Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 274
บทที่ 274 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (8)
“จำภาพนี้เอาไว้ให้ดีล่ะเพราะนี้เป็นปรากฏการณ์ที่จะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว”
“ฉัน… ทำมันไปแล้ว”
“พระเจ้า”
[ว้าว โกเลมนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่]
เจตจำนงผู้พิทักษ์ได้รับเอาข้อมูลของวงเวทย์ทั้งหมดมา และได้ทำการวิเคราะห์และนำมาปรับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ มันได้กระจายตัวออกไปรอบๆในทันทีทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ทะเลสาบที่ว่างเปล่าเท่านั้นเอง
เพราะว่าหากอยู่ภายนอกมากนักวงเวทย์ก็อาจจะเสี่ยงถูกทำลายได้ เพราะแบบนี้มันจึงตัดสินใจที่จะไปใช้งานวงเวทย์ใต้ดินลึกลงไปประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ถึงยังไงก็ตามสำหรับตัวการสำคัญที่มีส่วนร่วมในงานนี้อย่างคิมเยซอลที่ใช้มานาของเธอไปทำให้เธอได้รู้ถึงการเคลื่อนไหวของมันได้อย่างชัดเจน
“ระดับน้ำกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนด้านล่างจะโผล่ออกมาได้ตลอดเวลาเลย”
“การที่จะทำให้ขนาดมันใหญ่ขึ้นก็จะต้องดูดน้ำทะเลจากทะเล เพราะแบบนี้ระดับน้ำทะเลก็เลยลดลง”
เนื่องจากคิมเยซอลได้สร้างวงเวทย์เสร็จแล้วทำให้ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีก พวกเขาได้ออกมาจากทะเลสาบและมายืนอยู่บนพื้นดิน แต่ถึงแบบนั้นวงเวทย์ก็ยังขยายตัวออกไปอย่างไม่หยุด และยูอิลฮานก็ตั้งสมาธิอยู่กับวงเวทย์นี้
“ไม่ มันยังไม่จบ”
“นี่มันเพิ่งจะครอบคลุมแค่ในกังนัมเท่านั้น ไม่สิ ตอนนี้ทั้งโซลแล้ว แล้วก็… กำลังขยายออกไปอย่างรวดเร็ว”
[อืม ยิ่งเวลาผ่านไปน้ำทะเลที่ถูกดูดซับไปก็ยิ่งมากขึ้น โอ้ว น่าสนุกมาก ที่รักรู้สึกได้ถึงวงเวทย์ที่เราสร้างได้ถูกสลักลงไปในประเทศนี้หรือยัง?]
ยูอิลฮานได้ตั้งสมาธิของเขาอยู่กับเจตจำนงผู้พิทักษ์ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันแค่ไหน แต่ตราบใดที่ยังเป็นจิตวิญญาณอยู่ ยูอิลฮานก็สามารถจะติดต่อไปหามันได้
[ไม่มีปัญหาอะไร]
‘ถ้ามั่นใจเกิดไปอาจจะเกิดเรื่องต่างๆแทรกเข้ามาได้เสมอนะ ตั้งสมาธิแล้วก็ระวังไว้ด้วย’
วงเวทย์ได้ครอบคลุมไปถึงเกาหลี ญี่ปุ่นและจีนแล้ว แต่แล้วร่างกายของโกเลมก็แข็งตัวและพยายามจะใช้วงเวทย์ออกไปอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากยูอิลฮานกำลังเชื่อมต่อกับประสาทสัมผัสกับโกเลมอยู่ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด แต่ว่าเขาก็ได้ทนกับความเจ็บปวดนี้ไว้ เขายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ
[ที่รักมานาของโลกใบนี้กำลังต่อต้านอย่างรุนแรง ฉันไม่คิดว่าเราจะใช้วงเวทย์ได้ง่ายๆแล้วนะ]
“ฉันก็คิดเอาไว้แล้ว ฉันไม่ได้มีไพ่ตายแค่วงเวทย์นี่หรอกนะ”
นั่นคือท่อทรงกระบอกที่ยูอิลฮานได้สร้างขึ้นมา และสวิตเปิดใช้งานพวกนั้นทั้งหมดได้อยู่ในมือยูอิลฮานในรูปแบบของจี้แล้ว
นี่คือตัวควบคุมที่เขาได้สร้างขึ้นมาโดยใช้หลักการเดียวกับการส่งต่อพลังของค้อนสายฟ้า! จี้นี่ได้ใช้หัวกระโหลกของเทราก้าเป็นพื้นฐานแล้วก็ยังมีดวงตาของมันด้วยทำให้มีพลังเวทย์ที่ทรงพลังอยู่ภายใน
“จี้นี่มีความสามารถทั้งการดูดมานาจากรอบตัวและการส่งต่อพลังไปให้กับอาร์ติแฟคที่ทำมาจากวัตถุดิบแบบเดียวกัน นี่ก็คือเครือข่ายเน็ตเวิร์คของอาร์ติแฟค”
เมื่อยูอิลฮานได้หยิบจี้ที่เขาเปิดใช้งานขึ้นมา จี้นี้ก็ได้ดูดมานารอบๆเข้าไปและมอบคำสั่งเดียวกันนี้ให้กับอาร์ติแฟคนับล้านที่กระจายอยู่ทั่วโลก เพื่อที่จะให้มันดูดมานาในโลกใบนี้มาและส่งไปในดาเรย์!
ยังไงก็ตาม ถึงแบบนั้นเอิลต้ากับยิมเยซอลก็ไม่อาจจะรู้สึกตัวได้เลย เพราะแบบนี้จึงมีแต่เฮเรียน่าเท่านั้นที่ต้องตัวสั่นกับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นมานี้
[โอ้ พระเจ้า เป็นไปได้ยังไงกัน… นี่มัน น่าอัศจรรย์]
เมื่ออาร์ติแฟคนับล้ายได้ดูมานาและทำให้มานาพวกนั้นหายไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอพูดออกมาอย่างมีความสุข แม้ว่าจะผ่านการเตรียมการมามากมาย แต่การควบคุมมานาของทั้งโลกด้วยการกระทำเดียวแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานดูผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกนับไม่ถ้วนไปแล้ว!
“…หืม? ทำไมจู่ๆฉันรู้สึกเหมือนฉันเสียพลังชีวิตไปเล็กน้อยกันนะ”
“มันไม่ใช่แค่ ‘เล็กน้อย’ หรอกนะ ฉันรู้สึกว่าไหล่ของฉันเบาลงเหมือนกัน ความเข้มข้นของมานากำลังลดต่ำลง”
เมื่อความเข้มข้นของมานาลดต่ำลงมาก็ทำให้คิมเยซอลกับเอิลต้าก็ยังรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมานิดๆให้กับพวกเธอและตั้งสมาธิมากยิ่งขึ้น อาร์ติแฟคนับล้านได้ถูกเปิดใช้งานมาสำเร็จแล้ว เพราะแบบนี้มันก็คือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะทำให้วงเวทย์ปกคลุมไปทั่วทั้งโลกในตอนที่มานายังต่ำอยู่!
[เยี่ยม]
เจตจำนงผู้พิทักษ์ได้ส่งเสียงออกมา โกเลมมันได้กระจายตัวไปสามทวีปในทีเดียวและเริ่มดูดน้ำจากโลกเพื่อเพิ่มขนาดนี้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้มันกำลังพยายามเจาะเปลือกโลกเข้าไปภายใน
[ฉันจะครอบคลุมทุกๆอย่าง!]
“สมกับที่เป็นนายจริงๆ”
[นายท่านนี่โหดร้าย]
“ก็ปกตินี่”
ยูอิลฮานได้หลับตาลงและคิดถึงภาพของโลกใบหัวเขา ตอนนี้วงเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือคิมเยซอล เอิลต้า และเฮเรียน่า ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งโลกอย่างสมบูรณ์แล้ว
[เวทมนต์]
เจตจำนงผู้พิทักษ์ได้พูดคำๆนี้ออกมาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายของมันได้บรรจบเข้าด้วยกัน
[ทำงานแล้ว]
ในตอนนี้เองทุกๆอย่างบนโลกได้ช้าลง
“…ว้าว”
ยูอิลฮานก็ยังแทบจะตะโกนออกมาไม่ได้ เนื่องจากว่าเขาได้ทำให้ทุกๆอย่างบนโลกช้าลงไปกว่าปกติ เพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็จึงโดนผลกระทบจากวงเวทย์ไปด้วย
“นี่มันบ้ามาก แค่อยู่ที่นี่มันก็เหมือนกับการฝึกแล้ว”
“ฝึกงั้นหรอ? สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทั่วไปไม่มีทางจะขยับในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้ด้วยซ้ำ! ฮานเยรัง! เราต้องไปดูพวกเธอ!”
เอิลต้าได้ร้องออกมา แม้กระทั่งเธอยังรู้สึกยากลำบากในการเคลื่อนไหวเลยทั้งๆที่เธอก็พอจะเข้าใจในเรื่องมิติเวลาจากการช่วยคิมเยซอลก็ตาม และขนาดเธอได้ใช้เวทย์กับตัวเธอเองเพื่อต้านทานการช้าลง เธอก็ยังเป็นแบบนี้เลย! สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำคงไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้แน่
ยังไงก็ตามได้มีคนปฏิเสธในความคิดเห็นของเธอออกมา นั่นก็คือคิมเยซอลผู้เป็นเจ้าของวงเวทย์นี้
“ทุกๆอย่างบนโลกได้ช้าลง เพราะแบบนั้นความเร็วในการทำสิ่งต่างๆทั้งภายในและภายนอกจะช้าลงเท่าๆกัน เพราะแบบนี้เอิลต้า คำพูดที่เธอบอกว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะขยับไม่ได้นั้นไม่ถูก”
ความหมายก็คือคนพวกนั้นก็แค่เคลื่อนไหวช้ามากในสายตาของคนที่ของคนที่รู้ว่าเวลาช้าลงจากวงเวทย์ ส่วนคนพวกนั้นก็จะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีอะไรเกิดขึ้น…
“หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกเราได้ต่อต้านเวทย์นี้อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องยากก็เพราะเราพยายามจะเมินเฉยต่อเวลาที่ช้าลงบนโลกและคิดที่จะเคลื่อนไหวให้รวดเร็วเหมือนปกติ… แต่ความเป็นจริงในสายตาของคนอื่นๆที่อยู่บนโลกนี้คือเรารวดเร็วมาก”
ยูอิลฮานได้เหงื่อตกออกมาทันที ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเคลื่อนที่ช้าลงกว่าปกติเล็กน้อย แต่ว่าหากคิดถึงเรื่องที่ทั้งโลกใบนี้ช้าลงอยู่ นั่นก็แสดงว่าเขารวดเร็วมากๆ
[นั่นแหละที่รัก ความเร็วของที่รักนน่าจะลดน้อยลงกว่าปกติไม่ใช่หรอ?]
“หืมมม….”
ยูอิลฮานเคยได้เจอกับเวลาของโลกที่หยุดลงเพราะเทพเจ้าแล้ว แต่ในคราวนี้เกิดจากฝีมือของเขาเอง
ยูอิลฮานได้คิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่าเขาไม่ธรรมดา แต่แน่นอนว่าคนสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือแม่ของเขา บางคนที่เป็นเทพเจ้าคนที่ 5 อาจจะไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่ของเขาก็ได้นะ
“ยังไงก็ตามนี่มันหมายความว่าเรายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คนที่ไม่ได้รู้ถึงเวทย์นี้ก็จะทำตัวกันตามปกติ ในขณะที่เราต่อต้านเวทย์นี้ก็จะเป็นการฝึกไปในตัวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรอีกด้วย นี่มันสมบูรณ์แบบ”
“ใช่แล้ว ฉันเข้าใจแล้วว่านายมันเป็นพวกโรคจิต!”
[ยังไงก็ตามเวทย์ไม่อาจจะสมบูรณ์มากกว่านี้ได้แล้ว โกเลมที่ชื่อว่าเจตจำนงผู้พิทักษ์ก็ด้วย… นี่มันดีมากเลย ตอนนี้วงเวทย์ได้สมบูรณ์แล้ว ไม่เพียงแต่มีความเสียหายที่เล็กน้อยมากๆ แต่ต่อให้มันถูกทำลายลงไป…]
“หากมันได้ดูดซับน้ำมากขึ้นมันก็จะฟื้นตัวกลับมาเอง”
ยูอิลฮานได้แสยะยิ้มออกมา แม้ว่าเขาจะเหงื่อท่วมตัวจากการต่อต้านพลังของวงเวทย์อยู่แต่ว่ารอยยิ้มของเขาก็ยังคงชั่วร้ายเช่นเดิม
[นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้เห็นวงเวทย์ที่สมบูรณ์แบบแบบนี้ ไม่เคยมีใครทำเรื่องแบบนี้ได้มาก่อนเลย]
“ตอนนี้เธอจะสรรเสริญฉันมากกว่านี้ก็ได้นะ”
[ฟุฟุ]
เฮเรียน่าได้หัวเราะกลับมาเมื่อได้เห็นมุมนี้ของยูอิลฮาน ส่วนเอิลต้าที่ไม่ชอบในรอยยิ้มของเฮเรียน่าเลยได้แต่กระทืบเท้าลงกับพื้น
ในตอนนี้เองก็มีผู้ที่พยายามจะเข้ามาในโลก หากไม่ใช่ผู้นำของแต่ล่ะกองกำลัง ก็มีแต่แค่คังมิเรย์เท่านั้ที่จะเข้ามาได้ และแน่นอนว่ายูอิลฮานก็รู้ว่านั่นเป็เธอและปล่อยให้เธอเข้ามาแต่โดยดี
[ดูเหมือนพวกนั้นจะรู้ถึงตัวตนพวกเขาแล้วก็กำลังมาที่นี่… โอ้ พวกนั้นมาถึงแล้ว]
[ว๊ากกกกกกกกกกกกกก!]
ในทันทีที่เฮเรียน่าพูดจบลง เสียงตะโกนของมิสทิคก็ได้ดังสนั่นออกมา แน่นอนทุกๆคนที่นี่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ตะโกนแบบนี้
“ยินดีต้อนรับกลับนะมิสทิค”
[นายท่านนนนนนนนนน! ท่านทำอะไรกับโลกกัน!]
“ฉันก็ทำให้ทุกๆอย่างบนโลกช้าลงไงล่ะ”
[อย่ามาพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติสิ! อย่าตอบแบบใจเย็นอย่างนั้นนะ!]
แม้ว่ามิสทิคจะพูดออกมารัวๆ แต่เธอก็ยังเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เหตุผลนั่นก็ง่ายมากๆ – ภายในป้อมปราการลอยฟ้ายังมีคนที่ไม่ได้รู้ถึงผลของวงเวทย์อยู่
หากว่าเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในขณะที่คนพวกนั้นยังเคลื่อนไหวช้าๆอยู่ได้เกิดหายนะขึ้นแน่! เธอนี่ฉลาดจริงๆ
“เราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”
“หืม”
ยูอิลฮานได้เห็นคนๆหนึ่งกำลังตะโกนออกมาแบบช้ามากๆ
คนๆนี้แน่นอนว่าดูเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงอยู่ในคลาส 3 คนๆนี้คือมิเชล สมิธสัน หัวหน้าของอัศินโลหะ หนึ่งในผู้นำของพันธมิตรแนวหน้า และหัวหน้ากิลด์ชั้นนำของอังกฤษ
“นายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“ให้ตายสิ”
แต่เขาคนนี้ช้ามากๆ ริมฝีปากของเขาได้ขยับอย่างช้าๆ แม้กระทั่งยูอิลฮานได้กำหมัดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ยูอิลฮานอยากจะต่อยหน้าชายคนนี้จริงๆเลย! ต่อให้คนๆนี้จะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม
“ดูเหมือนว่าภายใต้วงเวทย์ฉันคงต้องยอมแพ้การคุยกับคนๆนี้สินะ”
“ถ้านายเลิกต่อต้านเวทย์นายก็จะคุยกับเขาได้นะ”
“ฉันไม่ได้อยากจะคุยกับเขาจนต้องทำแบบนั้นซะหน่อย”
“ลูกแบบ เย็นชาจังเลยนะ…”
“พวกเขากำลังมาแล้ว”
มิสทิคได้จัดการส่งทุกๆคนลงมารวมไปถึงสมาชิกปาร์ตี้ของยูอิลฮานที่ทุกๆคนกำลังต่อต้านผลของวงเวทย์ลงมาด้วย ยูอิลฮานได้รับยูมิลเอาไว้และลูบหัวยูมิล
“มิล ลูกเก่งมาก”
“นี่มันน่าทึ่งมากเลยครับพ่อ! แค่ยืนอยู่เฉยๆผมก็รู้สึกเหมือนกับกำลังฝึกอยู่แล้ว!”
“สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน พวกเขาพูดเหมือนกันเลย”
“อิลฮานนนนนนนน!”
“อิลฮาน นี่เป็นเวทย์งั้นหรอ? ฉันคิดว่านายจะทำมันทีหลังซะอีกนะ แต่นายกลับทำมันไปแล้ว?”
“…ฟู่”
เอิลต้าได้แสดงสีหน้าตกใจออกมาเมื่อได้เห็นว่านอกจากนายูนา เลียร่า และมิเรย์ ยังมีสมาชิกอีกประมาณหนึ่งที่ต่อต้านวงเวทย์ได้
“มันน่าทึ่งมากที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำต่อต้านวงเวทย์ได้ ยูอิลฮาน นี่มันหมายความว่าพวกคนที่อยู่ข้างๆนายไม่ปกติซักคน”
“แน่นอนสิ ถ้าพวกเขาเป็นพวกปกติ พวกเขาก็คงไม่ได้อยู่มาถึงตอนนี้หรอกนะ”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาเท่ๆและหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสมาชิกมารวมกันอยู่รอบๆเขา เขาได้เมินเลียร่ากับเฮเรียน่าที่จ้องกันอยู่
“ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ เพราะงั้นมาพยายามกันจนกว่าจะถึงตอนนั้นนะ หลังจากนั้นไว้มาเจอกันใหม่”
“หนึ่งสัปดาห์คือ?”
ยูอิลฮานได้พูดถึงระยะเวลาคูลดาวน์ของนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาออกไป แต่ว่าเพราะอะไรบางอย่างทำให้เขาหยิบมันออกมาดู
หากนาฬิการทรายแห่งกาลเวลายังมีทรายตกลงมาข้างล่างอยู่นั่นจะหมายความว่ายังใช้งานไม่ได้ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่ทรายตกลงมาข้างล่างทั้งหมด เขาก็จะใช้งานมันได้อีกครั้งหนึ่ง
แต่ว่า…
“โอ้ นี่มันอะไรเนี้ย?”
ทรายในตอนนี้กำลังร่วงลงมาด้วยความเร็วที่ช้ามากจนต่างจากปกติ แน่นอนว่าในเมื่อมันคืออาร์ติแฟคระดับเทพเจ้า มันก็น่าจะต่อต้านวงเวทย์ได้เหมือนกัน แต่ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อให้เวลาจะผ่านไปเดือนหนึ่งเขาก็ยังจะใช้มันไม่ได้ด้วยซ้ำไป ยังไงก็ตามนี้มันก็ได้บ่งชี้ถึงข้อเท็จจริงอีกเรืองหนึ่ง…
“นี่มันยิ่งน่าสนใจซะแล้ว”
“อ่า เขายิ้มชั่วร้ายอีกแล้ว”
“อู รอยยิ้มนั่นเท่จัง…”
[อย่างน้อยเราก็เห็นตรงกันเรื่องหนึ่งแหละนะอดีตทูตสวรรค์]
ยูอิลฮานได้เฝ้ารอช่วงเวลาที่เขาจะเปิดใช้งานนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาได้อีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
บางทีผลประโยชน์บางอย่างที่เขาไม่คาดคิดและยังเป็นผลประโยชน์ที่มหาศาลอาจจะกำลังรอคอยเขาอยู่ก็ได้