Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 280
บทที่ 280 – ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (6)
“อิลฮาน~ ทำให้ผมยาวขึ้นอีกสิ! ยาวขึ้นอีก! นายเมื่อกี้นี้เซ็กซี่มาก”
“ฉันไม่อยากจะเซ็กซี่เพราะงั้นขอไว้สั้นดีกว่า”
“ไม่!!!”
ยูอิลฮานรู้ตัวแล้วว่าผมของเขาตอนนี้มีคุณสมบัติของเพลิงอยู่ ไฟนั้นไม่มีรูปร่างที่ตายตัวเพราะงั้นเขาสามารถจะปรับขนาดความยาวได้ตาม หรือก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายของยูอิลฮานได้ก้าวข้ามขอบเขตของสสารไปแล้ว
เขาได้มาอยู่ในจุดกึ่งกลางระหว่างสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแล้ว สัญชาตญาณของเขาบอกแบบนี้
“หืมม ดูเหมือนว่าในทางนี้ก็กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้นะ”
“ยินดีด้วยนะที่ได้รับวิธีที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมา”
“แต่ว่า… หืม”
เพลิงกับมังกร แทนที่จะไขว่คว้าซักอย่างหนึ่ง ในระยะยาวไม่สู้นำทั้งสองอย่างมารวมกันปูทางไปสู่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงไม่ดีกว่าหรอ
แม้ว่าเขาจะตกใจที่กับการได้มาที่คาดไม่ถึงนี้ แต่ว่าเขาก็ได้จัดการความคิดใหม่และทำให้ผมของเขากลับไปเป็นเหมือนเดิม
ในตอนนี้มันถึงเวลาทำอีกส่วนหนึ่งของเกราะแล้ว เกราะชั้นนอก เกราะเก็บพลังของมังกรเอาไว้
“มานี่”
[ได้เลย]
ยูอิลฮานได้ถอดเสื้อทั้งหมดออกมาและใส่จิตวิญญาณแห่งเพลิงลงไปแทน ชุดเกราะนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขาและมีคุณสมบัติของไฟเพียงอย่างเดียวทำให้ถึงเขาจะใส่มาแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกสบายเหมือนกับไม่ใส่อะไรเลย
“ฉันคิดว่าสำหรับเกราะชั้นนอกก็ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”
[ฉันมีความสุขจัง!]
เพลิงนิรันดร์ได้ตอบกลับมาซ้ำๆในคำเดิมๆราวกับเป็นเด็กที่เพิ่งจะหัดพูด ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและลูบไปที่เกราะเบาๆก่อนที่จะหยิบค้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เพลิงได้ลุกขึ้นมาที่ปลายของค้อนอย่างเป็นธรรมชาติในทันที ยูอิลฮานกับเพลิงนิรันดร์ได้ผสานเข้าด้วยกันอย่างสนิทแนบแน่นแล้ว การจะแยกพวกเาออกจากกันก็ไม่ต่างกับเรื่องโง่เง่าแล้ว
“โอโรจิ ตอนนี้ถึงตานายแล้ว”
[ข้าคิดว่าข้าจะถูกละลายไปพร้อมกับหอกซะแล้ว…]
“ฉันก็กำลังจะละลายหอกไปเหมือนกัน ตอนนี้ได้เวลาโยนหอกที่ชื่อหอกมังกรแปดหางทิ้งไปแล้ว”
[…นี่มันจริงหรอ?]
“นายไม่เห็นศักยภาพของเพลิงนิรันดร์เมื่อกี้นี้งั้นหรอ? นายก็แค่ต้องทำแบบนั้นเท่านั้นเอง”
[ข้าคิดว่านายท่านจะใช้อิชจาร์ซะอีก]
“เมื่อไหร่ที่ฉันควบคุมเจ้านั่นได้ฉันก็จะสลับเขากับนาย นายก็แค่ต้องจัดการเรื่องนี้จนกว่าจะถึงตอนนั้น”
ยูอิลฮานยังไม่มีพลังที่จะจัดการควบคุมกับเจตจำนงของมังกรคลาส 7 ที่ดุร้ายได้ โอโรจิได้หัวเราะแห้งๆเมื่อได้ยินคำพูดตรงๆนี้
[ถ้างั้นข้าก็ได้แต่ทำให้ดีที่สุด แต่ถึงแบบนั้นข้าก็พอใจแล้ว ข้าจะไม่บ่นหรอก]
“ถ้างั้นเราจะเริ่มกันแล้วนะ”
[เข้าใจแล้ว]
หอกมังกรแปดหาง ครึ่งหนึ่งของเกราะร่างมังกรเพลิงนรกที่ได้กลายมาเป็นคลังอาวุธของอาวุธจำนวนมาก ถุงมือเจตจำนงแห่งความโกลาหล กระดูกของอิชจาร์ และดวงใจมังกรอีกเช่นกัน
สมบัติที่แค่ชิ้นเดียวก็มากพอทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึงได้ถูกนำมารวมในจุดๆเดียว
“ฟู่”
ยูอิลฮานได้หลับตาลงช้าๆและได้ทำการหัตถกรรมมานา เอนชานท์วิญญาณและตีเหล็กที่ได้เข้าสู่ขอบเขตของการสรรสร้างพร้อมๆกัน เนื่องจากว่าเขาเคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญมันมากขึ้นแล้ว
[กรรรรรรรรร! เจ้ากล้าที่จะทำแบบนั้นกับร่างกายแล้วก็หัวใจของข้ารึ!]
“เงียบไปเหอะน่าอิชจาร์”
แม้ว่าการจะควบคุมจะยังเป็นไปไม่ได้ แต่แค่การทำให้เงียบลงไปนั้นไม่มีปัญหา ยูอิลฮานได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาในฐานะยมทูตเพื่อฝังอิชจาร์ให้ลึกลงไปในจิตสำนึกของเขาและเริ่มทำงานของเขาต่อ
กระดูกขนาดมหึมาของอิชจาร์ได้เรืองแสงสีแดงออกมาและเริ่มที่จะลดขนาดลง จิตวิญญาณของโอโรจิได้ออกมาจากหองมังกรแปดหางและย้ายเข้ามาที่เกราะร่างมังกรเพลิงอีกครึ่งที่เหลืออยู่ ในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็ได้ใช้ไฟละลายวัตถุดิบอื่่นๆพร้อมกับเปิดใช้งานโลหิตมังกรไปพร้อมๆกัน
“ฉันกำลังจะหลอมร่างให้สามารถจะดึงพลังมังกรให้ได้ดีที่สุด มันจะกลายเป็นง่ายและเป็นหนึ่งเดียว”
[นายท่านตั้งสมาธิ!]
ทุกๆอย่างได้ถูกหลอมละลายลงแว และดวงใจของอิชจาร์ก็ได้ตอบสนองขึ้น กระบวนการหัตถกรรมมานาเริ่มต้นได้สำเร็จแล้ว
“โอโรจิ”
[ข้าจะพยายาม]
ยูอิลฮานได้ยกค้อนขึ้นมาทุบลงไป รูปลักษณ์ภายนอกของเกราะได้เผยออกมาครู่หนึ่งก่อนที่จะถูกความโกลาหลกลืนลงไปอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่ได้ผิดหวังเลย นี่มันหมายความว่าถุงมือเจตจำนงแห่งความโกลาหลได้ถูกหลอมละลายลงไปอย่างมีประสิทธิภาพดี
“ฉันไม่คิดที่จะหยุดหรือยับยั้งพลังมังกร เพราะงั้นแปลงร่างแล้วก็คำรามได้ตามใจเลย”
[นั่นก็คือสิ่งที่ข้าต้องการ]
สัมผัสของยูอิลฮานกับโอโรจิได้ถูกละลายและรวมกันเป็นหนึ่ง แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณแห่งเพลิงไปแล้ว แต่ว่าจากการฝึกฝนควบคุมจัดการกับจิตวิญญาณมาตลอดทำให้เขาสามารถปรับตัวได้โดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ กระบวนการเอนชานท์วิญญาณได้ผ่านไปอย่างราบรื่นเช่นเดียวกัน
“เยี่ยม… เยี่ยมมาก”
การสอดผสาน พลังของมังกรที่มักจะมีปฏิกิริยาในตอนที่ยูอิลฮานลงไปในอ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่งจากการกระตุ้นของวัตถุดิบทั้งหมดนี่ ระลอกคลื่นที่รุนแรงได้กวาดผ่านร่างของยูอิลฮานไป หากว่าเขาทนผ่านมันไม่ได้ เขาก็อาจจะต้องยอมแพ้กับความฝันที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
“ถ้างั้นมาเริ่มกันต่อเลย!”
เขาได้ทุบค้อนลงไป หอกมังกรแปดหางได้ถูกทับจนแตกหักก่อนที่จะถูกเพลิงโปร่งแสงละลายไปและถูกเกราะร่างมังกรเพลิงที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งดูดเข้าไป ในตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะใช้พลังช่างตีเหล็กทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
[ฟู่… ฮ่าาาห์]
“ฟู่… ฮ่าาาห์”
ลมหายใจของยูอิลฮานกับโอโรจิได้สอดประสานเข้าด้วยกัน ยิ่งเข้าทุบค้อนมากเท่านั้น เสียงกระดูกอิชจาร์ก็ดังขึ้นมาเหมือนเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดก่อนที่จะถูกบีบอัดลงมา ยิ่งเวลาผ่านไปดวงใจมังกรก็ยังลดขนาดลงจากการใช้พลังเวทย์ของมันเสริมพลังให้กับวัตถุดิบอีกด้วย
กระบวนการที่ซับซ้อนแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน แม้แต่เอิลต้ากับเฮเรียน่าที่มีความรอบรู้เรื่องเวทมนต์ก็ได้แต่เฝ้ามองดูโดยที่ไม่ค่อยเข้าใจ
“ฉันยอมแพ้ ฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย…!”
[ที่รักกำลังก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตใหม่ที่ไม่เคยมีบันทึกมาก่อน]
วัตถุดิบเพียงชิ้นเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับมังกร เจตจำนงแห่งความโกลาหลเป็นชิ้นสุดท้ายที่ส่งเสียงออกมา มันได้ถูกใช้ทำการเสริมพลังให้กับเอกลักษณ์ความเป็นมังกรและทลายข้อจำกัดในด้านพละกำลัง ยูอิลฮานได้เปลื่ยนแปลงพลังนี้และนำทางมัน เขาได้ใช้มานาจากดวงใจมังกรที่สร้างพลังมังกรขึ้นมาให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเกราะ
[มันกำลังเริ่มแล้วนายท่าน]
“ใช่… มันกำลังเริ่มแล้ว”
ค้อนได้ถูกหวดลงมา
ถูกหวดลงมา
ถูกหวดลงมา
ดวงใจมังกรได้ถูกหลอมละลายลงไปจนหมดแล้ว การปะทุขึ้นของความเข้มข้นของมานาที่น่ากลัวได้ทำให้ยูอิลฮานได้ใช้สมาธิทั้งหมดของเขาไปและเขาได้ผสานพลังนี้เข้ากับมานาที่กำลังใช้พลังของโลหิตมังกรและใส่มันเข้าไปในค้อนของเขา
แม้ว่ามานามังกรจะส่งแรงกระเพื่อมออกมาจนทำให้เขาต้องเจ็บหัวใจ แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้เปลื่ยนไปแม้แต่นิดเดียว เกราะได้ค่อยๆถูกขึ้นรูปมาแต่จากนั้นก็กระจายออกไปอีกครั้ง และพยายามจะรวมเข้าด้วยกันก่อนที่จะกระจายออกมาอีก กระดูกของอิชจาร์ได้ห่อหุ้มทั้งเกราะจดหมดแล้วและส่วนที่เหลือก็ถูกหลอมละลายรวมเข้าด้วยกัน
“ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นมาก่อนนะ นี่มันดูเหมือนหมึกที่กำลังกระจายไปในน้ำเลย~”
“ชู่วววว”
เขาได้ทุบค้อนลงมา เพียงแค่ครั้งเดียวนีเสียงกระทบกันของโลหะก็ได้ดังออกมา พลังงานที่กำลังกระจายอยู่และมานาที่ดูเหมือนจะมีอยู่ทั่วทั้งบาเรียได้ถูกบีบอัดเข้ามาในทันทีและก่อตัวเองขึ้นมาเป็นไอเทมที่มีรูปร่างเป็นชุดเกราะ
ชุดเกราะนี้มีสีดำแดงที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเหมือนกับเกล็ดหนาๆของมังกร มันดูเหมือนกับเกราะร่างมังกรเพลิงนรกในรูปแบบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา
“ฟู่”
ยูอิลฮานได้ถอนหายใจเฮือกออกมาก่อนที่จะวางค้อนลง แม้ว่าค้อนของเขาจะทำมาจากวัตถุดิบระดับสูง แต่มันก็ยังไม่อาจจะทนกับกระบวนการสร้างได้ทำให้มันจบลงด้วยการถูกละลายลงไปครึ่งหนึ่ง ยูอิลฮานดีใจมากที่ค้อนนี่ไม่พังไปในระหว่างการสร้าง
“เสร็จแล้ว”
[ใช่แล้ว]
ข้อความสีเขียวได้ปรากฏขึ้นมา
[ร่างกายมนุษย์มังกรได้เสร็จสมบูรณ์]
[ร่างกายมนุษย์มังกร]
[ระดับ – พระเจ้า]
[พลังป้องกัน – 25,500]
[ความทนทาน – 50,000,000/50,000,000(ตราบใดที่ยังมีชิ้นส่วเหลืออยู่จะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้)]
[เงื่อนไขการใช้งาน – ยูอิลฮาน]
[ออฟชั่น –
1.เสริมพลังมังกรและเพิ่มอัตราการฟื้นฟูขึ้น 300%
2.ยกระดับขอบเขตพลังของสกิลที่เกี่ยวข้องกับมังกร
3.ใช้มานาเปลื่ยนรูปร่างของผู้ใช้งานได้อย่างอิสระ และอาจจะอยู่เหนือกว่าขอบเขตของสสาร
4.สามารถจะอัญเชิญอาวุธทั้งหมดที่ประทับอยู่ในบันทึกของผู้ใช้ได้อย่างอิสระ พลังป้องกันครึ่งหนึ่งของชุดเกราะจะถูกเพิ่มเข้าไปในพลังโจมตีของอาวุธ]
[ชุดเกราะที่ทำให้มนุษย์และมังกรสามารถรวมเป็นหนึ่งได้ ถูกสร้างขึ้นจากมนุษย์ผู้มีความเข้าใจในมังกรอย่างลึกซึ้ง]
[ในที่สุดข้าก็เข้าใจถึงสิ่งที่มิสทิคอยากจะบอกแล้ว]
โอโรจิที่อยู่ภายในเกราะร่างกายมนุษย์มังกรได้บ่นขึ้นมา
[ข้ารู้สึกอึดอัดมากๆนายท่าน ได้โปรดทำอะไรกับเรื่องนี้ที]
“นายกำลังพูดเหมือนกับเธอเลย”
[ฮิฮิ! ดีใจด้วยนะ! นายที่เมินฉันไมาเจอกับสถานการณ์เดียวกับฉันแล้ว]
[มันน่าอึดอัดมากๆอีกด้วนที่ข้าต้องมาอยู่นสภาพเดียวกับผู้หญิงนี่…]
“แต่ว่ามันยังไม่จบหรอกนะ”
อุปกรณ์สองแกนหลักนั่นก็คือนั่นก็คือสองแกนหลักนั่นจะทำงานร่วมกัน ดวงใจแห่งเพลิงนั้นถูกเพลิงนิรันดร์ควบคุมและดวงใจมังกรได้ถูกโอโรจิเป็นคนสั่งการ นี่คือสองอุปกรณ์ที่ยูอิลฮานต้องการ
“โอโรจิ นายรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร”
[อ๊า ข้ารู้]
เมื่อยูอิลฮานได้ดีดนิ้วขึ้น ชุดเกราะร่างกายมนุษย์มังกรก็ได้ลอยขึ้นกลางอากาศและเปลื่ยนกลายมาเป็นหมอกสีดำ คุณสมบัติของเจตจำนงแห่งความโกลาหลได้ถูกพัฒนาขึ้นมาสู่ระดับใหม่หลังจากได้ยืมพลังมังกรมา
หมอกนี้ได้หมุนวนบนท้องฟ้าและเข้ามาปกคลุมตัวยูอิลฮานที่สวมวิญญาณแห่งเพลิงอยู่ และมันก็ได้ปรากฏเป็นรูปธรรมขึ้นอีกครั้งด้านบนของเกราะวิญญาณเพลิง ตอนนี้เองโอโรจิ เพลิงนิรันดร์ และยูอิลฮานได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ข้อความหลายบรรทัดได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นราวกับกำลังคอยเวลานี้อยู่
[อาร์ติแฟคระดับนิรันดร์ ชุดเกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิงได้เสร็จสมบูรณ์]
[อาร์ติแฟคแต่เดิมแล้วมีความสมบูรณ์อยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ว่าด้วยการผสมทั้งสองอาร์ติแฟคเข้าด้วยกันทำให้มันได้อยู่เหนือความสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก จิตวิญญาณแห่งเพลิงกับร่างกายมนุษย์มังกรก็เป็นเช่นกัน อาร์ติแฟคทั้งสองอย่างนี้ได้สอดผสานเขากันเองและผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์จนเกิดเป็นอาร์ติแฟคระดับนิรันดร์]
[มีออฟชั่นเสริมเข้าไปในเกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิง]
[ผู้สวมใส่เกราะจะเชี่ยวชาญในพลังเพลิงและมังกรทั้งมวล พลังแห่งเพลิงและมังกรจะถูกเสริมพลังขึ้น ได้รับพลัง และสามารถจะลบล้างพลังไปได้ด้วย ยังไงก็ตามระดับขอบเขตพลังของผู้ใช้ยังคงต่ำอยู่ทำให้ไม่สามารถจะใช้งานความสามารถของเกราะได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ]
“ฟู่”
ยูอิลฮานที่ได้ผ่านขั้นตอนการผสานรวมกับอาร์ติแฟคมาได้ถอนหายใจลึกๆออกมา ภายในลมหายใจนี้มีทั้งพลังมังกรและพลังเพลิงออกมาด้วย นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ลมหายใจ’
ยูมิลที่มองดูยูอิลฮานมาตลอดได้ตกตะลึงขึ้นมา
“พ่อได้กลายเป็นมังกรแล้วหรอครับ!?”
“ยังไม่ใช่หรอก”
“แล้วเมื่อไหร่พ่อจะกลายมาเป็นมังกรล่ะครับ”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่ว่าจะยังไง นี่ก็น่าทึ่ง พ่อน่าทึ่งมากๆเลย!”
ยูอิลฮานได้กอดยูมิลที่มองเขาด้วยตาเป็นประกายเบาๆ ก่อนที่จะโบกมือให้กับคนอื่นๆที่จ้องมาที่เขา
“เอาล่ะ โชว์จบแล้วนะ ไปทำหน้าที่ของตัวเองกันได้แล้ว”
“พอได้เห็นการทำงานของนายแล้ว ฉันรู้สึกไร้ค่ามากเลย”
“ถ้าเธอไม่อยากจะตายอย่างไร้ค่าหลังจากนี้งั้นก็ช่วยทำสิ่งไร้ค่าพวกนั้นต่อไปเถอะนะ”
จนกว่าบาเรียจะหายไปยังมีเวลาอยู่อีกมาก ยูอิลฮานอยากจะแช่ตัวอยู่ในอ่างแห่งปาฏิหาริย์โดยที่ไม่ออกมาอีก แต่ว่ายังมีคนอื่นๆอีกมากที่ต้องใช้ทำให้เขาทำแบบนั้นไม่ได้
“ยังมีเรื่องอื่นๆอีกที่ฉันต้องทำก่อนที่จะก้าวไปเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง”
ยูอิลฮานได้เรียกหอกออกมาและตั้งท่าขึ้นมา หอกที่เขาเรียกคือหอกสีแดงดำที่เกิดขึ้นมาจากพลังเพลิงกับพลังมังกร นี่คือหอกที่ทำขึ้นมาโดยใช้หอกมังกรแปดหางเป็นพื้นฐาน แต่ว่ามันมีความคมแะทรงพลังกว่ามาก เพราะงั้นมันคือหอกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“มีใครอยากจะมาประลองกับฉันไหม?”
“ไม่ว่าใครไปสู่กับอิลฮานตอนนี้ก็ถูกขยี้ไปในทันทีนั่นแหละ”
“แต่ว่าฉันจะต้องฝึกหอกสะบั้นจักรวาล…”
“อึ๋ยย”
ทุกๆคนได้ถอยไปอย่างหวาดกลัวในทันทีที่ได้ยินคำว่าหอกสะบั้นจักรวาล นี่มันคือสกิลที่ยกระดับศิลปะการต่อสู้เข้าขึ้นไปสู่ระดับใหม่เชียวนะ
จะมีก็แต่เฮเรียน่าเท่านั้นที่ดูจะสนใจ แต่น่าเสียดายที่เธอเชี่ยวชาญในการใช้เวทย์ไม่ได้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ประชิด แล้วก็นอกไปจากนี้เธอก็ยังไม่เหมาะกับการมาเป็นคู่ประลองด้วย
“คงช่วยไม่ได้สินะ”
ยูอิลฮานได้พึมพัมกับตัวเองและปล่อยหอกออกมาก่อนที่จะเดินกลับไปที่ร่างของอิชจาร์ แม้ว่าชิ้นส่วนพื้นฐานจะหายไปหมดแล้ว แต่ว่าซากนี่ก็ยังมีราศีอยู่ดี
เมื่อมายืนหน้าศพนี่ยูอิลฮานได้พูดเรื่องน่าทึ่งออกมา
“ฉันคงทำได้แค่ชุบชีวิตอิชจาร์ขึ้นมาสู้สินะ”
[เจ้ากล้า!]
“ถึงระดับพลังจะลดลงไปมาก แต่ว่าความสามารถทางร่างกายอย่างเดียวก็คงไม่ต่างจากเดิมหรอกนะ เพราะงั้นสบายใจได้”
[เจ้าาาาาาาาา!]
“ถ้านายเอาชนะฉันได้ นายจะให้อิสระกับนาย เพราะงั้นตอนนี้ตั้งใจฟังฉันซะ”
[สะ สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่อ่อนแอกล้าที่จะดูถูกข้าอิชจาร์คนนี้งั้นเรอะ!!!]
อิชจาร์ที่ถูกยูอิลฮานยั่วไม่หยุดได้ระเบิดเสียงคำรามออกมา ยูอิลฮานก็ได้หยักหน้าอย่างพอใจเมื่อได้ยินแบบนี้
ในตอนนี้อุปกรณ์สวมใส่ของเขาสมบูรร์แล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะแพ้อิชจาร์ที่มีแต่ซากซี่โครงแน่ นอกไปจากนี้เขายังจะได้ใช้โอกาสนี้ฉวยโอกาสใช้การต่อสู้กำราบให้อิชจาร์มาอยู่ใต้การปกครองด้วย นี่มันคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนี่!
“เอาล่ะ ถ้างั้นฉันจะชุบชีวิตนายให้กลายมาเป็นมังกรน้อยน่ารักนะ รอสักเดี๋ยวนึงล่ะกัน”
[มังกรน้อย!? น่ารัก? เจ้าาาาาาาา!]
ยูอิลฮานได้หยิบเอากระดูกมังกรขึ้นมาสุ่มๆเพื่อที่จะสร้างค้อนใหม่ขึ้นมาและเดินเข้าไปหาร่างของอิชจาร์ ชั่วโมงการฝึกที่มีเพียงแต่ยูอิลฮานที่มีความสุขได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว