Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 266
บทที่ 266 – ฉันจะไปที่ไหนก็ได้ (8)
[ฆ่ามัน!]
[แก้แค้นให้กับเฮเรียน่า]
มอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่แต่ล่ะตัวต่างก็มีพลังพอจะทำลายโลกได้เลย พวกมันต่างก็พุ่งกันเข้าใส่ยูอิลฮาน แน่นอนว่าทันทีที่มันเข้ามาในพื้นที่ของการร่วงหล่นระดับพลังของพวกมันลดลงขั้นหนึ่งในทันที แต่ด้วยความโกรธทำให้พวกมันไม่ได้รู้ตัวเลย ซึ่งนี่ได้เป็นไปตามแผนที่ยูอิลฮาานวางเอาไว้
แต่ว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจเลย
“ถ้าเป็นแค่กองทัพปีศาจวิบัติฉันก็เข้าใจนะ แต่นี่…”
ยูอิลฮานที่ได้อยู่ในโหมดประหยัดมานาทำให้เขาใช้เพลิงสีขาวบนปลายหอกเท่านั้น เขาได้แต่แสดงความสงสัยออกมา
“ทำไมแม้แต่พวกคนจากกองทัพจรัสแสงกับสวนอาทิตย์อัสดงก็ยังตะโกนชื่อเฮเรียน่าออกมาล่ะ?”
[ฉันเป็นไอดอลของทุกๆคนไงล่ะที่รัก เป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง หากเข้ามาใกล้ก็จะถูกเผาผลาญ แต่ว่าเมื่อได้เห็นฉันก็ไม่อาจจะห้ามใจอยู่ได้เช่นกัน! ใครกันนะคือผู้โชคดีที่ได้ตัวฉันไป]
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอมันยอดเยี่ยม ชิ”
ตอนนี้เฮเรียน่าเธอน่าจะอยู่ที่ป้อมปราการลอยฟ้า แต่ด้วยความที่เธอได้เชื่อมโยงกับยูอิลฮานอย่างลึกซึ้งนับตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นจิตวิญญาณ ทำให้เธอสามารถถ่ายทอดความคิดของเธอมาให้เขาได้เหมือนที่โอโรจิกับมิสทิคทำ
ใช่แล้ว ถึงเขาจะส่งเธอกลับไปในร่างเดิมแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังไม่เป็นอิสระจากเธออยู่ดี!
[ก๊าซซซซซซ]
[ฆ่า ฉันจะฆ่าทุกๆอย่าง!]
ในตอนนี้ยูอิลฮานได้ข้ามเขตแดนของฝั่งทูตสวรรค์มาแล้ว ตอนนี้เขาได้อยู่ในดินแดนของศัตรู
“อิลฮานมีคลาส 6 อยู่เหมือนกันนะ ระวังตัวด้วย ถ้านายไม่ระวังตัวนายได้ตายแน่ๆ”
เลียร่าได้กระชับหอกสีชมพูของเธอเอาไว้พร้อมโน้มตัวไปด้านหน้า
ที่กำแพงแห่งความโกลาหลนี้แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์สู้ที่นี่มามาก แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแล้วมาสู้ที่นี่
แม้ว่าเธอจะกังวลนิดๆ แต่ว่าเธอก็ไม่คิดจะถอยแม้แต่เดียว คนที่อยู่ข้างๆคนคือคนที่เธอรักและเธอจะต้องปกป้องเขา เมื่อเธอคิดแบบนี้หอกของเธอก็เรืองแสงมากยิ่งขึ้น และพรจากเทพแห่งความรักก็ได้ปะทุขึ้นมาล้อมรอบตัวเธอ แสงสีชมพูดนี้กำลังปกป้องตัวเธออยู่
“ฉันจะใช้การร่วงหล่นทำอะไรกับคลาส 6 เอง เอิลต้าเธอช่วยใช้เวทย์สนับสนุนเป็นหลักนะ ส่วนเลียร่ากับฉันจะจัดการกับศัตรูเอง”
“ไว้ใจได้เลย ฉันเชี่ยวชาญในด้านนี้เลยล่ะ”
วงเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมาภายในพื้นที่การร่วงหล่นพร้อมๆกัน วงเวทย์พวกนี้คือวงเวทย์ที่จะป้องกันเวทย์ของศัตรู ลดพลังโจมตีของศัตรู ขัดขวางการเคลื่อนไหวศัตรู และทำให้มานาของศัตรูปั่นป่วน
วงเวทย์ที่ทรงพลังอยู่แล้วนี้ก็ยังถูกเพลิงสีขาวเสริมพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเอิลต้าได้เห็นว่าเวทย์ของเธอเพิ่มพลังขึ้นถึง 2 เท่าเธอก็ยังต้องตกตะลึง
“นี่มัน…!”
“การร่วงหล่นก็เพิ่มพลังเหมือนกันนะ”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปธรรมดาๆและขว้างหอกเข้าใส่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่กำลังเข้ามาใกล้ หลังจากหอกมังกรแปดหางได้ดูดซับเพลิงสีขาวไปทำให้มันขยายขนาดขึ้นสิบเท่าทันทีที่พุ่งออกไปและปักเข้าที่ตัวศัตรูอย่างงดงาม
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[อะไรกัน!?]
สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเพิ่งจะฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปแค่การขยับตัวธรรมดาๆ! มีบางคนได้ตัวแข็งทื่อไปกับที่เมื่อได้เห็นแบบนี้ แต่แแน่นอนว่าพวกนั้นก็ได้กลายมาเป็นเหยื่อคนต่อไปของหอกงมังกรแปดหาง ยูอิลฮานที่จับหอกที่ลอยกลับมาเอาไว้ก็บ่นขึ้น
“ในท้ายที่สุดเจ้าพวกนี้ก็มีดีแค่จำนวนมาก มีโลกจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน แล้วไอ้คำที่ว่าพวกนี้คือคนที่อยู่จุดสูงสุดของโลกก็คงจะเป็นแค่หนึ่งในโลกนับไม่ถ้วนเท่านั้นเองสินะ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยนะ”
“อิลฮาน ความคิดของนายนี่มัน! แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้ผิดนัก”
หนึ่งในเหล่าผู้ ‘อยู่บนจุดสูงสุดนับไม่ถ้วน’ เลียร่าได้ขบฟันตอบกลับไป ยังไงก็ตามความไม่พอใจนี้ของเธอก็ถูกนำไประบายลงกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นแทน
“ฮ่าาาาาาาห์!”
[อ๊ากก!? ร่างฉัน…!]
หนึ่งในทหารกองทัพปีศาจวิบัติได้ร่วงลงไปบนพื้นในทันที่ถูกหอกของเลียร่า และหลังจากนั้นก็ถูกวงเวทย์ของเอิลต้าสกัดเอาไว้ ต่อมาก็เป็นเทวดาตกสวรรค์ และสวนอาทิตย์อัสดง! เลือดสีดำและเลือดสีน้ำเงินได้กระจายไปทั่ว ทุกๆศพที่ตายไปในการต่อสู้นี้ต่างก็ถูกยูอิลฮานเก็บลงช่องเก็บของไป
“หืม”
ไม่นานนักเลียร่าก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง
“นี่เราฆ่าไปเยอะกว่าที่คิดอีกนะ”
“ก็เพราะการร่วงหล่นนั่นแหละ สกิลนี้ไม่ควรที่จะมาจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเลย…!”
หลังจากมองไปที่พื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงวิญญาณก็ทำให้เอิลต้าต้องเหงื่อตก
“มันยังยับยั้งและลดพลังของคลาส 6 ได้อีกด้วย ต่อให้เป็นผู้บัญชาการกองพันฉันก็ไม่เคยเห็นสกิลแบบนี้เลย”
“ไปตรงนั้นกัน! นี่มันก็เพราะอิลฮานยอดเยี่ยมเกินไปไงล่ะ”
แม้กระทั่งในตอนนี้เพลิงก็ยังคงยับยั้งการเคลื่อนไหวของศัตรู สร้างความเสียหายให้กับศัตรู เสริมพลังให้กับเวทย์ของเอิลต้า และเสริมพลังให้กับหอกของเลียร่าด้วย! เพลิงพวกนี้มันราวกับเป็นกองทัพที่ทำงานตามคำสั่งของยูอิลฮานชัดๆ
“นี่มันน่าทึ่งมาก! สมแล้วที่เป็นเขาผู้ที่โดดเดี่ยว! เขาได้สร้างสกิลที่ทำได้แทบจะทุกๆอย่างในตัวคนเดียว…”
“นี่จะนินทาฉันไปถึงไหนกัน”
ยูอิลฮาน เลียร่า และเอิลต้าได้กลายมาเป็นพายุที่กวาดไปทั่วทั้งสนามรบ! ทิเทร่าที่เฝ้าดูเพลิงวิญยาณที่ได้ขยายใหญ่ครอบคลุมสนามรบมากยิ่งขึ้นได้ถึงกลับหลั่งเหงื่อออกมา
[พระเจ้า… ฉันคิดว่าเขามีดีแค่การลอบโจมตีซะอีกนะ…]
“บุคคลิกของเขาจะต้องเปลื่ยนไปแล้ว”
คังมิเรย์ก็ยังตกตะลึงเช่นกันหลังจากที่ได้เห็นพลังที่มหาศาลมากกว่าแต่ก่อนของยูอิลฮาน แต่ว่าเธอก็ได้หาคำตอบง่ายๆที่จะตอบกลับทูตสวรรค์กลับไปได้
“เมื่อก่อนเขาชอบที่จะซ่อนตัวอยู่เพียงลำพัง แต่ว่าในตอนนี้เขาได้เจอที่ที่เขาจะเปิดใจได้แล้ว… ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะเรื่องนี้นั่นแหละ”
[ไม่เห็นเข้าใจเลย]
ทูตสวรรค์ได้แต่ตอบกลับมาแบบนี้ ยังไงก็ตามคังมิเรย์ก็อยากจะเชื่อแบบนี้ต่อให้มันจะไม่ใช่ก็ตามที
หลังจากที่ได้เจอกับเขาอีกครั้ง หัวใจของเธอก็ได้เต้นแรงผลักดันให้เธอคิดถึงเรื่องอารมณ์มากยิ่งขึ้น
[ยังไงก็ตาม… ไม่ว่าพลังนี้ของเขาจะมาจากไหนก็เถอะ เขาทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบมากๆ ตอนนี้แหละคือเวลาเหมาะแล้ว เราก็ควรจะเคลื่อนไหวได้แล้วนะ]
[เยี่ยม เข้าใจแล้ว]
มิสทิคได้เริ่มเดินเครื่องป้อมปราการลอยฟ้า และภายใต้พลังของยูมิลทำให้ป้อมปราการลอยฟ้าซ่อนตัวผ่านเข้าไปในกำแพงแห่งความโกลาหลอย่างราบรื่น
และเมื่อเป็นแบบนี้คังมิเรย์ได้เปิดตากว้างค้นหาร่องรอยของกองทัพจรัสแสงในทันที
[มีโลกจำนวนมากที่อยู่ใต้การดูแลของกองทัพจรัสแสง ในหมู่โลกทั้งหมด เราจะต้องหาโลกที่นำไปสู่สำนักงานใหญ่ของพวกนั้น]
“ฉัน… กำลังหาที่นั่นอยู่!”
[เราจะช่วยเอง!]
ทูตสวรรค์ได้พยายามจำแนงมานาของเทวดาตกสวรรค์ออกมาและบอกกับเธอ ในสนามรบนี้มีเศษเสี้ยวและร่องรอยมานาจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเธอจะต้องหาอันที่จะนำไปสู่โลกหลักของเทวดาตกสวรรค์
“เจอที่แรกแล้ว… ไปกันเลย!”
คริสตัลมานาส่วนหนึ่งได้หมุนรอบตัวคังมิเรย์ด้วยความเร็วที่มากขึ้นและมีวังวนปรากฏขึ้นมาพร้อมกับแสงที่เหมือนพลุระเบิดออกมา ภายในวังวนนั้นแน่นอนว่าเป็นโลกระดับสูงแน่ แต่ยังไงก็ตาม…!
[ไม่ใช่ที่นี่! ที่นี่ไม่ใช่ฐานทัพหลัก!]
[นี่มัน!? ประตูมิติถูกเปิดขึ้นมา]
[เกาะนั่นมันอะไรกัน? …เกาะ?]
[เป็นทูตสวรรค์! พวกมันอยู่กับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ]
หลังจากสร้างประตูมิติขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาก็เป็นปกติที่การซ่อนตัวจะต้องหายไป ในเวลานี้เองยูมิลก็ได้เปลื่ยนร่างตัวเองเป็นมังกรและคำรามออกมา
[กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร!]
สิ่งที่เขาจะบอกค่อ ‘พ่อครับพวกเราถูกเจอตัวแล้ว’ แต่ว่าสำหรับศัตรูนี่เป็นแค่การคำรามเท่านั้น และพรรคพวกที่ได้ยินเสียงนี้ก็เป็นสัญญาณสำหรับเริ่มการต่อสู้ ทูตสวรรค์กับมังกรได้สร้างแนวการต่อสู้ขึ้นมาทันที ส่วนคังมิเรย์ได้รีบยกเลิกประตูมิติและเก็บมานาเธอคืนกลับมา
[ผู้หญิงนั่นได้เชื่อมประตูมิติไปสู่โลกของเรา]
[แต่ได้ไงกันล่ะ?]
[จะทำได้ยังไงมันไม่สำคัญแล้ว นี่อาจจะ… บ้าเอ้ย!]
[โอ้!?]
[หืมม ออร่านี่มันชัดเจนมากๆ]
เทวดาตกสวรรค์ทุกๆคนต่างก็ต้องเป็นกังวลกันขึ้นมา ส่วนทางสวนอาทิตย์อัสดงกับกองทัพปีศาจวิบัติได้กลายเป็นสนใจแทน รอยแยกได้ปรากฏขึ้นมาภายในพันธมิตรที่ไม่มั่นคงนี้แล้ว
[เราจะต้องฆ่าเธอ!]
[ไปพาเธอมาเดี๋ยวนี้เลย!]
[แต่ยูอิลฮาน….!]
[ตอนนี้ยูอิลฮานไม่สำคัญอีกแล้ว!]
“ไม่หรอกนะ ฉันยังสำคัญอยู่”
เมื่อฝั่งเทวดาตกสวรรค์ล่ะความสนใจไป การร่วงหล่นก็ได้ขยายพื้นที่ขึ้นมาจนครอบคลุมเทวดาตกสวรรค์ในทันที วงเวทย์ของเอิลต้าก็ยังขยายมาขึ้นมาเช่นกัน! จากนั้นยูอิลฮานกับเลียร่าก็พุ่งไปเด็ดปีกและตัดหัวเทวดาตกสวรรค์
“นี่มัน… ฉันรู้สึกว่าฉันแกร่งกว่าตอนเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกนะ!”
“ฮ่าาาาาาาห์! คลื่นกระหน่ำ!”
“ฮ่าาาาาาห์”
ยูอิลฮานได้เรียกหอกกระดูกทั้งหมดออกมาไว้กลางอากาศและจับค้อนสายฟ้าเอาไว้
ค้อนได้ขยายขลาดขึ้นด้วยหลังจากที่ได้ดูดมานาเข้าไป และแม้แต่ไฟก็ยังถูกดึงเข้ามารวมเสริมพลังขึ้นไปอีก จากนั้นเขาก็เปิดใช้เทวะกำลังจนถึงขีดสุดเพื่อเร้นศักยภาพกล้ามเนื้อออกมาและเหวี่ยงค้อนมหึมาออกไป
“พวกแกบอกว่าแกจะโจมตีใครนะ!?”
เพลิงวิญญาณที่เกิดขึ้นจากการร่วงหล่นได้ถูกหอกกระดูกที่กระจายอยู่ด้วยเข้าไป และจากนั้นหอกเหล่านี้ก็พุ่งเข้าไปใส่เทวดาตกสวรรค์อย่างแม่นยำ ในเวลาเดียวกันค้อนสายฟ้าก็ได้ถูกเหวี่ยงอยู่ภายในนั้น! พละกำลังที่มหาศาลได้เกิดขึ้นมาจากค้อนได้สะท้อนส่งไปถึงหอกกระดูกซึ่งแค่ปกติสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ไม่อาจจะทนได้อยู่แล้ว
[ทำลายหอกพวกนั้น!]
[เวรเอ้ย… ]
ก่อนหน้านี้สำหรับยูอิลฮานแค่เห็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงซักคนก็ต้องตัวสั่นแล้ว แต่ว่าในตอนนี้เขากลับสังหารหมู่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว การเปลื่ยนแปลงของเขาน่าทึ่งและน่ากลัวเอามากๆ แม้กระทั่งสกิลบันทึกที่เป็นสกิลสนับสนุนตอนนี้ก็ได้มีเลเวลถึง 60 แล้ว
[บางที…]
[บาทีเขาอาจจะเป็น]
มันราวกับว่าพวกมันได้พูดสิ่งที่น่ากลัวออกมา ใครซักคนได้พึมพัมออกมา
[บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่ห้า]
ในทุกๆครั้งที่จะมีกองกำลังใหม่เกิดขึ้นมันจะเป็นแบบนี้กันทุกครั้งๆ คนพวกนั้นจะบดขยี้คนที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือระดับสูงกว่าเหมือนเป็นเรื่องปกติ และจะเป็นคนที่มีบุคลิกที่ไม่โอนอ่อนให้กับใคร คนๆนั้นจะทำทุกสิ่งที่เขาต้องการทำเท่านั้น
และในตอนนี้ยูอิลฮานดูเหมือนกับคนจำพวกนั้น
[ยังไงก็ตามตอนนี้ยังไม่ใช่]
ได้มีใครบางคนโผล่ขึ้นมา
[เพราะอีกเดี๋ยวฉันจะลบเขาออกไปเดี๋ยวนี้แหละ]
ปีกสีดำสนิทหกข้าง ดวงตาที่เรืองแสงเหมือนกับทับทิม และชุดคลุมหนังสัตว์ที่คลุมทั้งตัวอยู่
คนที่โผล่ออกมามีรูปลักษณ์เหมือนกับชายวัยกลางคน แต่ว่าพลังของร่างที่ปล่อยออกมาไม่ใช่ธรรมดาเลยสักนิดเดียว
[ท่านซาเทีย…!]
[ท่านซาเทียมาที่นี่เอง…!?]
[ปีกที่ 4 แห่งกองทัพจรัสแสง!?]
สนามรบได้ตกสู่ความโกลาหลอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าแรงกระเพื่อมจากยูอิลฮานจะมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะก้าวข้ามคลาส 7 ที่ลงมาในสนามรบได้อยู่แล้ว
เพราะแบบนี้เองถึงทำให้ยูอิลฮานได้บอกกับทูตสวรรค์ให้ส่งคลาส 7 มาเหมือนกับ แต่ว่าพวกทูตสวรรค์ไม่ยอมฟังเขาเลย
[เจ้านกน้อยสารเลว นายนี่ทำให้ฉันรำคาญจริงๆเลยนะ สงครามครั้งนี้ได้กลายเป็นวุ่นวายอีกแล้ว]
เขาได้มองกวาดไปทั่วสนามรบ สิ่งมีชีวิตที่อยู่แค่คลาส 5 ต่างก็ตัวแข็งเป็นหินด้วยพลังมานาที่เหือดแห้งลง ป้อมปราการลอยฟ้าก็ได้ใช้พลังอย่างมากในการช่วยคนอื่นๆภายในเอาไว้ แค่การมองนี้ก็ทรงพลังมากแล้ว
[ฉันจะจัดการนายเอง ความหวังนั่นฉันจะฉีกมันให้ดู]
“คนๆนี้แหละ! คนๆนี้จะต้องมาจากทัพหลักแน่! ฉันรู้สึกได้เลยถึงมานาที่ทรงพลัง!”
คังมิเรย์ได้ตะโกนออกมา แม้แต่ทูตสวรรค์ก็ยังมั่นใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน แต่แล้วยังไงล่ะ? พวกเขาควรจะเข้าไปใกล้สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนั่นแล้วจับร่องรอยมานางั้นหรอ
[โอ้ ดูเหมือนตอนนี้ฉันถึงตาฉันแล้วสินะ]
กลีบดอกไม้ได้บานสะพรั่งขึ้นมาเหนือป้อมปราการลอยฟ้าราวกับกำลังรอเวลานี้อยู่ พิษที่ทรงพลังได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับดอกไม้ที่สวยงามในทันที แม้ว่าครั้งหนึ่งมันจะเคยถูกชายไร้จิตใจแทงทิ้งไปแต่ว่ามันก็ยังคงไม่เสียพลังไปอยู่ดี
[มาเล่นกับฉันดีกว่า ซาเทีย]
ชื่อของดอกไม้นี่แน่นอนว่าคือราชินีซัคคิวบัสเฮเรียน่า