Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 269
บทที่ 269 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (3)
“ตอนนี้ฉันจะขอพูดถึงแผนการในอนาคตนะ”
ยูอิลฮานได้พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาเพื่อให้ทุกๆคนหันมาหาเขาไม่เว้นแม้แต่แม่และลูกของเขา
“จากที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ โลกของเราพัฒนาขึ้นไปเร็วมากๆจนน่ากลัว…”
ทุกคนต่างก็หงกหัว นับจากที่โลกได้เจอกับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ก็ยังผ่านมาไม่นานนักเลย แต่ยังไงก็ตามความเข้นข้มมานาของโลกพวกเขากลับมากยิ่งกว่าโลกส่วนใหญ่ที่อยู่ในมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 ซะอีก
แล้วก็นับตั้งแต่ที่ดันเจี้ยนนรกหายไปก็ได้มีมอนสเตอร์ปีศาจทุกชนิดเดินเพ่นพล่านไปมาซึ่งทำให้ความเร็วในการพัฒนาของโลกยิ่งถูกเร่งขึ้นไปอีก แค่ไปเดินเล่นอยู่บนโลกใบนี้ก็จะเจอมอนสเตอร์คลาส 4 ที่นับเป็นหายนะได้ง่ายเป็นอย่างมาก
“เดิมทีฉันก็พยายามจะเร่งความเร็วในการพัฒนาของโลกขึ้น ฉันอยากจะให้คนอื่นๆที่ถูกส่งไปโลกอื่นได้กลับมาที่โลกเดิม ยังไงก็ตามมันกลับได้ผลดีเกินไปนิด แล้วก็จากสภาพในตอนนี้…”
หากเป็นแบบนี้ต่อไปในไม่อีกกี่ปีโลกของเขาก็จะกลายมาเป็นโลกระดับสูงแน่นอน และการผนึกบนโลกก็จะหายไปทำให้คนอื่นๆกลับมาที่ลกได้ตามที่ยูอิลฮานต้องการ แต่ว่าคนที่กลับมาก็คงจะโดนมอนสเตอร์ที่น่ากลัวบนโลกกวาดล้างทิ้งจนหมดแน่นอน นี่มันคือสถานการณ์ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เพราะแบบนี้ทำให้เขาจำเป็นต้องปรับเปลื่ยนแผน
“มีสองเรื่องหลักๆที่เราต้องทำ อย่างแรกเลยก็คือทำให้การพัฒนาของโลกช้าลง และฉันก็คิดว่าฉันน่าจะแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ด้วยอาร์ติแฟคที่ฉันสร้างบวกเขากันกับการช่วยเหลือจากจอมเวทย์ที่นี่ แล้วก็ฉันจะใช้นาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาในทันทีที่มันใช้งานได้”
“หา? นี่มันคือการชะลอการพัฒนาของโลกทั้งโลกเลยนะ แต่นายกลับพูดเหมือนเรื่องง่ายๆ”
“ในเมื่อการเร่งการพัฒนามันไม่ได้ยากเลย เพราะงั้นนี่ก็ไม่ต่างกันหรอกสำหรับฉัน”
ก่อนหน้านี้ยูอิลฮานไม่ได้คุ้นเคยกับเวทมนต์ แต่ว่าในตอนนี้เขาได้มีจอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญมากมายมาอยู่ข้างตัวแล้ว มีทั้งคิมเยซอล คังมิเรย์ แล้วก็เอิลต้า
แถมยังมีเฮเรียน่าที่เป็นสุดยอดในด้านนี้อีกด้วย ถึงแม้ว่าการไปคุยกับเธอมันจะน่ารำคาญกตาม แต่ไม่ว่ายังไงหากพึ่งจอมเวทย์ทั้งสี่คนนี้เขาคิดว่าเขาทำได้สำเร็จแน่นอน
“เรื่องที่สองก็คือกองกำลังและยกระดับพลังต่อสู้ให้สูงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนที่โลกจะกลายเป็นโลกระดับสูง หากไม่เช่นนั้นเราจะต่อสู้กับผู้บุกรุกที่จะเข้ามาไม่ไแน่ ตอนนี้เรามีกองกำลังอยู่คือกองทัพมังกรเท่านั้น…. นับจากนี้ไปฉันคิดที่จะเดินทางไปในโลกต่างๆที่คนบนโลกเราเชื่อมต่ออยู่เพื่อไปค้นหาพันธมิตร”
“ลูกรัก อิลฮานของแม่คนนี้กำลังพูดว่าเขาจะไปหาพันธมิตรด้วยตัวเองล่ะ…!”
“ช่วยอย่ามองผมเหมือนเด็กหัดเดินสิ!”
หนึ่งคนที่สามารถจัดการกับยูอิลฮานได้เลยก็คือคิมเยซอลคนนี้นี่แหละ ยูอิลฮานได้พยายามโต้กลับไปเท่าที่ทำได้และพูดต่อออกไป
“แต่ปกติแล้วมันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปในทุกๆโลกที่คนบนโลกเขากระจายอยู่ อย่างแรกฉันก็เลยวางแผนที่จะไปหาคนที่อยู่ในกองกำลังพันธมิตรแนวหน้าก่อน โชคดีที่ตอนนี้มิเรย์ก็ได้รับความสามารถในการไปโลกอื่นมาแล้วอีกด้วยทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นมา”
“นั่นมันหมายความว่า-“
“ใช่แล้ว”
เมื่อคาดเดาถึงคำตอบได้สีหน้าคังมิเรย์ได้มืดมนลงไปทันที ยังไงก็ตามยูอิลฮานที่ไร้ปราณีก็ได้พูดต่อไปอย่างไร้ความลังเล
“ฉันกำลังคิดที่จะแบ่งคนออกไป ฉันจะอยู่ในป้อมปราการผู้พิทักษ์ และคังมิเรย์จะอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้า เพื่อที่จะซ่อนตัวนั้นมิลก็จะต้องไปอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้าด้วย แล้วก็สำหรับคนที่เหลือจะถูกแบ่งออกไปสองฝั่งอย่างเหมาะสม…”
เมื่อยูอิลฮานได้พูดแบบนี้ก็ได้ทำให้เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น นี่มันเหมือนกับสงครามจิตวิทยา! แต่ก่อนหน้านั้นเองยูอิลฮานก็ได้หยิบเอากระดาษออกมาราวกับจะสาดน้ำเย็นใส่หัวทุกคน
“…ฉันได้แบ่งรายชื่อตามเลเวลแล้วก็คลาสเอาไว้ในกระดาษใบนี้แล้ว”
“…”
ทุกๆคนได้มองมาที่ยูอิลฮานราวกับพวกเขาถูกทรยศ แต่ว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้อนุญาติให้ใครได้มีข้อโต้แย้งสักนิดเดียว
ยูอิลฮานได้ให้สมาชิกทุกๆคนที่อยู่ตั้งแต่คลาส 4 ขึ้นไปให้อยู่กับคังมิเรย์ แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกันนั้นคือเฮเรียน่ากับคิมเยซอลจะอยู่กับเขา และเขาก็จะบังคับใช้รายชื่อนี้ต่อให้เลียร่าจะประท้วงอย่างเต็มกำลังก็ตาม
“ระวังตัวด้วยนะเลียร่า”
“อ๊าาาาาาา กับคนอื่นที่ไปกับนายฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ทำไมนายถึงพาซัคคิวบัสนี่ไปด้วย!”
[โอ้ คุณอดีตทูตสวรรค์คงจะกังวลมากสิน้า?]
เฮเรียน่าได้แสยะยิ้มให้กับเลียร่าเมื่อเห็นเธอประท้วงออกมา รอยยิ้มนี้ของเฮเรียน่าได้ทำให้สเปียร่าโกรธมากยิ่งขึ้นอีก
“ใช่ ฉันกังวลมาก! ทำไมนายถึงให้ฉันไปกับคังมิเรย์แต่พาซัคคิวนี่ไปล่ะ!”
[ยังต้องให้ฉันพูดอีกหรอ? มันชัดเจนแล้วว่านี่เพราะที่รักชอบ…]
“นั่นก็เพราะการมีเธออยู่นี่เหมือนกับระเบิดทำให้ฉันเลือกจะระมัดระวังเอาไว้ แล้วก็ในเมื่อมีฉันกับเฮเรียน่าอยู่แล้ว ฉันก็ได้ส่งคนที่เหลือให้ไปอยู่กับมิเรย์ไงล่ะ”
ยูอิลฮานได้บอกไปอย่างเย็นชาและหนักแน่นจากการที่เฮเรียน่าล้อเล่นออกมา เฮเรียน่าได้ส่งเสียงไม่พอใจออกมาเนื่องจากเขาเรียกเธอว่าระเบิดเวลา
[ฉันก็แค่บอกว่าฉันอยากปกป้องที่รักเอง ที่รักนี่ขี้อายจริงๆ]
“ถ้างั้นเราจะไปกันแบบนี้นะ โอ้ เดี๋ยวก่อนนะ นี่อุปกรณ์สื่อสาร”
ยูอิลฮานได้แจกอุปกรณ์สื่อสารอันใหม่ไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ต่างจากอันเก่าเลย แต่ว่าออร่าที่อยู่ภายในของมันได้กระตุ้นกับอดีตทูตสวรรค์อย่างมาก
“อิลฮาน นี่มัน…”
“วงแหวนทูตสวรรค์!?”
ก่อนที่เลียร่าจะได้พูดจบ เอิลต้าก็ตะโกนขึ้นมาแทน ยูอิลฮานทำเพียงแค่ยิ้มอย่างสดใสกับความตกตะลึงของพวกเธอเท่านั้นเอง
“ฉันหาวิธีที่ดีกว่าการส่งความคิดผ่านมิติไม่ได้ แต่ว่ามันก็ยังสามารถที่จะทำให้เราติดต่อกันได้ต่อให้อยู่ในมิติต่างกันได้อยู่ดี!”
“ยูอิลฮาน นายควรจะรู้นะว่าเรื่องนี้มัน… อ๊าาา!”
“หืมมม ถึงจะน่ารำคาญนิดๆแต่ในเมื่อฉันคุยกับยูอิลฮานได้ทั้งๆที่เราห่างกันก็ไม่เป็นไรแล้ว…”
“ไม่! ฉันไม่ยอมรับเรื่องนี้”
แต่ว่าเอิลต้ากลับไม่ยอมรับในเรื่องนี้ทำให้ยูอิลฮานเลียริมฝีปากของเขาและยื่นมือออกไป
“งั้นก็ส่งมันคือมา…”
“นั่นมัน…”
เอิลต้าได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในท้ายที่สุดเธอก็เก็บเครื่องมือสื่อสารนี่ลงไป เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานหัวเราะออกมาและสรุปทุกอย่างอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้างั้นเราจะเดินทางกันเดี๋ยวนี้เลย ฉันคิดว่าถ้ามิเรย์กับคนอื่นๆไปดูครอบครัวตัวเองเป็นอย่างแรกก็น่าจะดีนะ”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ เราจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“นายจะต้องติดต่อมาหาฉันอย่างน้อยสามครั้งต่อวันนะ นอกไปจากนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องบอกฉันทันทีเลยนะ ฉันจะไปที่นั่นทันทีเลย”
“เข้าใจแล้ว”
“อิลฮาน ถ้านายนอกใจฉัน ฉันฆ่านายแน่! ด้วยพรจากเทพแห่งความรักจะทำให้ฉันรู้แน่นอน”
“เธอไม่ต้องห่วงเลย เธอน่ะเป็นคนเดียวในใจฉัน”
ทั้งสองกลุ่มได้ถูกแย่งกันแล้ว เหตุผลที่เขาออกมาจากป้อมปราการลอยฟ้าก็เพราะว่าอุปกรณ์ของป้อมปราการลอยฟ้านั้นดีกว่าป้อมปราการผู้พิทักษ์และยังเพราะว่าป้อมปราการลอยฟ้ามีมิสทิคคอยควบคุมแทนเขาได้ด้วย ส่วนป้อมปราการผู้พิทักษ์เดิมทีแล้วถูกออกแบบมาให้ถูกป้อมปราการลอยฟ้าควบคุม แต่ว่าฟังก์ชั่นนั้นก็ถูกออกแบบมาจากยูอิลฮาน ทำให้เขาสามารถจะปรับแก้มันได้ตามต้องการ ดังนั้นนี่จึงไม่เป็นปัญหาเลย
“ถ้างั้นแผนแรกของลูกคืออะไรล่ะ?”
เมื่อคังมิเรย์กับพรรคพวกได้จากไปแล้ว คิมเยซอลก็ได้หันมาถามลูกของเธอ ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาและตอบกลับไป
“ผมจะไปรวบรวมคนที่มีความรับผิดชอบที่สุดที่ผมรู้จัก แล้วพวกนั้นก็ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งพอๆกับกิลด์ระดับสูงด้วย
“แข็งแกร่งพอๆกับกิลด์ระดับสูง? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้,กบอกว่าเป้าหมายตอนแรกคือพวกกิลด์หรอกหรอ?”
“ใช่แล้วครับ แต่ว่าคนพวกนี้เป็นข้อยกเว้น”
คนที่เขาหมายคนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นกองกำลังปราบปรามของเกาหลีนั่นเอง! ถ้าหากเป็นคนพวกนี้ที่ดูแลประชาชนทั้งๆที่ถูกประเทศปฏิบัติอย่างเลวร้าย ถ้างั้นเขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องบุคลิกภาพของแต่ล่ะคนแล้ว
แถมคนพวกนี้ยังผ่านการตัดสินใจของยูอิลฮานว่ามีศักยภาพในการต่อสู้มาจนกระทั่งมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 มาถึงอีกด้วย กองกำลังปราบปรามมีทั้งเลเวลและสกิลที่ไม่ด้อยไปกว่ากิลด์ชั้นนำใดๆเลย เพราะแบบนี้เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลย
“พวกกองกำลังปราบปรามค่อนข้างจะเป็นกองกำลังที่มาจากที่เดียวกันเลย เพราะแบบนี้ผมก็เลยต้องไปรวบรวมคนพวกนี้แค่ 14 โลกเท่านั้นเอง”
[ฟุฟุ แค่ 14 โลกงั้นสินะ?]
เฮเรียน่าได้หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของยูอิลฮาน
[มันน่าแปลกใจจริงๆนะ ที่รักรู้ไหม? ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำคนไหนเลยที่เดินทางข้ามมิติแบบนี้ได้ แต่แล้วจู่ๆก็มีตัวตนที่เป็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมาถึงสองคนในโลกใบเล็กๆแบบนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?]
ยูอิลฮานได้ยักไหล่และตอบกลับมา
“บางทีนี่มันอาจจะเป็นชะตาก็ได้นะ”
[ฟุฟุ อยู่กับคุณนี่มันน่าสนใจจริงๆนะที่รัก ฉันคิดว่าในอนาคตมันคงจะน่าสนุกยิ่งกว่านี้อีก]
“หืม ฉันก็คิดว่ามันน่าสนใจเหมือนกัน”
“การสนุกกับทุกๆเรื่องเป็นเรื่องดีนะลูกแม่ แต่ว่าถ้ามันเป็นเรื่องอันตรายมันจะไม่ค่อยดีแล้วนะ”
[โอ้ คุณเข้าได้ด้วยงั้นหรอ?]
กองทัพสวรรค์ กองทัพจรัสแสง กองทัพปีศาจวิบัติ สวนอาทิตย์อัสดง – เฮเรียน่ากลับคิดเรื่องพวกนี้แค่คำว่า ‘น่าสนใจ’?
แน่นอนว่าการที่เขาทำให้คนที่คิดว่ามันเป็นสิ่งน่าสนใจได้มาเป็นพวกเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าหากเขาอยู่กับเธอมากๆเขาก็อาจจะเป็นแบบเธอไปก็ได้ เพราะแบบนี้ทำให้เขาถึงให้คิมเยซอลมาอยู่ในกลุ่มของเขาด้วย ตราบใดที่แม่ของเขาอยู่ด้วย เขามั่นใจว่าเขายังรักษาความสงบเอาไว้ได้
“ถ้างั้นไปดูลูกพี่ใหญ่ของพวกนั้นก่อนแล้วกัน ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่ตายไปนะ”
“ลูกแม่ ลูกแกร่งขึ้นแล้ว”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลข้ามมิติในทันที จุดหมายปลายทางก็คือโลกมิโดร่า โลกที่พันเอกยุนแดฮานกับผู้ใต้บัญชาของเขาอยู่ นี่เป็นโลกที่ยูอิลฮานจะไปเป็นครั้งแรก แต่ว่าเพราะการที่ยูอิลฮานได้พูดคุยกับพันเอกอยู่หลายครั้งทำให้การค้นหาโลกใบนี้จากบันทึกที่เขามีอยู่มันไม่ใช่เรื่องยากเลย
“โลกนี้อยู่ในมหาภัยพิบัติขั้นที่ 2… ไม่สิ 3 ต่างหาก”
เมื่อมาถึงยูอิลฮานได้ประมาณการณ์โลกนี้จากความเข้มข้นมานาในอากาศทันที เนื่องจากว่าเขามีประสบการณ์มาหลายโลกทำให้มันไม่ยากเลยที่เขาจะคาดการณ์มัน
“เป็นโลกที่แปลกจัง น่าทึ่งมาก”
“ผมเสียใจด้วยนะครับแม่ ผมไม่คิดว่าเราจะมีเวลามาเอ้อระเหยกันแล้ว”
“แต่นี่ไม่ใช่ว่าลูกคิดจะหาทุกๆคนนี่นา?”
เมื่อคิมเยซอลได้ถามออกมาอย่างสับสน ยูอิลฮานก็ยกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พลังเวทย์ที่มองไม่เห็นได้ไหลผ่านมือเขาลงไปที่โลก และเมื่อสกิลบันทึกถูกเปิดใช้งาน เขาก็ได้เริ่มอ่านข้อมูลของโลกใบนี้ในทันที
“…นี่มัน ลูกกำลังทำอะไร…”
[โอ้… ฉันคิดว่าฉันกำลังตกหลุมรักคุณอีกแล้วที่รัก!]
หลังจากได้เห็นความสามารถที่อัศจรรย์ของยูอิลฮานใกล้ๆคิมเยซอลก็ได้แต่ตกตะลึง ส่วนราชินีซัคคิวบัสก็ได้ยิ้มกว้างขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานยูอิลฮานก็ตัดพลังมานาที่เชื่อมต่อกับมือเขาทิ้งไปและพูดออกมา
“ผมเจอพวกเขาทุกคนแล้ว”
“นี่ลูกจะบอกว่าลูกหาเจอทั้งหมด 40 คนแล้วน่ะหรอ?”
“ใช่แล้วครับ แต่ก็มี 5 คนที่ตายไป ตอนนี้พวกเขาทุกคนรวมตัวกันอยู่อย่างที่ผมคิดเอาไว้”
“…น่าทึ่งมาก”
คิมเยซอลได้เริ่มประเมินศักยภาพของยูอิลฮานใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในตอนนี้ยูอิลฮานได้เริ่มเปิดใช้งานสกิลข้ามมิติไปในที่ที่พลเอกยุนแดฮานอยู่
[กรรรรรรรรร!]
“อย่าถอย เล็งไปที่ช่องโหว่!”
“พวกเราฆ่ามันไปได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“พวกเราทำได้! ถ้าเราไม่ยอมแพ้ เราทำได้!”
พวกเขากำลังต่อสู้กับงูยักษ์คลาส 4 เลเวล 230 อยู่ เสียงตะโกนในทุกๆรูปแบบได้ดังออกมา ที่แห่งนี้ยังมีคนอื่นที่ไม่ใช่ทหารอยู่ด้วย แต่ว่ายูอิลฮานสามารถจะแยกคนจากกองกำลังปราบปรามทั้งหมดได้ในทันทีจากการที่พวกทหารยังคงใช้อาร์ติแฟคที่ยูอิลฮานสร้างอยู่
[ที่รักคิดจะเอามนุษย์ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับมอนสเตอร์เศษสวะไปทำอะไรกัน?]
“เธออาจจะไม่เชื่อนะ แต่ว่าคนพวกนี้น่ะคือพวกชั้นนำ 0.0001% ในโลกของฉันล่ะ”
[โอ้ แล้วเราจะปกป้องโลกชั้นสูงได้จากพวกขึ้นสนิมแบบนี้น่ะหรอ?]
“ฮึ่ม”
ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกออกมาและเรียกหอกกระดูกมังขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะทำให้พวกทหารทุกคนกลายมาเป็นคลาส 4 ก่อนที่โลกจะกลายมาเป็นโลกระดับสูง”
จากนั้นเขาก็โยนหอกออกไปเบาๆโดยไม่คิดอะไรมาก
[ก๊าซซซซซซซซซซซ!]
หอกได้พุ่งแทงลงมาที่ร่างของงูยักษ์นี่เหมือนกับดาวหางตกจากท้องฟ้า เมื่องูได้ดิ้นรนสบัดตัวไปมาด้วยเลือดสีเขียวไปทั่ว เหล่าคนที่เฝ้าเตรียมรับการโจมตีก็ได้แต่งุนงง
“การโจมตีนี่มาจากที่ไหนกัน?”
“อ่า เหมือนจะมาจากท้องฟ้านะ! ท้องฟ้า!”
แม้ว่ายูอิลฮานจะตั้งใจหลีกเลี่ยงจุดตายของงูไปแล้ว แต่ว่างูนี่ก็แทบตายซะแล้ว ยังไงก็ตามเนื่องจากว่ามันไม่ได้ตายไปในทันทีทำให้ป้อมปราการผู้พิทักษ์ได้ถูกเผยออกมา และผู้คนที่ได้เห็นก็ได้แต่ตกตะลึง
“พันเอกยุนแดฮาน”
ยูอิลฮานที่เตรียมกระโดดลงจากป้อมปราการผู้พิทักษ์ได้ตะโกนออกมา
“กลับมาป้องกันโลกกับฉันซะสิ!”
“ไม่!”
ได้มีเสียงตอบกลับที่เขาคาดไม่ถึงดังขึ้นมาในทันที เมื่อเขามองไปที่งูดูเหมือนว่ายุนแดฮานจะรู้ได้ทันทีว่าหอกนั่นมาจากยูอิลฮาน
แต่คำว่า ‘ไม่’ นี่ ทำไมเขาถึงได้ปฏิเสธออกมาง่ายๆแบบนี้ล่ะ ยูอิลฮานได้แต่สงสัยและตะโกนกลับไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยุนแดฮานได้ตะโกนกลับมาอย่างมั่นใจ
“ระหว่างยังอยู่บนโลก ฉันได้เลื่อนขั้นขึ้นมานิดหน่อย”
“อ่า โทษที”
ตอนนี้เองคือวินาทีที่ ‘พลตรี’ ยุนแดฮานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้ง 35 คนได้เข้ามาร่วมกองกำลังป้องกันโลก
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้น