Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 308
บทที่ 308
ระบำนภาสวรรค์
โดยที่ไม่ต้องใช้เข็มศักดิ์สิทธิ์พลังฉีม่วงระดับลึกลับขั้นสูงสุดของเขา ความสามารถของเถิงฉิงหยุนก็อยู่ในระดับเดียวกับซูหลินแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเหมือนความสามารถของหลี่ฟู่เฉินที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้
ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง…
ไม้ไผ่ยาวสีเขียวเข้มและดาบดำปะทะกันอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าเพียงเสี้ยววินาทีก็เพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันมากกว่าสิบครั้งแล้ว
การแสดงออกของเถิงฉิงหยุนค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก มีหลายครั้งที่เขาใกล้เป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่เขาก็ถูกสังเกตเห็นโดยหลี่ฟู่เฉินในทันที หลี่ฟู่เฉินเป็นคนที่โจมตีเมื่อมีโอกาส หากปฏิกิริยาของเถิงฉิงหยุนไม่เร็วพอ เขาก็คงจะเสียเปรียบไปแล้ว
“การรับรู้ของเขาไม่เลวเลย”
เมื่อเปรียบเทียบกัน การรับรู้ของเถิงฉิงหยุนย่อมต้องต่างกับหลี่ฟู่เฉิน แต่ทว่าปฏิกิริยาทางร่างกายของหลี่ฟู่เฉินมีขีดจำกัด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใช้การรับรู้ของเขาจนสุดความสามารถ แต่มันดีก็เพียงพอแล้วแม้ว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้เพียงเล็กน้อยก็ตามที
ด้วยไม้ไผ่ยาวสีเขียวเข้มที่ถูกเคลือบด้วยชั้นสีม่วง เถิงฉิงหยุนใช้ทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดของเขาออกมาทัน เข็มศักดิ์สิทธิ์พลังฉีม่วง ทุกท่วงท่าและกานขยับร่างกายมีความเฉียบคมและดูประณีตจนถึงที่สุด ทุกการโจมตีจะพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉินด้วยมุมที่มองไม่เห็น
เถิงฉิงหยุนรู้สึกประหลาดใจ เพราะไม่มีการโจมตีใดๆ ของเขาโจมตีหลี่ฟู่เฉินโดนเลย ราวกับว่าเขาคาดการณ์การโจมตีได้ทุกครั้งและสามารถหลบล่วงหน้าได้ทันที
“ทำลาย!”
รวบรวมพลังฉีของเขา ไม้ไผ่ยาวสีม่วงของเถิงฉิงหยุนพุ่งเข้าใส่หลี่ฟู่เฉินในทันที ความเร็วของมันเร็วกว่าเดิมประมาณ 30% และมันก็เป็นท่าไม้ตายแบบเดียวกันที่ทำให้ซูหลินต้องพ่ายแพ้ สายรุ้งพลังฉีม่วง
เถิงฉิงหยุนเชื่อว่าไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงกระบวนท่านี้ของเขาได้ นอกเหนือจากราชาดาราอัสนีสือตูเหล่ย
แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินเองก็เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน
เมื่อเถิงฉิงหยุนกำลังรวบรวมพลังฉีของเขาใหม่ การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินก็ตอบสนองต่อสิ่งนั้นแล้ว ก่อนที่เถิงฉิงหยุนจะได้ลงมือหลี่ฟู่เฉินก็ทำการหลบหลีกแล้วในทันที
ปั๊บ!
ไม้ไผ่ยาวสีม่วงแทงไปยังภาพติดตาที่หลี่ฟู่เฉินทิ้งเอาไว้ข้างหลัง พลังฉีสีม่วงที่ทั้งยาวและแคบถูกยิงออกไป
“เขาหลบมันได้?” การแสดงออกของเถิงฉิงหยุนเปลี่ยนไป
“เขาเพลิงปีศาจ!”
เมื่อตอนที่เถิงฉิงหยุนระเบิดท่าไม้ตาย เขาก็ได้เปิดเผยข้อบกพร่องของเขาออกมา หลี่ฟู่เฉินรีบหลบหลีกกระบวนท่านั้นและพุ่งเข้าหาเถิงฉิงหยุนพร้อมกับดาบ เขาสีแดงปรากฏขึ้นและบินออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
เถิงฉิงหยุนที่เพิ่งใช้กระบวนท่าของเขาไปจึงไม่มีทางที่เขาจะหลบเลี่ยงได้ เขาใช้ไม้ไผ่ยาวป้องกันไม่ได้ด้วยซ้ำ ทันใดนั้นเอง เขาก็ชูนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้ายขึ้น ยิงพลังฉีสีม่วงออกไปเพื่อปะทะกับเขาสีแดงเข้ม
ปั๊ง!
พลังฉีเกิดการระเบิดออกซึ่งทำให้เถิงฉิงหยุนบินถอยหลังกลับไปและอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“การรับรู้ของเด็กคนนี้สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกการเคลื่อนไหวของเถิงฉิงหยุนไม่สามารถหลบหนีออกไปจากสายตาของเขาได้”
“ถ้าทั้งสองฝ่ายมีระดับการรุกและการป้องกันที่ใกล้เคียงกัน มันอาจจะเป็นไปได้ว่าจะไม่มีใครสู้เด็กคนนี้ได้”
ด้านนอกค่ายกลชุบสวรรค์ นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดกำลังอ้าปากค้างอยู่ในใจ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ไม่มีวิธีใดที่จะเพิ่มการตระหนักรู้ของคนผู้หนึ่งได้ มันจะถูกเสริมสร้างและปรับปรุงไปตามธรรมชาติ เมื่อระดับพลังฝึกฝนและขอบเขตของคนผู้หนึ่งเพิ่มขึ้น
ผู้ที่มีโครงกระดูกดีกว่ามักจะมีการรับรู้ที่ดีกว่า เถิงฉิงหยุนผู้ซึ่งมีโครงกระดูกระดับ 6 ดาวและอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีย่อมมีความตระหนักรู้เหนือกว่าผู้อื่นมาก แต่เห็นได้ชัดว่า… เมื่อเทียบกับหลี่ฟู่เฉิน การรับรู้ของเถิงฉิงหยุนอ่อนแอ่กว่าและมีความแตกต่างอย่างมาก
แน่นอนว่านักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดไม่ทราบว่าความตระหนักรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูงกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ มันเป็นเพราะขีดจำกัดของปฏิกิริยาทางร่างกายของเขาที่ไม่อนุญาตให้หลี่ฟู่เฉินใช้มันออกมามากเกินไป
หากหลี่ฟู่เฉินมีปฏิกิริยาทางร่างกายของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด เขาก็อาจจะต้องการเพียง 10% หรือ 20% ของความสามารถทั้งหมดของเขาเพื่อสังหารอัจฉริยะชั้นยอดทั้งหมดได้ในทันที รวมทั้งสามราชาดาราเช่นกัน
หลังจากโจมตีเถิงฉิงหยุนแล้ว หลี่ฟู่เฉินไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ของเขามีโอกาสอื่นใดๆ อีก เขาเข้าไปโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เถิงฉิงหยุนต้องการที่จะหลบเลี่ยง แต่เขาก็ถูกกักกันด้วยการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉิน และทุกการเคลื่อนไหวของเขาก็ล้วนอยู่ภายใต้การคาดการณ์ของหลี่ฟู่เฉินแล้วเช่นกัน
ปิสส!
รวดเร็วราวกับช่วงเกิดดับของประกายไฟ เขาสีแดงพุ่งแทงทะลุหน้าอกของเถิงฉิงหยุน
มันคือชัยชนะของหลี่ฟู่เฉิน
ซูหลินกัดริมฝีปากของเธอ เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เมื่อเขาต่อสู้กับเธอ เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ เป็นส่วนใหญ่ หากหลี่ฟู่เฉินใช้ความสามารถที่เขาแสดงออกมาตอนสู้กับเถิงฉิงหยุน เธอก็อาจจะไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าบางกระบวนท่าได้
เธอจะรู้ได้ยังไงว่าก่อนที่เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินตัดผ่านไปยังขั้นที่ 17 ปฏิกิริยาทางร่างกายของเขาไม่อนุญาตให้เขาต่อสู้เช่นนี้ได้ หลังจากที่เขาใช้เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง หลี่ฟู่เฉินก็ต้องการปรับสมดุลให้กับเทคนิคเพลิงโลกันต์ที่แท้จริงของเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปะทะกันแบบซึ่งๆ หน้า เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเก็บง่ำความสามารถใดๆ ไว้เลย
บนเสาหินชุบสวรรค์ ทุกคนแทบจะกลายเป็นคนโง่
แม้แต่กระทั้งนายน้อยที่แข็งแกร่งที่สุด เถิงฉิงหยุนก็ยังพ่ายแพ้ นอกเหนือจากสามราชาดาราแล้ว ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ให้หลี่ฟู่เฉินได้บ้าง?
เทพธิดาไตรสิกขา เจียงหรั่วหลิว อาจมีโอกาสได้ใช้ทักษะภาพลวงตาที่น่าทึ่งของเธอ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของหลี่ฟู่เฉินได้ แต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ก็ในเมื่อหลี่ฟู่เฉินมีความตระหนักรู้ที่เหนือกว่า ซึ่งหมายความว่าจิตวิญญาณของเขาย่อมแข็งแกร่งตามการตระหนักรู้ของเขา มันยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าทักษะภาพลวงตาของเธอจะส่งผลต่อเขาหรือไม่
สำหรับนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่… คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินเลย
ไม่ว่าจื่อหยูเย่จะน่าหวั่นเกรงเพียงใด เขาก็ยังถือว่าเป็นอัจฉริยะที่เพิ่งปรากฏตัวได้ไม่นานและอายุก็ใกล้เคียงกับหลี่ฟู่เฉิน มันเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอยู่แล้วหากความสามารถของเขาสามารถเทียบเคียงได้กับเถิงฉิงหยุนได้
สมาชิกของนิกายวารีครามเองก็มึนงงเช่นกัน นั้นรวมถึงจ้าวหวูจินด้วย
สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินแสดงออกมานั้นโหดเหี้ยมเกินไป มันโหดร้ายยิ่งกว่าอัจฉริยะชั้นยอดบางคนต่อสู้เสียอีก ตอนนี้เขาอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น และเมื่อเขาอายุ 25 ปีเขาก็อาจจะกลายเป็นบางสิ่งที่ต่อต้านสวรรค์ไปแล้ว
นับตั้งแต่ก่อตั้งนิกายวารีครามมา ไม่มีคนอัจฉริยะคนใดเป็นเหมือนอย่างเขา
“คนที่ถูกยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์คนที่หนึ่ง เขาจะเรียบง่ายได้เช่นนั้นได้อย่างไร เราทุกคนประเมินเขาต่ำเกินไป”
โอหยางเหวินเทียนทั้งประหลาดใจและดีใจ
ตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์คนแรกยังอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้าสัมผัสหลี่ฟู่เฉิน ตราบใดที่หลี่ฟู่เฉินสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ก็คงจะมีสักวันในอนาคตที่เขาอาจจะกลายเป็นนักสู้ระดับแนวหน้าของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
นี่เป็นเพราะหลี่ฟู่เฉินเป็นโครงกระดูกระดับ 1 ดาว ถ้าเขาเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว เช่นนั้นแล้วเขาก็จะกลายเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับสูงได้อย่างแน่นอน
นิกายวารีครามอาจไม่ได้เป็นนิกายชั้นยอดในยุคนี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกได้
ในนัดที่ 4300 เถิงฉิงหยุนสู้กับเจียงหรั่วหลิว
การแข่งขันระหว่างยอดฝีมือหกนายน้อยและเทพธิดาทั้งสี่เป็นการแข่งขันที่เทียบได้กับการแข่งขันระหว่างราชาดารา
หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับหลี่ฟู่เฉิน เถิงฉิงหยุนก็ไม่ได้ท้อถอย กลับกัน สภาวะพลังฉีของเขาชัดเจนและมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง…
ทักษะภาพลวงตาของเจียงหรั่วหลิวใช้กับเถิงฉิงหยุนไม่ได้ผลซักเท่าไหร่นัก อย่างน้อยก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างในการโจมตีของเถิงฉิงหยุนได้ มันมีเพียงผลกระทบต่อความสามารถในการคว้าโอกาสของเขา
ในการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็สูสีกัน
‘นอกเหนือจากทักษะลวงตาแล้ว ความสามารถของเจียงหรั่วหลิวเองก็ด้อยกว่าซูหลินเล็กน้อย และความสามารถของเถิงฉิงหยุนกลับแข็งแกร่งกว่าซูหลิน’
หลี่ฟู่เฉินวิเคราะห์ทุกอย่างและคิดในใจ
“เถิงฉิงหยุน ข้าอาจจะแพ้เจ้าในการแข่งขันครั้งก่อน แต่คราวนี้ เจ้าจะต้องแพ้ให้แก่ข้า! ระบำนภาสวรรค์!”
ท่าร่างของเจียงหรั่วหลิวจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป มันราวกับว่าเธอกำลังเต้นรำอยู่และท่าทางการเต้นของเธอก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจอันไร้ขอบเขต มันมีสภาวะพลังฉีที่น่าหลงใหลปรากฏขึ้นมา และ 90% ของอัจฉริยะที่อยู่บนเสาหินชุบสวรรค์ก็ติดอยู่ในภาพลวงตา มันให้ความรู้สึกราวกับว่าทั้งโลกใบนี้มีเพียงแต่การเต้นรำของเจียงหรั่วหลิวที่เป็นจุดศูนย์กลาง มันทั้งงดงามและอลังการมาก
‘ผสมผสานทักษะภาพลวงตาลงไปกับทักษะต่อสู้?’
หลี่ฟู่เฉินมีสีหน้าประหลาดใจ
เนื่องจากท่าเต้นที่ชวนให้หลงใหลของเจียงหรั่วหลิว การรับรู้ของเถิงฉิงหยุนในที่สุดก็ไม่เสถียร พร้อมกับเสียง ‘ปั๊ง’ เจียงหรั่วหลิวก็มาถึงตรงหน้าเถิงฉิงหยุนในทันที และเธอก็กระแทกฝ่ามือลงไปบนหน้าอกของเถิงฉิงหยุน
เจียงหรั่วหลิวได้รับชัยชนะ
“เธอฝึกฝนทักษะต่อสู้ภาพลวงตา?”
การแสดงออกของราชาดาราแส้ทองคำ จินซูตง เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
สิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริงของวิหารไตรสิกขาไม่ใช่ทักษะต่อสู้ แต่เป็นทักษะต่อสู้ภาพลวงตาที่น่ากลัวพวกนั้น
ตามชื่อของมัน ทักษะต่อสู้ภาพลวงตาเป็นทักษะต่อสู้ที่มีทักษะลวงตาผสมกันอยู่ ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันมัน