Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 328
บทที่ 328
คณบดีพันไมล์
“ขบวนรูปแบบดาบวารีคราม ดาบวารีครามเฉือดเฉือน!”
นอกเหนือจากของช่วยชีวิตและของสิ่งอื่นต่างๆ แล้ว การสร้างรูปแบบดาบถึงเป็นปัจจัยใหญ่ที่สุด มันเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้อาวุโสนิกายชั้นในของนิกายวารีครามจึงสามารถอยู่มาได้นานขนาดนี้
ตราบใดที่นิกายเป็นนิกายเต๋าแห่งดาบ พวกเขาก็ต้องมีรูปแบบขบวนดาบและนิกายวารีครามเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ในการสร้างรูปแบบดาบวารีครามนี้ ต้องใช้บุคคลห้าคนที่มีระดับพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกันและทุกคนต้องได้รับการฝึกฝนทักษะดาบวารีคราม หากพวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ ว่ากันว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้เกิดสี่หรือห้าระดับได้ แม้ว่าจะเป็นนักสู้ในขอบเขตสวรรค์แบบเดียวกันก็ตาม
แน่นอน การที่จะประสานงานได้อย่างไร้ที่ติมันจะเป็นไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? ในบรรดาผู้อาวุโสนิกายชั้นในของนิกายวารีคราม มีเพียงนักดาบห้าคนเท่านั้นที่สามารถทักษะดาบวารีครามของพวกเขาจึงถึงขั้นดีเลิศได้ ในขณะที่ส่วนที่เหลือก็ขาดเล็กน้อยหรือด้อยมากไปกว่านั้น
บุคคลทั้งห้านี้มีระดับพลังฝึกฝนที่แตกต่างกัน สูงสุดอยู่ที่ระดับ 6 ของขอบเขตสวรรค์ ในขณะที่ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 4 พวกเขามีข้อกำหนดเบื้องต้นที่ไม่สมดุลกันอยู่แล้ว และการประสานงานกันเองก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น พวกเขาจึงแทบไม่สามารถยับยั้งชายสวมหน้ากากแมวได้และพวกเขาเองก็ไม่สามารถปะทะกับเขาได้โดยตรง
กลุ่มพลังแห่งดาบที่งดงามและหลากสีสันพุ่งทะลุท้องฟ้าและฟันเข้าไปที่ชายสวมหน้ากากแมว แต่ชายสวมหน้ากากแมวทำการโจมตีด้วยกรงเล็บเพื่อทำลายพลังดาบหลากสีทั้งหมด
“ตาย!”
พลังเต๋าโลหิตในร่างกายของชายสวมหน้ากากแมวระเบิดออกมาอีกครั้ง ในขณะที่เขาต้องการทำลายรูปแบบดาบ
“ขบวนรูปแบบดาบวารีคราม วารีครามเกราะกำบัง!”
ทั้งห้าคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สร้างชั้นของแสงดาบขึ้นมา ส่งผลทำให้เกิดโล่ดาบหลากสีขึ้น
บูม!
โล่ดาบหลากสีแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และทั้งห้าก็ถูกส่งกลับไป แต่ทว่าโชคยังดี รูปแบบดาบของพวกเขาไม่ได้พังทลายลงไป
‘รูปแบบดาบลึกลับเช่นนี้เลย?’ เมื่อหลี่ฟู่เฉินเห็นรูปแบบดาบ เขาก็อุทานออกมาด้วยความชื่นชมอยู่ในใจ
รูปแบบดาบสามารถรวบรวมความแข็งแกร่งของหลายๆ คนเพื่อโจมตีหรือป้องกันได้ มันก็เพื่อรวมหลายๆ อย่างให้เป็นหนึ่งเดียว มันเป็นทักษะการผสมผสานขั้นสูง
“แรงดันโลหิตเทพ”
ชายสวมหน้ากากแมวบันดาลโทสะและต้องการใช้แรงดันโลหิตเทพเพื่อต่อต้านรูปแบบดาบ
แต่คราวนี้ เขาไม่สามารถเรียกใช้แรงดันโลหิตเทพได้เหมือนกับครั้งก่อนๆ มันไม่ใช่โลหิตที่ถูกควบแน่นมา และดูเหมือนจะเป็นแค่พลังโลหิตที่ดู
กระจัดกระจายแต่เพียงเท่านั้น
โดยธรรมชาติแล้วพลังโลหิตที่มีเพียงเท่านี้จึงไม่สามารถทำลายรูปแบบดาบได้
“พลังเต๋าโลหิตของเขากำลังจะสูญเสียการควบคุม” ผู้อาวุโสหลินคุนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ความสามารถดั้งเดิมของศัตรูเหนือกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยการเพิ่มความสามารถจากพลังเต๋าโลหิต ศัตรูก็กลายเป็นผู้ที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์
หากพลังเต๋าโลหิตสูญเสียการควบคุม ความหวังในชัยชนะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
คนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
“วารีครามเฉือดเฉือน!”
โจมตีด้วยพลังดาบหลากสีอีกครั้ง ครั้งนี้ พวกเขาก็กลายเป็นสูสีกับชายสวมหน้ากากแมว
ในอีกด้านหนึ่ง พลังเต๋าโลหิตของชายสวมหน้ากากตะขาบก็เริ่มไม่เสถียรเช่นกัน
แตกต่างจากชายสวมหน้ากากแมว ชายสวมหน้ากากตะขาบก็ไม่ได้เป็นผู้ฝึกฝนสายเต๋าโลหิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อตอนที่เขาพยายามควบคุมพลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้ มันก็เป็นการเพิ่มภาระให้แก่เขา และความสามารถที่เพิ่มขึ้นเองก็ไม่ได้โดดเด่นเท่ากับชายสวมหน้ากากแมว
“มีข้อบกพร่อง!”
เขาตรวจจับความผันผวนในเกราะพลังฉีโลหิตของชายสวมหน้ากากตะขาบได้ ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเป็นประกาย ขณะที่เขายิงเศษชิ้นส่วนระดับปฐพีออกไป
ปิสส!
ครั้งนี้ ชิ้นเศษส่วนอาวุธระดับปฐพีได้เจาะส่วนที่อ่อนแอที่สุดของเกราะพลังฉีโลหิตของชายผู้นี้ มันได้สร้างบาดแผลไว้บนร่างกายของชายสวมหน้ากาตะขาบ
แม้บาดแผลอาจจะไม่ได้ลึกนัก แต่ในที่สุดเขาก็ทำให้ชายสวมหน้ากากตะขาบได้
ในความเป็นจริงแล้ว หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ไม่ว่าเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีจะทรงพลังเพียงใด มันก็คงไม่สามารถทำร้ายชายสวมหน้ากากตะขาบได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะชายสวมหน้ากากตะขาบไม่ได้กำลังจดจ่ออยู่กับหลี่ฟู่เฉินตั้งหาก
การต่อสู้กับศัตรูหลายคนเป็นสถานการณ์ที่ตรึงเคียด เนื่องจากสมาธิของคนๆ หนึ่งต้องจดจ่ออยู่ตลอดเวลา
“เวรเอ้ย!”
ชายสวมหน้ากากตะขาบระเบิดพลังเต๋าโลหิตออกมา และก็ระเบิดพลังให้ผู้คนโดยรอบออกไป
ด้วยชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดของเขาและพลังฉีพลุ่งพล่านขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ดูดเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพีกลับมา หลี่ฟู่เฉินก็ขึ้นไปยืนอยู่บนหลังของนกยักษ์เคียวสยองและโจมตีทุกครั้งที่มีโอกาส
หนึ่งแผล สองแผล…
ในช่วงเวลาสั้นๆ หลี่ฟู่เฉินใช้ความตระหนักรู้ที่น่าตื่นตะลึงของเขาในการทำร้ายชายสวมหน้ากากตะขาบอย่างต่อเนื่องด้วยเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับปฐพี
มันทำให้ชายสวมหน้ากากตะขาบตกสู่สถานการณ์เสียเปรียบอย่างรุนแรงและเจตนาสังหารของเขาที่มีต่อหลี่ฟู่เฉินก็รุนแรงกว่าใครๆ
“หัตถ์ปีศาจพันใบ!”
ในขณะที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสะกดข่มพลังเต๋าโลหิตที่พลุ่งพล่านอยู่ ชายสวมหน้ากากตะขาบเริ่มใช้ฝ่ามือใส่หลี่ฟู่เฉิน
เมื่อฝ่ามือถูกใช้ออก ชั้นของเงาฝ่ามือก็ซ้อนกัน มันราวกับเงาฝ่ามือนับพันชั้นได้มารวมกัน ท้องฟ้าและพื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยฝ่ามือนี้
ระดับที่ 9 ของขอบเขตสวรรค์ไม่ได้มีไว้เพื่อแสดง มันเป็นความสามารถที่เด็ดขาดและเผด็จการยิ่ง
“ไม่ดีแล้ว”
ก่อนที่ชายสวมหน้ากากตะขาบจะใช้ทักษะฝ่ามือของเขา หลี่ฟู่เฉินตรวจพบอันตราย และเขาก็ได้สั่งให้นกยักษ์เคียวสยองหนีไปล่วงหน้าแล้ว
แต่พลังฝ่ามือของชายสวมหน้ากากตะขาบนั้นรวดเร็วเกินไป และมันก็ตามพวกเขาทันในช่วงเวลาสั้นๆ
“ทักษะดาบนภากระจ่าง!”
โดยไม่มีทางเลือก หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานรูปแบบต่อสู้ทักษะดาบนภากระจ่างอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ผสมแก่นดาบทองแดงลงไปเล็กน้อยพร้อมกับแก่นดาบเหล็กสีดำด้วยเช่นกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อใช้พลังฉีดาบเหล็กดำและพลังฉีดาบทองแดง ดาบพลังฉีจะถูกย้อมด้วยสีดำและสีทองแดง แต่คราวนี้ สีของดาบพลังฉีทั้งเล่มเป็นสีของทักษะดาบนภากระจ่าง หลังจากทั้งหมดแล้ว ทักษะดาบนภากระจ่างก็เป็นทักษะดาบระดับปฐพี
แสงดาบที่งดงามกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชั้นของสนามพลังที่มองไม่เห็นก็ขยายตัวออกไปเช่นกัน
ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีมีสนามพลัง ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันไม่เพียงแต่สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ มันสามารถที่จะทำให้การโจมตีของศัตรูอ่อนแอลงด้วยซ้ำ
ปืสส ปืสส!
พลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินยังต่ำเกินไปและแม้จะใช้ไพ่ลับของเขาออกไปแล้ว แต่ทักษะดาบนภากระจ่างของเขาก็ยังถูกทำให้เป็นกลางไปในทันที ในขณะที่สนามพลังดาบนภากระจ่างพังทลายลง พลังฝ่ามือที่เหลือกระแทกเข้าใส่หลี่ฟู่เฉินและนกยักษ์เคียวสยอง
ในช่วงเวลาสำคัญ หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานพลังของเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5
ชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 มีพลังสายเลือดของสัตว์ปีศาจระดับ 5
กรรช์!
เกิดการระเบิดที่มองไม่เห็นขึ้น
แรงระเบิดนี้อาจจะเบา แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน พลังอำนาจของสัตว์ปีศาจระดับ 5 เทียบเท่ากับนักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
ในช่วงเวลาต่อมา เงาสัตว์ปีศาจสีน้ำเงินเข้ามาล้อมรอบหลี่ฟู่เฉินและนกยักษ์เคียวสยองเอาไว้
เมื่อถูกปกคลุมด้วยเงาสัตว์ปีศาจสีน้ำเงิน นกยักษ์เคียวสยองก็มีความประพฤติดีกว่าเดิมขึ้นเยอะและมีร่องรอยของความเคารพยำเกรงอยู่ในสายตาของมัน
ชั้นของพลังฝ่ามือเป็นเหมือนกระแสน้ำที่ไร้ขอบเขต ซึ่งจะคอยกลืนกินให้มนุษย์และสัตว์ปีศาจตกตายลงไป
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าไร เมื่อในท้ายที่สุดตอนพลังฝ่ามือสลายไป ป่าด้านล่างก็ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้วอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ พื้นผิวดินจมลงไปหนึ่งเมตร มันสามารถจินตนาการได้ว่าฝ่ามือนี้ทรงพลังถึงเพียงใด
แค๊กๆ!
เมื่อพลังฝ่ามือสลายไป หลี่ฟู่เฉินและนกยักษ์เคียวสยองปรากฏตัวอีกครั้ง
มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของหลี่ฟู่เฉิน และดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทีเดียว
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นกยักษ์เคียวสยองอยู่ในสภาพที่แย่ไปกว่านั้น ปีกข้างหนึ่งของมันหักและมีรอยประทับฝ่ามือมากกว่าหนึ่งโหลอยู่บนร่างกาย รอยประทับฝ่ามือทุกรอยหักกระดูกมัยไปหนึ่งชิ้น และตัวมันเองก็ยังได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน
หากการบาดเจ็บดังกล่าวไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ท้ายที่สุดก็จะต้องตายไป
“ไปหาที่พักฟื้นก่อน”
หลี่ฟู่เฉินหยิบยาอายุวัฒนะออกมาจากถุงเก็บและดันเข้าไปในปากของนกยักษ์เคียวสยอง ด้วยแสงวาบบนร่างกายของมัน เขาเริ่มแยกตัวออกจากนกยักษ์เคียวสยอง
นกยักษ์เคียวส่งเสียงร้องโหยหวนและร่อนลงสู่ที่ห่างไกลหลังจากกลืนยาอายุวัฒนะ เมื่อมันอยู่บนพื้นมันก็ไม่ได้ขยับตัวอีกเลย
“เขายังไม่ตาย!”
ชายสวมหน้ากากตะขาบสีหน้าดูแย่มาก การโจมตีด้วยฝ่ามือนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่เขาใช้มันในสภาพที่ดีที่สุดเสียอีก ตามหลักแล้ว มันกระทั่งสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับที่ 7 หรือ 8 ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“เป็นไปตามคาดจากชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5”
ฉินหมิง ซูชาน และคนอื่นๆ เข้าใจเหตุผลว่าเป็นเพราะเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5
อย่างไรก็ตามเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 ก็มีไม่กี่ชิ้นเท่านั้นและยังหายากเป็นอย่างยิ่ง เงาสัตว์ปีศาจสีน้ำเงินที่ดูทรงอำนาจตัวนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นพลังของสายเลือดสัตว์ปีศาจระดับ 5
ดังนั้นแล้ว ทุกคนจึงไม่รู้สึกว่ามันเกินจริงเกินไป เมื่อตอนที่หลี่ฟู่เฉินสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดจากชายสวมหน้ากากตะขาบได้
หลังจากที่ระเบิดพลังโจมตีอันน่ากลัวเช่นนั้นออกมา สภาวะพลังฉีที่ปรากฏของชายสวมหน้ากากตะขาบก็ดูเหมือนจะลดลง ขณะที่พลังเต๋าโลหิตในร่างกายของเขาเองก็ดูเหมือนจะพลุ่งพล่าน ในช่วงเวลานึง สภาวะพลังฉีของเขาแข็งแกร่งขึ้นกระทันหัน แต่ในช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปมันก็เหมือนจะอ่อนแอ เมื่อตอนที่พลังแข็งแกร่งขึ้น มันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเมื่อมันอ่อนแอ่ลง มันก็อ่อนแอ่ลงอย่างชัดเจนเช่นกัน พลังต่อสู้ของเขาเหลือเพียงแค่ระดับของนักสู้ระดับที่ 6 หรือที่ 7 แต่เพียงเท่านั้น
“พลังเต๋าโลหิตของเขาเริ่มจะตีกลับแล้ว อย่าให้เขาได้มีเวลาฟื้นตัว”
ฉินหมิงและซูชางร่วมมือกันขณะที่ใช้ทักษะผสานกัน เพื่อเข้าไปโจมตีชายสวมหน้ากากตะขาบ
เมื่อคนอื่นได้ยินดังนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่ศัตรูทีละคนๆ
บูม บูม บูม…
เมื่อเวลาผ่านไปนานมากขึ้นอาการบาดเจ็บของชายสวมหน้ากากตะขาบก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ในขณะที่ตัวเขาเองก็เริ่มจะสูญเสียการควบคุมพลังเต๋าโลหิตในร่างกายของเขามากขึ้นด้วยเช่นกัน
“ทักษะดาบนภากระจ่าง!”
ในขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินได้ใช้ทักษะดาบนภากระจ่างอีกครั้ง ชั้นของสนามพลังที่มองไม่เห็นได้ห่อหุ้มชายสวมหน้ากากตะขาบไว้ ส่งผลทำให้ท่าร่างของเขาเหมือนจะดูสับสนขึ้นเล็กน้อย
ฉินหมิง ซูชาน และคนอื่นๆ ใช้โอกาสนี้ในการโจมตี
ปิสสส!
อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ ขณะที่ชายสวมหน้ากากตะขาบเองก็บินกลับออกไปในทันที
“ผู้ดูแลโถง ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน”
ชายสวมหน้ากากตะขาบไม่มีเวลามาใส่ใจกับชายที่สวมหน้ากากแมว ร่างของเขาดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วและขุดลึดลงไปในพื้นดิน และในทันทีเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ข้านึกออกแล้ว เขาเป็นหนึ่งในห้าคณบดีของห้าพิษสามคณะ คณบดีพันไมล์” หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นในที่เคยต่อสู้กับห้าพิษสามคณะตระหนักได้ในทันที
ห้าพิษสามคณะเป็นองค์กรเต๋าปีศาจสามอันดับแรกของแคว้นวารีคราม และในองกรณ์นี้มันก็มีคณบดีอยู่ทั้งห้าคน ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยข้อมูลที่ถูกรวบรวมมา นิกกายวารีครามได้ทำการกวาดล้างเพื่อกำจัดองค์กรเต๋าปีศาจส่วนใหญ่ไป ซึ่งนั้นมันก็รวมถึงห้าพิษสามคณะด้วยเช่นกัน
แต่พวกเขาก็ไม่คิดฝันว่าเคยคณบดีพันไมล์จะรอดชีวิตมาได้ และมันก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้พบเขาที่นี่
“คณบดีพันไมล์เชี่ยวชาญในการสำรวจใต้ดินและมีความสามารถในการเอาชีวิตรอดถึงขั้นผิดปกติ หากเราไม่สามารถสังหารเขาในครั้งนี้ให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสอีกทีเมื่อใด”
“ปล่อยคณบดีพันไมล์ไปก่อน เรื่องสำคัญที่สุดก็คือต้องสังหารเจ้าคนผู้นี้ให้ได้ก่อน”
ในสายตาของทุกคน ชายสวมหน้ากากแมวถึงจะเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง
มันเห็นได้ชัดเมื่อตอนที่คณบดีพันไมล์กล่าวกับชายสวมหน้ากากแมว ว่าเป็นผู้ดูแลโถง มันย่อมต้องมีองค์กรเต๋าปีศาจที่ทรงพลังมากๆ คอยสนับสนุนชายสวมหน้ากากแมวอยู่ และองค์กรเต๋าปีศาจนี้น่าจะอยู่เหนือกว่าองค์กรเต๋าปีศาจอันดับ 1 ที่ชั่วร้ายของแคว้นวารีครามไปอีก
“เวรเอ้ย!”
ชายสวมหน้ากากแมวมีสีหน้าไม่พอใจ เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคณบดีพันไมล์จะหนีจากเขาไป
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะสามารถสังหารผู้ดูแลโถงผู้นี้ได้?”
ไข่มุกโลหิตของชายสวมหน้ากากแมวกำลังฟื้นฟูพร้อมกับเรืองแสงสีเลือดออกมา ขณะที่พลังเต๋าโลหิตเองก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขามากขึ้น
เขาวางแผนที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อสังหารทุกคน เมื่อเขาได้รับไข่มุกโลหิตมาเช่นนี้ เขาก็เชื่อว่าพวกระดับสูงจะใช้ทรัพยากรเพื่อช่วยให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา และพวกเขาก็อาจจะมอบทักษะสำหรับสังการหรือสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังให้เขาได้เลยด้วยซ้ำ
พลังเต๋าโลหิตที่ไร้ขอบเขตบีบคั้นเจตจำนงของชายสวมหน้ากากแมว นอกจากนี้เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมพลังเต๋าโลหิตได้มากนัก และสามารถควบคุมมันได้เพียง 20% หรือ 30% เท่านั้น
แต่เขาไม่สนใจ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ด้วยพลังของไข่มุกโลหิต มันก็ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้อีกแล้ว
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!”
โลหิตทรงกลมขนาดมหึมาระเบิดออก และส่งผลทำให้ทุกคนบินออกไป แม้แต่กระทั้งรูปแบบดาบวารีครามก็ยังถูกทำลาย
“นี่มันจะเกินไปแล้ว เราทนไม่ได้แน่”
ทุกคนหวาดผวา เดิมทีพวกเขาคิดว่าชายสวมหน้ากากแมวอาจจะอยู่ได้ไม่นานนักแต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ถึงขีดจำกัด
“มดเต๋าปีศาจน้อยเจ้ากล้าสร้างความหายนะในแคว้นวารีคราม ของข้า? มา มารับความตายของเจ้า”
ในขณะนี้เอง มันมีเสียงคำรามดังทะลุผ่านท้องฟ้ามา ซึ่งเสียงนี้มันดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
“มันคือผู้อาวุโสสูงสุด!” ทุกคนปลาบปลื้มใจ
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel