Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 273
บทที่ 273 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (7)
เมื่อเจตจำนงแห่งความโกลาหลได้กลายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของยูอิลฮานแล้ว ยูอิลฮานก็ได้ปล่อยมันลงไปในทะเลสาบในทันที ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกก็คือเขาได้เชื่อมต่อทั้งทะเลสาบไว้กับหินพลังเวทย์คลาส 5 และกระจายจิตวิญญาณเข้าไปในนั้น
หัตถกรรมมานาที่อยู่ในระดับเชี่ยวชาญและเอนชานท์วิญญาณได้ทำงานพร้อมๆกันและเปลื่ยนทะเลสาบให้กลายมาเป็นโกเลม เจตจำนงแห่งความโกลาหลได้กระจายจิตสำนึกของมันเข้าไปทั้งทะเลสาบและกลายมาเป็นผู้ควบคุมทะเลสาบ มันได้พิสูจน์ว่ามันได้ควบคุมร่างใหม่นี้ได้แล้วด้วยการทำให้ผิวน้ำบิดเบี้ยวกลายมาเป็นหน้าของยูอิลฮาน
“นี่มันแย่มากเลยนะ”
[ฮึ่ม]
[เจตจำนงผู้พิทักษ์ได้เสร็จสมบูรณ์]
[เจตจำนงผู้พิทักษ์]
[ระดับ – กึ่งเทพ]
[ความทนทาน – ตราบใดที่ยังมีหยดน้ำเหลืออยู่จะไม่มีวันถูกทำลาย]
[ออฟชั่น –
1.จะไม่มีวันถูกเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำกว่าทำให้ระเหยไปได้
2.สามารถเปลื่ยร่างกลายเป็นน้ำแข็งและไอน้ำได้ตามต้องการ
3.สามารถดูดซับน้ำมาทำเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายได้
4.เมื่ออยู่บนโลกความสามารถทั้งหมดเพิ่มขึ้น 40%]
สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยมีนาม ‘ความโกลาหล’ ได้กลายมามีชื่อใหม่เป็น ‘ผู้พิทักษ์ไปแล้ว’ เมื่อคิมเยซอลได้เห็นยูอิลฮานหัวเราะออกมา เธอก็ได้ถามเขาขึ้น
“ลูกแม่ ลูกเพิ่งทำอะไรไปน่ะ?”
“ผมได้ทำให้ทะเลสาบกลายมาเป็นโกเลมน่ะครับ”
“นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่นายควรจะพูดเหมือนกับการไปกินข้าวมานะ! นายควรจะตั้งใจสร้างอาร์ติแฟคที่จะวาดวงเวทย์นะ แต่แล้วนายกลับมาสร้างโกเลมขึ้นมา!? นี่มันอะไรกัน!?”
“แต่ฉันก็ไม่ได้โกหกเธอนี่นา เจตจำนงผู้พิทักษ์ก็วาดวงเวทย์ได้เหมือนกันนี่นา”
“…!”
ด้วยความฉลาดของเอิลต้าทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร คิมเยซอลกับเฮเรียน่าก็รู้แล้วเหมือนกัน
[โอ้ ที่รักคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน? โกเลมนี่จะต้องทำมันได้แน่ แต่ยังเคลื่อนไหวได้ตามที่ต้องการอีกด้วย…]
“การไหลซึมเข้าไปในโลกและทำการแกะสลักมันเป็นไปได้จริงๆนั่นแหละ แต่ที่ฉันสงสัยคือนายคิดเรื่องนี้ออกมาได้ยังไงกัน… นี่มันบ้ามาก”
“เพราะแบบนี้สิ่งที่ต้องทำก็เหลือแค่วงเวทย์เท่านั้นแล้ว”
ยูอิลฮานได้ตรวจดูสภาพของโกเลมทะเลสาบ เจตจำนงผู้พิทักษ์ ที่เพิ่งจะออกมาและบอกกับพรรคพวกของเขา
“พวกเราจำเป็นต้องทำวงเวทย์ที่จะชะลอการไหลของเวลาบนโลกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ไว้ใจเราได้เลย ตอนนี้เราได้เจอแนวทางแล้ว”
ยังไงก็ตามมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลย เรื่องนี้ต่อให้รีบยังไงก็ไม่อาจจะแก้ได้ เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานตัดสินใจที่จะไปสร้างอาร์ติแฟคที่จะสนับสนุนในวงเวทย์ระหว่างที่รอให้วงเวทย์เสร็จสิ้น
แม้กระทั่งเขาก็ยังไม่อาจจะเอาความเชื่อทั้งหมดไปไว้กับวงเวทย์ที่จะชะลอเวลาไว้ได้ เพราะแบบนั้นเขาจะต้องทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ เพราะแบบนี้ทำให้เขาเริ่มดึงขนของทูตสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์ออกมา
[นี่มันเป็นอุปกรณ์คล้ายๆร้อยนัยน์ตางั้นหรอ?]
“ในเมื่อฉันใช้ขกนกพวกนี้ โดยหลักการแล้วมันก็คล้ายกันนั่นแหละ แต่ว่าเป้าหมายของมันต่างกันอย่างชัดเจน”
ขนปีกที่เป็นของทูตสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์มีพลังที่จะเปลื่ยนแปลงพลังงานไปเป็นธาตุที่พิเศษ บีบอัดธาตุนั้นและยิงมันออกไป สิ่งที่ยูอิลฮานจะตั้งใจทำนั่นก็คือส่วนของการดูดซับและบีบอัด
ในท้ายที่สุดเหตุผลที่โลกกำลังวิวัฒนาการขึ้นนั่นมันก็เพราะว่าความเข้นขนของมานาบนโลกสูงมากยิ่งขึ้น เพราะแบบนี้ถ้าเขาป้องกันไม่ให้ความเข้มข้นของมานาเพิ่มขึ้นได้ ถ้าแบบนั้นมันไม่ใช่ว่าเขาก็ชะลอเวลาการวิวัฒนาการโลกได้เหมือนกันหรอกหรอ? บีบอัดมานาพวกนั้นด้วยขกปีกพวกนี้และทำให้มานาที่บีบอัดมาหายไป!
[แล้วถ้างั้นจะให้มานาพวกนั้นหายไปอยู่ที่ไหนล่ะ?]
“ดาเรย์ไง”
[นายท่าน…]
“ตอนนี้สงครามภายในดาเรย์อยู่ตัวแล้ว แล้วก็จนกว่าจะถึงมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 มันยังเหลือเวลาอยู่อีกมากเพราะแบบนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วก็ฉันไม่ได้จะเอาพลังงานพวกนั้นไปทิ้งไว้ในดาเรย์ทันทีซะหน่อย ฉันกำลังจะสร้างอุปกรณ์แยกที่เอาไว้รวบรวมมานาไว้ด้วย”
[เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนเถอะ แต่ว่าจะใช้วิธีไหนกันถึงจะส่งมานาข้ามไปมิติอื่นได้?]
“ถามได้ดี ยังไงก็ตามแค่ฉันเพิ่มออฟชั่นที่คล้ายกันกับสกิลข้ามมิติเข้าไปในอาร์ติแฟคเรื่องนั้นก็ถูกแก้ไขได้ง่ายๆเลยนี่”
[โฮ่ จริงด้วย]
ยูอิลฮานได้เมินเสียงเสียดสีจากโอโรจิและเริ่มสร้างอาร์ติแฟคที่จะเอาไปไว้ที่ดาเรย์ เนื่องจากว่าเขาจะต้องบีบอัดและเก็บมานาจำนวนมากไว้ทำให้วัตถุดิบที่เขาได้เลือกใช้ก็ต้องเป็นปีกที่ 8 แห่งกองทัพจรัสแสง นาเทีย อย่างแน่นอน!
เขาได้จัดการชำแหละปีกทั้งหกของนาเทียและดึงกระดูกของเธอออกมาวาง
วัตถุดิบต่อมาที่เขาเลือกก็คือมังกรคลาส 6 เทราก้า เขาได้หยิบเอากระดูกที่แข็งแกร่งสุดที่มีอยู่และผสมเข้ากับผงกระดูกของนาเทีย จากนั้นก็ขึ้นรูปด้วยเพลิงนิรันดร์เพื่อที่จะสร้างท่อทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร และมีความยาวถึง 50 เมตร ท่อสีดำวาววับนี้ดูน่ากลัวมา
[ทำไมถึงเป็นทรงกระบอกล่ะ?]
“อืม ก็ฉันต้องใช้มันเป็นี่เก็บพลังงานไงล่ะ?”
[คุณจะซ่อนมันแบบนี้เลยงั้นหรอนายท่าน]
เขาได้ใช้ผงขนปีกของนาเทียกับผงจากหินพลังเวทย์โรยลงไปบนท่อ เพื่อที่จะทำให้มันเสร็จออกมาเขาก็ได้ใช้หินพลังเวทย์ของเทราก้ามาทำหัตถกรรมมานา และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจมาก
“เยี่ยม นี่มันน่าจะเป็นรากฐานที่ดีแล้ว…”
[นายท่านดูจะกำลังสนุกอยู่เลยนะ…]
และยิ่งยูอิลฮานสนุกไปกับงานมากแค่ไหน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะยิ่งน่ากลัวยิ่งกว่า! ยูอิลฮานได้ตรวจดูผลงานที่เขาทำขึ้นมารวมไปถึงความทนทานและการทนความร้อนของมัน ก่อนที่จะบอกกับคนที่กำลังยุ่งับวงเวทย์เบาๆ
“ฉันจะไปดาเรย์ซักเดี๋ยวนะ!”
“นี่นายพูดเหมือนนายกำลังจะไปร้านค้าเลยนะ…. โอ้ เขาไปซะแล้ว!”
ยูอิลฮานได้หัวเราะกับคำตอบกลับของเอิลต้าและเปิดใช้สกิลข้ามมิติไปก่อนที่เธอจะพูดจบซะอีก ในตอนนี้การมาที่ดาเรย์ของเขาใช้เวลาแค่นาทีเดียวเท่านั้นเอง มันก็เหมือนกับที่เขาเคยบอกกับมิลฟาร์ว่าการไปกลับทั้งสองโลกสำหรับเขาแล้วมันแทบไม่ต่างจากการไปร้านค้าเลย
‘แน่นอนว่า ในคราวนี้ฉันคงไปเจอเธอไม่ได้…’
แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดเมื่อนึกไปถึงสายตาเศร้าๆของมิลฟาร์ที่มองมาที่เขา แต่ว่าน่าเสียดายที่ในตอนนี้สถานการณ์ของโลกเขาเร่งด่วนมาก แล้วก็ในตอนนี้เขาก็กำลังรู้สึกกดดันจากผู้หญิงหลายคนที่มามีความรู้สึกโรแมนติกกับเขาด้วย
[นี่เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องได้เจอ จากสิ่งที่ข้าเห็น นี่มันเป็นเรื่องดีที่นายท่านได้ยอมรับและรับรู้เพราะว่าท่านมีพลังที่แข็งแกร่ง]
“โรคบ้าความแข็งแกร่งของพวกมังกรอีกแล้ว”
เขาได้มองหาที่ที่มีมานาปะทุมากที่สุดเพื่อที่จะไปติดตั้งท่อทรงกระบอกของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะซ่อนมันเอาไว้จากสายตาทุกคน การใช้ความสามารถซ่อนตัวของเขากับอาร์ติแฟคมันง่ายเหมือนกับปอกกล้วย! จะไม่มีใครได้เห็นมันยกเว้นแต่ว่าเขาจะตั้งใจเผยมันออกมา
[ตอนนี้ข้ารู้สึกถึงสิ่งที่นายท่านทำแล้ว นี่มันคืออาวุธที่จะมีประโยชน์มากหลังจากโลกได้กลายเป็นโลกระดับสูง]
“นี่มันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไงล่ะ”
โอโรจิไม่อาจจะเถียงได้เลยเพราะมันเป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ การทำเรื่องเดียวแต่ได้ประโยชน์ถึงสองอย่างนี่คือเรื่องที่ดีมาก! ระหว่างที่โอโรจิเงียบลงไปนี้ ยูอิลฮานก็ได้ติดตั้งอุปกรณ์ของเขาและกลับไปที่โลกอย่างรวดเร็วแล้ว
“ในตอนนี้ฉันจะต้องทำอุปกรณ์ที่จะส่งมานาที่ถูกรวบรวมไว้ไปที่ดาเรย์”
[ทำตามใจนายท่านเถอะ ข้ายอมแพ้ที่จะไปทำความเข้าใจในสิ่งที่นายท่านต้องการจะทำนานแล้ว]
“นายควรจะพูดให้ฉันกระตือรือร้นกว่านี้หน่อยสิ ช่างเป็นคนที่เปราะบางจริงๆเลย”
[ทั้งหมดนั่นมันเพราะท่านนั่นแหละ]
จำนวนขกปีกของทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์นั้นมีจำนวนที่ ‘มหาศาล’ และยูอิลฮานได้แบ่งออกมา 60% จากทั้งหมดมาทำให้เป็นผงกับหินพลังเวทย์
จากนั้นเขาก็ได้ทำการหัตถกรรมมานาทีละนิดเพื่อผสานผงพวกนี้เข้ากับกระดูกมังกรเพื่อที่จะสร้างท่อทรงกระบอกขนาดเล็กนับร้อย นับพัน นับหมื่น นับแสน นับล้านขึ้นมา โดยที่แต่ล่ะอันต่างก็มีความยาวอยู่ที่ 30 เซ็นติเมตร เวลาที่เขาได้ทำทั้งหมดนี้ได้ผ่านไปแค่ 4 วันเท่านั้นเอง หากจะพูดให้ชัดก็คือเขาได้ใช้เวลาทำแต่ล่ะอันน้อยกว่า 10 วินาทีซะอีก
[…เร็วมาก]
“ก็อย่างที่ฉันเคยบอกไง ยิ่งทำอะไรซ้ำๆเวลาในการสร้างก็จะลดลงเพราะฉันเชี่ยวชาญมันมากขึ้น”
[…]
โอโรจิได้เผลอถามคำถามที่ไม่ควรถามออกไป จนได้เจอคำตอบกลับของยูอิลฮานที่เขาไม่ต้องการขึ้นในทันที
[พรจากเทพนี่ก็แปลกแล้วนะ… แต่แน่นอนว่าตัวตนของนายท่านแปลกยิ่งกว่าอีก!]
“ฮ่าๆ ชมฉันขนาดนี้ ฉันก็อายเป็นนะ”
[ข้าไม่ได้ชม!]
“ดีล่ะ ตอนนี้มาทำหัตถกรรมมานาแบบวงกว้างกันดีกว่า…”
[แบบวงกว้าง!?]
ยูอิลฮานได้วางหินพลังเวทย์ระดับต่ำทั้งหมดที่เขาไม่ได้ใช้ออกมาและทำการหัตถกรรมมานาอาร์ติแฟคหลายล้านอันภายในครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปติดตั้งอุปกรณ์พวกนี้ตามส่วนต่างๆของธอ ในระหว่างกระบวนการนี้เขาก็ได้ใช้เวลาไปอีกสี่วัน
ต่อมาเมื่อเจตจำนงผู้พิทักษ์ได้สร้างวงเวทย์ขึ้นทั่วทั้งโลก อาร์ติแฟคพวกนี้ก็ยังจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงผู้พิทักษ์และได้รับการปกป้องอีกด้วย นี่นับได้ว่าเขาได้เตรียมการอย่างละเอียแล้ว
จากนั้นเองคิมเยซอลก็ได้คำนวนข้อมูลเฉพาะสำหรับการสร้างวงเวทย์ที่กินพื้นที่ทั่วทั้งโลกได้สำเร็จและพลังของเธอก็ยังพัฒนาขึ้นมามากอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากเอิลต้าและเฮเรียน่า
“ฉันได้เรียนรู้อะไรมาเยอะมากเลย ฉันรู้สึกว่าในวันหนึ่งสกิลของฉันอาจจะไปสู่ระดับที่สูงกว่านี้ก็ได้”
“ฉันก็เหมือนกัน เวทย์มิติเวลาที่ใช้การบิดเบือนมานาที่บริสุทธ์โดยไร้การแทรกแซงจากมานาสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แค่ได้สัมผัสกับมันก็ทำให้ฉันได้รู้อะรมากมายเลย
[โอ้ ฉันก็ดีใจนะที่ได้ยินว่าฉันช่วยเธอได้ ถ้างั้นคุณก็จะคุยกับที่รักเรื่องฉันให้ใช่ไหม?]
“ฟุฟุ ได้เลยจ่ะ”
แม้ว่านี่จะไม่ได้อยู่ในความตั้งใจของยูอิลฮาน แต่ว่าดูเหมือนคิมเยซอลจะสนิทกับเอิลต้าและเฮเรียน่ามากขึ้นในระหว่างวิเคราะห์วงเวทย์ด้วยกัน
ยูอิลฮานได้รับเอาพิมพ์เขียวมาจากคิมเยซอลด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
“ถ้าลูกขยายมันออกมา ลูกก็น่าจะชะลอความก้าวหน้าของโลกลงได้”
“ขอบคุณครับผม ผมเชื่อแม่”
ยูอิลฮานได้ตีความพิมพ์เขียวและดูดซับความรู้เกี่ยวกับวงเวทย์นี้ลงไปอย่างสมบูรณ์ด้วยสกิลบันทึกของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้แตกฉานในเรื่องของเวทย์เกี่ยวกับมิติเวลา แต่ว่าแค่ได้รับบันทึกเกี่ยวกับวงเวทย์มาอย่างเดียวก็ทำให้สกิลบันทึกของเขาได้ค่าประสบการณ์อย่างมากจนในตอนนี้มีเลเวล 70 แล้ว นี่ได้แสดงให้เห็นว่าคุณค่าของพิมพ์เขียวนั้นสูงมากๆ
“ยังไงก็ตาม ลูกก็รู้ใช่ไหมว่าหากไม่มีมานาของแม่มันก็ไม่มีประโยชน์น่ะ?”
“แน่นอนสิ เพราะแบบนั้นผมถึงต้องการให้แม่ช่วยไงล่ะ”
ยูอิลฮานได้ส่งต่อความรู้ที่เขาได้มาจากสกิลบันทึกไปสู่เจตจำนงผู้พิทักษ์ที่รออยู่ในรูปแบบทะเลสาบ
[…งั้นฉันก็จะต้องใช้วงเวทย์นี่กับโลกสินะ?]
“แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ยังไงก็ตามนายก็น่าจะรู้เรื่องเปลือกโลกดีกว่าพวกเราใช่ไหมล่ะ?”
[หยุดชมฉันได้แล้ว ฉันมีแต่จะคิดว่านายกำลังแสดงความรังเกียจฉัน]
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ เหตุผลที่ฉันเลือกนายมาเป็นภาชนะสำหรับวงเวทย์ก็เพราะเหตุนี้ด้วย ฉันรู้ว่านายคิดว่าฉันเป็นอุปสรรค แต่ว่าสิ่งที่ฉันพยายามทำก็คือการรักษาโลกนี้ให้เหมาะสม เพราะงั้น… มาทำให้มันถูกต้องกันดีกว่า”
[ฮึ่ม]
แม้ว่าเจตจำนงผู้พิทักษ์จะไม่พอใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมา ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและจับมือของคิมเยซอลไปวางไว้บนผิวน้ำ
“ตอนนี้แม่แค่ต้องปล่อยมานาออกมาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”
“แค่นี้หรอ?”
“ครับ ที่เหลือหมอนี่จะเป็นคนทำเอง ทั้งการนำไปปรับใช้และเปลื่ยนแปลง”
“โอเค ได้เลย”
คิมเยซอลได้ปล่อยมานาของเธอลงไปในทะเลสาบ เจตจำนงผู้พิทักษ์ได้รับเอามานานี้เอาไว้ราวกับคอยอยู่แล้วและเริ่มการเปลื่ยนแปลงร่างของมันทีละนิด ตอนนี้เองทั้งทะเลสาบก็ได้เรืองแสงจากๆออกมาทำให้เอิลต้าและเฮเรียน่าที่มองดูอยู่ต้องอุทานขึ้นมา
“… ฉันดีใจจริงๆเลยที่ฉันอยู่ฝั่งเดียวกับยูอิลฮาน การที่ฉันมาได้เห็นปรากฏการณ์นี้มัน… การที่ได้เห็นโกเลมที่สร้างขึ้นมาจากทะเลสาบกลายมาเป็นเวทมนต์ด้วยตัวเอง…”
[ที่รักของฉันยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่จริงๆน่ะหรอ? อ๊า ฉันห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้ว ที่รักได้โปรดจูบฉันที]
ยูอิลฮานไม่ได้สนใจคำพูดพวกนี้เลย เขากำลังช่วยเจตจำนงผู้พิทักษ์ปรับตัวกับเวทย์อยู่
“นายทำได้ใช่ไหม?”
[…มันก็แค่เรื่องง่ายๆ]
ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปแสงที่เปล่งออกมาจากทะเลสาบก็สว่างยิ่งขึ้น และในที่สุดระดับผิวน้ำก็ได้ลดลงไป ส่วนหนึ่งของเจตจำนงผู้พิทักษ์ได้มุดลงไปใต้ดินเพื่อดูดเอาความชื้นมาเพื่อทำให้ตัวเองใหญ่ยิ่งขึ้นและกระจายตัวออกไปตามส่วนต่างๆของโลกอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
[ฉัน]
มันได้ส่งเจตจำนงของมันออกมาผ่านเสียงอีกครั้งหนึ่ง นี่มันเหมือนกับในตอนที่มันมาโจมตียูอิลฮานครั้งแรก ไม่สิ บางทีนี่ก็คือการประกาศต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกก็ได้
[จะปกป้องโลกใบนี้]
เพราะแบบนี้เองทำให้การพัฒนาขึ้นของโลกได้ถูกชะลอลงไปเป็นเวลานาน