Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 322
บทที่ 322
การบีบบังคับจากนิกายสวรรค์ปีศาจ
ก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะกลับมายังนิกายวารีคราม ข่าวเกี่ยวกับการจากไปของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว หลายคนในนิกายใกล้เคียงจึงได้รับรู้ข้อมูลนี้ทันที
“ในที่สุดก็ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับก็จากไปแล้ว นิกายเขาเขียวเป็นเพียงนิกายระดับสามเท่านั้น และเพียงเพราะเจ้าพวกนั้นมีศิษย์หลักระดับทองเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ พวกมันถึงกลับกล้าเข้าควบคุมนิกายธารเหล็กของเราจริงๆ? ถึงเวลาแล้วที่พวกมันจะต้องได้รับความทุกข์ทรมาน”
“ศิษย์ของนิกายห่วงทองสังหารหลานชายของข้า การแก้แค้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ อย่างน้อยๆ พวกนั้นก็ต้องส่งตัวคนร้ายมาให้กับข้า”
ในช่วงเวลานี้ ความขัดแย้งระหว่างทุกนิกายเพิ่มมากขึ้น และในพื้นที่ใกล้เคียงของแคว้นร้อยเทพยุทธ์นี้เมฆครึ้มแห่งการต่อสู้เริ่มก่อตัวมากขึ้นทุกที
เมื่อหลี่ฟู่เฉินกลับไปที่นิกายวารีคราม ข่าวการกลับมาของเขาก็รู้ไปถึงนิกายสวรรค์ปีศาจ
ณ ห้องโถงของนิกายสวรรค์ปีศาจ
หลี่เซี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจากไปแล้ว ดี ดีมาก นิกายวารีคราม คราวนี้ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่าเจ้าจะปกป้องหลี่ฟู่เฉินนั้นอย่างไร”
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อสงครามกับนิกายวารีคราม ถ้าหากมันไม่จำเป็นจริงๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันย่อมต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างสองนิกายที่แทบจะมีพลังเท่าๆ กัน และมันก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะถอยกลับออกไปโดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ นิกายสวรรค์ปีศาจเองก็ยังไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้แบบนี้เช่นกัน
เมื่อเดินออกจากห้องโถงสวรรค์ปีศาจ ร่างของหลี่เซี่ยเทียนก็เรืองแสงขึ้น ขณะที่เขาพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า และบินไปยังยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ในส่วนลึกของนิกายสวรรค์ปีศาจ
บนภูเขาสูงตระหง่านนั้นมีผู้อาวุโสสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายสวรรค์ปีศาจอาศัยอยู่ หลี่เฟ่ยเผิง ซึ่งเป็นลุงของลูกพี่ลูกน้องหลี่เซี่ยเทียน
“เซี่ยเทียน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลี่เฟ่ยเผิงไม่ได้กำลังเข้าญาณแต่อย่างใด แต่ทว่าเขากำลังดื่มชาอยู่
“ท่านลุง ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจากไปแล้ว ข้าต้องการแก้แค้นให้หวูเซี่ย” หลี่เซี่ยเทียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหลี่เฟ่ยเผิงก็เปล่งประกายแสงอันเฉียบคมออกมา “ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจากไปแล้วหรือ? มันก็คงถึงเวลาที่ต้องแก้แค้นให้กับหวูเซี่ยแล้วเช่นกัน”
เขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับที่ 4 และมันก็จะไม่มีใครในนิกายวารีครามที่สามารถเทียบกับเขาได้
ที่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดในทุกๆ ระดับ มันนับเป็นโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครมีความสามารถในการต่อสู้ข้ามระดับ เว้นเสียแต่จะเป็นโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ หรือไม่ก็เป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาว
วันนี้ หลี่เซี่ยเทียน หลี่เฟ่ยเผิง และผู้อาวุโสสูงสุดอีกคนกำลังบินไปยังทิศทางของนิกายวารีคราม
การมาเยือนของพวกเขาในครั้งนี้ คือต้องการบีบบังคับให้นิกายวารีครามต้องส่งมอบหลี่ฟู่เฉินและส่งมอบยื่นทรัพยากรบางอย่างเพื่อเป็นการไถ่โทษให้แก่พวกเขา
นิกายวารีคราม…
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ปิดบังอะไร และบอกกับโอหยางเหวินเทียนเกี่ยวกับข่าวคาวการจากไปของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ
โอหยางเหวินเทียนดูไม่ค่อยดีนัก ถึงเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับต้องจากไปในสักวัน เพราะสิ่งเหล่านี้เองก็เกิดขึ้นแล้วในอดีต แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะจากไปในเวลานี้
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีนัก นิกายสวรรค์ปีศาจจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายๆ แน่นอน”
โอหยางเหวินเทียนรู้เกี่ยวกับนิสัยของหลี่เซี่ยเทียนผู้นี้ดี เขาเป็นบุคคลที่ไม่มีทางไม่ล้างแค้นแน่นอน และเขาก็จะไม่มีวันยอมปล่อยหลี่ฟู่เฉินไป
หลี่ฟู่เฉินกล่าวไม่ออก ถ้าเขาต้องต่อสู้กับนิกายสวรรค์ปีศาจเพียงลำพัง มันก็เหมือนกับตั๊กแตนตำข้าวพุ่งเข้าไปชนกับรถ ระดับการต่อสู้แตกต่างกันมากเกินไป และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพานิกายวารีครามในตอนนี้
หายใจเข้าลึกๆ โอหยางเหวินเทียนกล่าวอย่างช้าๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป ทุกๆ คนในนิกายวารีครามที่อยู่รอบๆ นิกายสวรรค์ปีศาจ จะป้องกันไม่ให้ใครมาแตะตัวเจ้าได้”
นี่เป็นช่วงเวลาที่นิกายวารีครามต้องไม่อ่อนข้อใดๆ เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายอ่อนข้อให้ ศักดิ์ศรีของนิกายพวกเขาก็จะสิ้นสุดลงในทันที นอกจากนี้นิกายสวรรค์ปีศาจก็ยังไม่น่าเกรงขามถึงขนาดที่นิกายวารีครามจะต้องยอมอ่อนข้อให้ โอหยางเหวินเทียนไม่เชื่อว่านิกายสวรรค์ปีศาจอยากจะประกาศสงครามกับนิกายวารีครามกับ เพียงเพราะหลี่หวูเซี่ยแค่เพียงผู้เดียว
“ขอบคุณท่านมาก ท่านเจ้านิกาย”
หลี่ฟู่เฉินโค้งตัวพร้อมกับป้องกำปั้น ขณะที่เขาถอนหายใจอยู่ในใจ เขาไม่ต่างจากแมลง เมื่อมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องในระดับนิกาย
แต่ด้วยเครื่องรางทองคำที่เขามี เขาอาจต้องใช้เวลา 20 ปีไม่ก็ 10 ปี เพื่อให้เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องตัวเอง
หลังจากนั้น หลี่ฟู่เฉินก็ยังคงไปทำความเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ที่อนุสาวรีย์แห่งดาบต่อไป
นี่เป็นกระบวนการสะสมรากฐานแห่งดาบ และด้วยการสะสมรากฐานจนถึงระดับที่เพียงพอ หลี่ฟู่เฉินเชื่อว่าเขาจะสามารถเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ได้ในซักวันหนึ่ง
หลายวันถัดมา…
“โอหยางเหวินเทียน ส่งเจ้าเด็กน้อยหลี่ฟู่เฉินนั้นมา และอย่าได้หาปัญหาให้กับนิกายวารีครามของเจ้า!” ที่ด้านนอกนิกายวารีคราม หลี่เซี่ยเทียนและผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองคนยืนอยู่บนท้องฟ้า หลี่เซี่ยเทียนหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเปล่งเสียงอันดังและก้องกังวานราวกับฟ้าร้องออกมา มันดังไปทั่วน่านฟ้า ขณะที่มันแพร่กระจายไปทั่วนิกายวารีครามทั้งหมดในชั่วขณะหนึ่ง
ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ…
มีบุคคลบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือนิกายวารีคราม พวกเขาคือโอหยางเหวินเทียนและผู้อาวุโสสูงสุด
โอหยางเหวินเทียนจ้องมองไปที่หลี่เซี่ยเทียน ก่อนที่ดวงตาของเขาจะมองไปยังหลี่เฟ่ยเผิงที่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นเองที่เขาเผยให้เห็นถึงการแสดงออกที่ดูน่ากลัว
หลี่เฟ่ยเผิงอยู่ในระดับที่ 4 ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด ผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของนิกายสวรรค์ปีศาจ และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของนิกายทั้งสี่ แม้ว่านิกายวารีครามจะมีต้นกำเนิดดาบ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคลับสิบอันดับแรกของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก แต่พวกเขาก็ไม่มีใครที่เทียบกับหลี่เฟ่ยเผิงได้
(TL หมายเหตุ : นิกายทั้งสี่คือสี่นิกายที่อยู่รอบๆ ใกล้เคียงกัน ได้แก่ นิกายวารีคราม นิกายเร้นวิญญาณ นิกายโหมกระบี่ นิกายสวรรค์ปีศาจ)
“หลี่เซี่ยเทียน ทำไมเจ้าถึงต้องการให้ข้าส่งตัวหลี่ฟู่เฉินให้กับเจ้า?” โอหยางเหวินเทียนถามและวางตัวเป็นกลาง
หลี่เซี่ยเทียนหัวเราะเยาะ “ไอ้เด็กน้อยหลี่ฟู่เฉินผู้นั้น ย่อมต้องเป็นสาเหตุของการตายของหลี่หวูเซี่ย ลูกชายของข้า โอหยางเหวินเทียน ให้ข้าแนะนำเจ้า ส่งตัวมันมาให้ข้าเสียเถอะ”
โอหยางเหวินเทียนถามกลับ “แล้วเจ้ามีหลักฐานหรือไม่? หากเจ้าไม่มี ข้าก็จะไม่ส่งตัวเขาให้กับเจ้า” แต่ทว่าแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะมีหลักฐาน แต่โอหยางเหวินเทียนก็จะไม่ยอมส่งตัวหลี่ฟู่เฉินไปอยู่ดี
“หลักฐาน? โอหยางเหวินเทียน เจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนกับเด็กสามขวบและหลอกข้าได้? วันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็จะพามันกลับไป ข้าไม่สนว่ามันจะเป็นคนทำหรือไม่ ข้าจะรู้ได้ทันทีที่ข้าได้ซักถามมัน” หลี่เซี่ยเทียนกล่าวด้วยเสียงที่น่าเกรงขาม
โอหยางเหวินเทียนส่ายหัว “หากเจ้าไม่มีหลักฐาน งั้นแล้วทำไมข้าต้องส่งตัวเขาให้เจ้ากันเล่า? ไปเถอะ หลี่เซี่ยเทียน ข้าแนะนำให้เจ้าออกไปตอนนี้ และอย่าทำให้ชื่อเสียงในฐานะเจ้านิกายของเจ้าต้องเสื่อมเสีย”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ให้ความร่วมมือจนกว่าข้าจะใช้กำลังสินะ” ร่างกายของหลี่เซี่ยเทียนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ที่ด้านข้าง หลี่เฟ่ยเผิงแสยะยิ้มและกล่าวว่า “ตาแก่โอหยาง เมื่อสิบปีก่อนเจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า ข้าสงสัยว่าตอนนี้เจ้าพัฒนาขึ้นมากแค่ไหนกันเชียว? ทำไมไม่มาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับข้าสักซักสองสามกระบวนท่าละ”
ตาแก่โอหยางที่หลี่เฟ่ยเผิงกล่าวถึง ก็คือผู้อาวุโสผมสีเทาที่ยืนอยู่ด้านข้างโอหยางเหวินเทียน
โอหยางเหวินเทียนมีความคล้ายคลึงกับผู้อาวุโสผมสีเทาที่ยืนข้างๆ เขา นั้นก็เพราะเขาคือโอหยางเถี่ย ซึ่งเป็นลุงของ โอหยางเหวินเทียน ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของนิกายวารีครามและอยู่ในระดับที่ 3 ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
ผู้อาวุโสผมสีเทาขมวดคิ้วและตะโกนออกมา “หลี่เฟ่ยเผิง หากเจ้าต้องการต่อสู้ งั้นก็เตรียมรับมือ!”
ฟึบ!
พวกเขาสองคนบินขึ้นไปที่สูงทันที และมองหน้ากันจากระยะไกล
“ตาแก่โอหยาง ลองรับหมัดสวรรค์ปีศาจของข้า!”
หลี่เฟ่ยเผิงระเบิดพลังฉีออกมา มันดูไร้ที่สิ้นสุดดุจดั่งเช่นพายุ ส่งผลทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำมืด เมฆดำทะมึนลอยออกมา ในขณะที่หมัดของหลี่เฟ่ยเผิงพุ่งเข้าไปยังโอหยางเถี่ย
ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม…
หมัดนี้ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง และก่อนที่พลังจากหมัดจะได้ออกมา เจตจำนงของหมัดสวรรค์ปีศาจก็ระเบิดออกมาแล้ว นักสู้ขอบเขตสวรรค์ทั่วไปอาจจะตายเนื่องจากจิตวิญญาณของพวกเขาแตกสลายลงได้ ก็ในเมื่อพวกเขาถูกหมัดที่เต็มไปด้วยเจตจำนงในการทำลายล้างเช่นนี้ชกใส่
“นี่คือเจตจำนงหมัดระดับลึกลับขั้นสูงสุด!”
ที่ด้านล่างของพวกเขา หลี่ฟู่เฉินมองเห็นทุกอย่าง
หมัดสวรรค์ปีศาจของนิกายสวรรค์ปีศาจ มันไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะดาบเพลิงโลกันต์เลย ในแง่ของความสามารถในการต่อสู้ เมื่อผู้ฝึกฝน ได้ฝึกฝนเจตจำนงหมัดสวรรค์ปีศาจพวกเขาก็จะสามารถใช้ เจตจำนงจากหมัดเพื่อสังหารได้
“ทักษะดาบวารีคราม!”
โอหยางเถี่ยดึงดาบประดิษฐ์ของเขาออกมา ซึ่งเป็นดาบประดิษฐ์ระดับลึกลับขั้นสูงสุด ด้วยดาบประดิษฐ์ที่อยู่ในมือของเขา โอหยางเถี่ยจึงกวัดแกว่งดาบได้อย่างลึกซึ้งและลึกล้ำ ซึ่งทันใดนั้นเองแสงแห่งดาบก็เรืองแสงออกมาเป็นชั้นๆ ราวกับคลื่นยักษ์ที่กำลังซัดถาโถม คลื่นแต่ละลูกสูงกว่าคลื่นก่อนหน้า และพวกมันทั้งหมดก็เข้าไปปะทะกับขุมพลังของหมัดสวรรค์ปีศาจ
ปืสส ปืสส!
ในท้องฟ้าเบื้องบนมีเมฆมืดครึ้มอยู่อย่างแน่นหนา การต่อสู้ระหว่างนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งมีอิทธิพลมากกว่าสิบเท่าหรือหลายสิบเท่าเมื่อเทียบกับการต่อสู้ระหว่างนักสู้ในขอบเขตสวรรค์
ฟึบ!
ในพายุที่มืดครึ้ม มีร่างลอยกระเด็นออกมา
นั่นคือโอหยางเถี่ย
เขาอยู่ในระดับที่ 3 ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด เขาจะไปสู้กับหลี่เฟ่ยเผิงที่อยู่ในระดับที่ 4 ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้อย่างไร?
“นิกายต้นกำเนิดดาบ”
ขณะที่โอหยางเถี่ยกำลังบินกลับ เขาเปล่งเสียงตะโกนออกมา ซึ่งทำให้สภาวะพลังฉีของเขาเริ่มเดือดพลุ่งพล่าน ดาบจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และดาบพลังฉีแต่ละเล่มก็ส่งออร่าที่รุนแรงดูราวกับว่ามันสามารถแทงทะลุสวรรค์ได้ออกมา ดาบพลังฉีใดๆ ก็ตามล้วนแล้วแต่เพียงพอที่จะกำจัดนักสู้ในขอบเขตสวรรค์ที่น่าเกรงขามลงได้ทั้งสิ้น และนี่ก็เป็นสาเหตุที่นิกายสวรรค์ปีศาจไม่ต้องการที่จะเริ่มสงครามกับนิกายวารีคราม เมื่อการต่อสู้จบลง แม้ว่านิกายสวรรค์ปีศาจของพวกเขาจะชนะ แต่พวกเขาอาจจะต้องพบกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
โชคดีที่นิกายต้นกำเนิดดาบไม่ใช่เทคนิคลับที่ใช้ได้อย่างไม่มีจำกัด มันต้องสะสมพลังงานไว้ในร่างกาย และทุกๆ การใช้ดาบพลังฉีจะต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อยจนกว่าพลังที่มีอยู่ในร่างกายจะหมดลง และมันก็จะต้องใช้เวลานานในการเติมเต็มพลังงานเหล่านั้น หากมีดาบพลังฉีจำนวนไร้สิ้นสุดอยู่จริงๆ นิกายสวรรค์ปีศาจก็คงจะไม่กล้ายั่วยุนิกายวารีครามและพวกเขาอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องกลัวแทน
“หือ นิกายต้นกำเนิดดาบ? อาชูร่าสวรรค์ปีศาจ!”
เมื่อโอหยางเถี่ยใช้งานนิกายต้นกำเนิดดาบ หลี่เฟ่ยเผิงเองก็ไม่กล้านิ่งนอนใจ ในขณะที่เขาระเบิดพลังออกมาพร้อมกับใช้เทคนิคลับระดับ 5 ดาวของนิกายสวรรค์ปีศาจ อาชูร่าสวรรค์ปีศาจ
ในทันใดนั้นเอง เมฆดำบนท้องฟ้าก็ขยายตัวออกไปอีกครั้ง ขณะที่พายุอันไร้ขอบเขตกำลังก่อตัวและเติบโตขึ้น ในพายุที่ไร้ขอบเขตนี้ มีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของหลี่เฟ่ยเผิง
เงาขนาดใหญ่นี้คืออะไร?
มันมีขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ถึงแม้ว่ามันจะมีรูปร่างที่ดูคลุมเครือ แต่ดวงตาสีแดงราวกับเลือดของมันก็เปล่งประกายความชั่วร้ายและจิตสังหารออกมา
ในแง่ของพลังโจมตีซึ่งๆ หน้า อาชูร่าสวรรค์ปีศาจอาจจะด้อยกว่านิกายต้นกำเนิดดาบ แต่อาชูร่าสวรรค์ปีศาจ มีพลังเพียงพอที่จะส่งผลกระทบและก่อความเสียหายให้กับจิตวิญญาณ ทั้งยังอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของศัตรูได้ด้วย
“ไป!”
ด้วยการสะบัดมือของโอหยางเถี่ย ฝนดาบก็พุ่งไปที่หลี่เฟ่ยเผิง
“เกราะอาชูร่า!”
หลี่เฟ่ยเผิงตะโกนออกมา ในขณะที่เงาอาชูร่าสวรรค์ปีศาจปกคลุมร่างกายของเขา มือของมันขยายออกไปและปิดกั้นการโจมตีจากดาบพลังฉีนับหมื่น
โอหยางเหวินเทียนอาจสะสมมนิกายต้้นกำเนิดดาบไว้จำนวนมากและเขายังถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในระดับที่ 3 ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดด้วยกันเอง ทว่าหลี่เฟ่ยเผิงนั้นมีระดับเหนือกว่าเขาหนึ่งระดับ หลังจากที่เปิดใช้งานอาชูร่าสวรรค์ปีศาจ การป้องกันของเขาจึงเพิ่มสูงขึ้นจนน่ากลัวและโอหยางเถี่ยก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันได้ในทันที
แน่นอนว่าถ้าโอหยางเถี่ย ทุ่มเททุกอย่าง และปลดปล่อยดาบพลังฉีทั้งหมดที่เขามีออกมา นั้นก็อาจจะทำให้เขาโจมตีหลี่เฟ่ยเผิงได้อยู่บ้าง แต่เขาก็จะสูญเสียดาบพลังฉีนิกายต้นกำเนิดดาบทั้งหมดไป จากนั้นความสามารถของเขาก็จะลดลงอย่างมาก และเขาก็จะไม่สามารถต่อต้านหลี่เฟ่ยเผิงได้ในอนาคต
“หมัดสวรรค์ปีศาจ!”
เมื่อหลี่เฟ่ยเผิงอยู่ห่างจากโอหยางเถี่ย 1000 ฟุตเขาก็ระเบิดพลังหมัดของเขาออกมา
หมัดนี้ถูกสร้างขึ้นจากอาชูร่าสวรรค์ปีศาจ โดยมีหลี่เฟ่ยเผิงเป็นผู้คิดค้น กำปั้นขนาดเท่าภูเขาขนาดเล็กขนาดพุ่งผ่านระยะทาง 1000 ฟุตมา และทุบเข้าไปที่โอหยางเถี่ยอย่างรุนแรง
ปิสสส!
โอหยางเถี่ยกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“ชิเซียงให้ข้าช่วยเจ้า”
ผู้อาวุโสสูงสุดอีกคนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและใช้นิกายต้นกำเนิดดาบของเขาและโจมตี หลี่เฟ่ยเผิงด้วยดาบจำนวนนับไม่ถ้วน
โอหยางเถี่ยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ขณะที่เขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและกลับมาตอบโต้หลี่เฟยเฟิงอีกครั้ง
เมื่อถูกโจมตีโดยนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดพร้อมกันถึงสองคน การโจมตีของหลี่เฟ่ยเผิงจึงดูช้าลงในทันที
“ใช้ประโยชน์จากจำนวน ไร้ยางอายนัก!”
หลี่เซี่ยเทียนและผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายสวรรค์ปีศาจ อีกคนเข้าร่วมการต่อสู้
น่าเสียดายที่นิกายวารีครามมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดมากเกินไป ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวารีครามและโอหยางเหวินเทียนต่างก็เข้าร่วมการต่อสู้
เมื่อมีผู้คนจำนวนมากขึ้นในการต่อสู้และสถานการณ์ก็ต่างๆ ก็กลายเป็นวุ่นวาย แต่ท้สยที่สุดแล้วพวกเขาก็สามารถยับยั้งหลี่เฟ่ยเผิงและโอหยางเถี่ยลงได้
“ตาแก่โอหยางข้าจะปล่อยเจ้าไปในครั้งนี้ ลาก่อน!”
หลี่เฟ่ยเผิงเข้ามาในครั้งนี้เพื่อบีบบังคับนิกายวารีครามและทดสอบความสามารถของนักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดของนิกายวารีครามเท่านั้น เพียงแค่รู้จักศัตรูก็จะสามารถบรรลุชัยชนะในการต่อสู้ทั้งหมดได้ ศิลปะแห่งสงครามนี้ถือเป็นความจริงที่ไม่มีวันตาย
เขาไม่คิดว่าพวกเขาทั้งสามจะบังคับให้นิกายวารีครามปฏิบัติตามเงื่อนไขของพวกเขาได้
อนาคตนั้นยาวนานและวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เมื่อสมาชิกสามคนของนิกายสวรรค์ปีศาจจากไปโอหยางเหวินเทียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความสามารถของหลี่เฟ่ยเผิงผู้นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง และพวกเขาก็ต้องการนักสู้ระดับที่ 3 ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดอย่างน้อยสองคนเพื่อจัดการกับเขา และถึงจะเป็นเช่นนั้นระดับการต่อสู้ก็เพียงแค่อยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน ก็เท่านั้น
ติดตามก่อนใครได้ที่เพจ INdyNovel