Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 300
บทที่ 300
การต่อสู้
หลังจากที่เปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาวของเขาแล้ว สภาวะพลังฉีของมู่หรงตี๋ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและดูเหมือนไม่มีสิ้นสุด เมื่อถูกปกคลุมด้วยสภาวะพลังฉีเช่นนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกราวกับว่าเขาได้มาอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เทคนิคลับระดับ 4 ดาว เทคนิคลับดาราไพศาล
เทคนิคลับนี้เป็นเทคนิคลับที่มีชื่อเสียงมากของนิกายนภาดาราและเทคนิคลับนี้เองก็ด้อยกว่าเทคนิคลับของนิกายพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้อยกว่าเทคนิคลับดารา
ว่ากันว่าทักษะต่อสู้และเทคนิคลับส่วนใหญ่ของนิกายนภาดาราล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากการสังเกตดวงดาว ดังนั้นแล้ว แนวคิดของเทคนิคต่างๆ จึงเกี่ยวข้องกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในฉบับที่ใกล้เคียงสูงสุด
หลังจากเปิดใช้งานเทคนิคลับดาราไพศาลแล้ว มู่หรงตี๋รู้สึกว่าทุกสิ่งในโลกล้วนอยู่ในความเข้าใจของเขาและทุกสิ่งในสายตาของเขาก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
มู่หรงตี๋ยิ้มเยาะและถาม “เจ้ายังอยากจะต่อสู้กับข้าอยู่อีกหรือไม่?”
เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะหลี่ฟู่เฉินได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวหรือไม่ แต่หากเป็นสามการโจมตีนั้นก็อาจเป็นไปได้
เขาอยากจะจัดการหลี่ฟู่เฉินให้ได้ในครั้งเดียว
“ทรงพลังเกินไปแล้ว… นี่คือความสามารถที่แท้จริงของมู่หรงตี๋?”
“ระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีและเทคนิคบ่มเพาะของเขาก็อยู่ในขั้นที่ 16 แล้วเช่นกัน หลังจากเสริมพลังด้วยเทคนิคลับระดับ 4 ดาว ข้าไม่คิดว่าจะมีใครต่อสู้กับเขาได้นอกเหนือจากอัจฉริยะชั้นยอด แต่นั้นไม่รวมชูมู่หยูและหยานฉิงหวูเข้าไป”
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาวะพลังฉีเช่นนี้ ข้าว่าแม้แต่จะปลุกเจตนาต่อสู้ของข้าเองก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
สภาวะพลังฉีของมู่หรงตี๋นั้นดูไร้ขอบเขตเกินไป และมันก็ส่งผลกระทบต่อผู้คนบนเสาชุบสวรรค์
“พวกเราย่อมได้ต่อสู้กันแน่นอน”
หลังจากที่โคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์ขั้นที่ 16 ระดับสูงสุด และเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาว พลังฉีหยางบริสุทธ์แล้ว สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดูจากสถานการณ์บนเวที สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินเทียบกับมู่หรงตี๋ไม่ได้เลย แต่ความแตกต่างก็ไม่ได้กว้างอย่างที่คิด
ในแง่ของเทคนิคบ่มเพาะ หลี่ฟู่เฉินอยู่สูงกว่ามู่หรงตี๋ไปครึ่งขั้น
มู่หรงตี๋อาจจะมีเทคนิคบ่มเพาะอยู่ในขั้นที่ 16 แต่หลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นที่ 16 แล้ว
สำหรับเทคนิคลับระดับ 4 ดาว มู่หรงตี๋ยังไม่ถึงระดับที่ฝึกได้สมบูรณ์แบบ แต่หลี่ฟู่เฉินฝึกถึงขั้นสมบรูณ์แบบแล้ว
ปัจจัยเพียงข้อเดียวที่หลี่ฟู่เฉินเสียเปรียบก็คือระดับการฝึกฝนของเขา เขามีระดับการฝึกฝนที่ต่ำกว่าถึง 2 ระดับ
“ระดับสูงสุดของขั้นที่ 16” มู่หรงตี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ความสามารถในบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก เทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดมีเพียง 21 ขั้นเท่านั้น และด้วยความเร็วในการฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉิน ไม่ใช่ว่าเขาจะไปถึงขั้นสูงสุดได้ก่อนอายุ 40 ปีหรอกหรือ?
“พัดรวมฝัน!”
เมื่อมองหลี่ฟู่เฉินดีขึ้นไปอีกขั้นแล้วนั้น มู่หรงตี๋ก็ใช้ท่าร่างของเขาออกมา ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าตัวเขาอายู่รอบๆ ในทุกๆ ที่ เขามาถึงหน้าหลี่ฟู่เฉินห่างออกไป 30 ฟุตได้ในพริบตา และเขาก็กวัดแกว่งพัดของเขา
กระแสลมพลุ่งพล่านขยายขอบเขต ข้างในกระแสลมก็ดูเหมือนจะพรั่งพรูไปด้วยแสงดาว แรงลมที่น่าสยดสยองได้ปะทะเข้ากับเสาหินชุบสวรรค์อย่างรุนแรง บรรดาอัจฉริยะแทบทุกคนต่างก็หวั่นไหวไปมา
หลี่ฟู่เฉินที่ได้รับความรุนแรงจากการโจมตีนี้โดยตรง โดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมรู้สึกถึงแรงปะทะได้มากกว่า 99% หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นสะเทือนและราวกับว่าเขาสูญเสียฐานที่ยืนของตนไป มันราวกับเขามาอยู่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยดวงดาวแล้วก็ความว่างเปล่า
“ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นหนึ่งในหกนายน้อย”
หลี่ฟู่เฉินโน้มตัวไปข้างหน้า ในขณะที่ความร้อนจากเจตจำนงแห่งดาบที่รุนแรงของเขาพรั่งพรูและระเบิดออกมา
เจตจำนงแห่งดาบนี้รุนแรงเกินไป มันรุนแรงมากจนกระทั้งก่อตัวขึ้นไปเขตแดน
รัศมีของเจตจำนงแห่งดาบดูเหมือนจะปรากฏขึ้นพร้อมกับเขตแดนเพลิงร้อนที่ลุกโชดช่วง ส่งผลทำให้ความรู้สึกที่รับได้รู้สึกราวกับว่ามันเป็นของจริง
บูม!
เมื่อแรงลมปะทะเขากับดาบ หลี่ฟู่เฉินและหมู่หรงตี๋ต่างก็พากันถอยหลังออกไปหลายสิบก้าว
“เจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสมบรูณ์?” การแสดงออกของมู่หรงตี๋มีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย
ตามการคาดการณ์ของเขา เขาสมควรที่จะจัดการหลี่ฟู่เฉินได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ทำร้ายเขาในกระบวนท่าที่สอง และเอาชนะเขาในกระบวนท่าที่สาม
แต่เทคนิคบ่มเพาะและความเชี่ยวชาญในทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นเหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปมาก
“ป้องกันการโจมตีจากมู่หรงตี๋ได้? พวกเขาสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน?”
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ทุกคนรู้สึกมึนงง
พวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าหลี่ฟู่เฉินกำลังซ่อนความสามารถของเขา?
ยิ่งไปกว่านั้น เขาซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้เล็กน้อยเสมอ ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนความสามารถส่วนหนึ่งไว้จากทุกๆ ปัจจัย และเมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน พลังมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
มันยากที่จะจินตนาการว่า ในฐานะเยาวชนอายุ 20 ปีคนนึง หลี่ฟู่เฉินฝึกฝนไปถึงขั้นนั้นได้เช่นไร? ชูมู่หยูผู้มีโครงกระดูก 6 ดาวนั้นด้อยกว่ามู่หรงตี๋มากนัก
ในขณะนี้ หลี่ฟู่เฉินทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาวิเคราะห์ ก็ในเมื่อการต่อสู้ของมู่หรงตี๋และหลี่ฟู่เฉินเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“เขาซ่อนความสามารถของเขาไว้?” คิ้วของเซี่ยฮัวชวนขมวดเป็นปม
“เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว” ชูมู่หยูเผยความประหลาดใจของเธอผ่านสายตา
หยานฉิงหวูเองก็เผยให้เห็นสีสันที่ดูประหลาดใจผ่านออกมาจากดวงตา เธอไม่รู้ว่าหลี่ฟู่เฉินฝึกฝนถึงขั้นนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าโครงกระดูก 1 ดาวที่เขามี แท้จริงแล้วเป็นโครงกระดูกที่พิเศษและถูกเก็บเป็นความลับหรือไม่?
เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เมื่อเธอนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับหลี่ฟู่เฉิน เขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับเธอด้วยซ้ำ
“น่าสนใจ!”
ราชาดาราไร้เคลื่อนไหว ฉีเหิง ให้ความสนใจและจดจ่อกับการแข่งขันครั้งนี้
ก่อนการแข่งขันนัดนี้ เฉพาะการแข่งขันระหว่างนายน้อยดาบทยาน หลั่วเฟ่ยหยุน และนายน้อยต้วนหลิน เซี่ยฮัวชวนเท่านั้นที่เขารู้สึกสนใจเล็กน้อย
“ครึ่งนึงในตัวเขาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็น่าเสียดาย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะมู่หรงตี๋” ราชาดาราแส้ทองคำ จินซูตงกล่าวอย่างไม่แยแส
ราชาดาราอัสนี สือตูเหล่ย ยิ้ม “ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ มาชมกันเถอะ!”
ความสามารถที่ไร้ใครเปรียบได้ทำให้เขามีความเป็นกลางและไม่ลำเอียงไปฝั่งใด
ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ผลลัพธ์ที่แท้จริงมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“พัดรวมฝัน กระทิงบึ่งพลังฉี!”
มู่หรงตี๋ตะโกนออกมาและระเบิดพลังด้วยท่าสุดท้ายของทักษะพัด
กลุ่มพลังฉีพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉินด้วยความเร็วดุจดาวตก
พัดนี้ใช้พลังและความเร็วเพื่อให้ได้ชัยชนะ มู่หรงตี๋แม้แต่กระทั้งมีความมั่นใจว่าเขาจะสามารถระเบิดหลุมในภูเขาลูกเล็กๆ ได้ นับประสาอะไรกับเนื้อหนัง
“เขาเพลิงปีศาจ”
ใช้ทักษะดาบเพลิงปีศาจจนถึงขีดสุด เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉินเองก็ถูกผลักดันไปจนถึงขีดจำกัด เขาเพลิงปีศาจที่ในปัจจุบันดูคล้ายกับเขาสีแดงของจริงพุ่งเข้าปะทะเข้ากับพลังฉีของพัดที่พุ่งมา
ตึง ตึง!
เสียงระเบิดของพลังฉีดังสนั่น จากสิ่งนี้มันทำให้หลี่ฟู่เฉินและมู่หรงตี๋ต้องถอยหลังไปอีกหลายสิบก้าว และแต่ละก้าวที่พวกเขาถอยออกไปมันก็ทำให้เวทีทั้งหมดสั่นไหว
ขณะที่การแสดงออกของมู่หรงตี๋มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ปะทะกับหลี่ฟู่เฉินอีกต่อไป ในทางกลับกัน มู่หรงตี๋โคจรเทคนิคตัวเบาของเขา พลังฝึกฝนและพลังต่อสู้โดยรวมของเขาสูงกว่าหลี่ฟู่เฉิน ดังนั้นมันจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาหากใช้เทคนิคตัวเบาของตัวเอง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวไปทุกทิศทาง บน ล่าง ซ้าย และขวา
ทว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย พลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินอาจจะอ่อนแอกว่ามู่หรงตี๋ แต่ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคตัวเบาของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูงกว่ามากนัก หลังจากใช้สามวายุทมิฬลอกเลียน หลี่ฟู่เฉินสี่คนก็เดินไปมาอยู่บนเวที ในช่วงเวลาที่ตัวเขาแยกย้ายออกไปจากกัน ก็ไม่มีใครสามารถแยกแยะได้แล้วว่าร่างไหนเป็นร่างลอกเลียนและร่างไหนเป็นร่างจริง
ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง…
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างรวดเร็วและในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างน้อยก็หลายสิบกระบวนท่าเข้าไปแล้ว
การปะทะกันเกิดถี่มากเกินไปจนทำให้บางรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาพร่ามัว
“พวกเขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันแล้วหลายกระบวนท่า?”
ทุกคนไม่กล้ากระพริบตาเพราะกลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาที่อาจจะตัดสินผลลัพธ์ได้
“ดีมาก หลี่ฟู่เฉิน เจ้ามีค่าพอที่ข้าจะได้รับท่าสังหารของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถต้านทานกระบวนท่าครั้งนี้ได้โคจรไร้ลักษณ์”
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันมากกว่า 100 กระบวนท่า มู่หรงตี๋ก็รู้สึกหมดหนทางและกลับมาโคจรเทคนิคบ่มเพาะอีกครั้ง เขากวาดพัดออกไปพร้อมกับลมที่รุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ ส่งผลทำให้ลมพลังฉีที่พุ่งออกมาหมุนเป็นเกลียว
มันไร้รูปแบบและไร้ลักษณ์ มันไม่ได้อยู่ในสวรรค์หรือบนโลก พลังงานไร้ลักษณ์ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับพลังฉีที่หมุนวน
โคจรไร้ลักษณ์เป็นท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงที่มู่หรงตี๋พัฒนามาจากพัดรวมฝัน ท่าสังหารนี้ไม่เพียงแต่มีพลังมหาศาล แต่มันก็ทั้งไร้รูปแบบและไร้ลักษณ์ด้วยเช่นกัน เมื่อเป้าหมายถูกห่อหุ้มด้วยการโจมตีนี้ พวกเขาจะสูญเสียความคล่องตัวไปส่วนใหญ่ มันจึงเป็นท่าที่ยากจะหลบเลี่ยงที่สุด
เดิมทีท่าสังหารนี้มีไว้เพื่อจัดการกับนายน้อยคนอื่น
“มังกรเพลิง!”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงมันแต่อย่างใด ก็ในเมื่อเขาใช้ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูง มังกรเพลิง ของเขาออกมา แสงสีแดงเข้มถูกปล่อยออกมาจากดาบดำ ขณะที่หลี่ฟู่เฉินตวัดดาบลง แสงสีแดงก็ควบแน่นกลายเป็นมังกรสีแดงและบินออกไปราวกับสายฟ้าฟาดมันเข้าไปปะทะกับพลังฉีที่หมุนเป็นเกลียวอันนั้น
บูม!
ราวกับสายฟ้าฟาดที่เข้าปะทะกับถ่านหินที่กำลังลุกไหม้ พลังฉีหมุนวนประสานเข้ากับแสงสีแดงเข้ม
แต่ระหว่างทั้งสองขุมพลังนี้ มีมังกรสีแดงตัวเล็กอีกตัวที่บินไปมาได้อย่างอิสระปรากฏตัวออกมา
ปิสส!
มังกรสีแดงตัวเล็กนั้นเข้าไปในช่องว่างและไประเบิดตัวที่ร่างของมู่หรงตี๋ มู่หรงตี๋กระอักเลือดสดออกมาหนึ่งคำ ขณะที่เขาถูกส่งบินออกไปไกล