Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 316
บทที่ 316
อัสนีสวรรค์ดับสูญ
‘เขายังคงซ่อนความสามารถไว้อยู่อีก?’
ฉีเหิงมีสีหน้าประหลาดใจ ก็ในเมื่อตอนที่หลี่ฟู่เฉินต่อสู้กับจื่อหยูเย่ เขาไม่ได้แสดงพลังโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมา เขาดูอ่อนแอกว่านี้อย่างน้อยก็ 10%
เพราะกระดูกที่ร้าวของเขา ทำให้ฉีเหิงไม่สามารถระเบิดพลังทั้งหมดออกมาได้ แม้แต่กระทั่งกระบวนท่าของเขาก็ดูอ่อนแอลงเล็กน้อย
‘ข้ารอไม่ได้อีกแล้ว’
ในตอนแรกฉีเหิงต้องการรวบรวมพละกำลังให้มากกว่านี้ เพื่อที่เขาจะสามารถขว้างง้าวออกไปด้วยพลังที่มากกว่าเดิมได้ แต่มันก็ช้าเกินไป
กร๊อบ!
เสียงกระดูกภายในร่างกายของฉีเหิงหักออกจากกัน ขณะที่เขาขว้างง้าวออกไป
โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ในการขว้าง แม้แต่กระทั้งการยกมือก็ดูเหมือนจะจะไม่มี เมื่อรู้ตัวอีกทีง้าวก็พุ่งออกไปแล้ว
ง้าวขนาดใหญ่กลายเป็นลำแสง ซึ่งลำแสงนี้เองยังเป็นลำแสงที่รวดเร็วอย่างยิ่ง
“ใช้กระบวนท่านี้จัดการข้า?” หลี่ฟู่เฉินยิ้มออกมา
ฟึบ!
ง้าวทะลุร่างของ หลี่ฟู่เฉิน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน… การแสดงออกของฉีเหิงก็เปลี่ยนไปในทันที
ง้าวทะลุภาพติดตาของหลี่ฟู่เฉิน ขณะที่หลี่ฟู่เฉินตัวจริงมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
จึก!
หลี่ฟู่เฉินใช้ดาบฟันแขนขวาของฉีเหิง หลังจากนั้นหลี่ฟู่เฉินก็เล็งเป้าใหม่อีกครั้งและฟันไปที่ขาของฉีเหิงทันที
แค่ชั่วพริบตา หลี่ฟู่เฉินเฉือดเฉือนฉีเหิงไปหลายต่อหลายครั้ง
แม้ว่าจื่อหยูเย่จะไม่สามารถตอบสนองได้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าหลี่ฟู่เฉินจะตอบสนองไม่ทันดั่งเช่นเขา อันที่จริงสิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเร็วในการตอบสนอง เมื่อตอนที่ฉีเหิงรวบรวมพละกำลังของเขาเพื่อใช้กระบวนท่านี้ หลี่ฟู่เฉินก็รู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว และก่อนที่ฉีเหิงจะขยับตัว หลี่ฟู่เฉินก็เริ่มที่จะหลบหลีกล่วงหน้า นั้นจึงทำให้การโจมตีของฉีเหิงต้องเป็นโมฆะ
การจะทำเช่นนี้ได้ เราต้องมีความตระหนักรู้มากเป็นพิเศษ
“ท้ายที่สุดแล้วฉีเหิงก็พ่ายแพ้ให้แก่หลี่ฟู่เฉิน” มีใครบางคนถอนหายใจ
“นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การรับรู้และทักษะต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่ากลัวเกินไป ง้าวของฉีเหิงทำอะไรไม่ได้เลย”
ในฐานะอัจฉริยะ ทุกคนเองก็มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
เนื่องจากเป็นการแข่งขันในสองสามนัดสุดท้าย มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉีเหิงจะจับคู่กับสือตูเหล่ย
หลังจากที่พ่ายแพ้ให้จื่อหยูเย่และหลี่ฟู่เฉินมาก่อน จิตวิญญาณต่อสู้ในปัจจุบันของฉีเหิงจึงลดลงอย่างมาก แต่ความสามารถของใครคนหนึ่งจะไม่เปลี่ยนไปมากกว่านี้แล้ว แม้ว่าฉีเหิงอาจจะไม่สามารถต่อสู้กับคนที่มีความสามารถมากกว่าเขาได้จริงๆ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสู้ได้อย่างสมฐานะ
บูม บูม บูม…
บนเวที สือตูเหล่ยและฉีเหิงขมักพัวพันอยู่กับการต่อสู้ที่รุนแรง
“หมัดสายฟ้า!”
สายฟ้าที่รุนแรงนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นหมัดและเข้าไปทำลายฉีเหิง
ในทันที ร่างกายของฉีเหิงก็ถูกคลื่นสายฟ้ากลืนกินลงไป ทั้งยังส่งเสียงครึ่นครางออกมา
แต่ช่างน่าเสียดายที่พลังป้องกันของฉีเหิงนั้นแข็งแกร่งเกินไป และหมัดสายฟ้านี้ก็ทำได้เพียงแค่เผาผิวหนังของเขาให้ไหม้แต่เพียงเท่านั้น ซ้ำยังรอยไหม้นั้นก็เป็นเพียงแค่รอบบางๆ ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก
“สือตูเหล่ย เจ้าไม่สามารถทำลายการป้องกันของข้าได้” ในตอนนี้ฉีเหิงมีความมั่นใจเล็กน้อย
แต่เดิมแล้วพลังในการทำลายการป้องกันของนักดาบย่อมทรงพลังอยู่แล้ว แต่ด้วยพลังที่เท่ากันหมัดไม่สามารถเทียบกับดาบได้เลย
“งั้นหรอกหรือ?” สือตูเหล่ยยิ้มจาง ๆ
“ข้าสงสัยว่าเจ้าจะต้านทานหมัดนี้ได้ไหม” สือตูเหล่ยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และพุ่งลงมาพร้อมกับหมัดที่รุนแรง
ขณะที่สือตูเหล่ยต่อนลงไปด้วยหมัดของเขา มันก็มีร่างที่เกิดจากสายฟ้าปรากฏขึ้นด้านหลังของสือตูเหล่ย จากนั้นร่างสายฟ้าก็ระเบิดหมัดขนาดใหญ่เข้าใส่ฉีเหิง
“นี่คือ?” อัจฉริยะทั้งหมดต่างก็จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ตู้มม!
ราวกับสวรรค์ได้ส่งสายฟ้าสีม่วงจำนวนมากลงมาเยื่อนยังโลกมนุษย์ มันควบแน่นเป็นหมัดสายฟ้าสีม่วง ก่อนที่จะพุ่งไปยังฉีเหิงด้วยความรวดเร็ว และมันก็แทบจะถึงด้านหน้าของฉีเหิงในทันที
ชี่ ชี่ ปิสส!
หมัดสายฟ้าสีม่วงสร้างแรงสั่นสะเทือนนับล้านระลอกคลื่น สิ่งนี้เองที่ทำลายพลังป้องกันของฉีเหิงได้แทบจะทันที และมันก็ทำให้ร่างกายของฉีเหิงไหม้เกรียม
“นี่คือ อัสนีสวรรค์ดับสูญ!”
มีคนรู้จักทักษะกำปั้นของสือตูเหล่ย
อัสนีสวรรค์ดับสูญ เป็นทักษะต่อสู้อันดับ 1 ของนิกายเทพอัสนี และเป็นอันดับที่ 2 ของทักษะต่อสู้สิบอันดับแรกในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ในแง่ของการจัดอันดับ มันเหนือกว่าทักษะดาบมังกรฟ้ามาก ดังนั้นพลังในการปลิดชีพของมันจึงเหนือกว่าโดยธรรมชาติ
เห็นได้ชัดว่าสือตูเหล่ย ได้ฝึกฝน อัสนีสวรรค์ดับสูญ จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ในแง่ของความสามารถด้านทักษะต่อสู้เพียวๆ สือตูเหล่ยนั้นอยู่เหนือกว่าจื่อหยูเย่
“สือตูเหล่ยประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะต่อสู้อันดับ 1 ของนิกายเทพอัสนี เขาคู่ควรกับการที่เป็นราชาดาราอันดับ 1 อย่างแท้จริง”
“สือตูเหล่ยครอบครองโครงกระดูกอัสนีคำรนระดับ 6 ดาว เขาได้ฝึกฝนเทคนิคอัสนีบาตศักดิ์สิทธิ์ และอัสนีสวรรค์ดับสูญ และด้วยความสามารถทั้งสามที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันนี้ พลังที่เขาสามารถระเบิดพลังออกมาได้ก็จะมีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะต่อสู้ประเภทสายฟ้าของเขานี้เอง ก็เป็นหนึ่งในทักษะต่อสู้ที่น่ากลัวแทบจะที่สุดแล้ว”
ทุกคนตกตะลึง เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกฝนทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดให้สำเร็จได้ทั้งๆ ที่อยู่ในขอบเขตปฐพี แต่จื่อหยูเย่และสือตูเหล่ยกลับประสบความสำเร็จได้ทั้งคู่
จื่อหยูเย่ใช้พลังของชีพจรดาบ ระเบิดพลังออกทั้งหมดมา และเขาก็เอาชนะฉีเหิงได้ด้วยสิ่งนี้ หลี่ฟู่เฉินเองก็อาศัยความตระหนักรู้และทักษะที่น่าประหลาดใจของเขาเพื่อเอาชนะฉีเหิง ในขณะที่สือตูเหล่ยก็ใช้ความสามารถที่เหนือกว่าของเขาในการกดดันฉีเหิง
เจ้านิกายเทพอัสนีมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เนื่องจากไม่มีใครรับรู้ความสามารถของสือตูเหล่ยได้ดีไปกว่าตัวเขาแล้ว
ในนิกายเทพอัสนี สือตูเหล่ยได้เอาชนะผู้อาวุโสของนิกายภายชั้นในที่อยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตสวรรค์ได้ ด้วยความสามารถเช่นนี้ หากเขายังไม่สามารถคว้าอันดับที่ 1 ในการแข่งขันจัดอันดับดาราได้ นั่นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
‘แข็งแกร่งจริงๆ ในแง่ของพลังโจมตี มันไม่ได้ด้อยไปกว่าดาบสุดท้ายของจื่อหยูเย่เลย’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง
กระบวนดาบที่จื่อหยูเย่ใช้เพื่อเอาชนะฉีเหิงนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง เนื่องจากพลังโดยรวมของเขาเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า แต่ทว่าสือตูเหล่ยกลับสามารถสร้างพลังแบบเดียวกันได้โดยไม่ต้องใช้พลังสูงสุดใดๆ สิ่งนี้มันจึงทำให้เขาน่ากลัวยิ่งขึ้น
เนื่องจากเป็นการแข่งขันสองนัดสุดท้าย มันจึงคาดเดาได้ว่าจื่อหยูเย่จะต้องเจอกับสือตูเหล่ย
ใช้พลังหลักที่เหลือและพลังที่กระจายอยู่รอบๆ เส้นชีพจรดาบทั้งหมด จื่อหยูเย่ก็เข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างเขาและสือตูเหล่ยทันที
อย่างไรก็ตาม สือตูเหล่ยทรงพลังเกินไป เขายอดเยี่ยมในทุกคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังฝึกฝน ระดับเทคนิค หรือแม้แต่กระทั้งพลังในทักษะ ทั้งหมดที่เขามีมันเหนือกว่าจื่อหยูเย่ หากไม่ได้เป็นเพราะพลังหลักของชีพจรดาบของจื่อหยูเย่ เขาก็คงไม่สามารถรับหมัดของสือตูเหล่ย ได้แม้แต่หมัดเดียว
“ดาบและคนรวมเป็นหนึ่ง”
จื่อหยูเย่ ใช้พลังหลักเส้นชีพจรดาบสำรองจนหมด และเขาก็ระเบิดพลังออกมาทันที ด้วยการเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนและดาบ เขาก็กลายเป็นลำแสงและพุ่งไปยังสือตูเหล่ย
สือตูเหล่ยมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเขาจะป้องกันดาบนี้ได้
แน่นอนว่าตัวเขาเองไม่เชื่อว่าจื่อหยูเย่จะสามารถใช้ท่านี้ได้ติดต่อกัน ไม่เช่นนั้นแล้วจื่อหยูเย่ก็คงไม่ลังเลที่จะใช้ท่าออกมาระหว่างจอนที่แข่งขันกับหลี่ฟู่เฉินอยู่
ด้วยอัสนีสวรรค์ดับสูญ สายฟ้าสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนได้เปลี่ยนเป็นหมัดและพุ่งเข้ามาทะลวงแสงแห่งดาบ
แสงดาบนั้นรวดเร็วมาก และเมื่อตอนที่หมัดก่อตัวขึ้น แสงดาบก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ด้วยเหตุนี้หมัดสายฟ้าจึงไม่ได้มีเวลาเพียงพอที่จะรีดพลังสูงสุดออกมาได้
ปืสส ปืสส!
สายฟ้าสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนสลายออกไป ขณะที่แสงดาบค่อยๆ ริบหรี่ลง และกระจายอยู่ทั่วตัวของสือตูเหล่ย
ปิสส!
สือตูเหล่ยกระอักเลือดสดๆ ออกมา มันมีรอยดาบฟันลึกลงไปถึงกระดูกอยู่ที่ไหล่ซ้ายของเขา
“สือตูเหล่ยกำลังจะแพ้งั้?”
ทุกคนอ้าปากค้างและพูดไม่ออก
ปั๊ง!
ด้านหลังของจื่อหยูเย่ เกิดระเบิดหมอกเลือดขึ้น
หลังจากมองเข้าไปใกล้ๆ ก็จะสังเกตได้ว่าหน้าอกของจื่อหยูเย่เป็นรูกลวง
เมื่อตอนที่แสงดาบเฉือนเข้าไปที่ไหล่ของสือตูเหล่ย เขาเองก็ระเบิดหมัดอีกหมัดเข้าไปที่หน้าอกของจื่อหยูเย่ หมัดนี้อาจจะไม่ใช่อัสนีสวรรค์ดับสูญ และอาจจะเป็นเพียงหมัดพลังฉีสายฟ้าธรรมดาๆ แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทะลวงพลังป้องกันของจื่อหยูเย่
ค่ายกลชุบสวรรค์สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ทุกรูปแบบ ทันใดนั้นเองมันก็เรืองแสงขึ้นเพื่อช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของจื่อหยูเย่
“ข้าเกือบจะแพ้?!”
อันที่จริงดาบเล่มนี้เทียบกับตอนดาบที่จื่อหยูเย่เอาชนะฉีเหิงไม่ได้ มันเป็นเพราะเขาไม่สามารถเก็บพลังหลักของชีพจรดาบไว้ได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้กับฉีเหิงเขาใช้พลังไปทั้งหมด 50% จาก 70% ในตอนนี้มันจึงเหลือเพียงแค่ 20% จากทั้งหมดเท่านั้น
จื่อหยูเย่คิดว่าเพื่อที่จะเอาชนะสือตูเหล่ยได้นั้น อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องใช้พลังหลักเส้นชีพจรดาบไปประมาณ 50% แน่นอน ไม่ใช้กลายเป็นไร้ประโยชน์หากใช้มันมากกว่านี้ ก็ในเมื่อเขายังไม่สามารถระเบิดพลังหลักของเส้นชีพจรดาบออกมาได้มากนัก ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคนทั่วไประเบิดพลังออกมามากๆ โดยที่ไม่มีเส้นชีพจรดาบ เส้นชีพจรธรรมดาๆ ของพวกเขาก็อาจจะพิการเอาได้
หลังจากที่เอาชนะจื่อหยูเย่แล้วได้นั้น สือตูเหล่ยก็มองไปยังหลี่ฟู่เฉิน ต่อไปเป็นการจับคู่ระหว่างทั้งสองคน
การแข่งขันครั้งนี้จะตัดสินว่าใครคือราชาดาราอันดับ 1