Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 286
บทที่ 286 – เตรียมตัว (4)
[อย่ามาพูดไร้สาระ]
ผู้บัญชาการกองพันที่ 10 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติยักษานำแข็งเมโลฮิเน่ได้บ่นกับคำรายงานที่ลูกน้องของเธอรายงานมา
[เทบาต้าถูกขโมยไปงั้นหรอ? เทบาต้าคือโลกที่ไม่เคยถูกเจอมาก่อนเลยนะ ใครกันที่จะมีวิธีไปที่นั่นได้น่ะ? ผู้นำกองกำลังออกหน้าด้วยตัวเองงั้นหรอ? ถ้างั้นนายท่านของเราก็จะต้องออกหน้าด้วยเหมือนกัน!]
[มันไม่ใช่แบบนั้น]
ลูกน้องเธอได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
[ยูอิลฮานจากโลกเอิร์ท – เขาเป็นคนทำเรื่องนี้]
[…นี่เขากำลังจะกลายเป็นพระเจ้าองค์ที่ห้าจริงๆงั้นหรอ?]
เมโลฮิเน่ได้ตอบลูกน้องเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเช่นกัน การเกิดของพระเจ้าองค์ที่ห้า หากว่านี่เป็นเรื่องจริง แม้แต่เธอก็จะดูถูกเรื่องนี้ไม่ได้เลย
[ผมไม่รู้เรื่องนั้นครับ แต่ว่าคนที่กำลังปกป้องเทบาต้าได้ถูกกำจัดไปในทันทีและโลกก็ถูกขโมยไป ตอนที่กำลังเสริมไปถึง เขาคนนั้นก็จากไปแล้วและพวกเขานั้นก็สามารถจะกลับมาได้อย่างง่ายดาย แต่ก็อย่างที่ท่านรู้สึกในก่อนหน้านี้ พลังของกองกำลังได้ถูกทำลายไปแล้ว]
[ชิ]
มันไม่น่าจะมีแค่เธอที่ตกใจหลังจากที่โลกถูกยึดไป แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวแต่ว่าพลังของทั้งกองกำลังก็ได้เสียไปแล้ว พวกกองทัพปีศาจกระทั่งถูกกดดันกลับมาในระยะสั้นๆ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะได้โลกคืนมาแล้ว แต่ว่าพลังที่ถูกขโมยไปจะไม่ได้คืนกลับมาในเร็วๆนี้…
[คนที่สามารถจะเข้าไปในโลกที่ถูกปิดอยู่มีแต่ผู้นำของแต่ล่ะกองกำลังเท่านั้นที่ทำได้! นี่คือหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาคนนี้คือพระเจ้า! ให้ตายสิ ฉันรู้สึกอายจริงๆที่คิดจะดึงตัวเขาเข้ามาในกองกำลังเรา!]
เมโลฮิเน่ได้ตะโกนออกมาก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา สิ่งที่เธอเห็นคือกลุ่มของมอนสเตอร์ที่สังกัดกองทัพปีศาจวิบัติที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าปปะทะอยู่กับกลุ่มของเทวดาตกสวรรค์
ใช่แล้ว ในตอนนี้กองทัพปีศาจวิบัติกำลังทำสงครามอยู่กับเทวดาตกสวรรค์ในโลกของเทวดาตกสวรรค์ แน่นอนว่าโลกนี้คือโลกที่พวกกองทัพปีศาจวิบัติเคยมีข้อมูลมาก่อน หากเป็นโลกที่เทวดาตกสวรรค์ได้ซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดมันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบุกเข้าไปเว้นเสียแต่ว่าหัวหน้ากองกำลังจะออกหน้าด้วยตัวเอง
[บางทีนายท่านของเราอาจจะต้องเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่เราคิด… ยูอิลฮาน ฉันจะฆ่าแกแน่นอน!]
เธอได้เดาะลิ้นและพุ่งตัวออกไป ในตอนนี้เองเวทย์ที่อยู่รอบตัวเธอได้ถูกแช่แขงไปในทันที ไม่ว่าเธอจะผ่านไปตรงไหน มานาทั้งหมดในบริเวณที่ใกล้เคียงกับตัวเธอจะถูกแช่แข็งไปในทันที
[เจ้าพวกอีกาน่าขยะแขยง! ฉันจะย้อมพวกแกให้เป็นสีขาวเอง!]
ยักษ์ได้คำรามออกมาดังสนั่น คนที่ตอบกลับเธอก็คือปีกที่ 7 แห่งกองทัพจรัสแสงเฟเรอร์ ผู้ที่ดูแลรักษาการณ์ในโลกใบนี้
[มอนสเตอร์ที่น่าสงสาร ผู้บุกรุกที่บ้าบิ่น เฟเรอร์ผู้นี้จะเป็นคนพิพากษาพวกเธอเอง]
[ฮ่าห์ ก็ลองดูสิ!]
ยักษากับเทวดาตกสวรรค์ได้ปะทะเข้าด้วยกันอยู่กลางอากาศ หมัดของยักษาที่ดูเหมือนกับจะแช่แข็งโลกทั้งใบได้ถูกปีกหกข้างรับเอาไว้อย่างแผ่วเบา มานาของเฟเรอร์ได้ถูกรวบรวมอยู่ที่ปลายปีก ถูกบีบอัดจนถึงขีดสุดและยิงออกมา
[เทคนิคกระจอก!]
ยังไงก็ตามยักษาได้พุ่งตัวออกไปเหมือนกับหัวหอก สิ่งที่เธอภาคภูมิใจมากที่สุดเลยก็คือร่างกายที่ทนทานของเธอ! แต่ให้ระหว่างการต่อสู้ร่างกายเธอจะเสียหาย แต่ว่าเธอก็จะฟื้นฟูมันได้กลับมาแน่นอน ความแข็งแกร่งของกองทัพปีศาจวิบัติได้มาจากความบ้าบิ่นและพลังชีวิตที่น่าทึ่งนี้เอง!
[ลองเอาปีกอีกาพวกนั้นมาป้องกันนี่ดูซิ]
[ได้ตามที่เธอต้องการ นะ… น้ำแข็ง?]
เฟเรอร์ได้หยุดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อที่จะร่ายเวทย์สวนกลับการโจมตีของเมโลฮิเน่ แต่ในตอนที่เขากำลังรวบรวมเวทย์ จู่ๆมานาที่อยู่รอบตัวเขาก็หายไปและเวทย์ก็ถูกขัด
แน่นอนว่าเมโลฮิเน่ไม่ใช่คนโง่ที่จะพลาดในโอกาสนี้ หมัดที่เต็มไปด้วยพลังน้ำแข็งทั้งหมดของเธอได้ถูกซัดเข้าใส่เฟเรอร์อย่างไร้ความลังเล ปีกของเฟเรอร์ได้ถูกแช่แข็งและแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆทั้งแบบนี้
[คิคิ แกน่าจะไปหัดเรียนเวทย์ใหม่ตั้งแต่ต้นคงจะดีกว่านะ!]
[อ๊าาากก ได้ยังไกัน!? มานาของฉันไปไหน…]
เฟเรอร์ที่เสียปีกของเขาไปครึ่งหนึ่งจากความผิดพลาดเดียวได้ถอยไปอย่างสั่นกลัว แน่นอนว่าเมโลฮิเน่รู้เหตุผลที่เขาอ่อนแอลง เพราะนั่นมันก็เพิ่งจะเกิดขึ้นกับฝ่ายของเธอไม่นานมานี้เหมือนกัน
[ดูเหมือนเด็กนั่นจะกำลังทำให้ทุกๆคนกองกำลังมาเป็นศัตรู เคะๆ น่าสนุก เป็นชายที่น่าสนใจจริงๆ!]
[เด็ก… อย่าบอกนะว่าเป็นมัน?]
ในที่สุดเฟเรอร์ก็รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพยายามจะถอยไป แต่ว่าเมโลฮิเน่ไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ หากว่าเธอพลาดโอกาสครั้งใหญ่ในการสังหารศัตรูเธอก็คงจะทำกองทัพปีศาจวิบัติเสียชื่อแล้ว
[เพราะเด็กนั่นทำให้สงครามนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น! ดูเหมือนว่าฉันจะต้องตอบรับความใจดีนั่นแล้วสิ!]
[ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำนั่นจะทำได้สิ!? ไม่ กองกำลังที่ห้าจะปรากฏขึ้นมาจริงๆงั้นหรอ…? แต่ว่านายท่าน!]
[อย่าเอาแต่พูดเรื่องโง่ๆสิเฟเรอร์! ถ้านายมาเสียสมาธิต่อหน้าฉันในตอนนี้ เดี๋ยวคอนายจะหักเอานะ!]
เมโลฮิเน่ได้ตะโกนออกมาอีกครั้ง ส่วนเฟเรอร์ได้กัดริมฝีปากปล่อยมานาออกมาเผชิญหน้ากับเธออีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตามในตอนนี้ก็ยังคงมีคำถามจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในหัวเฟเรอร์อยู่
‘ทำไมนายท่านถึงได้สั่งให้เราแค่สังเกตการณ์เจ้าบ้านั่นด้วยล่ะ? พวกจำเป็นต้องกำจัดเขาออกไปเดี๋ยวนี้’
นี่มันเป็นเรื่องคำสั่งของตัวตนสูงสุดของกองกำลังที่สั่งกับผู้บัญชาการกองพันทั้งหมดของกองทัพจรัสแสง
มันไม่แปลกที่ตัวตนสูงสุดนั่นจะสนใจในขุมกำลังใหม่ แต่ยังไงก็ตามการปล่อยคนที่กำลังทำลายโลกของพวกเขาอยู่มันเป็นปัญหา
‘แต่ว่าสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดเลยคือ…’
เฟเรอร์ได้กัดฟันแน่นในขณะที่หลบหมัดจากเมโลฮิเน่ ชายคนนั้น ยูอิลฮานเพิ่งจะ…
[เจ้าบ้านั่นอยู่ไหนแล้ว!]
[เขาหายไปแล้วงั้นหรอ!? แต่เขายังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่เลยนะ]
[อะ อ๊ากกก คนที่อยู่ใต้การคุ้มครองจากกองทัพสวรรค์กล้าจะทำแบบนี!]
[พระเจ้า โลกใบนี้ยุ่งเหยิงไปกันหมดแล้ว!]
ในที่สุดสมาชิกของทั้งสี่กองกำลังที่กำลังสู้กันอยู่ก็ได้รู้ถึงสิ่งที่ยูอิลฮานทำหลังจากที่มีโลกถูกขโมยไป
ยูอิลฮานรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นยังไง และเขาก็ได้ใช้โอกาสนี้สร้างสถานการณ์ที่ซับซ้อนขึ้นมาเพื่อ…
[เขากำลังลดขุมกำลังของแต่ล่ะกองกำลังไปพร้อมๆกัน!? นี่เป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทำ! นี่เขามันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว!]
ในโลกแห่งที่สองที่เป็นของกองทัพสวรรค์ กลุ่มของยูอิลฮานได้เจอเข้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ยูอิลฮานได้หยั่งไหล่ออกมาทั้งๆที่เผชิญหน้ากับเทวทูตสวรรค์คลาส 7 รามิเอลที่กำลังคำรามออกมาอยู่
“มีใครกันที่ตั้งกฏไว้ว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไม่ได้งั้นหรอ? บอกฉันมาหน่อยสิ ฉันจะได้เล่นตามกฏให้ไง”
[…]
“ปกติแล้วคนที่ชอบยกกฏขึ้นมาพูดมักจะเป็นคนไม่ดี…”
“อืมม งั้นยูอิลฮานก็เป็นคนไม่ดีสินะ?”
[ผู้หญิงพวกนี้!]
รามิเอลได้หมดคำพูดไปเมื่อเห็นยูอิลฮานได้ตอบกลับมาและเลียร่ากับเอิลต้าก็ได้กระซิบกระซาบกันจนทำให้เขาต้องตะโกนขึ้นมา ประกายไฟรอบตัวเขาได้แสดงถึงความโกรธของเขาออกมาได้เป็นอย่างดี
[ทำไมพวกเธอถึงได้ไปยืนอยู่ฝั่งนั้นกัน! พวกเธอที่เป็นคนที่ทำงานให้กับกองทัพสวรรค์มาหลายต่อหลายปีกล้าชี้อาวุธมาที่ทูตสวรรค์เราได้ยังไงกัน!]
“ฉันก็คิดว่านี่มันโชคร้ายนะ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ด้วย”
เลียร่าได้ตอบกลับมาตรงๆ แต่ยังไงก็ตาม คำพูดต่อมาของเธอได้แสดงถึงจุดยืนของเธอ
“แต่ว่าถ้าฉันอยากจะอยู่เคียงข้างยูอิลฮาน ฉันก็รู้ว่าฉันจะต้องสู้กับทูตสวรรค์ในสักวัน”
[นี่เธอ!]
“มันเป็นปกติที่กองทัพสวรรค์จะ…”
“จะไม่ยอมรับในตัวตนที่ห้า”
เอิลต้าเป็นคนต่อประโยคให้จบลง เธอก็ได้ยิ้มแห้งๆออกมาเช่นกัน
[ตัวตนที่ห้างั้นหรอ?]
รามิเอลได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาหลังจากได้ยินแบบนี้
[ฉันรู้ว่าเขามีศักยภาพยังไง แต่ว่าตัวตนที่ห้างั้นหรอ? นี่พวกเธอคิดว่าการไปถึงระดับนั้นมันง่ายมากหรอ? โอเค ที่พวกเธอเป็นแบบนี้กันก็เพราะเชื่อว่าเขาเป็นแบบนี้งั้นสินะ?]
[จากที่ฉันเห็น เขาได้ไปถึงระดับนั้นแล้วรามิเอล นายนี่ยังผยองไม่เลิกเลยนะ]
[ใช่! เราไม่ยอมรับในพระเจ้าคนใดนอกไปจากนายท่านของเราเพียงผู้เดียว! นอกเหนือจากนั้นคือเส้นทางแห่งบาปและเป็นเส้นทางที่ห้ามไม่ให้มีอยู่อีก!]
รามิเอลได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ มานาที่เต็มอยู่ในโลกระดับสูงได้ถูกดูดเข้ามาหาเขาและเปลื่ยนกลายมาเป็นแสงสว่าง ฉากนี้คือการโจมตีที่น่ากลัวและน่าสะพรึง
[โอ้ นั่นมันดูน่าอันตรายเลย ดูเหมือนเขาจะถึงพลังทั้งหมดของโลกใบนี้มาล่ะ เจ้าสมองกล้ามเนื้อนี่]
เฮเรียน่ารู้สึกว่านี่ถึงตาเธอแล้วทำให้เธอก้าวออกมาแต่ว่ายูอิลฮานได้จับไหล่หยุดเธอเอาไว้ เมื่อเธอหันกลับไปมองอย่างสับสน ยูอิลฮานก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“นี่เธอคิดว่าฉันจะมาที่นี่โดยไม่คิดเผื่อว่าพวกเขาจะมาเลยงั้นหรอ?”
[ที่รักนี่คุณ?]
เมื่อรู้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ เฮเรียน่าได้แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ยูอิลฮานได้หยักหน้าของเขาและตั้งท่าเตรียมสู้โดยไม่พูดอะไรกับเธอเพิ่มอีก
“ใช่แล้ว ฉันจะสู้กับเทวทูตคลาส 7”
[ที่รัก…]
ไม่ว่ากองทัพปีศาจวิบัติจะรักในการทำลายและความทรมานมากแค่ไหน พวกเาก็จะไม่มีวันทำในสิ่งที่ยูอิลฮานจะทำในตอนนี้แน่ และยูอิลฮานเขากำลังทำสิ่งนี้โดยไม่สนใจอะไร เขากำลังจะสู้กับคลาส 7 ตรงๆโดยที่ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่
“ฉันยังขาดบันทึกของกองทัพสวรรค์อยู่เลย อืมม ตอนแรกฉันหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองทัพสวรรค์เพราะเลียร่ากับเอิลต้า… แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากจะลากถ่วงเวลาอีกต่อไปแล้ว”
สู้ก็เพราะเขาต้องการบันทึก? ที่เขามาหาคลาส 7 แค่เพราะแบบนี้งั้นหรอ?
เฮเรียน่าทำได้แต่หัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำพูดตรงๆจากยูอิลฮาน ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดแล้ว ผู้ชายที่เธอเลือกคือคนที่ดีที่สุดแล้ว
[ที่รัก… การที่ที่รักไปเข้าร่วมกองทัพปีศาจวิบัติอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะ ฟุฟุ เท่สุดๆเลย ฉันตกหลุมรักที่รักอีกแล้วสิ]
“อย่ามาแตะคนรักฉันอีกนะ!”
เลียร่าที่กำลังจัดการด้านอื่นได้ตะโกนมาทันทีแต่ว่าเฮเรียน่าก็ทำเพียงส่งเสียงหึกลับไป ยูอิลฮานได้ก้าวท้าวออกไปด้านหน้าในขณะที่มองกลับไปหาพรรคพวกของเขาทั้งๆที่เขากำลังเผชิญหน้ากับคลาส 7 อยู่
“มิล พ่อคิดว่าพ่อต้องการให้ลูกช่วยแล้วล่ะ”
[ผมกำลังรออยู่เลยครับพ่อ!]
[นายคิดว่ามนุษย์จะก้าวข้ามสิ่งที่เหนือกว่าแค่เพราะมีมังกรงั้นหรอ!]
“เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจและกระโดดไปบนตัวยูมิลที่เปลื่ยนเป็นร่างมังกรอยู่ ยูมิลได้แบ่งปันจิตสำนึกกับยูอิลฮานและพุ่งไปข้างหน้าเพื่อเผชิญกับสายฟ้าและแสงที่รามิเอลปล่อยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“ฟู่….”
[ฟู่….”
ด้วยศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงหน้าทำให้พวกเขาได้ผสานลมหายใจเข้าด้วยกัน เมื่อพวกเขาได้สอดประสานกันลึกซึ้งแล้ว จิตวิญยาณแห่งเพลิงก็ได้ปกคลุมผิวหนังของยูอิลฮานและเกราะร่างมนุษย์มังกรก็ได้มาปกคลุมอีกชั้นหนึ่ง – ในตอนนี้ชุดเกราะทั้งสองได้รวมกันเป็นชุดเกราะร่างมังกรจิตวิญญารเพลิงและทำให้ระดับพลังของยูอิลฮานพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เอาล่ะ มาสู้กันเลย”
มังกรแห่งเพลิงที่อยู่ในส่วนลึกในร่างและจิตวิญาณของยูอิลฮานได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาคำรามเข้าใส่ศัตรู
[นาย…?]
สีหน้าของรามิเอลได้เปลื่ยนไปหลังจากที่รู้สึกได้ถึงเศษเสี้ยวพลังของยูอิลฮาน รามิเอลที่ดูถูกยูอิลฮานเพราะความยโสของเขาได้เริ่มคำว่า ‘ถ้าเกิด’ ขึ้นมา
[นายซ่อนพลังมากแบบนี้ไว้ในร่างได้ยังไงกัน? ทั้งๆที่ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ…?]
“นับจากนี้ไปนายก็จะได้รู้เองนั่นแหละ”
ยูอิลฮานได้แสยะยิ้มออกมาและยิ้มหอกขึ้น หอกของเขาได้สร้างขึ้นมาจากเพลิงเพียงเท่านั้น เมื่อได้เห็นปากของมังกรที่ปลายหอก ดวงตารามิเอลก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา บางที บางที เขาอาจจะเป็นไปแล้ว…
[ฉันยอมรับไม่ได้!]
“มาสู้กันเทวทูต!”
การต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดทั้งสองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว