป็นในลักษณะที่ตรงไปตรงอีกเช่นกัน
หายใจเข้าลึกๆ หลู่เซียงตงกระโดดลงจากเวทีและกลับไปที่เสาหินของเขา ในช่วงเวลาถัดไป เสาหินด้านล่างของเขาก็มีรอยแตกซึ่งเอาส่วนหนึ่งของพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ไปและหลอมรวมเข้ากับเสาหินที่อยู่ใต้เท้าของจินซูตง
‘นั่นคือขอบเขตครึ่งก้าวสวรรค์?’ หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว
จินซูตงไม่ได้เปิดใช้งานเทคนิคลับใดๆ และทักษะแส้ที่เขาใช้นั้นเป็นทักษะแส้ระดับลึกลับขั้นกลาง แต่หลู่เซียงตงที่อยู่ในอันดับที่ 42 ก็ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่ครั้งเดียว หากไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูของค่ายกลชุบสวรรค์ช่วยเหลือ เขาอาจจะต้องตายไปแล้วแน่นอน
หลี่เซียงหรูขึ้นเป็นนัดที่สี่และคู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นอัจฉริยะที่มาใหม่ ผู้มาใหม่นี้แข็งแกร่งมากและหลี่เซียงหรูก็สามารถเอาชนะเขาได้หลังจากผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่า
นัดที่ห้าเป็นตาของหยานชิงหวู และฝ่ายตรงข้ามของเธอก็คือหยุนเยี่ย
“นกนางแอ่นทะยานระบำ”
หลังจากเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 3 ดาว นกนางแอ่นทะยานระบำ ร่างของหยานฉิงหวูก็แบ่งออกเป็นหลายร่างมันทำให้หยุนเยี่ยตาตื่น เนื่องเพราะเขาไม่สามารถจับร่างที่แท้จริงของเธอได้
เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง…
รังสีกระบี่กระจายไปทั่วร่างของหยุนเยี่ย ซึ่งมันได้ระเบิดออกมาพร้อมกับประกายไฟนับไม่ถ้วน
“เจ้าไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับข้าได้แน่!”
หยุนเยี่ยคำรามและวาดขวานยักษ์ของเขาออกไปเป็นแนววงกลม ทำลายร่างแยกทั้งหมดที่หยานฉิงหวูสร้างขึ้น
“นั่นอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น”
หยานฉิงหวูขมวดคิ้วและเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาว นกนางแอ่นตวัดทะยาน กระบี่โค้งในมือของเธอมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งมีเงาของนกนางแอ่นถูกหุ้มเอาไว้
ปิส!
เลือดสดพุ่งออกมาขณะที่หยุนเยี่ยได้รับบาดเจ็บจากกระบี่นี้
ปิส ปิส ปิส ปิส…
ทันทีหลังจากนั้น หยุนเยี่ยก็ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ก็ในเมื่อขาถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลจากกระบี่
“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้” หยุนเยี่ยยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นและยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา
ความเร็วกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วมาก เร็วมากจนทำให้วิชากระบี่ดูไร้ค่าไปเลย เขาไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้ประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้อย่างไร มันเป็นไปตามคำพูดที่ว่า ‘ผู้คนต้องโกรธตนเองจนตายหากเขาคอยเปรียบเทียบกับคนอื่นต่อไป’
ในนัดที่เจ็ด มันคือนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ กับหวังซิน
ในการแข่งขันจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้ จื่อหยูเย่อยู่ในอันดับที่ 28 ในขณะที่หวังซินอยู่ในอันดับที่ 44 ตามตรรกะแล้ว ความแตกต่างของพวกเขาไม่สมควรมากเกินไป
นั่นเองก็คือสิ่งที่หวังซินคิดเช่นกัน
“เจ้าจะไม่ยอมแพ้จริงๆ?” จื่อหยูเย่มองไปที่หวังซิน
หวังซินตอบอย่างมั่นใจ “ทำไมข้าต้องยอมด้วยเล่า”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของจื่อหยูเย่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมแพ้แต่อย่างใด จื่อหยูเย่ผู้นี้ไม่ใช่หนึ่งในสามราชาดาราที่เขาอาจจะต้องยอมแพ้ให้เสียหน่อย
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจ” จื่อหยูเย่กล่าวอย่างไม่แยแส
“เอาฝ่ามือจากข้าไปกินเถอะ”
หวังซิงทะยานขึ้นไปในอากาศและส่งพลังออกจากฝ่ามือทั้งสองของเขาหลายสิบครั้ง ส่งมันไปยังจื่อหยูเย่ ทุกฝ่ามือถูกถักทอเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิด และในที่สุดมันก็กลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่ฟาดลงไปยังจื่อหยูเย่
“แมลงวันน่ารำคาญ ทำลาย!”
จื่อหยูเย่แกว่งดาบของเขาออกไป ซึ่งเป็นดาบคมสีทอง เขาแทงมันไปกลางอากาศ ซึ่งก็มีแสงออกมาจากดาบสีทองมันก็ขึ้นราวกับเป็นกรงเล็บของมังกร ฉีกฝ่าทะลุมือยักษ์และทะลุร่างของหวังซินไป
อ๊ากกก!
หมอกโลหิตระเบิดกลางอากาศ ขณะที่หวังซินส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ก่อนที่เขาจะล้มลงบนเวทีกลมไป
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากมีรูเลือดขนาดเท่าชามอยู่ทั้งหมดห้ารูบนตัวตัวของเขา
จือหยูเย่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่หวังซิน เขาหันหลังกลับ ก่อนจะกลับไปที่เสาหินของเขา
หวังซินที่ฟื้นขึ้นมามีสีหน้าราวกับเห็นผี ก็ในเมื่อดวงตาของเขาเบิกกว้างอยู่
เขารู้สึกว่าความสามารถของจื่อหยูเย่ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาดาราแส้ทองคำ จินซูตง เลย
เหตุผลที่หนึ่งก็คือหวังซินไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอกว่าหลู่เซียงตง และเขาก็รู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ
“นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่เป็นอัจฉริยะในเต๋าแห่งดาบจากนิกายดาบมังกรฟ้าจริงๆ เขาเติบโตถึงระดับดังกล่าวด้วยเวลาเพียงแค่สามปี เขาตั้งใจที่จะก้าวขึ้นสู่อันดับสูงสุด สามราชาดารา?”
“เป็นไปได้มาก หกนายน้อยและสี่เทพธิดา… พวกเขาคนไหนบ้างที่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่สามราชาดารา? ข้าสงสัยว่านายน้อยและเทพธิดาคนอื่นๆ มีความสามารถถึงระดับนี้กันหมดรึเปล่า?”
ได้เป็นพยานถึงความสามารถของจื่อหยูเย่ ทุกคนมีความคาดหวังที่มากขึ้นจากอัจฉริยะชั้นยอด
ช่วงเวลาสามปีมีตัวแปรมากเกินไป การจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องและไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้
แน่นอนว่าต้องยกเว้นสามราชาดาราเอาไว้
ในนัดที่สิบ มันคือเทพธิดาวายุเหมันต์ ซูหลิน
ขณะที่เธอยืนอยู่บนเวทีวงกลม
บูมม!
เทพธิดาวายุเหมันต์แทบไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว ด้วยการระเบิดพลังฉีเพียงอย่างเดียว สภาวะพลังฉีเย็นยะเยือกไร้ขอบเขตก็โอบล้อมคู่ต่อสู้เอาไว้แล้ว
“ข้าขอยอมแพ้”
คู่ต่อสู้ของเธอสั่นสะท้านเนื่องจากความหนาวเย็นและไม่ใช่แค่หนาวเหน็บบนผิวกาย มันเย็นลงไปจนถึงระดับวิญญาณ
ในนัดที่ 15 นายน้อยนภาดารา มู่หรงตี๋ คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีความสามารถมากนัก เขาจึงรีบยอมแพ้ในทันที
ในนัดที่ 17 นายน้อยต้วนหลิน เซี่ยฮัวชวน คู่ต่อสู้ของเขาเองก็ยอมแพ้เช่นกัน
ในนัดที่ 20 คู่ต่อสู้ของนายน้อยดาบทยาน หลั่วเฟ่ยหยุน เองก็ยอมแพ้
ในนัดที่ 24 …
เสาหินของหลี่ฟู่เฉินจมลงจนเหลือความสูงประมาณครึ่งหนึ่ง
‘ถึงตาข้าแล้วหรือ?’
ร่างของหลี่ฟู่เฉินกระพริบและไปร่อนลงที่บนเวที
หลี่ฟู่เฉินลืมตาขึ้นและมองคู่ต่อสู้ของเขา
คู่ต่อสู้ของเขามีรูปร่างกำยำและทั่วร่างพลุ่งพล่านไปด้วยสภาวะพลังฉี
“เขาคือหนึ่งในสิบต้วนหลิน เซี่ยฮัวไห่”
“ศักยภาพโดยกำเนิดของเซี่ยฮัวไห่อาจไม่ดีเท่ากับเซี่ยฮัวชวนและเซี่ยฮัวชือ แต่เขาก็มีข้อได้เปรียบในด้านอายุ เขาอยู่ในอันดับที่ 39 ของการแข่งขันจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้”
“คงมีการแสดงยอดเยี่ยแล้วในตอนนี้”
ทุกคนมองไปที่เวทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาต้องการที่จะเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินมีความสามารถในระดับใด
“เด็กน้อย เจ้าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้จริงๆ หรือ?” เซี่ยฮัวไห่ยิ้มและเยาะเย้ย
เขาอยู่ในอันดับที่ 39 ในของการแข่งขันจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้และเขาก็มั่นใจว่าเขาน่าจะสามารถเข้าสู่ 30 อันดับแรกได้ในครั้งนี้ เขาไม่แม้แต่จะมองหลี่ฟู่เฉินอยู่ในสายตา แม้ว่าชื่อของหลี่ฟู่เฉินจะดังมากในช่วงปีที่ผ่านมาก็ตามที
“แล้วเจ้าเองละไม่คิดจะยอดแพ้หรือ?” หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ
“จะยอมแพ้หรือไม่มันก็เรื่องของข้า! กรงเล็บแยกภูผา!”
เซี่ยฮัวไห่สวมกรงเล็บเหล็กไว้อยู่ ขณะที่เวลาต่อมาเองเขาก็ตวัดมันออกไป เงากรงเล็บปกคลุมท้องฟ้าราวกับเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ที่โอบกอดหลี่ฟู่เฉินเอาไว้
“ทำลาย!”
ดาบแสงสีดำของหลี่ฟู่เฉินเปล่งแสงสีแดงเข้ม ขณะที่มันเริ่มพองออกมาเป็นดาบยักษ์สีแดงเข้ม
ดาบกวาดฟันไปรอบๆ และทำให้ตาข่ายยักษ์หายไป ในขณะที่พลังที่เหลืออยู่ก็เข้าไปบดขยี้เซี่ยฮัวไห่ต่อ
“ศิลปะรองจิตวิญญาณต่อสู้ เปิดใช้งาน!”
พลังฉีของเซี่ยฮัวไห่ระเบิดออกมาพร้อมกับเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่ร่างกายของเขาเปล่งแสงสีเหลืองสุกใสออกมา ต่อจากนั้นเขาก็ฟาดหมัดลงบนดาบยักษ์