Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 330
บทที่ 330
การประชุมร้อยนิกาย
บูม!
ไม่กี่วันหลังจากที่หลี่ฟู่เฉินตัดผ่าน ก็ได้มีพลังฉีที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของเขาระเบิดและเข้าปกคลุมคฤหาสน์ ในทันทีมันขยายออกไปถึงสองสามไมล์ ขยายออกไปบริเวณโดยรอบคฤหาสน์
“นั่นมันผู้อาวุโสซูชาง?” หลี่ฟู่เฉินเผยรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสซูชางเคยอยู่ที่ระดับ 5 ของขอบเขตสวรรค์ ตอนนี้เขาได้มาอยู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตสวรรค์แล้ว
“ซูชาง แสดงความยินดีกับเจ้าด้วย” ผู้อาวุโสฉินหมิงมาแสดงความยินดีกับซูชาง
ซูชางหัวเราะและกล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าติดอยู่ระดับ 5 ของขอบเขตสวรรค์มาห้าปีแล้ว”
ฉินหมิงพยักหน้า “ตอนนี้เจ้าและข้าทั้งคู่อยู่ในระดับ 6 ของขอบเขตสวรรค์ ไม่เพียงแต่ทักษะประสานของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มันยังสมบูรณ์แบบขึ้นอีกด้วยเช่นกัน”
ไม่ว่าจะเป็นทักษะผสานหรือรูปแบบดาบ หากผู้ฝึกฝนมีระดับการฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกันพวกเขาก็จะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้อย่างแท้จริง
เว้นแต่จะเป็นทักษะประสานหรือรูปแบบดาบที่ต้องใช้หุ่นเชิด
…
ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกยึดครองโดยนิกาย แต่ก็ยังมีพื้นที่อื่นๆ อีกมากมายที่ถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามของนิกาย เช่นเดียวกับ ภูมิภาคปีศาจ
หนึ่งในสิบภูมิภาคปีศาจคือภูมิภาคปีศาจโลหิต
ภูมิภาคนี้อยู่ทางตะวันออกสุด และตั้งอยู่ในที่ราบสีเทาหม่น ภายใต้แผนสีเทาหม่นลึกลงไป 10,000 ฟุตคือถ้ำน้ำพุขนาดมหึมา
ถ้ำน้ำพุนั้นกว้างขวาง และไม่มีใครรู้ว่ามันยื่นออกไปไกลแค่ไหน
ใจกลางถ้ำน้ำพุมีบ่อโลหิตอยู่ ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนสระโลหิตเป็นผู้อาวุโสที่สง่างาม ซึ่งร่างกายทั้งหมดนั้นถูกโคจรวนเวียนไปด้วยพลังฉีโลหิตที่ไร้ขอบเขต
“ท่านบรรพบุรุษเจ้าโลหิต นี่คือไข่มุกโลหิตชุดใหม่”
ชายวัยกลางคนที่มีการฝึกฝนอยู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดกล่าวด้วยความเคารพ
“มีกี่อัน?” ผู้อาวุโสที่ดูยิ่งใหญ่ไม่ได้ลืมตา และกล่าวถามแบบขอไปที
ชายวัยกลางคนตอบ “ไข่มุกโลหิตระดับสูงหนึ่งอัน ระดับกลาง 180 อัน ระดับต่ำ 1200 อัน”
หากนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดอยู่ที่นี่ และเคยได้ยินเรื่องของชายวัยกลางคนคนนี้ พวกเขาอาจจะต้องบันดาลโทสะกันถ้วนหน้า
ไข่มุกระดับสูงต้องการแก่นแท้โลหิตจากบุคคลนับล้านเพื่อที่จะควบแน่นมันได้สำเร็จ ไข่มุกโลหิตระดับกลางต้องใช้ 100,000 ชีวิต ในขณะที่ไข่มุกโลหิตระดับต่ำจะต้องใช้ 10,000 ชีวิต
ซึ่งนั้นก็หมายความว่า … เพื่อที่จะได้รับไข่มุกโลหิต องค์กรเต๋าปีศาจนี้ก็ต้องสังหารผู้คนมาแล้วอย่างน้อยๆ ก็ 30 ล้านคน
มันอาจจะมีประชากรในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกอยู่จำนวนมากก็จริง เพราะแม้แต่แคว้นวารีครามเองก็มีประชากรอย่างน้อยก็เกือบหนึ่งพันล้านคนแล้ว และยังมีแคว้นขนาดใหญ่บางแห่งที่มีประชากรหลายพันล้านคน ซึ่งจะทำให้มีชีวิตมากกว่าหนึ่งแสนล้านคน แต่ 30 ล้านชีวิตก็ยังคงนับเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
เพียงแค่ก็เพียงนี้พอแล้วที่จะทำให้ทุกคนมีมนุษยธรรมโกรธแค้นถึงขีดสุด
นอกจากนี้นี่เป็นข้อมูลเพียงชุดเดียว ใครจะรู้ว่ามีกี่ชีวิตที่องกค์กรเต๋าปีศาจสังหารมาจนกระทั้งตอนนี้? บางทีพวกเขาอาจสังเวยชีวิตไปแล้วกว่า 100 ล้านชีวิต และเมื่อเวลาผ่านไป ตัวเลขก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดา
“ครั้งนี้มันดูน้อยลง” พลังฉีโลหิตรอบๆ ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ราวกับกำลังจะควบแน่นตัว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างของชายวัยกลางคนก็เริ่มสั่นเครือ
บรรพบุรุษโลหิตอยู่ในระดับสูงสุดของและอยู่ห่างจากขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น และถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนอาจจะอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเช่นกัน แต่เพียงการขยับนิ้วแค่ครั้งเดียวของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอแล้วเขาจะถูกส่งไปยังนิรันดร์กาล
“ท่านบรรพบุรุษโลหิต ตอนนี้นิกายต่างๆ ได้เพิ่มการเฝ้าระวังและสาดส่องอย่างเข้มงวด มันเลยทำให้ความเร็วในการได้รับไข่มุกโลหิตช้าลงมากนัก” ชายวัยกลางคนอธิบาย
บรรพบุรุษโลหิตลืมตาขึ้นและจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคน
ทันใดนั้นเอง ชายวัยกลางคนก็ได้รู้สึกราวกับว่าเขาตกลงไปในทะเลโลหิต ซึ่งมีซากศพนับไม่ถ้วนร้องโหยหวน และเหมือนจะพุ่งเข้ามาฉีกขาของเขา
“ท่านบรรพบุรษโลหิต เป็นข้าที่ผิดพลาดเอง”
ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
หลังจากที่บรรพบุรุษโลหิตหลับตาลง เขาก็พูดอย่างไม่สนใจว่า “พยายามให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นข้าเองก็ไม่ได้รังเกียจ หากจะเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นศพโลหิต”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน และถอยจากไป
หลังจากที่ชายวัยกลางคนจากไป สระโลหิตที่อยู่ใต้ต้นบรรพบุรุษโลหิตก็เริ่มเดือด ขณะที่มีร่างสีเลือดโผล่ออกมา เมื่อดูคร่าวๆ แล้ว มันมีอย่างน้อย 1,000 ร่าง และในหมู่พวกมันเองก็มีร่างสีเลือดสองสามตัวที่ปลดปล่อยคลื่นพลังฉีโลหิตที่โดดเด่นออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันอยู่ที่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด ส่วนที่เหลือปล่อยพลังฉีในระดับขอบเขตสวรรค์ออกมาทั้งหมด
บรรพบุรุษโลหิตเปิดกระเป๋าเก็บของเขา คว้าไข่มุกโลหิตออกมา และโยนออกไปอย่างลวกๆ
จ๋อม!
สระโลหิตปั่นป่วนขึ้นมาทันที ขณะที่ร่างสีเลือดทั้งหมดกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงไข่มุกโลหิต ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับไข่มุกโลหิตระดับต่ำ และมีเพียงไข่มุกโลหิตระดับกลางเท่านั้นที่กำลังถูกต่อสู้แย่งชิงกัน
ในเวลาเพียงชั่วครู่ ไข่มุกโลหิตกว่าหนึ่งพันลูกก็ถูกกระชากออกไป และในทันทีหลังจากนั้น ร่างสีเลือดเหล่านี้ก็จมลงไปในบ่อโลหิต ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังพยายามย่อยพลังเต๋าในไข่มุกโลหิตเหล่านี้
“ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าผู้ใดกันที่ก้าวขึ้นไปสู่ระดับ 5 ได้” บรรพบุรุษโลหิตยิ้มกว้าง ขณะที่เขาหยิบไข่มุกโลหิตออกมา
ไข่มุกโลหิตเม็ดนี้เป็นไข่มุกคุณภาพสูง เขาคงไม่อาจทนได้ห่กต้องมอบมันให้กับศพโลหิตเหล่านี้ เขาสามารถใช้ไข่มุกโลหิตเม็ดนี้เพื่อเสริมสร้างพลังเต๋าโลหิตของเขาได้ เนื่องจากไข่มุกโลหิตระดับกลางและระดับต่ำไม่ส่งผลใด ๆ กับเขาอีกต่อไป
***
ในใจกลางของภูมิภาคปีศาจโลหิต มีปราสาทสีเลือดตั้งตระหง่านอยู่
ภายในปราสาทสีเลือดนั้นกว้างขวางและลึกล้ำ
บนที่นั่งของผู้ปกครองมีปีศาจสีเลือดตัวสูงใหญ่นั่งอยู่ที่นั่น
สภาวะพลังฉีของปีศาจตนนี้มีแรงกดดันมหาศาล และดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษโลหิตเสียอีก ร่างกายของมันมีหนามแหลมสีเลือด และดวงตาของมันเปล่งประกายสีแดงสดออกมา
“ลูกข้า เจ้าแก่โลหิตนั้นส่งไข่มุกโลหิตมาให้หรือไม่”
ปีศาจสีเลือดถามปีศาจสีเลือดตัวเล็กกว่าที่อยู่ด้านล่างเขา
ปีศาจสีเลือดตัวนี้มีหนามแหลมบนร่างกายของเขาเช่นกัน แต่มีปริมาณน้อยกว่ามาก ในขณะที่สีเองก็ยังดูอ่อนกว่ามากเช่นกัน เขาตอบ “ท่านพ่อ ข้ายังไม่ได้สิ่งใด”
“ตาแก่นั้นต้องถูกทุบตีเสียบ้าง ส่งข้อความถึงเขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อเขาได้รับไข่มุกโลหิต ข้าต้องการ 30% ทันที ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น ก็ให้เขาออกไปจากภูมิภาคปีศาจโลหิตของข้า!” ปีศาจสีเลือดส่งเสียงครวญครางด้วยเสียงที่น่ากลัวประดุจปีศาจ ซึ่งปีศาจสีเลือดตัวเล็กกว่าไม่สามารถต้านทานมันได้แม้แต่น้อย “ได้ขอรับ ท่านพ่อ”
ปีศาจสีเลือดตัวเล็กกว่าถอยออกมาจากห้องโถงอย่างตื่นตระหนก
“มนุษย์เป็นแหล่งอาหารที่ดีเสียจริง ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกนี้ควรถูกควบคุมโดยปีศาจอย่างพวกเรา มนุษย์ทุกคนสมควรเป็นเพียงปศุสัตว์ เป็นได้เพียงเท่านั้น” มือขวาของปีศาจสีเลือดเปล่งประกายสีเลือดออกมา ซึ่งมันได้เข้าไปดูดร่างของนักสู้ขอบเขตปฐพีที่อยู่ในกรงเหล็กขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านบนมาทันที
กร๊วบ!
ปีศาจสีเลือดอ้าปากและกัดไปที่ศีรษะของนักสู้ขอบเขตปฐพี ส่งผลทำให้เลือดกระเซ็นออกมาทั่วทุกที่
***
หลังจากพลังฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินตัดผ่านมายังระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความเร็วในการทำความเข้าใจของเขาที่มีต่อทักษะดาบเพลิงโลกันต์นั้นเร็วมากขึ้นและมีร่องรอยของพลังที่น่ากลัวเริ่มก่อตัว
‘เมล็ดพันธ์ของเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ก่อตัวขึ้นแล้ว ข้าสงสัยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ามันจะเติบโตมาเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้’
หากระยะเริ่มต้นของเจตจำนงแห่งดาบเป็นต้นไม้ขนาดเล็กแสดงว่าระยะที่เติบโตเต็มที่แล้วมันก็จะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ในขณะที่ระยะที่สมบูรณ์จะเป็นต้นไม้ที่ยื่นออกไปบนท้องฟ้า ก่อนขั้นตอนเริ่มต้นของการมีเจตจำนงแห่งดาบ มันก็เป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ และไม่สามารถเพิ่มพลังของทักษะดาบของเขาได้
แต่เมื่อสร้างเมล็ดพันธ์เจตจำนงแห่งดาบได้แล้ว การทำความเข้าใจต่อเจตจำนงของแห่งดาบได้ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ขณะเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินกำลังปกป้องเมืองเมฆหมอก เหตุการณ์ใหญ่ได้เกิดขึ้นซึ่งมันก็ทำให้ทั่วทั้งทวีปยูนิคอร์นตะวันออกเริ่มตื่นตระหนก
แคว้นธารไพศาล แคว้นภูผาสีขาว แคว้นแสงทอง… ทั้งหมดหกแคว้นตกอยู่ในมือของศัตรู ด้วยเวลาเพียงเดือนเดียว นิกายที่คุมเหนือแคว้นของพวกเขาพบกับจุดจบที่น่าเศร้า ในขณะที่มีผู้รอดชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถหลบหนีและเข้าร่วมนิกายอื่นได้
มีพื้นที่ร่วมกันในหกแคว้น พวกเขาทั้งหมดอยู่ใกล้กับสิบภูมิภาคปีศาจ
ผู้ที่เข้ามารุกรานและยึดครองทั้ง 6 แคว้น ได้แก่ ภูมิภาคพันปีศาจ ภูมิภาคปีศาจพยัคฆ์ และ ภูมิภาคเขาปีศาจ
ผู้ปกครองดินแดนพันปีศาจเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด คชสารสะเทือนผา ว่ากันว่าช้างตัวนี้มีสายเลือดของราชาสัตว์ป่าคือ คชสารกระชากผา มันน่าเกรงขามมาก และครั้งหนึ่งเคยมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดห้าคนเข้าล้อมช้างตัวนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และหากไม่ใช่เพราะช้างตัวนี้มีความเร็วที่ช้า พวกเขาทั้งหมดก็อาจจะตายไปแล้ว
ผู้ปกครองของ ภูมิภาคปีศาจพยัคฆ์ก็เป็นสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุดเช่นกัน มันคือ ปีศาจลวดลายพยัคฆ์ ชเสือตัวนี้ดูเหมือนจะกินสิ่งประดิษฐ์ของปีศาจเข้าไป ซึ่งมันก็ได้ทำให้เกิดการกลายพันธุ์บางอย่างในร่างกาย มันสามารถมีลักษณะของปีศาจทั้งสองได้ นั้นก็คือ สัตว์ปีศาจและปีศาจ ทำให้มันดุร้ายกว่าสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุดทั่วไป เคยมีครั้งหนึ่งที่มันกำจัดไปสองนิกายเนื่องจากความโกรธแต่เพียงเท่านั้น
แตกต่างจากผู้ปกครองทั้งสองในภูมิภาคก่อนหน้านี้ ผู้ปกครองของภูมิภาคเขาปีศาจเป็นปีศาจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
ความสามารถของปีศาจนั้นทรงพลังโดยกำเนิด
นอกจากนี้ ในระดับเดียวกันจะไม่มีการแยกชั้นที่แตกต่างกัน แม้แต่ปีศาจระดับ 5 ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีความสามารถที่เหนือกว่าสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด มีเพียงคชสารสะเทือนผาเท่านั้นที่มีร่องรอยของสายเลือดราชาสัตว์ปีศาจ และปีศาจลวดลายพยัคฆ์ที่กลายพันธุ์เท่านั้นถึงจะเทียบกับปีศาจระดับ 5 ได้
แน่นอนว่าทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียเสมอ ปีศาจอาจมีอำนาจเหนือกว่า แต่มันก็ยากมากที่จะเลื่อนขั้นไปยังขั้นถัดไปถัดไป
ภูมิภาคพันปีศาจและภูมิภาคปีศาจพยัคฆ์มีสัตว์ปีศาจระดับ 5 อยู่จำนวนมาก
แต่ภูมิภาคเขาปีศาจมีปีศาจระดับ 5 เพียงสามตัวเท่านั้น
ทั้งสามภูมิภาคของกองกำลังปีศาจต่างก็บุกเข้ามาและยึดครองสองแคว้นของนิกาย เมื่อข่าวนี้ออกไป มันก็สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทวีป แม้แต่กลุ่มนิกายชั้นยอดสิบอันดับแรกก็เรียกใช้งานกองกำลังฉุกเฉินของพวกเขา
สำหรับทุกสิ่งในโลก เมื่อมีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สองอย่างแน่นอน
หากพวกเขาไม่หยุดยั้ง สิบภูมิภาคปีศาจก็อาจจะบุกและยึดครองแคว้นของนิกายมากขึ้นอย่างแน่นอน
แคว้นร้อยเทพยุทธ์มีสถานที่ที่เรียกว่า ภูเขาร้อยนิกาย และบนเขาร้อยนิกายก็มีห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายตั้งอยู่
ห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกเพื่อการรวมตัวกันของนิกายต่างๆ ในศตวรรษที่ผ่านมาเจ้านิกายต่างๆ ได้เคยมารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้แล้วครั้งหนึ่ง ทำให้การชุมนุมครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในรอบศตวรรษ
ในห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายมีโต๊ะหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยักษ์ บนโต๊ะหินทั้งสองข้างมีเก้าอี้หินหลายสิบตัวที่เจ้านิกายต่างๆ จะนั่งตามลำดับของกองกำลังที่นิกายมี
ที่ด้านหน้าส่วนใหญ่ของโต๊ะหินเป็นเก้าอี้หินสีทองสิบตัว เป็นที่ซึ่งเจ้านิกายสิบอันดับแรกจะนั่งอยู่ที่นั่น
เจ้านิกายวารีครามโอหยางเหวินเทียนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แต่นิกายวารีครามเป็นเพียงนิกายระดับสาม และถูกจัดลำดับไว้ท้ายๆ
นิกายสวรรค์ปีศาจเป็นนิกายระดับสอง ดังนั้นหลี่เซี่ยเทียนจึงนั่งอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย
ตอนนี้ห้องโถงใหญ่ร้อยนิกายนั้นเงียบกริบ ขณะที่ทุกคนกำลังรอให้บุคคลทั้งสิบบนเก้าอี้หินสีทองเป็นผู้กล่าว
คนแรกที่พูดคือเจ้านิกายเทพอัสนี สือตูชัว ซึ่งเป็นปู่ของลูกพี่ลูกน้องสือตูเหล่ย
ในฐานะที่เป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับสูง สือตูชัวได้กวาดสายตามองไปรอบโต๊ะและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “การปิดของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีสำหรับเรา ย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สัตว์ปีศาจระดับ 5 ได้สังหารศิษย์ส่วนตัวของเจ็ดเชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ สัตว์ปีศาจตนนั้นจึงถูกสังหารโดยเจ็ดผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ ซึ่งสิ่งนี้มันนับเป็นการข่มขู่สิบภูมิภาคปีศาจได้ทางอ้อม แต่ทว่าตอนนี้เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้ปิดลงไปแล้ว สิบภูมิภาคปีศาจคงไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเราอย่างสงบสุขอีกต่อไป ดังนั้นคราวนี้เราต้องเลือกว่าจะต่อสู้เพื่อไปข้างหน้า หรือไม่ก็ถอยหลังและยอมแพ้ ยกทั้งหกแคว้นให้มันยึดครอง แน่นอนว่าอย่างหลังจะเป็นผลประโยชน์ต่อพวกเรามากที่สุด และหากพวกมันต้องการบุกรุกแคว้นอื่นๆ เมื่อนั้นเราจะสู้กลับมันไป”
ในฐานะเจ้านิกายเทพอัสนี สือตูชัวไม่ต้องการทำสงครามกับสิบภูมิภาคปีศาจ แต่เขาก็ไม่ต้องการถอยกลับเช่นกัน ผู้บุกรุกไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเขา ฉะนั้นมันจึงต้องเผชิญหน้าด้วยความสามัคคีของพวกเขาเอง เมื่อพวกเขาอนุญาตให้สิบภูมิภาคปีศาจได้รับพื้นที่มากขึ้นดินแดนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะมีพื้นที่อยู่อาศัยลดน้อยลง
“ท่านเจ้านิกายกล่าวถูก เราสามารถสละหกแคว้นที่ถูกยึดครองได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากกว่า” เจ้าวิหารหญิงไตรสิกขากล่าวเสริม
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าก็เห็นด้วย”
ผู้นำของนิกายชั้นยอดทั้งสิบต่างก็เห็นพ้องต้องกัน ผู้นำที่เหลือต่างก็เห็นด้วยไปโดยปริยาย
ในความเป็นจริงในการประชุมร้อยนิกายโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิในการพูดใดๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อทำการโหวต แต่เนื่องจากสิบอันดับแรกมีความเห็นเป็นเอกฉันท์จึงไม่ต้องมีการลงคะแนนใดๆ
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ INdyNovel