Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 295
บทที่ 295 – ความสำเร็จ (5)
การสร้างคืออะไร? ยูอิลฮานไม่เคยสร้างอะไรจากความว่างเปล่าเลย และเพราะแบบนี้เขาก็เลยไม่รู้ว่าการสร้างที่แท้จริงเป็นยังไง
การสร้างที่เขารู้จักนั้นคือการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้วมาเปลื่ยนไปเป็นอย่างอื่น เขาได้ก้าวหน้าขึ้นไปจนทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายไปเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
หากมีวัตถุดิบมากพอ เขาจะสร้างอะไรขึ้นก็ได้ เขามั่นใจในการทำแบบนี้
[มันยังไม่สายเกินไป เรายัง…]
[ทะ ท่านมิคาเอล!]
[กล้าดียังไง!]
[หลีกไป… พวกอีกาโสโครก อย่ามาขัดต่อประสงค์ของพระเจ้า!]
น้ำเสียงของทูตสวรรค์และเทวตกสวรรค์ได้ดังขึ้นมาจากไกลๆ ยูอิลฮานที่ได้ยินแบบนี้ได้คิดขึ้นกับตัวเอง
ฉันจะต้องพยายามทำอะไรอีกกันล่ะ?
“ใช่แล้ว การสร้างไงล่ะ”
แล้วสร้างอะไร?
“ตัวฉันเอง”
ตัวตนจริงของเขาได้ถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบที่มาจากชีวิตของเขา ช่างตีเหล็กคือตัวเขาเอง ในขณะที่เพลิงนิรันดร์ อิชจาร์และยูมิลจะเป็นคนช่วยเขา อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็จะทำในหน้าที่เดียวกัน ผสานเพลิงและมังกรภานในตัวเขาให้เป็นหนึ่งและทำให้เขายกระดับขึ้นเป็นตัวตนที่ต่างไปจากเดิม
“ฉันต้องการเพลิงยิ่งกว่านี้”
ถ้าจะมีอะไรที่ไม่น่าพอใจก็คงเป็นเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าตัวยูอิลฮานในตอนนี้อยู่ในระดับที่สร้างไฟขึ้นมาเองและควบคุมไฟพวกนั้นได้แล้ว แต่ว่าเขาก็จะต้องทำแบบเดียวกันนี้กับมานามังกรด้วยเช่นกัน
เพลิงนิรันดร์กับอิชจาร์ได้ให้การสนับสนุนทางด้านพลังเพลิงและพลังมังกรไปตามลำดับ นอกจากนี้ยูมิลยังเป็นคนคอยส่งมานามังกรให้เขาอีกด้วย เพราะแบบนี้ทำให้พลังมังกรของเขามีมากกว่าพลังเพลิงที่เขามีเล็กน้อย
เขาจะต้องรักษาสมดุลของพลังทั้งสองอย่างเอาไว้ เขาจะทำได้ไหมนะ? ทำได้ยังไงกันล่ะ? ในตอนที่เขาได้คิดแบบนี้ เขาก็ค้นพบถึงแหล่งพลังงานเพลิงจากภายนอกที่กำลังเข้ามาใกล้เขา
“นี่แหละ”
คนที่กำลังเต็มไปด้วยความเกลียดชังมิคาเอล ดูเหมือนว่าเทวดาตกสวรรค์จะไม่อาจหยุดเขาไว้ได้ทำให้มิคาเอลส่งออร่าเพลิงมาจนถึงตัวยูอิลฮานตรงๆ
หากว่าทูตสวรรค์ไม่ได้ขวางมิคาเอลเอาไว้ ยูอิลฮานก็คงจะได้พลังเพลิงนี้มาสร้างตัวเองจนเสร็จแล้ว… พวกเทวดาตกสวรรค์นี่ไม่ได้ทำอะไรดีเลย
[ถึงฉันจะคิดว่านี่มันเป็นเรื่องโชคร้ายมากๆ.. แต่เราปล่อยให้นายมีตัวตนอยู่ไม่ได้ เราจะดูแลเอิร์ธโลกของนายเอง เพราะงั้น… ตายๆไปซะ!]
มิคาเอลที่สลัดปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสงหลุดแล้ว ได้บินเข้ามาหายูอิลฮานและขว้างหอกเพลิงที่เต็มไปด้วยมานาของเขาเข้าใส่
ปีกที่ 4 แห่งกองทัพจรัสแสงซาเทียได้พยายามจะหยุดหอกเพลิงเอาไว้ก่อนถึงตัวยูอิลฮาน แต่ว่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติเคสเช่นที่ได้กลืนกินปีกที่ 5 ไปแล้วได้เข้ามาขวางเธอได้
[มอนสเตอร์สารเลวนี่…!]
[เจ้านั่นกำลังย่างยูอิลฮานให้ฉันกิน ฉันไม่ให้เธอไปขวางก่อนอาหารจะเสร็จหรอกนะ!]
ยูอิลฮานได้เฝ้ามองดูการเป็นไปของการต่อสู้นี้และหัวเราะออกมา ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะขยับตำแหน่งของอ่างแห่งปาฏิหาริย์เล็กน้อง ในเวลาต่อมาหอกเพลิงก็ได้พุ่งตรงเข้ามาในอ่างแห่งปาฏิหาริย์นี้
หอกเพลิงที่ควรจะทำลายทั้งอ่างแห่งปาฏิหาริย์รวมไปถึงยูอิลฮาน ได้สูญเสียพลังทั้งหมดไปและเหลือเพียงพลังงานที่รุนแรงอยู่เต็มอ่างแห่งปาฏิหาริย์เท่านั้น
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 39]
“ไม่ ไม่สิ ฉันไม่ได้จะสะท้อนมันกลับไป แต่ก็นั่นแหละ”
ยูอิลฮาน ‘ได้สวนกลับ’ การโจมตีจากมิคาเอลที่ได้ชื่อว่าเป็นรองเทพเจ้า เพราะงั้นทำให้เป็นธรรมดาที่เลเวลสกิลจะเพิ่มสูงขึ้นมา
ยังไงก็ตามถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะได้โอกาสสร้างบาดแผลให้กับมิคาเอล แต่ว่าเขาก็ยกเลิกสกิลกลางทางและดูดเอาเพลิงที่มาจากการโจมตีไป
“ขอบคุณนะ นายได้ช่วยฉันเติมเต็มชิ้นส่วนสุดท้าย”
[พระเจ้า…]
มิคาเอลที่เห็นเพลิงถูกขโมยไปทำให้เขารู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและพึมพัมอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งเขาเข้าใกล้ยูอิลฮานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นชัดว่ายูอิลฮานกำลังทำอะไรอยู่
ภายนอกยูอิลฮานยังอยู่ในร่างมนุษย์อยู่ แต่จริงๆแล้วเขาจะเป็นอะไรก็ได้แม้แต่มนุษย์ ในตอนนี้องค์ประกอบที่สร้างคนที่ชื่อว่ายูอิลฮานขึ้นมากำลังถูกย่อยสลายไป องค์ประกอบพวกนี้ได้พักลงไปเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดและได้ผสานเข้ากันใหม่อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
[นายเป็นไปแล้ว…]
“ใช่”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“พวกนายมาสายเกินไปแล้ว”
[ฉันไม่ยอมรับ!]
มิคาเอลได้สร้างเพลิงขึ้นมาอีกและโยนออกมา ยังไงก็ตามนี่มีแต่ช่วยทำให้กระบวนการสร้างของยูอิลฮานเท่านั้น
หากว่ามิเชลเป็นทูตสวรรค์ที่ใช้พลังธาตุอื่นๆที่ไม่ใช่ไฟ แต่เป็นน้ำหรือน้ำแข็ง มิคาเอลก็น่าจะชะลอการสร้างของยูอิลฮานออกไปได้ แต่ว่าในตอนนี้ยูอิลฮานได้มาอยู่ในระดับใหม่แล้วทำให้เพลิงทั้งหมดของมิคาเอลถูกยูอิลฮานควบคุมไป
[มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน กาเบรียลไม่เห็นบอกเราเลยว่ามันจะสายเกินไป การมองอนาคตของเรายังไม่…]
“มองอนาคต… พยากรณ์….”
ยิ่งมิคาเอลเข้าไปใกล้ยูอิลฮานเท่าไหร่ มานาแห่งเพลิงของเขาก็จะถูกไปให้ยูอิลฮานมากเท่านั้น การผสานกันระหว่างยูอิลฮานกับอ่างแห่งปาฏิหาริย์ในตอนนี้ได้ส่งเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าออกมาและกระทั่งทำให้สิ่งมีชีวิตที่นี่ถึงกับหูอื้อ
“ฉันเบื่อแล้วก็เหนื่อยกับเรื่องบ้าพวกนี้เต็มทีแล้ว ตอนทำแบบฝึกหัดในหนังสือฉันยังไม่เคยไปดูเฉลยเลยสักครั้ง”
นี่มันเป็นเรื่องโกหก ในตอนที่เขาไม่เข้าใจยูอิลฮานก็มักจะไปดูเฉลยอยู่บ่อยครั้งๆ
ยังไงก็ตามการทำแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกโล่งใจในเวลาทำโจทย์ได้ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาโล่งใจแบบนั้นนั่นแหละคือสิ่งที่อันตรายที่สุด หลังจากนั้นยูอิลฮานก็จะหยุดดูเฉลย
ยูอิลฮานชอบความไม่รู้มากกว่า
เขาชอบความอิสระ
เขากระทั่งชอบความเงียบเหงา แต่ว่าในทางกลับกันเขาก็ชอบความวุ่นวาย
เขาชอบในทุกๆอย่างที่เขารักและรักเขา และในตอนนี้เขาต้องการจะตอบแทนความรักพวกนั้นกลับไป
หากว่าเขามีคุณสมบัติ
เขาก็อยากจะกอดทุกๆอย่างเอาไว้ในอ้อมอกของเขาเอง
เพลิงทั้งหมดที่มิคาเอลสร้างที่ถูกอ่างแห่งปาฏิหาริย์เก็บเอาไว้ได้ถูกส่งต่อหลั่งไหลไปสู่ยูอิลฮาน นี่มันดูเหมือนกับเป็นเพลิงล้างบาป มิคาเอลก็ยังสาปแช่งตัวเขาเองที่คิดว่าฉากนี้ดูศักดิ์สิทธิ์ไปครู่หนึ่ง
การสร้างได้เริ่มขึ้นมาแล้ว
[นายท่าน… กำลังเปลื่ยนไป]
[นะ นี่.. ไม่ใช่การเปลื่ยนแปลง แต่เป็นการเกิดใหม่ เป็นไปได้ยังไงกัน นี่คือสิ่งที่เผ่าพันธ์มังกรเราเฝ้าปรารถนาที่จะทำให้สำเร็จมาเป็นเวลายาวนานงั้นหรอ? สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มังกร แต่กำลังเกิดใหม่มาเป็นมังกร?]
[พ่อกำลังแกร่งขึ้น ผมก็แกร่งขึ้นเหมือนกัน]
“ทุกคน… ตั้งสมาธิ”
ยูอิลฮานได้หลอมตัวเขาเอว จากบันทึกทั้งหมดของเขา ฉายาของเขา คลาสหลักของเขา และแม้กระทั่งสกิลทั้งหมดต่างก็ถูกผสมเข้าด้วยกันและทำลายพร้อมสร้างขึ้นใหม่ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ในตอนนี้
เขาได้ตั้งสมาธิทั้งหมดไปกับการทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเหมาะสมยิ่งขึ้น
[คลาสหลักและคลาสรองทั้งหมดได้หายไปโดยที่ยังคงความสามารถดั้งเดิมเอาไว้อยู่]
[สกิลบันทึกและปกครองได้ผสมรวมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาการขึ้น คุณได้รับสกิลประกาศิต ตอนนี้คุณสามารถที่จะสร้างบันทึกที่เหนือยิ่งกว่าตัวคุณ รวมไปถึงทำให้บันทึกที่ไม่มีอยู่จริงเกิดขึ้นมาได้ ในการทำเช่นนั้นคุณจะต้องใช้มานาจำนวนมหาศาล]
[สกิลการร่วงหล่น โลหิตมังกร มนุษย์มังกรสอดประสาน ได้ผสมรวมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาขึ้น คุณได้รับสกิลการประจักษ์แจ้ง คุณสามารถที่จะเพิ่มความสามารถทุกๆอย่างที่อยู่ภายในอาณาเขตของคุณได้ คุณสามารถที่เพิ่มพลังขอบเขตในการทำลายได้มากยิ่งขึ้นอีกตามระดับสกิลที่พัฒนาขึ้น]
[สกิลเทวะกำลัง หอกไร้วิถี หอกสะบั้นจักรวาล ชำแหละ ขุด ความแม่นยำสัมบูรณ์ได้ผสมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาการขึ้น คุณได้รับสกิลวิถีทางไร้ขอบเขต]
เมื่อได้เห็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่อย่างมิคาเอลก็ยังทำอะไรไม่ได้อีกทำให้ไม่มีใครเข้าไปใกล้ยูอิลฮาน แต่ว่ากองทัพปีศาจวิบัติก็ได้พุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจได้เลย แต่นี่ก็ไม่ต่างจากการวิ่งเข้าไปหาพายุเพลิง การกระทำของกองทัพปีศาจวิบัติมีแต่เป็นแมงเม่าที่บินเข้าไปในกองเพลิงและถูกดูดมานาออกไปจนเหือดแห้ง
[อ๊าากกก แบบนี้…ฉันก็กินเข้าไม่ได้สิ! ให้ตายสิ! อ๊ากกกกกกกก!]
และแมกระทั่งผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติเคสเช่นก็ยังไม่เว้น มันชัดเจนว่าเขากำลังจะบอกอะไร
ยูอิลฮานในตอนนี้ได้เข้าไปสู่ในขอบเขตใหม่ที่ผู้คนในที่แห่งนี้ไม่อาจจะเอื้อมไปถึงได้
“เอาล่ะถ้างั้น…”
[ไม่ ไม่…!]
[ท่านซาตาน! นี่ท่านกำลังจะปล่อยให้การเกิดของตัวตนแบบนี้เกิดขึ้นมาจริงๆงั้นหรอ? ท่านซาตาน+]
[อ่า ในที่สุด… คำพยากรณ์ก็เป็นจริงแล้ว!]
เปลวเพลิงได้ลุกโชดช่วงขึ้นมา เพลิงนี้ได้ลุกขึ้นมาราวกับจะปกครลุมตัวยูอิลฮานกับยูมิลและขยายขอบเขตออกไปอย่างต่อเนื่องจนกลืนกินทุกๆอย่างในพื้นที่และสร้างเป็นรูปแบบทรงกลมขึ้นมา
นี่ดูเหมือนกับไข่สีแดงใบนี้ ตัวยูอิลฮานกำลังเติมเต็มตัวเขาที่อยู่ภายในไข่
[อ่า]
[เขา…]
[เกิดขึ้นแล้ว]
และเมื่อผ่านไปพักหนึ่งเพลิงที่สร้างขึ้นมาเป็นทรงกลมก็ได้เริ่มถูกดูดเข้าไปตรงศูนย์กลาว ในตอนนี้โลกทั้งใบได้เงียบเสียงลงไป ทุกๆคนต่างเงียบลงราวกับจะเป็นการเฉลิมฉลอง หรือแสดงความหวาดกลัวในการกำเนิดขึ้นของเขา
และแล้วยูอิลฮานก็ได้เปิดตาขึ้น
ข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมาที่ม่านตาของเขา
[คุณได้กลายเป็นผู้ปกครอง(เทพเจ้า) ของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ‘ดราก้อนเนส’ คุณไม่ถูกผูกมัดด้วยระดับพลังอีกต่อไป คุณไม่ถูกอะไรผูกมัดอีกแล้ว คุณจะไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของคุณ แต่ว่าคุณก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆในโลกที่เป็นของศัตรู]
[คุณสามารถเพิ่มการปกครองในพื้นที่ต่างๆได้ด้วยการใช้สกิล ‘ประกาศิต’ ได้ตามที่คุณต้องการ]
[‘ไม่มีใคร’ จะซ่อนตัวจากคุณได้อีก]
[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 519]
[ยูอิลฮาน]
[เทพเจ้าแห่งดราก้อนเนส เลเวล 519]
[พลังกำลัง – 1,113 ความคล่องแคล่ว – 1,067 พลังชีวิต – 1,035 พลังเวทย์ – 1,528]
[สกิลใช้งาน – ประจักษ์แจ้ง(การร่วงหล่น, โลหิตมังกร, การสอดประสานมนุษย์มังกร) เลเวล 1, วิถีทางไร้ขอบเขต(หอกสะบั้นจักรวาล, หอกไร้วิถึ, เทวะกำลัง, ชำแหละ, ขุด, ความแม่นยำสัมบูรณ์) เลเวล 1, หัตถกรรมมานาเลเวลสูงสุด, ประกาศิต (ปกครอง, บันทึก) เลเวล 1, ข้ามมิติ(กระโดด) เลเวล 87, จ้าวมิติเลเวล 88, สวนกลับเลเวล 39]
[สกิลติดตัว – ช่างตีเหล็กเลเวลสูงสุด, วิศวกรรมเวทย์เลเวลสูงสุด, ทำอาหารเลเวลสูงสุด, หัวใจที่ไม่สั่นคลอนเลเวลสูงสุด, การปรับตัวของนักท่องมิติเลเวล79, บัญชาลูกเรือเลเวล 86]
“ฟู่…”
[นายท่าน!]
[พระเจ้า… นายท่าน ท่านผู้ปกครอง!]
นี่คืองานที่ยากที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานได้เรียนรู้การสร้างมา เขาได้ถอนหายใจและหยักไหล่ขึ้นมา เปลวเพลิงโปรงแสงได้ไหลออกมาตามลมหายใจของเขาออกมาครู่หนึ่ง ในตอนนี้เกราะจิตวิญญาณเพลิงและเกราะร่างกายมนุษย์มังกรที่ยังไม่มีรูปร่างก็ได้เข้ามาปกคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ในระหว่างที่ทุกๆคนกำลังมองมาที่ยูอิลฮานอย่างสับสน ยูอิลฮานก็ได้ลูบหัวยูมิลและตรวจสอบสถานะของยูมิล
“มิล ลูกไม่เป็นไรนะ?”
[ครับ ผมพัฒนาขึ้นมามากเลย!]
ยูมิลได้ถูกปลุกพลังขึ้นมาพร้อมๆกันกับยูอิลฮาน เนื่องจากว่ายูมิลได้เชื่อมต่อกับยูอิลฮานลึกซึ่งยิ่งกว่าใครๆทำให้ยูมิลได้พัฒนาขึ้นในทันททีที่ยูอิลฮานได้เกิดใหม่ในฐานะเทพเจ้าแห่งดราก้อนเนส
[ผมแกร่งขึ้นมากเลยครับพ่อ! ผมทำได้ดีไหมครับ?]
“แน่นอนสิ ลูกทำได้ดีสุดๆไปเลย”
[เฮะๆ]
ในตอนนี้ยูมิลในร่างมังกรได้ตัวใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก ขีดจำกัดของเลเวลก็ได้หายไปแล้วทำให้ยูมิลได้พัฒนาขึ้นมาเป็นมังกรคลาส 6 เลเวล 451 ในทันที ตอนนี้ยูมิลสามารถจะใช้เพลิงผสานกับลมได้ด้วยตัวเอลแล้วด้วย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการช่วยเหลือจากยูอิลฮาน
“โอ้ แล้วก็นะมิคาเอลนายก็มีส่วนช่วยเหมือนกัน”
[เจ้าสารเลว…]
มิคาเอลได้กัดฟันแน่นมองหน้ายูอิลฮานที่ได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นเทพเจ้า หอกเพลิงในมือของเขาไม่อาจจะคงสภาพได้อยู่อีกและหายไป ต่อหน้าจ้าวแห่งเปลวเพลิงอย่างยูอิลฮานแล้ว ไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ใช้พลังเพลิงได้โดยไม่ได้รับอนุญาติจากเขา
[ฉันคือตัวแทนของเทพเจ้า! นายมันก็แค่เทพเจ้าจอมปลอม นายอย่าคิดนะว่าฉันมีแค่เพลิงเท่านั้น!]
“แน่สิว่าฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันก็ยังรู้ด้วยว่านายแข็งแกร่ง”
ระหว่างยกมือขึ้นมายูอิลฮานก็ได้ตอบกลับไปช้าๆ หอกเพลิงได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา การกระทำนี้ดูเป็นธรรมชาติจนคนอื่นๆไม่ได้รู้สึกใดๆเลย
“แล้วก็นะมิคาเอล…”
ยูอิลฮานได้กระดิกนิ้วออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เข้ามาสิ”