Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 305
บทที่ 305
ซูหลินตัดผ่าน
หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถหลีกเลี่ยงกระบวนท่านี้ได้ เขาไม่สามารถพึ่งพาพลังรับรู้แค่อย่างเดียวได้ ปฏิกิริยาทางร่างกายของเขาเองก็ต้องมีความสามารถเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะเปิดใช้งานเจตจำนงเทคนิคร่างกายเร้นโลหิต ปฏิกิริยาทางร่างกายของเขายังคงไปไม่ถึงระดับที่เขาสามารถหลบเลี่ยงกระบวนท่านี้ เว้นแต่ระดับพลังฝีกฝนของเขาจะก้ามข้ามไปยังระดับถัดไป ไปถึงระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี
“เนื่องจากเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นแล้วข้าก็ต้องป้องกันมันให้ได้”
สูดหายใจเข้าลึกๆ ดาบดำของหลี่ฟู่เฉินสั่นสะเทือนและก็ถูกเฉือนออกไปอย่างรวดเร็ว ส่งกำแพงสีแดงเข้มให้ขยายออกไป
เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง!
กำแพงสีแดงล้อมรอบหลี่ฟู่เฉิน ขณะที่ดาบบินทั้งหมดที่เข้ามาไม่หักเหออกไปก็หยุดโดยดาบเคลือบพลัง
ชั่วขณะหนึ่ง สวรรค์และโลกเต็มไปด้วยเสียงของการปะทะกันระหว่างโลหะ มันดังอยู่ในหูไม่หยุดพักแม้แต่ซักวินาทีเดียว
ฟึบ!
ทันใดนั้นเอง ดาบเล็กๆ สามเล่มก็พุ่งเข้ามาหาหลี่ฟู่เฉินอย่างรวดเร็ว
ดาบทั้งสามเล่มนี้รวดเร็วอย่างมาก และก็ได้หักผ่านเขตดาบเคลือบพลังฉีเข้ามา พวกมันโผล่มาจากที่ใดก็ไม่อาจทราบได้
“หนึ่งจริง สองหลอก!”
ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินจดจ่อ และเมื่อถึงวินาทีสุดท้าย เขาก็ได้ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือซ้ายเพื่อจับดาบจริงเล่มนั้น ส่วนดาบปลอมทั้งสอง พวกมันก็ยังคงมีพลังแม้ว่าจะเป็นของปลอมก็ตามที ดังนั้นแล้ว หลี่ฟู่เฉินจึงใช้มือขวาของเขาเพื่อทำให้ดาบสองเล่มนั้นกระจัดกระจายออกไป
บิสส!
ดาบที่แท้จริงนั้นมีพลังรุนแรงและหากหลี่ฟู่เฉินไม่ได้เปิดใช้งานเจตจำนงเทคนิคร่างกายเร้นโลหิตของเขา เขาก็คงไม่สามารถจับมันได้ และหากฝืนจับมัน นิ้วของเขาก็จะต้องแตกออกอย่างแน่นอน แม้จะไม่แตกออกจริงๆ แต่หลี่ฟู่เฉินก็ยังคงต้องบินถอยหลังกลับไป เพื่อที่จะกระจายผลกระทบของดาบบินออกไป
“เขาจับมันได้?” หลั่วเฟ่ยหยุนตกตะลึง
ต้องมีพลังรับรู้และสายตาแบบใดกันถึงขนาดที่สามารถจับดาบบินของเขาได้
แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะจับมันได้ แต่หากไม่มีทักษะที่ยอดเยี่ยม เขาก็ไม่น่าจะจับมันได้อย่างมั่นคง
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าชนะแล้ว” หลั่วเฟ่ยหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
เขาเองก็คิดว่ายังมีโอกาสหากเขาสู้ต่อไป แต่เขารู้ว่าโอกาสที่เขาจะแพ้นั้นอยู่ที่ประมาณ 90% ดังนั้น มันก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป
“ข้าก็แค่โชคดีเท่านั้น” หลี่ฟู่เฉินโยนดาบเล่มเล็กออกจากมือ
“แม้แต่กระทั้งหลั่วเฟ่ยหยุนก็ยังไม่สามารถเอาชนะหลี่ฟู่เฉินได้ สถานการณ์ดูเหมือนจะแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
“เป็นที่แน่นอนแล้ว นายน้อยสามจากหกคนได้พ่ายแพ้ให้กับหลี่ฟู่เฉินไปแล้ว ข้าสงสัยว่าใครจะเป็นคนที่สี่”
“มันก็ยากที่จะพูด!”
“ฮึ่ม ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะชนะแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ จะต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาพ่ายแพ้”
ทุกคนสนทนากันอย่างดุเดือด
***
ในนัดที่ 2700 หลี่ฟู่เฉินพบกับเทพธิดาวายุเหมันต์ ซูหลิน
บูม!
เมื่ออยู่บนเวที ซูหลินระเบิดสภาวะพลังฉีที่น่าตกตะลึงออกมา
มันเป็นสภาวะพลังฉีที่เหมือนกับพายุหิมะ ซึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งเวทีและยังรวมไปถึงเสาหินชุบสวรรค์โดยรอบด้วย อัจฉริยะทั้งหมดรู้สึกได้ถึงเจตจำนงเยือกแข็งที่กำลังเสียดแทงเจาะกระดูกเข้า พวกเขาจึงรีบโคจรพลังฉีของเขาเพื่อปกป้องความหนาวเย็นที่ว่านั้น
“เทคนิคบ่มเพาะขั้นที่ 17?” ทุกคนต่างหวาดผวา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทพธิดาวายุเหมันต์ ซูหลิน ได้ฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดไปจนถึงระดับที่ 17 เรียบร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้ว แม้ว่าระดับพลังฝึกฝนของเธอจะอยู่ที่ขั้นก้าวสวรรค์ เจตจำนงในพลังฉีเยือกแข็งก็คงจะไม่น่ากลัวถึงขนาดนี้ อย่างมากที่สุดก็แค่สภาวะพลังฉีแข็งแกร่งขึ้นก็เท่านั้น
ระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพี เทคนิคบ่มเพาะขั้นที่ 17 ในแง่ของความบริสุทธิ์ในพลังฉี แม้แต่กระทั้งสามราชาดาราก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับซูหลินได้
“ฝ่ามือวายุเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์!”
เปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาวเสร็จ ซูหลินส่งฝ่ามือไปหาหลี่ฟู่เฉิน
ขณะที่เธอใช้ฝ่ามือนั้น เวทีก็พัดลมหนาวเย็นที่น่าหวาดกลัวออกไป ก่อนที่ลมจะพัดไปถึงหลี่ฟู่เฉิน เวทีรอบข้างใกล้ตัวเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งแล้ว หากเป็นมู่หรงตี๋ เขาก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แม้แต่กระทั้งเซี่ยฮัวชวนและหลั่วเฟ่ยหยุนเองก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก
สำหรับเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุด ขั้นที่ 16 และ 17 อาจจะแตกต่างกันเพียงแค่ขั้นเดียว แต่ความแตกต่างกลับยิ่งใหญ่มาก สามปีก่อน ซูหลินอยู่ในอันดับที่ 15 ของการแข่งขันจัดอันดับดารา สามปีต่อมา ความสามารถของเธอมีมากกว่าผู้คนมากมาย และก็เป็นถึงตัวเต็งในห้าอันดับแรก
“ทรงพลังมาก!”
หลี่ฟู่เฉินใช้วิชาดาบเพลิงปีศาจและแยกสายลมอันหนาวเหน็บนั้นออกจากกัน
เทคนิคบ่มเพาะของเขาคือเทคนิคเกี่ยวความร้อน เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง ระดับการฝึกฝนเขาไม่ได้สูงมากนัก แต่เทคนิคของเขาก็อยู่ในขั้นที่สูงและมันก็อยู่ในขั้นที่ 16 ระดับสูงสุด ในแง่ของการต้านทานความหนาวเย็น เขาสมควรจะเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของทุกคนที่อยู่ที่นี่ เมื่อเสริมด้วยเจตจำนงเทคนิคร่างกายเร้นโลหิต การต้านทานความหนาวเย็นของเขาอย่างน้อยๆ ก็อยู่ในห้าอันดับแรกแล้ว
เนื่องจากไม่มีปัญหาในการต้านทานความหนาวเย็น เขาจึงเข้าไปสู้กับซูหลิน
“เขาเพลิงปีศาจ!”
ผ่าลมหนาวออกจากกัน หลี่ฟู่เฉินปล่อยท่าที่สองตามไปติดๆ และเขาก็เร็วกว่าซูหลินมากในด้านของการลงมือ
เขาสีแดงที่เกือบจะเป็นจริงได้เจาะเข้าไปที่ซูหลิน
ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!
ขณะที่สภาวะพลังฉีเยือกแข็งโดยรอบถูกเจาะ ซูหลินก็ส่งเสียงออกมา เธอรวบรวมพลังฉีเยือกแข็งเพื่อนำเข้าไปกระแทกกับเขาสีแดงเข้ม
ครืนน!
ทันใดนั้นเองสภาวะพลังฉีสีขาวที่น่ากลัวก็ระเบิดออก มันเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างขึ้นเมื่อพลังฉีความร้อนกับความเย็นเข้าปะทะกับ
หลังจากที่พลังฉีระเบิดออก หลี่ฟู่เฉินถอยหลังไปกว่ายี่สิบก้าว ในขณะที่ซูหลินก้าวถอยหลังออกไปเพียงสิบก้าว
ในแง่ของพลังโจมตี พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันโดยประมาณ แต่ในแง่ของพลังบ่มเพาะ ซูหลินย่อมเหนือกว่าโดยธรรมชาติ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบจากขุมพลังขนาดใหญ่ปะทะกัน แรงสะท้อนกลับที่ถูกส่งมาจากซูหลินเองก็ย่อมแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้วเช่นกัน
แน่นอนว่า หลี่ฟู่เฉินยังไม่ได้พ่ายแพ้แต่อย่างใด ด้วยเทคนิคร่างกายเร้นโลหิต พลังฉีภายในร่างและการไหลเวียนของเลือดของเขาคงจึงคงที่มาก ในทางตรงกันข้าม หน้าของซูหลินดูแดงเล็กน้อย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ชั่วขณะ นั่นก็หมายความว่าพลังฉีและเลือดของซูหลินพุ่งพล่านเล็กน้อย
“รับดาบข้าอีกซักครั้ง”
โดยไม่จำเป็นต้องทำให้พลังฉีและเลือดของเขาคงที่ ร่างหลี่ฟู่เฉินก็กระพริบและพุ่งเข้าไปพร้อมกับดาบของเขา เขาสีแดงพองขึ้นเล็กน้อยและเห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งกว่าตอนโจมตีเมื่อก่อนหน้านี้
ขณะที่หลี่ฟู่เฉินต่อสู้ เขารู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา
บูม บูม บูม บูม…
ทั้งสองคนปะทะกันหลายครั้งและจากรูปการณ์ที่ปรากฏออกมา ซูหลินเหมือนจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่ผู้ที่มีดวงตาอันแหลมคมจะสามารถเห็นได้ว่าซูหลินจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน หากยังคงสู้กันต่อไป
ด้วยระดับความสามารถที่ใกล้เคียงกัน มันคงเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลาที่มากหากมาปะทะกันซึ่งๆ หน้า
แต่ซูหลินไม่มีวิธีการอื่นใด เจตจำนงเยือกแข็งของเธอไม่สามารถสะกดข่มหลี่ฟู่เฉินได้ พลังรับรู้และเทคนิคตัวเบาของเธอด้อยกว่าหลี่ฟู่เฉิน ถ้าหลี่ฟู่เฉินต้องการปะทะกับเธอ เธอไม่สามารถหลบเลี่ยงได้แม้ว่าเธอจะต้องการก็ตามที
“วายุเหมันต์ไร้สิ้นสุด!”
เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์กำลังหลุดจาการควบคุม ซูหลินไม่สามารถข่มกลั้นตัวเองได้อีกต่อไป เธอระเบิดพลังออกมาพร้อมกับท่าสังหารของเธอ
ท่านี้เป็นการผสมผสานระหว่างท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงและเทคนิคบ่มเพาะ
ทักษะฝ่ามือของซูหลินก็คือฝ่ามือวายุเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่เทคนิคบ่มเพาะของเธอเองก็คือเทคนิควายุเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสองถูกสร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริมกันและกัน และเมื่อตอนที่ซูหลินพัฒนาท่าสังหาร วายุเหมันต์ไร้สิ้นสุด ขึ้นมา มันก็เป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดและสามารถระเบิดพลังฉีออกได้มากกว่าเดิม แต่มันก็ผลกระทบคือเธอจะอ่อนแอลงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ราวกับว่าเป็นบางคนที่เอาแต่ใจตนเองมากเกินไป
ครืน!
ลมเยือกแข็งที่รุนแรงพัดเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน
“มังกรเพลิง!”
กลางอากาศ มังกรสีแดงกำลังบินหมุนทะลวงตัวอยู่ตรงนั้น ขณะที่มันพุ่งเข้าฝ่าลมเยือกแข็งไป
ขุมพลังฉีสีขาวแผ่ตัวออกไปทุกทิศทางพร้อมกับพลังทำลายล้างที่ตามหลังมา มีหลายคนที่ถูกพัดออกจากเสาหินและถึงกับต้องใช้พลังฉีของพวกเขาเพื่อกลับไปยังเสาหิน
สึบ!
จุดศูนย์กลางของเวทีคือจุดที่พลังฉีสีขาวหนาแน่นที่สุด และก็มีร่างหนึ่งบินออกมาจากมัน
มันเป็นหลี่ฟู่เฉินที่บินออกมา
กระบวนท่าของซูหลินนั้นน่ากลัวเกินไป ทั้งพลังที่ว่านั้นก็ยังมีแรงหมุน ซึ่งทำให้พายุหิมะแรงขึ้นถึงสิบเท่า
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าจะต้องพ่ายแพ้!”
ตอนนี้ซูหลินสมควรอยู่ในสภาพที่อ่อนแอลงแล้ว แต่ทันใดนั้นเองเธอรีบวิ่งออกมาจากพลังฉีสีขาวและพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน
“ครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์!”
ดวงตาของใครบางคนเบิกกว้างและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
มันปรากฏออกมาหลังจากที่เข้าปะทะกับหลี่ฟู่เฉิน ซูหลินก้าวเข้าสู่ครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์เนื่องจากแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ที่เธอได้รับ ถ้าให้เวลาเธอมากพอ เธอก็อาจสามารถเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่แน่นอนว่าเธอก็ยังสามารถยับยั้งพลังฝึกฝนของเธอและรักษาเสถียรภาพของตัวเองได้ในขั้นครึ่งก้าวสวรรค์นี้