Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 298
บทที่ 298
ฝ่ามือเดียว
“ความสามารถของเฉินเฟิงน่าจะแข็งแกร่งกว่าที่มู่หรงตี๋แสดงไว้ก่อนหน้านี้มาก แต่ไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน”
“เฉินเฟิงอยู่ในอันดับที่ 17 ในการแข่งขันครั้งก่อนหน้านี้ แต่หลี่ฟู่เฉินเองก็เป็นราชาของม้ามืด การแข่งขันครั้งนี้มีอะไรให้รอคอยอีกมากมาย!”
หลายคนจมอยู่กับการวิเคราะห์
หลังจากที่เอาชนะซุนไห่หลงและเซี่ยฮัวชือได้แล้วนั้น สถานะของหลี่ฟู่เฉิน ที่ถูกเรียกว่าราชาของเหล่าม้ามืดได้รับการตัดสินแล้ว นั่นย่อมหมายความว่าความสามารถของเขาเพียงพอที่จะอยู่ในอันดับของอัจฉริยะชั้นยอด แต่ถ้าหลี่ฟู่เฉินพ่ายแพ้ นั่นหมายความว่าความสามารถของเขาจะอยู่ได้แค่ในระดับ 20 ถึง 30 อันดับแรกเท่านั้น และเขาจะไม่สามารถไปสูงกว่านี้ได้
อาวุธของเฉินเฟิงคือกระบี่ขนาดใหญ่ที่มีฟันเลื่อย ตัวกระบี่มีริ้วเลือด ซึ่งดูคล้าบกับว่ามันกลายเป็นงูโลหิตหลังจากที่เฉินเฟิงถ่ายพลังฉีลงไป มันเคลื่อนไหวเล็กน้อยเมื่อกระแสพลังฉีไหลผ่าน
“หลี่ฟู่เฉิน รับกระบี่แรกของข้า!”
เฉินเฟิงไม่ต้องการเสียเวลาไปกับคำพูดฟุ่มเฟือยและใช้งานทักษะกระบี่ของเขาออกมา ริ้วเลือดนับไม่ถ้วนไหลออกมาห่อหุ้มหลี่ฟู่เฉิน
หลังจากดูใกล้ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเลือดอย่างที่คิด แท้จริงแล้วพวกมันเป็นริ้วกระบี่ที่ถูกยืดออกและควบแน่นกันเท่านั้น
ทักษะกระบี่ของเฉินเฟิงเป็นทักษะกระบี่ระดับลึกลับขั้นสูง กระบี่เส้นโลหิต เมื่อทักษะกระบี่เส้นโลหิตนี้ได้รับการฝึกฝนจนถึงขีดสุด กระบี่พลังฉีจะเป็นเหมือนกับริ้วเส้น เฉินเฟิงอาจจะเข้าใจเจตจำนงกระบี่เส้นโลหิตนี้แล้วก็เป็นไปได้
แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่สามารถไปถึงขั้นสมบรูณ์ได้และกระบี่พลังฉีก็ยังเข้าไม่ถึงรูปแบบเส้นใยโลหิต
เมื่อเขาเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาว พลังฉีหยางบริสุทธิ์ หลี่ฟู่เฉินก็ฟันออกไปด้วยดาบดำของเขาทันที
“เงาสังหารเพลิงปีศาจ!”
แสงสีแดงเข้มเข้าห่อหุ้มเฉินเฟิงไว้ ทุกอย่างภายในเป็นเหมือนเขตของดาบเคลือบพลังฉี
ปิสส ปิสส!
กระบี่เส้นโลหิตถูกสลายไปทั้งหมด ในขณะที่แสงสีแดงก็แตกออกเช่นกัน
“หือ?”
เฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขาใช้ความสามารถเต็มที่แล้วและคิดว่าเขาน่าจะสามารถกดดันหลี่ฟู่เฉินได้
“รับกระบี่ของข้าไปอีกซักครั้ง!”
เฉินเฟิงกระทืบพื้นและบินไปข้างหน้าหลี่ฟู่เฉิน
ในช่วงเวลาต่อมา เฉินเฟิงจับกระบี่ของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะที่ฟันมันลงมาอย่างบ้าคลั่ง
“น้ำตกเส้นใยโลหิต!
ฉึบ ฉึบ ฉึบ…
เส้นโลหิตนั้นหนาแน่นราวกับน้ำตกที่ไหลลงสู่หลี่ฟู่เฉิน มันทั้งมากมายและเผด็จการอย่างยิ่ง โลหิตทุกเส้นเต็มไปด้วยพลังแห่งเฉือนและเจาะทะลุที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งหากเป็นนักสู้ทั่วไปไม่สามารถปิดกั้นมันได้แน่นอน
ฟึบ!
ในเวลานั้นเองหลี่ฟู่เฉินทั้งสี่ร่างก็ปรากฏออกมา ขณะที่เขาหลบเลี่ยงกระบวนท่านี้ได้ในทันที
“เจตจำนงเทคนิคตัวเบาระดับลึกลับขั้นกลางใช่หรือไม่?”
เฉินเฟิงมีท่าทางที่ดูหวาดกลัวในขณะนี้เอง
เจตจำนงเทคนิคบ่มเพาะ เจตจำนงเทคนิคตัวเบา เจตจำนงเทคนิคปรับแต่งร่างกาย… เจตจำนงทั้งสามนี้ยากที่จะเข้าใจ การฝึกฝนทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่ยอดเยี่ยมอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขาก็สามารถไปถึงระดับที่สูงในการฝึกฝนเทคนิคตัวเบาได้ด้วยเช่นกัน
หลังจากหลบเลี่ยงท่าสังหารของเฉินเฟิงได้แล้วนั้น หลี่ฟู่เฉินก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านซ้ายของเฉินเฟิง
“เขาเพลิงปีศาจ”
แทงออกไปด้วยดาบสีดำของเขา เขาสีแดงก็ปรากฏขึ้น ราวกับว่าปีศาจที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟกำลังใช้เขาของมันพุ่งชนเฉินเฟิงด้วยพลังที่น่าตื่นตกใจ
เช้ง!
เทคนิคตัวเบาของเฉินเฟิงไม่ดีเท่าหลี่ฟู่เฉิน เขาจึงมีเวลาแค่พอที่จะบิดตัวและยกกระบี่ขึ้นเพื่อป้องกันเท่านั้น
ขณะนี้เอง เขาก็ได้ประสบกับการทำอะไรไม่ถูกของซุนไห่หลงครั้งนั้นด้วยตัวเองแล้ว
เขาเพลิงปีศาจมีการควบแน่นที่ทรงพลังและพลังทั้งหมดของมันถูกก็ถูกรวบรวมไว้ที่ส่วนปลาย
ทันทีที่กระบี่และดาบเข้าปะทะกัน เฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังฉีที่มองไม่เห็นได้แทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเขา ซึ่งนั้นก็คือดาบเขาเพลิงปีศาจ
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเฉินเฟิงในขณะที่เขาถูกส่งบินออกไป แขนของเขาไม่สามารถหยุดสั่นได้ ขณะที่เขารู้สึกชาไปชั่วขณะ
‘เหลือเชื่อมาก’ คิ้วของหลี่ฟู่เฉินถูกเลิกขึ้น
ดาบของเขาเหมือนกับค้อนตอกตะปู ซึ่งสามารถเจาะเข้าไปในแผ่นไม้ได้อย่างง่ายดาย แต่เฉินเฟิงกลับป้องกันมันได้จริงๆ
“อีกครั้ง” ความเร็วของหลี่ฟู่เฉินเร็วกว่าที่เฉินเฟิงบินกลับหลังไปอยู่มาก หลี่ฟู่เฉินใช้เขาเพลิงปีศาจอีกครั้ง
เช้ง! ปิสสส!
คราวนี้ เฉินเฟิงพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง ในขณะที่พลังฉีในร่างกายของเขากระจัดกระจายเกือบทั้งหมด
“ไม่!” เฉินเฟิงคำรามออกมาด้วยความโกรธและโคจรพลังฉีของเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการใช้พลังฉีที่รุนแรงเพื่อขับไล่หลี่ฟู่เฉินไป
แต่ช่างน่าเสียดายเพราะสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าก็คือเขาเพลิงปีศาจ มันเขาะทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง การระเบิดพลังฉีเฉินเฟิงทะผ่านเข้ามาทันที ขณะที่ดาบของหลี่ฟู่เฉินพุ่งเข้าหาเฉินเฟิงเป็นครั้งที่สาม
ครั้งนี้ เฉินเฟิงไม่สามารถปิดกั้นด้วยกระบี่ของเขาได้อีกแล้ว
ปิสส!
เขาสีแดงแทงทะลุหน้าอกของเฉินเฟิง ในขณะที่ร่างกายทั้งหมดของเขากระตุกและงอเป็นกุ้ง
เมื่อเขาสีแดงเข้มสลายไป หลี่ฟู่เฉินถอยห่างและไม่โจมตีอีกต่อไป
“เขาเอาชนะอย่างตรงไปตรงมาได้แบบนี้เลยหรือ?”
ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจ
ทุกคนคิดว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่สูสี แต่มันก็จบลงอย่างรวดเร็ว
มันให้ความรู้สึกราวกับว่าพายุฝนฟ้าคะนองกลายเป็นละอองฝน
(หมายเหตุ TL: ผู้เขียนพยายามบอกว่าการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่คาดเดาได้กลายเป็นการแข่งขันที่เรียบง่าย)
“เทคนิคตัวเบาของหลี่ฟู่เฉินนั้นยอดเยี่ยมเกินไปและกระบวนดาบของเขาก็น่ากลัวมาก เมื่อถือไพ่ที่เหนือเช่นนี้ไว้แล้ว เฉินเฟิงจึงไม่มีทางเปลี่ยนกระแสการต่อสู้แบบนี้ได้”
“ถูกแล้ว เมื่อมีความสามารถเท่ากันทั้งสองด้าน คนที่มีเทคนิคตัวเบาที่ดีกว่าจะเป็นผู้ชนะ”
“จุดอ่อนเดียวของเฉินเฟิงคือเทคนิคตัวเบาของเขา แน่นอน นี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบระหว่างอัจฉริยะชั้นยอดด้วยกัน ถ้าเอาเขามาเทียบกับเรา เทคนิคตัวเบาของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเราเลย”
การแข่งขันกับเซี่ยฮัวชือทำให้หลี่ฟู่เฉินเป็นยอดอัจฉริยะและเป็นราชาแห่งม้ามืด แต่การต่อสู้กับเฉินเฟิงครั้งนี้ทำให้หลี่ฟู่เฉินเป็นหนึ่งในอัจริยะระดับสูง
คนผู้หนึ่งจะได้ถูกพิจารณาอันดับในคนรุ่นเยาว์ได้ก็ต่อเมื่อได้ได้แข่งขันในการจัดอันดับดาราไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินมีความสามารถที่จะติดหนึ่งในยี่สิบอันดับแรกได้ และแม้ว่าเขาจะด้อยกว่านั้น ความแตกต่างก็คงจะไม่ต่างกันมากนัก
“น่าสนใจ” นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยแสงแปลกๆ
ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย
เดิมทีเขาคิดว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงแมลง แต่จากที่เห็นแล้ว หลี่ฟู่เฉินดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าแมลงและอาจแลกกระบวนท่าบางอย่างกับเขาได้
“หากใครต้องการเป็นยอดอัจฉริยะ พวกเขาจะต้องไม่มีจุดอ่อนใดๆ เทคนิคตัวเบาของเฉินเฟิงค่อนข้างอ่อนแอ” มู่หรงตี๋ยิ้มจางๆ ขณะที่คลี่พัดโลหะและพัดตัวเองเบาๆ
“น่าสนใจ” เทพธิดาวายุเหมันต์มองไปที่หลี่ฟู่เฉินเช่นกัน
เธอได้รับพรสวรรค์ในแง่ของการฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะประเภทน้ำแข็ง แม้แต่กระทั้งสามราชาดาราก็เทียบกับเธอในแง่ของขั้นเทคนิคบ่มเพาะไม่ได้
หลี่ฟู่เฉินเป็นคนเดียวที่ไม่แพ้เธอในขั้นเทคนิคบ่มเพาะ
หลังจากที่เอาชนะเฉินเฟิงได้แล้ว สถิติของหลี่ฟู่เฉินตอนนี้ก็คือชนะติดต่อกัน 26 ครั้ง
พลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ซึ่งดูเหมือนงูยักษ์กำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของมันใหญ่ขึ้นและดูราวกับว่ามันกำลังพัฒนาเป็นงูหลามยักษ์และเสียงที่เปล่งออกมาก็ดังขึ้นมากเช่นกัน
ในนัดที่ 1430 เซี่ยฮัวชวนต่อสู้กับเฉินเฟิง
เซี่ยฮัวชวน หรือที่เรียกว่านายน้อยต้วนหลินมีโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ ในการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งก่อน เขามีอันดับเดียวกับเทพธิดาวายุเหมันต์ ซูหลิน พวกเขาครองอันดับที่ 15 และความสามารถของเขาก็ถือว่าน่าประหลาดใจ ในการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งนี้ เขามีคุณสมบัติที่จะก้าวไปสู่ห้าอันดับแรก
เพียงฝ่ามือเดียว เขาใช้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวเพื่อส่งเฉินเฟิงบินออกไป
ความสามารถของเฉินเฟิงไม่ถือว่าอ่อนแอและเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าชูมูหยู่เสียด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยฮัวชวนแล้ว เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเขาต่อสู้กับหลี่ฟู่เฉิน เขายังพอสามารถต้านทานกระบวนท่าได้อยู่บ้าง
เฉินเฟิงมีสีหน้าที่เซื่องซึมเพราะความมั่นใจของเขาดูเหมือนจะพังทลาย
การแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งนี้มีสิ่งทำร้ายจิตใจของเขามากมาย
ก่อนแข่งขันเขามีความมั่นใจมากและมีความปรารถนาที่จะก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรก แต่ตอนนี้ เขาพ่ายแพ้ต่อหลี่ฟู่เฉินครั้งแรกไปอย่างน่าสังเวชและพ่ายแพ้ให้กับเซี่ยฮัวชวนด้วยฝ่ามือเดียว เขาสงสัยว่าเขาพัฒนาบ้างหรือไม่ในช่วงสามปีนี้
“แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เป็นถึงนายน้อยต้วนหลินและยังเป็นหนึ่งจากหกนายนอย หลี่ฟู่เฉินใช้สามกระบวนท่าเพื่อเอาชนะเฉินเฟิง แต่เซี่ยฮัวชวนใช้เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น”
“หลี่ฟู่เฉินอาจมีศักยภาพในการเป็นอัจฉริยะชั้นยอด แต่เขายังเติบโตได้ไม่เต็มที่ นอกเหนือจากชูมู่หยูและหยานฉิงหวูแล้ว เขาก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะเอาชนะอัจฉริยะชั้นยอดที่เหลืออยู่ได้”
“อืม ฟังดูมีเหตุผล”
มีผู้คนมากมายที่กำลังสนทนาอบู่บนเสาหินชุบสวรรค์
หลังจากส่งเฉินเฟิงบินออกไปด้วยฝ่ามือเดียว เซี่ยฮัวชวนมองไปที่หลี่ฟู่เฉินอย่างไม่แยแสทั้งยังมีอาการดูถูกเล็กน้อย
เมื่อเห็นฉากนี้ มู่หรงตี๋ยิ้มและกล่าวกับตัวเองว่า “เป็นเรื่องที่น่ายกย่องแล้วที่เอาชนะเฉินเฟิงได้ น่าเสียดายที่การแข่งขันครั้งนี้ยังไม่ใช่คราวของเจ้า การแข่งขันครั้งนี้เป็นยุคของพวกเราตั้งหาก”
คำพูดของเขามันหมายถึงหลี่ฟู่เฉิน ในความคิดของเขา เขาไม่นับว่าหลี่ฟู่เฉินเอาชนะเฉินเฟิงได้แล้วจริงๆ เนื่องจากความสามารถของเฉินเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าชูมู่หยูเพียง 30% ขณะที่มู่หรงตี๋เองต้องการความสามารถเพียงแค่ครึ่งเดียว ก็เอาชนะชูมู่หยูได้แล้ว