Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 290
บทที่ 290 – เตรียมตัว (8)
[ถ้านั่นเป็นเทวทูตจริง คนๆนั้นคงไม่ต้องซ่อนตัวหรอกน่า]
[แต่ถึงจะไม่ใช่เทวทูต แต่เราต้องหยุดคนๆนั้นด้วยงั้นหรอ? คนที่กำลังตายไปมีแค่คนทรยศนี่]
[แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงกันล่ะว่าคนที่ตายไปเป็นคนทรยศจริงๆน่ะ? ถ้าเกิดว่ามีเวทย์ที่เปลื่ยนบันทึกของคนที่ตายไปได้ล่ะ…]
[นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยนะ ถ้าคนที่มีพลังขนาดนั้นมาเป็นศัตรูเรา เราก็ไม่อาจจะทำอะไรเขาคนนั้นได้อยู่ดี]
[งั้นเราจะต้องยอมรับความตายแบบนี้เนี้ยนะ?]
[ถ้านายไม่ใช่คนทรยศ นายก็ไม่ต้องกลัวตายนี่! ฉันไม่ใช่คนทรยศเพราะงั้นมันไม่มีเหตุผลให้ฉันต้องกลัว]
การมีปากเสียงกันระหว่างคนทรยศกับทูตสวรรค์ที่อยู่ในโลกใบนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ยูอิลฮานพบว่านี่มันเป็นฉากที่ดูน่าสนใจมากเพราะว่าตัวเราเป็นคนที่รู้ว่าใครทรยศบ้าง
“ทำไมถึงมีคนทรยศมากขนาดนี้….?”
“ฉันก็อยากเชื่อว่ามีคนทูตสวรรค์คลาส 6 ที่ทรยศอยู่ไม่กี่คนเหมือนกันนะ แต่ฉันไม่มั่นใจแล้วสิ”
ยูอิลฮานได้หยักไหล่ตอบกลับคำพูดที่ดูสิ้นหวังของเลียร่า และในท้ายที่สุดทูตสวรรค์ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว
[ทุกๆอย่างมันจะชัดเจนเมื่อฉันตาย ดูนะ ฉันไม่ใช่คนทรยศ! หากว่าฉันตายเพราะการลอบโจมตี คนที่ทำแบบนั้นก็จะต้องเป็นศัตรูของสวรรค์แน่!”
เลือดสีขาวได้กระจายออกไปทั่ว นี่เป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ใช่คนทรยศ! ทูตสวรรค์คนอื่นๆที่มองมาที่เขาต่างก็ทำร้ายตัวเองตามกันทั้งนั้น เลือดสีขาวได้สาดกระจายออกไปจนทั่ว นี่มันแย่กว่าหนังตลกดาษดื่นอีกนะ สีหน้าของเลียร่าได้สดใสขึ้นมา
“ดีจังเลย คนที่แสดงเลือดของพวกเขาออกมาน่าจะไม่ใช่ศัตรู…”
“อ๊าา เจ้าพวกนั้นทุกคนโกหกอยู่”
เป็นธรรมดาที่เลือดของคนทรยศจะเป็นสีเทา ยังไงก็ตามหากเป็นแบบนั้นมันไม่ใช่ว่าคนทรยศทุกๆคนก็คงจะถูกเจอตัวไปนานแล้วหรอกหรอ? ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างการบาดเจ็บในระหว่างทำภารกิจบางอย่างก็ได้ กองทัพจรัสแสงกับคนทรยศไม่ใช่คนโง่ พวกเขาทุกคนต่างก็มีเวทย์ที่จะปลอมแปลงบันทึกของพวกเขา
“พวกนั้นมันกล้าที่จะหลอกฉันงั้นหรอ”
[ดูสิ ฉันไม่ใช่คนทรยศ… อั๊ก!]
หัวของคนทรยศที่กำลังภาคภูมิใจกับเลือดสีขาวของเขา จู่ๆก็ระเบิดออกมา และเลือดสีเทาได้กระจายออกไปจนทั่ว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทูตสวรรค์ทุกๆคนในโลกนี้ต่างก็ตัวแข็งทื่อ
[ทูตสวรรค์… ตกเป็นเป้าหมายจริงๆงั้นหรอ? แล้วบันทึกของคนพวกเราก็จะถูกเปลื่ยนแปลงไปในตอนตายงั้นหรอ?]
[นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลย แต่ว่าเมื่อกี้นี้มัน…]
ความกังขาได้กระจายไปสู่ทูตสวรรค์ทุกๆคน สำหรับคนที่ไม่ได้ทรยศพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเวทย์ที่ปลอมแปลงบันทึกตัวเองได้ เพราะแบบนี้พวกเขาก็เลยตื่นตระหนกไปด้วย ยังไงก็ตามสีหน้าของเลียร่าที่เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
“อิลฮาน ถ้าเป็นแบบนี้…”
“อืม ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้อยู่แล้ว”
ยูอิลฮานได้ยิ้มขึ้นและสร้างหอกขึ้นมาแปดอันในคราวเดียว จากนั้นก็ขว้างออกไปด้วยสกิลแม่นยำสัมบูรณ์
หัวของคนทรยศแปดหัวได้ระเบิดออกไปพร้อมๆกันทันที แน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็ยังเป็นคนที่กรีดแขนตัวเองพิสูจน์ความบริสุทธิ์อีกด้วย
[ถ ถอย! นี่ต้องเป็นแผนของกองทัพจรัสแสงที่คิดจะโจมตีกองทัพสวรรค์เราแน่!]
[ระ รายงานเรื่องนี้ไปให้เทวทูตหรือยัง!?]
[หาศัตรูเร็วเข้า พวกเราจะต้องรีบล้มศัตรูให้ได้!]
สถานการณ์ในตอนนี้ได้เปลื่ยนแปลงไปเป็นเอื้อประโยชน์ให้กับเหล่าคนทรยศ นี่คือสิ่งที่คนทรยศตั้งใจกันเอาไว้อยู่แล้ว และนี่ก็คือสิ่งที่เลียร่าเป็นกังวล แต่ไม่ว่ายังไงยูอิลฮานก็ยังคงยิ้มอยู่
“มาลองดูกันดีกว่า”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานอีกสกิลหนึ่ง ในตอนนี้เองการเชื่อมต่อที่มองไม่เห็นระหว่างโลกได้ถูกตัดขาดไปทันที ทูตสวรรค์ที่รู้ถึงเรื่องนี้ก็รู้ตัวแล้วว่ามันสายเกินไป
[…เอ๊ะ!?]
[ฉันออกไปไม่ได้ โลกใบนี้ถูกปิดลงแล้ว!]
[สกิลจ้าวมิติได้เพิ่มเลเวลเป็น 78]
[เป็นไปได้ยังไงกัน! เหล่าท่านผู้สูงส่งได้ลงมาที่โลกใบนี้งั้นหรอ!?]
[งี่เง่า มันไม่มีใครที่สูงส่งไปกว่าท่านเทพเจ้าอีกแล้ว! พวกเรายอมรับในเรื่องนี้ไม่ได้!]
ทูตสวรรค์ทุกๆคนต่างก็ตกตะลึง แน่นอนว่าคนทรยศได้อยู่ในสภาพที่แย่กว่ากัน และยูอิลฮานก็ได้ทำการฆ่าไปทีล่ะคนเช่นเดิม เลียร่าที่เห็นฉากนี้ก็ได้แต่ตกตะลึงเช่นกัน
“พระเจ้า… อิลฮาน นี่นาย นายฆ่าไปมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ…?”
“ระวังตัวเอาไว้ด้วนะเลียร่า ฉันป้องกันไม่ให้คลาส 7 เข้ามาไม่ได้”
ยิ่งสกิลจ้าวมิติและสกิลบันทึกของเขาได้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเขาทำเรื่องอะไรในเโลกที่ไปมากเท่าไหร่ เวลาที่จะใช้สกิลของเขาก็จะลดลงไปด้วย ในตอนนี้ยูอิลฮานได้ฆ่าคนทรยศในโลกระดับสูงไปมากมาย ในตอนนี้ยูอิลฮานสามารถที่จะห้ามไม่ให้ทูตสวรรค์คลาส 6 เข้าออกโลกใบนี้ได้ด้วยพลังของตนเองได้แล้ว
[สกิลจ้าวมิติได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 79]
“หืมม การฝึกฝนจะทำให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
[อ๊ากกกกกกก!]
[ฉะ ฉัน! ฉันไม่ใช่คนทรยศนะ… อั๊ก!]
คนที่ร้องออกมาว่าตัวเองบริสุทธิ์ต่างก็ได้เริ่มตกตายลงไป ศพของเหล่าคนที่ตายได้ถูกนำเอามาเก็บไว้ภายในช่องเก็บของของยูอิลฮาน ทูตสวรรค์ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว พวกเขาทั้งหนีไม่ได้ หายูอิลฮานก็ไม่เจอ รายงานไปหาพวกระดับสูงก็ไม่ได้ รวมไปถึงแยกตัวคนทรยศก็ไม่ได้ด้วย! พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว
[ถะ ถ้างั้นเราทุกคนก็จะตายกันไปหมดทั้งแบบนี้งั้นหรอ?]
[คะ คงจะเป็นแบบนั้น]
[ฉันไม่ยอม!]
ทูตสวรรค์บางคนได้เริ่มแสดงนิสัยแย่ๆออกมา และพวกเขาได้ยอมแพ้ไปรวมตัวกันในจุดๆหนึ่ง แน่นอนว่าทูตสวรรค์ที่กำลังมองอยู่ก็รู้ได้ในทันที
[อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้คือ!]
[ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้ฉันรู้ความจริงแล้ว ฉันไม่มีเหตุผลให้ต้องภักดีกับสวรรค์อีกแล้ว!]
[พวกเราจะต้องเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุด… ฉันจะยอมแพ้กับการเป็นทูตสวรรค์เดี๋ยวนี้แหละ!]
[โอ้ ท่านผู้สูงสุดแห่งปีกทมิฬ ได้โปรดมอบปีกแห่งความจริงให้เราด้วยเถิด! อั๊ก!]
“กล้ามาเลยนะ”
เมื่อคนทรยศได้เผยตัวตนออกมาและกำลังพยายามจะกลายไปเป็นเทวดาตกสวรรค์ หอกของยูอิลฮานที่ปาออกมาด้วยสกิลหอกสะบั้นจักรลายผสานกับหอกไร้วิถีจนเกิดเป็นการโจมตีกระจายออกไปในทุกๆที่ที่คนทรยศอยู่ในทันที
[สกิลหอกสะบั้นจักรวาลได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 93]
มันไม่มีเหตุผลที่ยูอิลฮานจะปล่อยให้พวกทูตสวรรค์คลาส 5 กลายไปเป็นเทวดาตกสวรรค์อยู่แล้ว!
[ทั้งหมดนั้นเป็นคนทรยศหมดเลย…]
[นี่เขาคนนั้นจะต้องมีพลังของคลาส 7 อยู่แล้ว ฉันมั่นใจ!]
[แต่ว่าแบบนี้คนทรยศ อึก!]
ยังไงก็ตามมีคนทรยศที่ปะปนอยู่ในหมู่ทูตสวรรค์ได้พ่นเลือดสีเทาออกมาและล้มลงไป คนพวกนี้คือพวกคนชั่วที่ยังคงทำเป็นแสร้งเป็นทูตสวรรค์อยู่ในขณะที่คนอื่นๆเผยตัว แต่ไม่ว่ายังไงคนพวกนี้ก็ได้ตายลงไปเช่นกัน
[ติดคริติคอล!]
[อ๊ากก ได้ยังไงกัน…!]
[ฉันไม่อยากจะตายที่นี่…]
“ถ้าอยากจะหลอกฉันคราวหน้าก็ลองย้อมปีกเป็นสีแดงดูสิ อย่าทำเป็นสีดำเลย!”
“นี่มันไม่ขำเลยนะอิลฮาน!”
เมื่อคนทรยศทั้งหมดตายไปยูอิลฮานถึงได้หยุดปาหอกของ ตอนนี้ทูตสวรรค์ที่อยู่บนโลกใบนี้กว่า 40% ได้ตายไปแล้ว และคนที่ยังรอดอยู่ต่างก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ยังไงก็ตามมันไม่มีหอกใดๆถูกขว้างออกมาอีกแล้วทำให้พวกเขาสามารถกลับมาสงบลงได้
[การโจมตีที่น่ากลัวนั้นหยุดลงแล้ว…]
[ทุกๆคนที่ตายไปเป็นคนทรยศหมดเลยจริงๆงั้นหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่ามีคนที่ไม่ใช่คนทรยศอยู่ด้วย?… โอ้ นี่มันน่ากลัวอะไรแบบนี้?]
[หอกแห่งเพลิง เขากำลังทำอะไรกันนะ?]
[อย่าบอกนะว่าเป็น… ท่านมิคาเอล?]
ทูตสวรรค์ได้ใช้เวทย์ของพวกเขาลบรอยเลือดของคนทรยศที่กระจายอยู่ทั่วๆออกไป และหันมาคุยกันด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว ยูอิลฮานได้แต่สงสัยเมื่อได้ยินคนพวกนี้คุยกันและหันไปถามกับเลียร่า
“นี่มิคาเอลที่พูดถึงกันนี่ใช่มิคาเอลเดียวกันที่ฉันรู้จักป่ะ?”
“ใช่แล้ว เทวทูตแห่งเพิลง และเป็นตัวแทนของท่านเทพเจ้า เขาคือหมายเลขสองอย่างเป็นทางการของกองทัพสวรรค์ เขาอยู่ในระดับที่ต่างไปจากเทวทูตคนอื่นๆที่อยู่ในคลาส 7 อย่างสิ้นเชิง และเขากระทั่งสู้กับหัวหน้าของเหล่ากองทัพจรัสแสงได้อีกด้วย เพราะงั้นจะพูดว่าเขาแทบไปจะถึงคลาส 8 แล้วยังได้เลย”
สู้กับคลาส 8 ได้ทั้งๆที่อยู่คลาส 7 งั้นหรอ? แล้วยังไงกันล่ะ? ตัวยูอิลฮานที่อยู่คลาส 4 ยังสู้กับคลาส 7 ได้เลยนี่ เลียร่าที่เป็นกังวลว่ายูอิลฮานอาจจะคิดอะไรแบบนี้ได้จับมือเขาแล้วรีบพูดออกมาทันที
“ต่อให้เป็นอิลฮาน นายก็ไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ในตอนนี้แน่ เพราะงั้นถ้าเจอกับเขาก็หนีไปทันทีเลยนะ โอเคไหม? ต่อให้นายจะเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา แต่ว่าในตอนนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยนะ เข้าใจฉันใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเลียร่า”
หากยูอิลฮานไม่ไปหาก่อนก็จะไม่มีใครที่หาเขาได้ ยูอิลฮานได้จับมือของเลียร่ากลับไปและใช้อีกมือหนึ่งลูบหัวยูมิล
“ขอบคุณที่รอนะ ตอนนี้เราจะไปโลกถัดไปกันแล้ว”
[ได้เลยครับ!]
ยิ่งยูอิลฮานฆ่าคนทรยศไปมากเท่าไหร่ ข้อมูลที่เกี่ยวกับโลกที่คนทรยศอยู่ที่เขาได้มาก็มากขึ้นเท่านั้น ตราบใดที่ตัวเขายังมีสกิลบันทึกและสกิลข้ามมิติอยู่ คนทรยศที่วางแผนจะซ่อนตัวอยู่ในกองทัพสวรรค์ก็ไม่อาจจะหนีไปได้ ในตอนนี้ยูอิลฮานก็เหมือนกับแมงมุมที่กำลังชักใยทุกๆอย่างอยู่
[สกิลข้ามมิติได้เพิ่มเลเวลเป็น 69]
“โอ้ ที่นี่มีแค่นิดเดียวเอง”
“จริงหรอ?”
“ใช่แล้้ว จากทูตสวรรค์ 397 คนมีแค่ 138 คนเอง”
“…”
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับ…]
[อ๊ากกกกก!]
[ทะ ท่านซาตาน!]
[ซาตาน!? นะ นายเป็นคนทรยศ!?]
[นายก็อีกคน!]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
การสังหารอย่างไร้ปราณีได้ผ่านไปเรื่อยๆ ยูอิลฮานได้จัดการกวาดล้างคนทรยศไปมากกว่ายี่สิบโลกที่อยู่ภายใต้การจัดการของกองทัพสวรรค์แล้ว
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ 80% ของคนทรยศจะเป็นคลาส 5 แต่ว่าจำนวนของคลาส 6 ก็มีมากเหมือนกัน ในบางครั้งหอกขว้างของยูอิลฮานก็ไม่อาจจะจัดการได้ในทีเดียวทำให้ยูอิลฮานต้องเผยตัวออกไปสู้เช่นกัน
[นาย เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ?]
“แล้วทำไมล่ะ? การร่วงหล่น!”
[สกิลการร่วงหล่นได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 68]
[พระเจ้า เพลิงพวกนี้มัน!]
“ถ้าตกใจเสร็จแล้วก็เข้ามาเลย!”
[กรรรรรรรรรรร!]
ภาพยูอิลฮานที่สวมเกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิงที่สู้อยู่บนหลังของยูมิลดูเหมือนกับอัศวินมังกร และไม่มีใครคิดเลยว่ายูอิลฮานเป็นมนุษย์ แต่แน่นอนว่าหลังจากได้เห็นเลียร่าข้างหลังยูอิลฮาน บางคนก็พอจะรู้อะไรได้บางอย่าง แต่นั่นก็ไม่ได้เปลื่ยนอะไรอยู่ดี
เวลาได้ผันผ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้ได้มีโลก 68 แห่งแล้วที่ทั้งสามคนได้ไปเยือน โลกใบที่ 68 นี่มีขนาดใหญ่กว่าโลกอื่นๆและมีชื่อว่าเฟย์ร่า
[สกิลข้ามมิติได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 84]
เลียร่าได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจในทันทีที่ได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
“เฟย์ร่า…! นี่มันคือโลกที่ใกล้จะจะเจอกับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 แล้วนะ! อิลฮาน ที่นี่ ที่นี่มัน!”
“ใช่แล้ว เราเจอแจ๊คพ็อตใหญ่ล่ะ ที่นี่มีคนทรยศกว่าพันคนเลยนะ มีกระทั่งคลาส 7 อยู่คนนึงด้วย!”
“นี่นายกำลังจะไปสู้งั้นหรอ? นี่นายเอาจริง กรี๊ดดดดดด!”
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบ…]
[นี่มันอะไร!?]
[อืมมม!?]
ในเวลาเดียวกันได้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น การที่ยูอิลฮานไล่สังหารคนทรยศไปได้เป็นการยั่วยุคนทรยศคลาส 7 และก็ได้มีเทวทูตคลาส 7 อีกคนที่จู่ๆก็เข้ามาที่โลกใบนี้
[…ที่นี่ก็วุุ่นวายเหมือนกันงั้นหรอ?]
[ทะ ท่านราฟาเอล!?]
นี่คือหนึ่งในสี่ยอดเทวทูตแห่งกองทัพสวรรค์ – ราฟาเอลแห่งการรักษา ในที่สุดยูอิลฮานก็ได้เจอเข้ากับทูตสวรรค์คนนี้แล้ว