Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 314
บทที่ 314
ชีพจรดาบ
ฟึบ ฟึบ!
ทั้งสองคนร่อนลงบนเวทีวงกลมด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
“ทักษะดาบมังกรฟ้า… เจตจำนงมังกรฟ้า”
จื่อหยูเย่ไม่ได้กล่าวคำใดๆ ให้เสียเวลาและก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทดสอบหลี่ฟู่เฉินด้วยเช่นกัน เขาใช้ทักษะดาบมังกรฟ้าระดับลึกลับขั้นสูงสุดของเขาทันที แสงดาบนับไม่ถ้วนมาบรรจบกันและก่อตัวเป็นมังกรทอง ซึ่งต่อจากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่หลี่ฟู่เฉินอย่างรุนแรง
“ดาบนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบที่ใช้กับราชาดาราแส้ทองคำ จินซูตง เสียอีก”
“ข้าได้ยินมาว่าจื่อหยูเย่ไม่ได้เป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาวธรรมดาๆ เท่านั้น แต่เขายังมีชีพจรแห่งดาบด้วยเช่นกัน มันสามารถเพิ่มพลังในเต๋าแห่งดาบได้มหาศาล”
“บางทีข่าวลืออาจเป็นเรื่องจริง”
หลายคนสนทนากันอย่างดุเดือด
ด้านนอกค่ายกลชุบสวรรค์ เจ้านิกายดาบมังกรฟ้ายิ้มบางๆ
หากไม่มีศักภาพแฝงเร้นแต่กำเนิด จื่อหยูเย่ก็คงไม่ได้รับฉายาอัจฉริยะเต๋าแห่งดาบที่ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในรอบพันปีนี้มาแน่นอน
ชีพจรแห่งดาบทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไป
ตลอดพันปีที่ผ่านมาของนิกายดาบมังกรฟ้า มันมีผู้ที่มีศักยภาพโดยกำเนิดเทียบเท่ากับจื่อหยูเย่ดำรงอยู่ แต่พวกเขาไม่มีเส้นชีพจรแห่งดาบ อาจมีผู้ที่มีเส้นชีพจรแห่งดาบ แต่เขาก็ไม่มีศักยภาพโดยกำเนิดเช่นเดียวกับจื่อหยูเย่
เส้นชีพจรแห่งดาบนับรวมกับร่างกายที่มีมาแต่กำเนิด ซึ่งมันจะสามารถทำให้คนมีความสามารถในการเข้าใจเจตจำนงและเต๋าแห่งดาบได้โดยธรรมชาติ มันจะช่วยเพิ่มพลังทักษะดาบได้อย่างเงียบเชียบและยังยกระดับทักษะดาบขึ้นไปอีกขั้น
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเส้นชีพจรแห่งดาบของเขามีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นและไม่มีวันอ่อนแอลง
เมื่อพลังฝึกฝนของคนนึงเพิ่มขึ้น เส้นชีพจรดาบก็จะค่อยๆ ตื่นขึ้นและเมื่อมันไปจนถึงระดับหนึ่ง พลังแฝงของมันก็ระเบิดออกมาพร้อมกับเต๋าแห่งดาบที่น่าสะพรึงกลัว
ผู้ที่ครอบครองเส้นชีพจรแห่งดาบโดยปกติแล้วย่อมมีศักยภาพโดยกำเนิดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง แต่ก่อนนั้น พวกเขาจะเป็นที่รู้จักในฐานะปรามจารย์เต๋าแห่งดาบในอนาคต
เมื่อเผชิญหน้ากับดาบที่ทรงพลังของจื่อหยูเย่ หลี่ฟู่เฉินเพิ่มความสามารถของเขาเล็กน้อยเพิ่มขึ้นไปยัง 70%
แสงดาบเหล็กดำเป็นเหมือนกับดาบของเทพปีศาจ ซึ่งมันเหมือจะสังหารอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ขฯที่มันเข้าไปปะทะกับมังกรทอง
เช้ง เช้ง เช้ง…
บนเวทีวงกลม แสงดาบสีทองเหมือนฝนที่กำลังตกปรอยๆ มันร่วงหลนมาอย่างรุนแรง ในขณะที่แสงดาบสีดำอมแดงของหลี่ฟู่เฉินเข้าไปสกัดกั้นฝนที่ว่านั้นเอาไว้ แสงดาบเหล็กดำขวางทางและทำลายสายฝนดาบนับไม่ถ้วน
“กันไว้ได้?” การแสดงออกของจื่อหยูเย่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
ในระหว่างการต่อสู้กับราชาดาราแส้ทองคำ จินซูตง จื่หยูเย่ใช้เส้นชีพจรดาบไปเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ เขาได้ใช้พลังสูงสุดของเส้นชีพจรดาบของเขาไปแล้ว
“บุคคลทั้งสี่นี้อยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับเรา!”
ทุกคนตกตะลึง
ในความเห็นของพวกเขา จื่อหยูเย่และหลี่ฟู่เฉินสามารถแข่งขันกับสือตูเหล่ยและฉีเหิงได้แล้ว พวกเขาอาจจะด้อยกว่าสือตูเหล่ย แต่พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฉีเหิงแน่นอน อย่างน้อยก็จากสิ่งที่เห็น พวกเขาสามารถทำลายแนวป้องกันของฉีเหิงได้อย่างง่ายดาย
อย่างที่ทุกคนคาดหวัง การแสดงออกของฉีเหิงเองก็รุนแรงขึ้นมาก
ในความคิดของเขา จื่อหยูเย่และหลี่ฟู่เฉินมีความสามารถพอที่จะทำลายการป้องกันของเขาได้ ซึ่งหมายความว่าทั้งสองคนอาจจะมีโอกาสเอาชนะเขาได้
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าเป็นคนแรกบังคับให้ข้าต้องใช้ความสามารถจนถึงขีดจำกัด”
จื่อหยูเย่หายใจเข้าลึกๆ และเข้าไปในส่วนลึกของเส้นชีพจรของเขา เพื่อบีบพลังออกมาในทุกๆ หยาดหยด
หากมีใครบางคนสามารถมองเห็นภายในร่างกายของจื่อหยูเย่ได้ พวกเขาก็จะสังเกตได้ว่าเส้นชีพจรของเขามีสีทองซีดซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไป สิ่งนี้เรียกอีกอย่างว่าร่างเต๋าแห่งดาบในตำนาน… ชีพจรดาบ
เส้นชีพจรดาบนั้นแข็งแกร่งมากและสามารถทนต่อผลกระทบที่รุนแรงได้ ผู้ที่มีเส้นชีพจรดาบจะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างรวดเร็ว
เป็นความจริงที่ทราบกันดีว่าเมื่อตอนที่นักสู้ปะทะกัน โดยทั่วไปแล้วพวกเขาย่อมได้รับบาดเจ็บภายใน อาการบาดเจ็บภายในส่วนใหญ่เป็นความเสียหายของเส้นชีพจรหรือไม่ก็อวัยวะภายใน แต่จื่อหยูเย่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่เส้นชีพจรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเส้นชีพจรแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งช่วยบำรุงอวัยวะภายในได้ดีมากขึ้นเท่านั้น แต่แน่นอนว่ามันก็ต้องใช้พลังของเส้นชีพจรดาบจนหมดสิ้นด้วยเช่นกัน
เส้นชีพจรดาบสีทองซีดบีบพลังออกมา ซึ่งก็เป็นสีทองอ่อนเช่นกัน ร่องรอยของพลังสีทองซีดเหล่านี้ไหลไปตามเส้นชีพจรตรงแขนของเขาและเข้าไปภายในดาบยาวสีทอง ในช่วงเวลาถัดไป ดาบยาวสีทองของจื่อหยูเย่ก็ระเบิดออกพลังมาพร้อมกับแสงสีทองที่ทำให้ดวงตาพร่าเลือน ลวดลายดาบเหมือนจะปรากฏขึ้นมาที่พื้นผิวของดาบยาว เพิ่มสภาวะพลังฉีมากขึ้นไปอีกขั้น
“ทักษะดาบมังกรฟ้า… มังกรฟ้าทะยาน!”
มีสายรุ้งสีทองซึ่งดูเหมือนสายฟ้าสีทองที่เชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลกปรากฏขึ้นมา มันพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉินอย่างอาจะหาญและมีความรวดเร็วไปจนระดับที่น่าตกใจ
“เด็กผู้นั้นมีเส้นชีพจรดาบในตำนานซึ่งทำให้พลังโจมตีของเต๋าแห่งดาบเพิ่มขึ้นเกือบๆ สองเท่า” หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวารีครามขมวดคิ้ว
ในประวัติศาสตร์ของนิกายวารีคราม ไม่เคยมีผู้ครอบครองชีพจรดาบปรากฏอยู่ ในสหัสวรรษที่ผ่านมา มีเพียงนิกายดาบมังกรฟ้าและนิกายดาบเลิศสวรรค์เท่านั้นที่มีอยู่ในจำนวนไม่กี่คน
“ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอีกหรือ?” เมื่อเห็นสถานการณ์ แม้แต่หลี่ฟู่เฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เขาไม่เข้าใจว่าพลังของจื่อหยูเย่มาจากไหน แต่มันก็ไม่สำคัญว่าเขาจะรู้เหตุผลหรือไม่
หลี่ฟู่เฉินผลักดันความสามารถของแสงดาบเหล็กดำไปจนถึง 90% ดาบดำถูกย้อมจนกระทั้งเป็นสีดำอมแดงทั้งหมด ราวกับว่ามันเป็นดาบของปีศาจจริงๆ ตัวดาบที่ถูกเคลือบด้วยพลังแสงดาบเหล็กดำเริ่มปลดปล่อยสภาวะพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ณ ตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นดาบปีศาจไปแล้วจริงๆ
“ทำลาย!”
กวัดแกว่งดาบด้วยสองมือ หลี่ฟู่เฉินตวัดดาบลงไป
ชี่!
ส่วนใหญ่ของแสงดาบเหล็กสีดำได้กลายเป็นดาบพลังฉีที่บ้าคลั่ง ซึ่งมันก็ได้เข้าหั่นสายรุ้งสีทอง
ในช่วงเวลาสั้นๆ 100 ฟุตตรงหน้าของหลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยกระแสพลังฉีสีดำแดงที่ดุร้าย
มันรู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงเสื้อผ้าที่ถูกฉีก รุ้งสีทองถูกตัดออกเป็นหลายสิบแถบ เนื่องจากไม่สามารถต้านทานพลังจากแสงดาบเหล็กดำของหลี่ฟู่เฉินได้
“อะไร? ทำลายได้อีกครั้ง?” จื่อหยูเย่เกรี้ยวโกรธ
ทุกครั้งที่เขาใช้พลังหลักในเส้นชีพจรดาบของเขา มันก็จะหมดไปทีละเล็กละน้อย ในช่วงเวลาปกติ เขาจะใช้พลังจากเส้นชีพจรดาบที่กระจายตัวและมีอยู่จำนวนมากในร่างของเขาแทน
เมื่อเขาใช้พลังหลักของชีพจรแห่งดาบมันก็จะหมดลงไป และมันก็จะต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อฟื้นมันขึ้นมา
เฉพาะตอนที่ชีพจรดาบของเขาไปถึงขั้นเต๋าดาบศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เขาถึงจะสามารถเติมพลังชีพจรหลักของตัวเองได้ตลอดเวลา
“ข้าจะต้องใช้มัน”
จื่อหยูเย่ยังคงเค้นพลังหลักของชีพจรดาบออกมาและเข้าปะทะกับหลี่ฟู่เฉินอย่างรุนแรง
เขาไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้และตราบใดที่เขาสามารถเอาชนะหลี่ฟู่เฉินได้ เขาก็จะอยู่ในสามอันดับแรก
แต่ถ้าเขาล้มเหลว อาจมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะไม่สามารถก้าวขึ้นสู่สามอันดับแรกได้
เนื่องจากเขาไม่รู้ว่า แม้จะใช้พลังหลักทั้งหมดในเส้นชีพจรดาบของเขาไป เขาจะเอาชนะฉีเหิงได้หรือไม่ก็ไม่อาจทราบ สำหรับสือตูเหล่ย เขาไม่มีความมั่นใจเลย
มีเวลาไม่มากพอที่เขาจะพัฒนาตัวเองขึ้น และก็ไม่มีทางที่เขาจะเหนือกว่าสือตูเหล่ยได้ในทันที
เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง…
บนเวทีวงกลม ทั้งสองคนติดอยู่ในการต่อสู้ที่รุนแรง ดาบพลังฉีที่น่ากลัวปกคลุมไปทั่วเวทีและใครก็ตามที่เข้ามา พวกเขาจะถูกหั่นออกเป็นชิ้นด้วยดาบพลังฉีนี้ทันที โดยพื้นฐานแล้วมันไม่มีที่ว่างให้ยืนบนเวที
เมื่อพลังหลักของเส้นชีพจรดาบเหลืออยู่ 30% จื่อหยูเย่ก็ลังเลเล็กน้อย
จื่อหยูเย่ไม่รู้ว่าเขาควรต่อสู้แบบนี้ต่อไปดีหรือไม่ ก็ในเมื่อหลี่ฟู่เฉินคงยังอยู่ได้เป็นเวลานาน ในขณะที่เขาไม่สามารถรักษาขีดจำกัดของความสามารถได้อีกต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกับที่จื่อหยูเย่กำลังลังเลใจ หลี่ฟู่เฉินคว้าโอกาสนี้และทำการโจมตีด้วยดาบหลายครั้ง จื่อหยูเย่ถูกบีบบังคับ และเขาก็ทำได้เพียงแต่ใช้ดาบเพื่อป้องกันก็กั้น
ปิสส!
ต่อหน้าหลี่ฟู่เฉินความลังเลใจใดๆ อาจกลายเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงได้
จากสิ่งนี้ หลี่ฟู่เฉินก็เจาะทะบุร่างกายของจื่อหยูเย่ได้สำเร็จ
“ข้าแพ้แล้ว?” จื่อหยูเย่ไม่เชื่อ
เขาอาจจะลังเล แต่มันก็ทนไม่ได้ เมื่อเขาต้องพ่ายแพ้จริงๆ
ราชาเต๋าแห่งดาบมักมองว่าตัวเองเป็นอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวและยังเป็นการดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ ต่อหน้าเขา นักดาบทุกคนจะต้องโค้งคำนับให้กับเขา
แต่ตอนนี้ เขาพ่ายแพ้ให้กับนักดาบที่ชื่อหลี่ฟู่เฉิน
นี่ระเบิดลูกใหญ่สำหรับเต๋าดาบเผด็จการของเขา
“หลี่ฟู่เฉินเหรอ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้”
จื่อหยูเย่มีสีหน้าเย็นชาและในดวงตาของเขาก็ดูไร้อารมณ์
เส้นชีพจรดาบของเขามีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นและเมื่อเขาพัฒนาเต๋าของเขาไปจนถึงขั้นเต๋าดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาจะทำให้หลี่ฟู่เฉินก้มหัวให้เขาให้ได้
หลี่ฟู่เจินเดาไม่ออกว่าจื่อหยูเย่คิดอะไรอยู่
ชัยชนะก็คือชัยชนะ และตอนนี้เขาก็ชนะแล้ว
ความเข้มข้นของการแข่งขันครั้งนี้เหนือกว่าการแข่งขันครั้งก่อนหน้านี้มาก
หลังจากที่เอาชนะจื่อหยูเย่ได้แล้ว หลี่ฟู่เฉินก็เป็นหนึ่งในสามราชาดาราแล้ว คำถามเดียวคือ เขาจะอยู่ในอับดับอะไร?