Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 267
บทที่ 267 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (1)
[…]
[…]
[…อะไรกัน?]
การปรากฏตัวของเฮเรียน่าได้ทำให้ทั้งสนามรบหยุดนิ่งไป ทุกๆคนต่างก็ตัวแข็งทื่อ นี่มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่รู้จักเธอ แต่มันเป็นเพราะพวกเขารู้จักเธอเป็นอย่างดีต่างหาก
[ธะ เธอควรจะตายไปแล้วนี่!?]
สีหน้าผ่อนคลายของซาเทียได้แหลกสลายไปแล้ว หากเป็นการต่อสู้กับคลาส 7 คนอื่นๆ เขาคนนี้ก็มีความมั่นใจพอตัว แต่ว่าหากเป็นตัวเฮเรียน่าเรื่องนี้จะต่างออกไป ที่เขาออกมาที่นี่นั่นก็เพราะเขาได้ยินมาว่าเฮเรียน่าตายไปแล้ว แต่แล้วเธอกลับมาเผยตัวต่อหน้าเขา
[ฉันก็ตายไปแล้ว แต่ว่าฉันก็กลับมามีชีวิตใหม่ไงล่ะ]
[ไม่มีทาง อันเดตงั้นหรอ…?]
[ฉันดูเหมือนแบบนั้นหรอ?]
[อึก…]
เมื่อเฮเรียน่าได้ยิ้มออกมาก็ทำให้ซาเทียก็หดตัวถอยกลับไปเองทันที แน่นอนว่าตัวเธอไม่ได้ดูเหมือนกับอันเดตเลย แก้มสีชมพูของเธอยังคงเต็มไปด้วยประกายชีวิต ตาเธอก็ยังมีประกายและหน้าอกของเธอก็ยังขยับขึ้นลงตลอดเวลาตามการหายใจเข้าออกของเธอ ทุกๆสิ่งนี้ได้บอกว่าเธอเต็มไปด้วยพลังชีวิต!
และจากพลังเวทย์ที่เธอได้เริ่มปล่อยออกมาก็ได้ทำให้คนอื่นๆได้เริ่มที่จะควบคุมร่างกายตัวเองลำบากแล้ว
[นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน!]
[ฉันรู้สึกได้ถึงพลังของกองทัพปีศาจวิบัติ แต่ว่าเธอไม่ใช่หนึ่งในสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติแล้วงั้นหรอ!?]
[เธอปิดกั้นพลังนั้นไว้ แต่ได้ยังไงล่ะ…?]
ไม่ว่าจะกองทัพสวรรค์ กองทัพจรัสแสง สวนอาทิตย์อัสดง หรือกองทัพปีศาจวิบัติก็ไม่อาจจะซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้เมื่อได้เห็นเฮเรียน่ายังคงมีชีวิตอยู่ดี มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้ความสับสนนี้เพราะเขาคือคนที่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว!
“ในเมื่อเธอเผยตัวมาแล้ว ก็ยื้อหมอนั่นไปหน่อยนะ!”
[เข้าใจแล้วที่รัก]
[นี่เธอไปรับใช้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำงั้นหรอ?… ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอใช้วิธีอะไรแต่ว่ามันน่าขยะแขยงมาก ฉันรู้สึกเหมือนกับถูกปั่นหัว]
ซาเทียได้จ้องไปที่ยูอิลฮานผู้ใช้เพลิงวิญญาณ สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่กำลังกวาดล้างเทวดาตกสวรรค์ทั้งๆที่สนามรบกำลังสับสนกันอยู่
เป็นหมอนี่ ทุกๆอย่างได้เริ่มแปลกไปหลังจากที่เขาได้เริ่มแทรกแซงเรื่องราวระหว่างสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
[ตอนนี้ฉันจะต้องฆ่าเขาจริงๆแล้ว]
[ซาเทีย นาย จะ มา เล่น กับ ฉัน ใช่ ไหม!]
ปีกของซาเทียได้ถูกบีบบังคับให้หุบลง ระยะห่างระหว่างเฮเรียน่ากับซาเทียได้สั้นลงอย่างต่อเนื่อง นี้มันไม่ใช่เพราะเฮเรียน่าเข้าไปหา แต่เป็นซาเทียที่เข้ามาหาเธอเอง
[อ๊าา นังสารเลว]
[กรี๊ดด ฉันกลัวจัง]
เมื่อซาเทียได้รวมพลังความร้อนมาไว้ที่ตาและยิงออกมา สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่อยู่ฝั่งกองทัพปีศาจวิบัติ สวนอาทิตย์อัสดง และกองทัพจรัสแสงได้เข้ามาขวางกั้นลำแสงนี้เอาไว้เพื่อปกป้องเธอ ศพนับสิบได้โผล่ขึ้นมาในทันที
[นายนี่ฆ่าพวกเดียวกันได้โดยไม่ปราณีเลยนี่!]
[…!]
ปีกทั้งหมดของซาเทียได้หุบลง และดวงตาของเขาได้เรืองแสงขึ้นมาอีกครั้ง ลำแสงสองเส้นได้ถูกเล็งเป้าไปที่เฮเรียน่าอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่ามันก็ถูกสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นๆเบี่ยงออกไปอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตามซาเทียก็ไม่ได้ถอย เขาได้ทำการโจมตีต่อไปในทันที เสียงกรีดร้องของเหล่าเทวดาตกสวรรค์ได้ดังออกมาพร้อมๆกับขนปีกสีดำที่ปลิวว่อนไปทั่ว
[ท่านซาเทีย!]
[เมตตาเราด้วย อ๊าาา!]
[ฮึ่ม]
ซาเทียได้สบถออกมา เขารู้ดีว่ายิ่งเขาลังเลก็มีแต่จะทำให้เสน่ห์ของเธอทรพลังมากขึ้น ซัคคิวบัสคือจ้าวแห่งจิตใจ วิธีที่ดีสุดที่จะเอาชนะเธอเลยก็คือการโจมตีไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่คิดอะไร
[เรามาพนันกันดีกว่าว่าฉันจะดึงปีกของเธอได้ก่อน หรือว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดในสนามรบจะตายไปหมดก่อนที่ฉันจะทำสำเร็จ]
[ซาเทีย นายก็ยังกล้าหาญเหมือนเคยเลยนะ แล้วก็ยังรีบร้อนเหมือนเดิมอีกด้วย]
ไม่ว่าเสน่ห์ของเฮเรียน่าจะทรงพลังแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางที่จะควบคุมคลาส 7 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับในตอนนั้นที่เธอจัดการปีกที่ 8 ของกองทัพจรัสแสงนาเทียกับหัวหน้าผู้เฝ้าประตูเคลาทูคได้ก็เพราะเธอได้ทำให้ทั้งสองคนสู้กันเองจนเสียพลังไปทีล่ะนิด แล้วก็นอกไปจากนี้พลังในปัจจุบันของเธออ่อนแอกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย
นี่เป็นการต่อสู้ที่มีชื่อของกองทัพจรัสแสงเป็นเดิมพันแล้ว ต่อให้ลูกน้องทั้งหมดของเขาจะต้องตายไป เขาก็จะไม่มีวันทำให้ชื่อเสียงเขาต้องเสียหาย
ในเวลาเดียวกันนี้เองจู่ๆเฮเรียน่าก็หัวเราะออกมา
[ซาเทีย นายไม่คิดว่านายทำอะไรพลาดไปหรอ?]
[…อืม?]
[โอ้ นายลืมมันไปก็เพราะฉันสวยเกินไปสินะ?]
[ถ้านั้นเป็นคำพูดสุดท้ายแล้ว ถ้างั้นฉันก็จะฆ่า… อะไรกัน!?]
เขามีความคิดแค่ว่าจะต้องฆ่าเฮเรียน่าให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนที่จะไปจัดการลบล้างยูอิลฮานให้หายไป แต่ว่าในจุดนี้เขาก็ได้ถูกปั่นหัวไปแล้ว เขาได้ลืมเรื่องสิ่งสำคัญที่สุดไป
ลองคิดดูสิว่าทำไมเฮเรียน่าถึงเผยตัวออกมาตั้งแต่แรก?
“ฉันเจอร่องรอยแล้ว!”
ใช้แล้ว นั่นก็เพื่อซื้อเวลาให้คังมิเรย์ได้สร้างประตูมิตินำไปสู่ฐานทัพหลักของกองทัพจรัสแสงไงล่ะ! หลังจากรู้ถึงเรื่องนี้สีหน้าของซาเทียได้ซีดลงไปทันที
[นี่มัน เวรเอ้ย!]
[ฮ่าๆๆๆ พอนายตกใจแบบนี้นายน่ารักมาเลยน้า]
เขาลืมมันไปได้ยังไงกัน? เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงแห่กันเข้าไปในฐานทัพหลักของกองทัพจรัสแสงนะ
[นังสารเลว…]
[ถึงนายจะมองฉันด้วยสายตาที่ร้อนแรงแบบนี้น แต่เฮเรียน่าคนนี้ก็มีเจ้าของแล้วนะ น่าเสียดายย~]
[เธอกล้า เธอกล้าที่จะปั่นหัวปีกที่ 4 แห่งกองทัพจรัสแสง!]
[นี่มันนับว่าเป็นราคาที่ถูกมากเลยนะกับการที่มองหน้าฉันน่ะ]
เฮเรียน่าได้ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายเมื่อเจอกับจิตสังหารที่เลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งใด ราซีนีซัคคิวบัสคือบุคคลที่มักจะเล่นกับจิตใจผู้คนอยู่แล้ว มันไม่มีวันว่าพ่ายแพ้ในด้านนี้สำหรับเธอ! ไม่นานนักคังมิเรย์ก็ตะโกนขึ้นมา
“ฉันจะเปิดมันเดี๋ยวนี้แหละ!”
[เธอไม่กล้าหรอก!]
ซาเทียที่รู้ว่าเขาทำพลาดช้าไปนิดได้รีบระดมการโจมตีทั้งหมดเข้าใส่คังมิเรย์ แต่ว่าในตอนนี้ยูอิลฮานก็ได้กลับมาที่ป้อมปราการลอยฟ้าแล้ว
“ฮ่าหหหหห์”
โซ่วิญญาณที่เกิดมาจากการร่วงหล่นได้รวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นโล่ขนาดยักษ์ป้องกันการโจมตีของซาเทียก่อนที่จะหายไป ยูอิลฮานได้รู้สึกว่าการร่วงหล่นของเขาถูกบังคับให้ยกเลิกและส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
“ฟู่ เขาแข็งแกร่งเป็นบ้าเลย ตอนนี้ฉันยังไม่ยุ่งกับเจ้านี่ไม่ได้แน่”
[น่าทึ่งมากเลยที่ป้องกันการโจมตีของเขาได้ ที่รักเท่จังเลย…]
“ฉันไม่ได้ชอบเธอเลยจริงๆ”
“ฉันก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ว่าเลียร่า เธอก็ไม่ได้ต่างกับเฮเรียน่ามากนักหรอกนะ”
[ให้ตายสิ… เวทย์ของฉันถูกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำป้องกันได้!]
ประจตูมิติได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติอยู่กลางอากาศแล้ว ตราบใดที่เวทย์นี้สมบูรณ์ ต่อให้จะเป็นซาเทียก็ไม่อาจจะฝืนทำลายมันได้
และหากโจมตีเขามาไม่ต้องพูดถึงการทำลายเลย การโจมตีของเขาจะมีแต่เป็นเชื้อเพลิงทำให้ประตูมิติขยายใหญ่ขึ้นไปอีก
[มะ…มันกำลังถูกเปิดแล้ว]
[มันกำลังถูกเปิดขึ้นมาจริงๆ]
[โลกของกองทัพจรัสแสง… โลกเบื้องล่าง]
ทุกๆคนในสนามรบได้ตกตะลึงขึ้นมา กองทัพจรัสแสงได้ซ่อนฐานทัพหลักไว้มานานมากแล้ว พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าโลกที่พวกเขาอยู่จะถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้!
นับจากวินาทีที่ประตูมิติเปิดขึ้น พวกเราก็รู้สึกได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่อีกฟากหนึ่ง แต่ว่ากองทัพปีศาจวิบัติก็ไม่ได้ใจเพราะสัญชาตญาณได้อยู่เหนือเหตุผลพวกมันไปแล้ว
[ประตูมิติของนายหญิงเฮเรียน่าได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว!]
[คิฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฝั่งนั้นดูน่าสนุกเหมือนกันนะ]
[ไปกันเถอะ ไปล่าเหยื่อที่เป็นเทวดาตกสวรรค์กันเถอะ!]
[พวกแม่งเม่าเอ้ย!]
เมื่อประตูมิติถูกเปิดขึ้นมาพันธมิตรของทั้งสามฝ่ายก็ได้พังลงไปแล้ว แม้ว่าตอนสร้างจะไม่มั่นคงนัก แต่ก็ไม่มีใครเคยคิดเลยว่ามันจะพังลงแบบนี้ เทวดาตกสวรรค์ได้รีบไปป้องกันประตูมิติเอาไว้อย่างตื่นตระหนกทันที แต่ว่านี่มันก็ไม่ต่างจากการเอาก้อนหินไปต้านทานคลื่นน้ำเลย ไม่ใช่แค่กองทัพปีศาจวิบัติเท่านั้นที่บุกเขาไปในประตูมิติ แต่แม้กระทั่งคนจากสวนอาทิตย์อัสดงก็ยังตามไปด้วย
[นี่มันน่าสนใจจริงๆ]
[ฟุฟุ นี่คือเวลาเลือกที่ตายของฉันสินะ? ฉันจะไปที่นั่น ฉันคิดว่าพระอาทิตย์ตกดินที่สรวงสวรรค์ของเทวดาตกสวรรค์มันคงจะเป็นที่ตายที่ดี!]
เรื่องทำนองนี้ได้ถูกกระจายออกไปในทนัที ตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนับร้อย นับพัน และยิ่งกว่านั้นกรูกันเข้าไปในประตูมิติตอย่างไม่สิ้นสุดลงแล้ว กองทัพปีศาจวิบัติได้ถูกสัญชาตญาณชักนำ ส่วนสวนอาทิตย์อัสดงได้ไปตามความตั้งใจของตน! เทวดาตกสวรรค์ได้รีบตัดสินใจออกมาทันที
[กลับ!]
[อ๊าา… พวกเราจะต้องกลับไปป้องกันประตูมิติของเรา]
[กองทัพปีศาจวิบัติ… เราจะไม่ลืมเรื่องนี้แน่!]
ร่างของเทวดาตกสวรรค์ได้ค่อยหายไปจากสนามรบ พวกเขาได้ล้มเลิกการโจมตีกองทัพสวรรค์และเลือกไปป้องกันที่อยู่ของพวกเขาแล้ว
ศัตรูหลักของกองทัพสวรรค์ กองทัพปีศาจวิบัติก็ได้กรูกันเข้าไปในโลกเบื้องล่างแล้ว และเพราะแบบนี้ในเมื่อทั้งสองฝ่ายล้มเลิกการโจมตีแล้วทำให้ไม่มีเหตุผลอะไรที่สวนอาทิตย์อัสดงจะต้องโจมตีกองทัพสวรรค์อีกเช่นกัน พวกเขาได้ตัดสินใจเข้าไปร่วมเฝ้ามองดูโลกของเทวดาตกสวรรค์แทน
[ยูอิลฮาน เฮเรียน่า…!]
แม้กระทั่งซาเทียก็ยังอยู่จนท้ายที่สุดเพื่อที่จะขวางทุกคนเอาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็ได้ล้มเลิกและถอยกลับไปอยู่ดี แม้กระทั่งร่างของเขาเลือนลางไปแล้วเขาก็ยังคงมองมาที่สองคนนี้
[ฉันจะไม่ลืมเรื่องนี้แน่ ฉันจะเป็นคนมาตัดคอพวกเธอไปเอง]
[อย่าพึ่งไปสิ มาเล่นกันก่อนซาเทีย ถ้านายอยู่อีกนิดนายจะได้รู้ถึงเสน่ห์ของฉันไง!]
ในหัวของซาเทียได้มึนไปครู่หนึ่งเมื่อเฮเรียน่าขยิบตาให้เขา เธอไม่ได้พูดเกินไปเลย หากว่าเขาอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีก เขาก็จะตกอยู่ในเสน่ห์ของเฮเรียน่าแน่
[อ๊าาา!]
ซาเทียได้สร้างความเสียหายกับตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมาและตัดสินใจที่จะรีบจากไป เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทำให้ความโกลาหลก่อนหน้าของสนามรบได้สงบลง
ประตูมิติยังคงไม่ได้ปิดลง และคลื่นของกองทัพปีศาจวิบัติก็ยังไม่หมดลงเลย แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้มีใครพยายามบุกไปที่กองทัพสวรรค์ผ่านกำแพงแห่งความโกลาหลแล้ว
[นายทำมันจริงๆ…]
ทิเทร่าได้พึมพัมออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในคนที่สร้างแผนนี้ขึ้นมา แต่ว่าเธอก็ไม่มั่นใจในพลังของตัวเองเลยว่าจะทำสำเร็จ จากนั้นเธอก็รีบหันไปข้างๆเขาทันที
[แล้วงั้น? ซัคคิวบัสนี่!]
[ฉันชื่อเฮเรียน่า!]
[อะ อึก]
เสน่ห์ปีศาจของเฮเรียน่าต่อให้จะเป็นเพศหญิงก็ไม่เว้นเช่นกัน ทิเทร่าได้พยายามไม่สนใจกับเฮเรียน่าและหันมาบ่นกับยูอิลฮาน
[เธอน่าจะตายไปแล้วนี่นา! แต่มันเป็นไปได้ยังไงกันที่เธอกลับมามีชีวิตอยู่ตรงนี้!? นอกไปจากนั้นฉันยังรู้สึกได้ถึงออร่าของกองทัพปีศาจวิบัติจากตัวเธอ แต่ว่าเธอกลับฆ่าคนในกองกำลังเดียวกันโดยไม่มีข้อเสียอะไรเลยนี่! ทั้งๆที่เธอขัดต่อกฏของพวกนั้นแล้วทำไมเธอถึงไม่ถูกไล่ออกจากกองทัพปีศาจวิบัติกันล่ะ!? ไม่สิ อย่างแรกเลยทำไมเธอถึงเชื่อฟังนายล่ะในเมื่อเธออยู่กองทัพวิบัติ!?]
“ลองคิดดูนะคุณทูตสวรรค์”
ยูอิลฮานได้ยักไหล่และตอบกลับมา
“เธอคิดว่าฉันจำเป็นต้องตอบคำถามเธอด้วยหรอ?”
[…]
“ฟู่”
ไม่ว่ายูอิลฮานกับทิเทร่าจะทะเลาะกันยังไงก็ตาม แต่คังมิเรย์ในตอนนี้ที่รู้สึกหมดพลังหลังจากทำหน้าที่สำเร็จได้ร่วงไปอยู่บนพื้นทันที ยูอิลฮานได้จับเธอเอาไว้ในขณะที่ตอบทิเทร่าที่มองเขาแบบน่ากลัวกลับไปสบายๆ
“เธอพยายามได้ดีมากมิเรย์ เวทย์ของเธอสมบูรณ์แบบเลย”
“…ขอบคุณนะ”
เธอได้หมดแรงไปทันทีจากการใช้เวทย์บทใหญ่ท่ามกลางเหล่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แต่แล้วเมื่อได้ยินคำพูดนี้ในอ้อมแขนของเขาก็ทำให้เธอฟื้นตัวกลับมาทันที
นายูนาได้มองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มเหมือนกับรู้ว่าเธอกำลังรู้ยังยังไงอยู่ นี่ทำให้คังมิเรย์รู้สึกรำคาญใจมาก แต่ว่าเธอก็ตัดสินใจว่าจะอยู่แบบนี้ต่อไป แต่แล้วไม่ว่ายังไงก็ตามเมื่อยูอิลฮานช่วยให้เธอยืนได้แล้ว เขาก็ปล่อยมือจากเธอในทันที
“ดูเหมือนว่าข้อตกลงของเขาจะเสร็จสมบูรณ์แล้วนะ งั้นก็ไปเอาอาร์ติแฟคอีกอันกัน”
[เดี๋ยวก่อน อธิบายเรื่องเฮเรียน่ามานะ]
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่านี่ไม่ได้อยู่ในสัญญาของเรา มันก็เหมือนกับที่พวกเธอไม่ชอบส่งเทวทูตคลาส 7 มาช่วยนั่นแหละ…”
ระหว่างเขากำลังตอบทิเทร่ากลับไป ยูอิลฮานก็รู้สึกได้ถึงออร่าขนาดใหญ่สองจุดกำลังบินตรงมาในที่ที่พวกเขาอยู่
[เฮเรียน่า!]
[ก๊าซซซซ! เฮเรียน่า]
[โอ้ นี่มันลำบากแล้วสิ]
หลังจากที่ได้ยินเสียงคำรามที่ดังไปทั่วทั้งสนามรบเฮเรียน่าก็หยักไหล่ออกมา ยูอิลฮานได้หรี่ตาของเขาลงมา
“อธิบายมาซิ เฮเรียน่า”
[โอ้ ชิ คุณรู้ไหมว่านี่มันน่าอายนะ… อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสิค่ะที่รัก ฉันเคยบอกที่รักไปแล้วไม่ใช่หรอว่ามีผู้ชายเยอะแยะเลยที่ตกหลุมรักฉันแต่ไม่สมหวัง]
ในหมู่คนที่ตกหลุมรักเธอก็มีคลาส 7 ด้วย!? ยูอิลฮานอยากจะถามเรื่องนี้ออกไป แต่เขาก็ได้แต่เงียบ คนที่โผล่ออกมาได้พูดขึ้นมาเอง
[เธอยังมีชีวิตอยู่เฮเรียน่า!]
[ทำไมเธอถึงไปอยู่กับพวกนั้นล่ะเฮเรียน่า?]
ยูอิลฮานได้มองไปที่คลาส 7 สองคนที่เขาไม่อาจจะแตะต้องได้เลยและตะโกนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มสดชื่น
“หนีกันเถอะ!”