Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 285
บทที่ 285 – เตรียมตัว (3)
โลกระดับสูงรุยเซียเป็นโลกที่ถูกสวนอาทิตย์อัสดงปกครองอยู่ และมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคลาสห้ามากกว่าพันคนพักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ พวกเขาเหล่านี้ได้ทำตัวเร้นลับทำให้ปลอดภัยจนพูดได้เลยว่าไม่มีกองกำลังอื่นบุกเข้ามา แต่ว่าพวกเขาก็ยังคงเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าหากมันเกิดขึ้นจริงการจะป้องกันตัวเองให้สำเร็จก็จะเป็นคนล่ะเรื่องกับการเตรียมการ
[ฉันแบ่งพลังกระจกเรียบร้อยแล้ว]
“เธอจะต้องจัดการพวกมันออกไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง”
[ไม่ต้องห่วงน่า]
“ดี ยิงได้!”
[รับทราบ!]
กระจกนับร้อยที่ถูกซ่อนเอาไว้ได้กระจายออกมาจากป้องปราการลอยฟ้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ก่อนที่จะยิงลำแสงพลังงานที่ทรงพลังออกไปทั้งหมด
เนื่องจากว่าป้อมปราการลอยฟ้าได้กลายมาเป็นระดับนิรันดร์แล้วทำให้พันนัยน์ตาได้ถูกยกระดับพลังขึ้นไปเช่นเดียวกัน และในตอนนี้แค่การระดมยิงครั้งเดียวก็ได้พรากชีวิตสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่อาศัยอยู่ที่นี่ไปนับร้อยแล้ว
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่า…]
ยูอิลฮานได้เห็นข้อความค่าประสบการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนและชูมือขึ้นบนท้องฟ้า คนที่กำลังคอยอยู่บนป้อมปราการทั้งสองได้เตรียมตัวรบทันที
แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะเป็นแค่คลาส 4 แต่ว่าอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้อย่างน้อยก็อยู่ระดับมหากาพย์ไปแล้ว แถมอุปกรณ์พวกนี้ยังถูกสร้างขึ้นจากผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่อย่างยูอิลฮานอีกด้วยทำให้ทุกๆชิ้นต่างก็มากพอจะทำให้เกิดการแตกหักได้เลยหากไปปรากฏในโลกอื่นสักชิ้นหนึ่ง
“ฉันจะสนับสนุนพวกเขาทุกๆคนดังนั้นจะต้องไม่มีใครตาย”
หากว่าเขายังไม่ได้เตรียมตัวมาขนาดนี้ เขาก็จะไม่มาที่นี่แน่
“นับจากนี้ นี่คือเวทีของเรา”
ตอนนี้มันถึงเวลาที่แสดงให้คนพวกนี้ได้เห็นแล้วว่าตุ๊กตาบนเวทีที่พวกเขาพยายามจะเชิดมาตลอดนั้นน่ากลัวแค่ไหนแล้ว
“ทุกๆคน”
เขาได้โบกมือลงมา ป้อมปราการทั้งสองได้พุ่งออกไปทันที
“บุก!”
“ท่านหญิงเรย์น่าาาาาา!”
จากเสียงของนายูนาทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในป้อมปราการทั้งสองได้ขยายอำนาจปกคลุมทั้งท้องฟ้าทันที สมาชิกทุกๆคนที่อยู่ภายในป้อมปราการต่างก็ได้รับการเพิ่มพลังขึ้นและเข้าโจมตีศัตรูด้วยตาเป็นประกาย
[อะไรกัน คนพวกนี้นทำแบบนี้ได้ยังไง!?]
[…สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ?]
สำหรับสงครามนั้นการสื่อสารไม่ใช่เรื่องจำเป็น ยูอิลฮานได้ควบคุมอาร์ติแฟคภายในป้อมปราการทั้งสองร่วมกันกับมิสทิคเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้มีโอกาสร่ายเวทย์และยังช่วยยับยั้งการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกด้วย นี่คือสงครามที่จะทำให้แต่ล่ะกองกำลังอ่อนแอลง แต่ในเวลาเดียวกันก็จะทำให้พรรคพวกของเขาแกร่งขึ้น ยิ่งเขาลงมือน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องที่ดี
“พวกเราฆ่าได้คนนึงแล้ว!”
“ฉันเสียใจนะ… แต่ว่า!”
[อึก!?]
มันไม่ใช่ว่าศัตรูไม่ระวังตัว แต่ว่ามันเป็นเพราะกองทัพที่ถูกติดอาวุธจากยูอิลฮานนั้นทรงพลังมากเกินไป ต่อให้ศัตรูจะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และต่อให้โลกนี้จะเป็นถิ่นของศัตรู แต่ว่าในแง่ของการผสานศักยภาพแล้วพวกเขาแข็งแกร่งกว่าจนผลักดันให้ศัตรูต้องถอย
[ได้ยังไงกัน…?]
ศัตรูได้ถามกันขึ้นมาเมื่อได้เห็นพรรคพวกได้ตายไปโดยที่ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
[ทำไมนายถึงไม่ถูกโลกหยุดเอาไว้!]
ภายในโลกที่สวนอาทิตย์อัสดงปกครองอยู่ คนที่ไม่ได้อยู่ในกองกำลังตามปกติแล้วน่าจะถูกกดพลังเอาไว้สิ ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็ยิ่งจะได้รับผลมาก
[เส้นทางมารุยเซียถูกเปิดขึ้นได้ยังไงกัน!? นี่มันระดับผู้ปกครองแล้ว!]
[พลังของเราไม่ทำงาน แล้วแบบนี้พวกเขายังใช่ผู้ปกครองโลกใบนี้อยู่อีกงั้นหรอ!?]
“พวกนายคงไม่หวังให้ฉันตอบไปจริงๆหรอกนะ?”
ยังไงก็ตามปัญหาพวกนั้นได้ถูกแก้ด้วยบัญชาการลูกเรือ(แก้จากคำสั่งเดินทัพ)ของยูอิลฮาน สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทุกๆคนที่นี่ต่างก็เป็นลูกเรือของยูอิลฮานทำให้ได้รับการแบ่งพลังจากนักท่องมิติไป เพราะแบบนี้เองทำให้พวกเขาไม่ได้รับจากพลังของโลก
[นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย นี่มัน… อ๊าากกก!]
โลกใบนี้กว้างใหญ่และผู้เฝ้าประตูต่างก็กระจายกันอกไป แต่ยังไงก็ตามป้อมปราการลอยฟ้ามีความสามารถที่จะทำลายระยะห่างพวกนั้นได้ในพริบตาเดียว
ป้อมปราการทั้งสองแห่งที่มีพลังการต่อสู้ในตัวเองนั้นได้ปรากฏขึ้นและหายไปตามที่ต่างๆบนโลกจากความสามารถข้ามมิติของยูอิลฮาน และเพราะแบบนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตคลาส 5 ยอมแพ้กับการตามรอยพวกเขา
[พวกเราไม่อาจจะเผชิญหน้ากับพวกเขาได้]
[กำลังเสริมล่ะ? เมื่อไหร่กำลังเสริมจะมาถึง?]
[แต่ว่าในตอนนี้ กำลังเสริม… ไม่]
[ชิ!]
ผู้เฝ้าประตูได้หยุดพูดลงไปกลางกัน ในทันทีหลังจากนั้นกรงเล็บของโอโรจิก็ได้กวาดผ่านอากาศเข้ามาฉีกหัวใจเขาไป
[ถ้าจะคุยกันก็ค่อยคุยกันเมื่อสงครามจบสิ ที่นี่มีคนน่ารำคาญแบบนายท่านเต็มไปหมดเลย]
“ฉันได้ยินที่นายพูดนะโอโรจิ รีบๆขยับตูดของนายไปได้แล้วถ้ายังมีเวลาเอามาบ่นฉันน่ะ”
[อย่างน้อยนายท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ เข้าใจแล้ว ข้าจะไปอารวาดให้เต็มที่ซะหน่อย]
โอโรจิได้บีบหมัดและคลายหมัดหลายต่อหลายครั้งราวกับว่าเขารู้สึกว่าการต่อสู้จริงมันไม่ได้แย่เลย และเขาได้พุ่งเข้าไปหาศัตรูด้วยตัวเองด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าระดับของจิตวิญญาณโอโรจิจะต่ำอยู่ แต่ว่าตอนนี้เมื่อเคลื่อนไหวด้วยผลจากพรของนายูนา ทำให้ต่อให้โอโรจิจะดึงศักยภาพของร่างกายมาได้แค่ 30% ก็ไม่มีใครเลยที่สร้างบาดแผลให้กับเขาได้
[กำลังเสริมงั้นสินะ? พวกเขาคงไม่มาที่นี่เร็วๆนี้หรอกนะ]
เฮเรียน่าที่มองดูสนามรบได้พิงยูอิลฮานอยู่และหัวเราะออกมา
[ตอนนี้กำลังเสริมพวกนั้นก็คงจะยุ่งกับการต่อสู้ในโลกอื่นอยู่ใช่ไหมล่ะ?]
“เฮ้ นี่เธอก็ต้องไปปกป้องคนอื่นๆเหมือนกันนะ”
[ที่รักเป็นคนบอกฉันเองนี่ว่าให้ฉันอยู่ข้างๆเพราะกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่พัฒนาหากฉันก้าวออกไป]
“ฉันแค่บอกว่าไม่ให้เธอทำอะไร แล้วก็ฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอมาอยู่ข้างๆด้วย”
ยูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมาและตอบกลับไปอย่างเย็นชา กระจกจำนวนหนึ่งได้ยิงลำแสงออกไปตามท่าทางของเขาและดูดพลังเวทย์ที่ผู้เฝ้าประตูร่ายออกมาเพื่อช่วยคนกันพรรคพวก เมื่อศัตรูได้เห็นแบบนี้ต่างก็เบิกตากว้างอย่างตกใจและจบด้วยการตายลงภายใต้เงื้อมมือของกองทัพมังกร
“ฮีโร่ เราแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”
[กรรรร! พวกนายยังแกร่งขึ้นได้มากกว่านี้อีก!]
เด็กๆต่างก็บูชากันในพลังเหมือนกันกับยูมิล พวกเด็กๆต่างก็สอดประสานช่วยกันและกันทำให้เป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสนามรบ แน่นอนว่ายูมิลคือคนที่นำเด็กๆและทำหน้าที่ส่วนใหญ่ให้
[พะ พวกเราต้องหนีแล้ว]
[ถ้าว่าถ้าเราทอดทิ้งรุยเซีย…]
[แต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ต้องเอาตัวรอดนะ อ๊าากกก]
[ติดคริติคอล!]
“อ๊ะ โทษที”
“โจมตี! บุกเลย!”
เวทย์ของคิมเยซอลได้ทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้าลง และเอิลต้า คังมิเรย์ และคาริน่า มาลาเทสต้าก็ได้ใช้เวทย์ของพวกเธอจัดการฆ่าศัตรู การจัดการเหล่าคนหนีทัพจะเป็นหน้าที่ของพวกเธอ การแจกจ่ายหน้าที่ของยูอิลฮานได้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
[หัวหน้าของศัตรูอยู่ในปราสาทนั่น]
[ปราสาท… นั่นมันใช่ปราสาทหรอ?]
[ตอบมา ทำไมแกถึงทำเรื่องแบบนี้! แกไม่กลัวถูกเราเอาคืนงั้นหรอ!?]
[มันยังไม่สายเกินไปนะ! เผยตัวออกมาและยอมรับผิดกับสวนอาทิตย์อัสดงซะ]
ในตอนแรกศัตรูได้พยายามจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่จากนั้นพวกศัตรูก็รู้ตัวว่าไม่อาจจะทำได้และพยายามจะเรียกกำลังเสริม แต่ว่ามันไม่ได้ผลทำให้พวกศัตรูเลือกจะหนี และในตอนนี้แม้แต่การหลบหนีก็ล้มเหลวแล้วทำให้พวกศัตรูทั้งขอร้องและทั้งข่มขู่ออกมา สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีอายุกว่าพันปีไม่ได้ทำสิ่งที่แตกต่างไปจากมนุษย์เลย
“นี่มันไม่ตลกเลยนะ”
เมื่อยูอิลฮานได้ยื่นนิ้วออกมาด้วยรอยยิ้ม พันนัยน์ตาที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆก็ได้มารวมตัวกันในจุดเดียวจนเป็นกระจกขนาดใหญ่ คนที่รอดอยู่ได้รู้ถึงสิ่งที่เขากำลังจะทำและตัวแข็งทื่อกันจนหมด
“พวกนายคิดว่ามนุษย์จะยอมแพ้กับชีวิตแค่เพราะว่ามนุษย์กลัวในคนที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมาถึงน่ะหรอ?”
[ที่รักเท่ที่สุด เห็นแก่ตัวและชั่วร้าย!]
มนุษย์มักจะดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่เสมอ ตัวยูอิลฮานก็เป็นคนเช่นนั้น เขาไม่ได้คิดจะพิสูจน์ว่าตัวเองถูก หรือจะโทษว่าศัตรูเป็นฝ่ายผิด
แต่มันก็แค่ว่าผู้ที่รอดชีวิตเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชนะ
[ฉันจะ!]
“ยิงได้!”
เมื่อยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาเล่นๆ กระจกขนาดใหญ่ก็ได้ยิมพลังงานความเข้มข้นสูงออกไป
[อ๊ากกก!?]
ยิงไปที่ไหนกันล่ะ? ที่ที่ยิงไปก็คือประตูมิติขนาดใหญ่ที่เปิดขึ้นมากลางอากาศในรุยเซีย ภายในประตูมิติมีกำลังเสริมจากสวนอาทิตย์อัสดงที่ถูกส่งมาอยู่ แต่ว่านี่มันก็สายเกินไปนิด พลังงานลำแสงได้พุ่งตรงเข้าหาพวกเขาเหล่านั้นโดยไม่มีการหักเหใดๆ
[ได้ไงกัน…!]
[อ๊ากก!?]
มันไม่มีอะไรที่ซ่อนไปจากเขาได้ ยูอิลฮานได้อ่านการเข้าออกโลกใบนี้ผ่านพลังนักท่องมิติของเขา และจัดการสอยคนพวกนั้นให้ร่วงไปในทันทีที่เข้ามา
[ติดคริติคอล!]
กำลังเสริมมีมานับพันคน นี่มันก็เพราะว่าพวกเขารู้ดีถึงผลกระทบจากการที่โลกระดับสูงถูกขโมยไป แน่นอนว่ามีผู้เฝ้าประตูคลาส 6 อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ด้วย แต่แล้วพวกเขาก็ได้ตายลงไปโดยที่ยังไม่ได้เห็นศัตรูเลยด้วยซ้ำ
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับ…]
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 84]
ยูอิลฮานได้สะบัดมือลบข้อความวุ่นวายที่ปรากฏขึ้นมารัวๆ จากนั้นเขาก็มองเห็นเหล่าผู้เฝ้าประตูที่กำลังสิ้นหวังกันอยู่
[เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…]
[นี่มันฝันร้าย… พวกมันกำลังหลอกเราอยู่! สิ่งมีชีวิตชั้นสูง พวกมันคือกองทัพสวรรค์!]
ฉากที่กำลังเสริมทั้งหมดที่มาถึงได้ตายไปต่อหน้าต่อตาได้ทำให้ศัตรูหมดกำลังลงไป นี่เป็นภาพที่จะได้เห็นเฉพาะในฐานทัพหลักของแต่ละกองกำลังเท่านั้น นี่มันดูจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้กระทั่งเฮเรียน่าก็ยังมองมาที่ยูอิลฮานอย่างตกตะลึง
[ที่รักคงจะโจมตีแบบนี้ไม่ได้บ่อยๆใช่ไหม?]
“แน่นอนว่าไม่บ่อยแน่อยู่แล้ว ที่ฉันทำได้เพราะฉันได้ดูดเอามานาจากสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ตายไปในโลกนี้มาทำแบบนั้น”
[ขโมยพลังของโลกและทำลายสมาชิกของโลกใบนั้น นี่คือกลยุทธิ์การบุกที่สมบูรณ์แบบ…]
คนในสวนอาทิตย์อัสดงมีบันทึกที่ต่างกันมากมายเมื่อเทียบกับกองกำลังอื่นๆ เพราะแบบนี้ทำให้สกิลบันทึกของเขาได้พัฒนาขึ้นมามาก
ยูอิลฮานได้ตัดสินใจที่จะเอาทุกๆอย่างในโลกใบนี้ที่เอามาได้และสะบัดมือ กระจกขนาดมหึมาได้กระจายไปเป็นพันอันทั่วโลกในทันที และผู้เฝ้าประตูก็มีการตอบสนองที่ช้ามากเกินไปเพราะเอาแต่สนใจกระจกยักษ์
“มัวทำอะไรกันอยู่? โจมตีได้แล้ว”
“คะ ครับ!”
ยูอิลฮานได้ออกคำสั่งอย่างเช่นกัน พรรคพวกของเขาได้เข้าไปทำการโจมตีในทันที การกวาดล้างศัตรูในคราวนี้ไม่ได้ใช้เวลานานนัก
[คุณได้ฆ่าสมาชิกทั้งหมดในโลกระดับสูงที่สังกัดสวนอาทิตย์อัสดง สกิลจ้าวมิติได้เพิ่มเลเวลเป็น 64 คุณได้รับสิทธิ์ในการครอบครองโลกใบนี้]
[คุณยังขาดอีกหลายเงื่อนไขในการที่จะเป็นจ้าวแห่งโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ มีแค่คุณเติมเต็มเงื่อนไขเหล่านี้เท่านั้นคุณถึงจะได้รับสิทธิจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์ จนกว่าจะถึงตอนนั้นโลกจะถูกขโมยคืนกลับไปได้ง่าย]
ข้อความจำนวนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมา เขาได้อ่านอย่างตั้งใจและหยักหน้าออกมา งั้นนักท่องมิติก็เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่จะทำให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเหมือนกัน
ในเมื่อเขาได้มาไกลถึงขนาดนี้แล้วมันก็ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลอีกแล้ว เขาก็แค่ต้องเติมเต็มเงื่อนไขทั้งหมดนั่นเท่านั้นเอง
“จะไม่มีกำลังเสริมมาอีกแล้วงั้นหรอ?”
“ต่อให้พวกนั้นส่งมาก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันจะจัดการกวาดล้างพวกมันไปในทันที เอาล่ะถ้างั้นทุกๆคนเตรียวตัวรบเอาไว้ พวกนายทุกคนน่าจะเลเวลเพิ่มขึ้นมาเลยไม่ต้องพักกันใช่ไหม?”
“นายมันปีศาจจริงๆ”
การต้องสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสำหรับพวกเขาแล้วคือการเอาชีวิตไปเสี่ยง หากว่ามีอะไรผิดพลาดนั่นจะหมายถึงความตาย แต่ว่าถ้าทำสำเร็จพวกเขาก็จะพัฒนาขึ้นแน่นอน
จริงๆแล้วสมาชิกทุกๆคนที่เป็นลูกเรือก็ได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลมาจนเลเวลอัพทำให้พวกเขาเถียงกลับไปไม่ได้เลย มีบางส่วนที่ไม่ได้เลเวลเพิ่ม แต่ว่านั่นมันก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากในสนามรบทำให้พวกเขาบ่นไม่ได้เช่นกัน
“ถ้างั้นเราจะเดินทางกันเดี๋ยวนี้ จุดหมายต่อไปคือกองทัพปีศาจวิบัติ”
[นั่นเพราะว่าที่รักยังเกลียฉันอยู่สินะ?]
“ไม่ นั่นมันเพราะว่ารองจากสวนอาทิตย์อัสดงแล้วพวกกองทัพปีศาจวิบัติดูจะจัดการง่ายที่สุด”
ความคิดของยูอิลฮานก็ยังเป็นเช่นเดิม เฮเรียน่าก็ได้แต่หัวเราะออกมากับความคิดง่ายๆของเขา เขาได้จัดการเปิดใช้สกิลข้ามมิติทันที
สงครามเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น