Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 305
บทที่ 305 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (6)
[พ่อ สิ่งมีชีวิตนี่… เป็นศัตรูหรือป่าว?]
รูบี้ได้ถามยูอิลฮานออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยอย่างมากที่เห็นเฮเรียน่าอยู่ติดกับยูอิลฮาน รูบี้พึมพัมขึ้นกับตัวเองว่ายูอิลฮานได้รับการโจมตีจิตใจอะไรหรือป่าว แต่ว่าคำพึมพัมพวกนี้ทั้งยูอิลฮานกับเฮเรียน่าก็ได้ยินเช่นกัน
“เธอเป็นพรรคพวกของเรา เพราะงั้นเธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ แต่ว่านะทำไมถึงกลับกันมาแล้วล่ะ?”
[เนื่องจากว่ามีมอนสเตอร์เกิดขึ้นมามายมายก็เลยทำให้มีมอนสเตอร์ที่กำลังล่ามังกรเกิดขึ้นมาเช่นกัน หนูคิดว่าพ่อก็น่าจะต้องรู้เรื่องนี้…]
“โอ้”
นี่น่าจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะมองว่ามังกรแข็งแกร่งมากๆ แต่ว่าเขาก็มีบันทึกมามายเกี่ยวกับเหล่านักล่ามังกร ยิ่งตัวเขาเองยังเคยฆ่ามังกรไปเป็นพันๆตัวตั้งแต่ตอนแรกที่มาดาเรย์อีกด้วย
ดาเรย์ได้ใช้วิวัฒนาการทั้งหมดของบันทึกของเขามาเป็นพื้นฐาน เพราะงั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีเหล่ามอนสเตอร์นักล่ามังกรเกิดขึ้นมา ถ้ามันถึงขนาดที่ว่าแม้แต่มังกรก็ยังรู้สึกถึงวิกฤติ ดูท่าเจ้าพวกนั้นก็น่าจะมีเลเวลสูงเช่นกัน
“ถ้างั้นพวกเธอก็น่าจะวิวัฒนาการได้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกหากว่าเอาชนะพวกมันได้”
[พ่อ เราต้องทำยังไงดี?]
“เธอกลัวพวกนั้นหรอ?… อืมนี่ก็คงช่วยไม่ได้สินะในเมื่อพวกเธอเพิ่งจะเกิดขึ้นมา”
ยูอิลฮานได้หันไปขอให้ยูมิลที่อยู่ข้างๆช่วยแทน
“มิลช่วยไปดูเหล่าญาติที่อ่อนแอกว่าลูกน้อย ลูก็แค่ต้องปล่อยให้พวกเธอเอาชีวิตรอดเท่านั้นแหละ”
“ได้เลยครับพ่อ ผมจะทำให้ทุกๆคนแข็งแกร่ง”
ยูมิลได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับบินออกไปท่ามกลางสายตาของรูบี้กับมังกรคนอื่นๆที่ได้ประจักษ์ถึงร่างมังกรคลาส 6 ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่
[กรรรรรรรรรรร!]
ยูมิลที่มีอยู่ในร่างมังกรเพลิงเกล็ดทองได้คำรามออกมาจนทำให้มังกรทั้งหมดทีอยู่ตรงหน้าต่างก็ตัวแข็งทื่อ โดยเฉพาะในสายตาของรูบี้ได้เต็มไปด้วยไฟแห่งปรารถนา
[พี่ชายน่าทึ่ง!]
“พี่ชาย…?”
ในท้ายที่สุดยูอิลฮานก็สังเกตุว่าน้ำเสียงของรูบี้เหมือนกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะงั้นเธอคือผู้หญิงสินะ! ดีนะที่เขาได้ตั้งชื่อผู้หญิงให้กับเธอไป
[ทุกคนตามฉันมา! มันยังมีอีกหลายครั้งในชีวิตนี้ที่พวกเธอจะต้องได้เจอกับพวกเหล่าตัวที่จะล่ามังกรเป็นปกติเพราะงั้นพวกเธอจะมากลัวตั้งแต่แรกไม่ได้!]
[มีกำลังใจจัง!]
[มีอะไรใหม่ๆเสมอเลย]
[น่าตื่นเต้น!]
“มิลจะต้องต่างออกไปแน่ในเมื่อมิลได้เลี้ยงดูเด็กๆไปบ้างแล้ว”
มิลคือเด็กที่น่าทึ่งจริงๆ มิลไม่ได้เอาจุดเด่นของพวกตัวคนเดียวของยูอิลฮานมาแต่แทนที่สิ่งนั้นด้วยความเป็นผู้นำแย่างไร้ที่ติแล้ว! มิลคือประเภทของคนที่จะไม่มีวันได้เป็นตัวเอกเลยหากเป็นในนิยาย
ในระหว่างยูอิลฮานกำลังโล่งใจอยู่ ยูมิลก็ได้นำทางมังกรทุกๆตนบินตรงไปในที่ที่ศัตรูอยู่แล้ว หลังจากมังกรได้จากไป เฮเรียน่าก็หันหน้ามามองที่ยูอิลฮานที่กำลังซาบซึ้งอยู่ การจ้องมามองคราวนี้ของเธอมันเต็มไปด้วยเศษเสี้ยงความโกรธเล็กๆ
[ที่รัก… ใครอีกแล้วล่ะ?]
“เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจหรอกนะไม่ว่าเธอจะมีสิทธิจะถามหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด มีมังกรจำนวนมากได้เกิดขึ้นมาในระหว่างที่ดาเรย์กำลังเกิดมหาภัยพิบัติได้นับถือฉันเป็นเหมือนครอบครัวพวกเขานั่นเพราะว่าพลังจ้าวมังกรของฉัน”
[ฟู่วว ดีนะที่ไม่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีก]
ยูอิลฮานยังได้สร้างข้อจำกัดกับมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เป็นนักล่ามังกรด้วย แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่เพราะเขากลัวว่ายูมิลจะแพ้มอนสเตอร์ปกติพวกนั้น แต่ว่าเขากลัวว่ามังกรคลาส 4 ที่อ่อนแอจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า นี่มันคือการโกง แต่ว่ายูอิลฮานก็อยากจะรักษากองกำลังเอาไว้
“เอาล่ะในเมื่อทำขนาดนี้แล้วหากพวกมังกรยังตายอีกก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะนะ… เอาล่ะถ้างั้นก็”
การก่อสร้างก็เกือบจะเสร็จแล้ว ทั้งหุบเขา รังมังกร และถ้ำ ที่ได้เตรียมเอาไว้ให้มังกรนับล้านได้อยู่กัน เมือง ป่าไม้ ฟาร์ม แล้วก็แม่น้ำสำหรับเหล่าเอลฟ์และหมาป่าได้ใช้ชีวิตอยู่กัน อย่างสุดท้ายเลยก็คือปราสาทที่ยิ่งใหญ่สถานที่สำหรับให้ยูอิลฮานกับพรรคพวกได้พักอาศัย แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเตรียมพื้นที่พวกนี้ให้เหมาะกับการต่อสู้ด้วย
“ประกานแกนของป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์และวงเวทย์เอลโบราณเข้าด้วยกันเพื่อที่จะทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายเป็นป้อมปราการใหญ่ยักษ์… หืม ฐานได้วางเอาไว้ เพราะงั้นก็เหลือรอให้สูตรวงเวทย์สมบูรณ์สินะ”
[ใช่แล้ว ฉันชอบที่รักก็เพราะที่รักชอบทำอะไรใหญ่ๆแบบนี้นี่แหละ… แล้วนี่ที่รักกำลังจะทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายมาเป็นสิ่งที่คล้ายๆกันกับป้อมปราการลอยฟ้างั้นหรอ?]
จริงๆแล้วนี่มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้เต็มที่! ในจุดๆนี้ศัตรูของยูอิลฮานจะต้องน่าสงสารแน่ๆ แต่ว่าเฮเรียน่าก็ไม่ได้พูดแบบนั้นออกไป เธอได้เลือกถามเขนแทน
[แล้วที่รักจะเริ่มเมื่อไหร่นล่ะ ถ้าไม่ว่าอะไร… ฉันขอเป็นคนแรกได้ไหม?]
“ไม่ล่ะ เสียใจด้วยนะเลียร่าจะเป็นคนแรก”
[ชิ เอาแต่คิดถึงภรรยาของที่รักตลอดเลย นี่ที่รักชอบผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ไม่สิชั่งมันเถอะ ยิ่งได้ยินคำตอบก็จะยิ่งเจ็บซะมากกว่า]
ยูอิลฮานได้ลูบผมของเฮเรียน่าที่กำลังผิดหวังนิดๆ เธอดูจะตกใจกับเรื่องนี้มาแต่ไม่นานเธอก็เริ่มหน้าแดงขึ้น
[ที่รักเปลื่ยนไปจริงๆด้วย ที่รักใจดียิ่งกว่าแต่ก่อน… ตอนนี้ที่รักก็คิดถึงฉันแล้วด้วย จริงไหมล่ะ?]
“ก็จริงแหละนะ ฉันยอมรับว่านี่ก็คือฉัน แต่ว่ามันก็แปลกๆ ฉันได้เปลื่ยนแปลงไปเล็กๆทั้งๆที่ฉันรู้ถึงเรื่องนี้”
ในอดีตตอนยูอิลฮานยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่เขามีชีวิตอิสระ แต่ว่าในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้นำดราก้อนเนสไปแล้ว ทุกๆคนในกลุ่มได้ฝากชีวิตไว้กับเขา
มุมมองของเขาได้กว้างยิ่งขึ้นและมาตราฐานของเขาก็ได้กลายเป็นสูงขึ้นเช่นกัน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนๆอื่นๆได้ลดน้อยลง แต่ว่าสิ่งใดที่อยู่ในสายตาของเขาเขาก็จะคิดเกี่ยวกับมันมากยิ่งขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นผลมาจากคลาสรองผู้นำที่เขาได้รับมาก่อนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ได้
“แต่ว่านี่มันกวนใจฉันอยู่ การเปลื่ยนแปลงนี้ไม่อาจจะป้องกันได้ต่อให้เป็นหัวใจไม่สั่นคอลก็ตาม นี่มันคือเรื่องปกติงั้นหรอ? สิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่จริงๆแล้วคืออะไร?”
[แต่ไม่ใช่ว่าที่รักก็ได้เปลื่ยนไปอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วหรอ การเก็บสะสมบันทึกไปเรื่อยๆ ละสร้างเป็นตัวเองขึ้นใหม่ท่ามกลางบันทึกที่ถูกจัดระเบียบ นี่มันก็แค่การทำกระบวนการนั้นซ้ำอีกครั้งเานั้นเอง ถ้าที่รักปฏิเสธมัน นั่นมันไม่ได้หมายความว่าที่รักปฏิเสธการเกิดใหม่ของตัวเองหรอกหรอ?]
ยูอิลฮานได้ปิดปากลง ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะลืมเรื่องนี้ไป แต่ว่าเฮเรียน่าที่ได้ใช้ชีวิตมาเป็นหมื่นๆปีเธอไม่เคยจะลืม อย่างในตอนนี้เธอได้ทำให้ยูอิลฮานต้องประหลาดใจกับคำพูดของเธอ เขาได้หยักหน้าเห็นด้วยแต่โดยดี
“ใช่แล้ว เธอพูดถูก ถ้าฉันไม่ยอมรับตัวฉันเอง ถ้างั้นฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวต่อแล้วล่ะ”
[แล้วก็นะฉันชอบที่ที่รักใจดีกับฉันมากขึ้นด้วย]
“…”
ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอได้เพิ่มขึ้นอีกจากการรุกที่กระทันหันนี้ สกิลราซินีซัคคิวบัสยังคงทำงานอยู่สินะ? เขาจะลดการป้องกันลงไม่ได้เด็ดขาด ยูอิลฮานได้ดีดหน้าผากของเฮเรียน่าและหันหน้าปทางอื่น
“หลังจากคนอื่่นๆพักผ่อนพอแล้วก็เรียกให้พวกเขามารวมกัน ฉันจะออกไปสำรวจโลกสักหน่อย”
[ฟุฟุ เข้าใจแล้วที่รัก]
ยูอิลฮานได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า จากการที่เขาได้เชื่อมต่อเข้ากับเกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงกับมังกรทำให้เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้มานาเลย ถึงแม้ว่าการจะบินให้เร็วขึ้นจะต้องเรียกปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายออกมาก็ตาม
เขาได้ขยายมานาออกไปในสภาพแวดล้อมเพื่อที่จะบันทึกทุกๆอย่างไปพร้อมๆกันกับที่บินไปด้วย
“โฮ่”
เกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงได้กลายเป็นมากกว่าแค่อาร์ติแฟคแล้ว เกราะๆนี้ได้รวมเป็นหนึ่งกับร่างของเขา อาวุธภายในก็สามารถจะเปล่ยนแปลงได้อย่างไร้ที่ติ ปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายที่ถูกสร้างขึ้นจากโลหะหลากหลายชนิดและแก่นแท้เวทย์จำนวนมากได้กลายมาเป็นปีกสีแดงเพลิงที่เหมือนกับปีกค้างคาวไปแล้ว หากใครได้เห็นคงจะเรียกว่านี่เป็นปีกมังกรแน่นอน
แน่นอนว่าศักยภาพภายในของมันก็ยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประสิทธิภาพได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมอย่างน้อยก็สองเท่า
“เยี่ยมมาก สิ่งมีชีวิตชั้นสูงนีน่าสนใจจริงๆ”
[ฉันขอแสดงความตกใจกับความคิดของท่านเทพที่คิดว่ากระบวนกรเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นแค่การวิจัยหนึ่ง]
“นายนี่เริ่มกลายเป็นเหมือนโอโรจิแล้วนะ”
[อึก!?]
หลังจากแซวโอโรจิยูอิลฮานก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นตลอดเวลาและมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ มานาที่เขาได้ใช้ไปได้กำลังผสานเข้ากับโลกใบนี้และวงเวทย์เอลฟ์โบราณ เพราะแบบนี้ทำให้เขาได้รับรายละเอียดทั้งหมดมาต่อให้จะไปรอบๆด้วยความเร็วแบบนี้
จริงๆแล้วหลังจากมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ที่ดาเรย์แห่งนี้ให้ความรู้สึกกับตัวยูอิลฮานเป็นโลกใบนี้เอง ยูอิลฮานทั้งรู้สึกตกใจและประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก
นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังอื่นๆไม่ยอมไปจัดการกองทัพสวรรค์ง่ายๆต่อให้พวกเขาจะดูไม่ต่างกันมากก็ตาม! นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกๆคนไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปในโลกหลักของกองกำลังอื่นๆ
[ออร่าแห่งเพลิงเต็มโลกนี้ไไปหมดเลย แต่ว่ามันก็กำลังสร้างสมดุลกับน้ำเหมือนกัน โลกใบนี้งดงามจริงๆ!]
“ขอบคุณที่คิดแบบนั้นนะเพลิงนิรันดร์”
เพลิงนิรันดร์ได้ดูดหรือเสริมเพลิงที่อยู่มีในโลกใบนี้ด้วยการส่งร่างก็อบปี้ของตัวเองไปรอบๆตัว รวมถึงดูดเอามานาและปล่อยออกไปเล่นรอบๆด้วย ในกระบวนการที่ยูอิลฮานได้เกิดใหม่มาเป็นผู้นำดราก้อนเนส เธอก็ยังได้ทะลุผ่านขั้นเช่นกัน ทำให้ในตอนนี้เธอมีพลังที่สูงกว่่าแต่ก่อนจนเทียบไม่ติด ต่อให้ไม่มียูอิลฮาน เพลิงนิรันดร์ก็สามารถจะป้องกันสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เพียงลำพังแล้ว
“นักล่ามังกร นักล่ามังกร… อ่า เจอแล้ว”
ยูอิลฮานได้รู้สึกถึงร่องรอยการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างมังกรกับมอนสเตอร์อื่นๆที่อยู่ไกลออกไป แน่นอนว่าเนื่องจากยูมิลเป็นผู้นำมังกรทำให้ไม่เกิดการตายมากนัก แต่ว่าเนื่องจากยูมิลไม่ได้เข้าไปร่วมสู้ด้วยตรงๆ แต่เป็นการสนับสนุนแทนทำให้การต่อสู้ไม่ได้จบลงง่ายๆ
[ทุกๆคนร่วมมือกันสิ! ถ้ามีเพลิงแบบนี้แม้แต่ทำให้ข้าวสุกยังไม่ได้เลยนะ! อย่าได้ลืมศักดิ์ศรีในฐานะมังกรสิ!]
[เข้าใจแล้วพี่ชาย]
[เอามานาที่ปะทุอยู่ในคอพวกนายออกมา! สัมผัสถึงหัวใจที่เต้มอยู่และปล่อยมานาที่กำลังรู้สึกอยู่ภายในนั้นออกมา!]
นี่น่าจะเป็นการสอนที่เป็นไปได้ก็เพราะยูมิลเป็นมังกรเช่นกัน แม้ว่ายูมิลจะไม่ได้เรียนอะไรจากพ่อแม่ที่เป็นมังกร แต่ว่ายูมิลก็กำลำสอนสอนได้อย่างดี
ยูอิลฮานได้ออกมาจากที่นั่นด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นห่วงว่าเขาอาจจะต้องไปช่วยมังกรแต่แล้วดูจากยูมิลที่นำทัพมังกรนับหมื่นสบายๆแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ต้องกังวลแล้ว
“ถ้างั้นก็…”
ยูอิลฮานได้หันออกไป ในเมื่อเขาไม่ได้ซ่อนตัวตนเลยทำให้ทุกๆชีวิตในโลกใบนี้ต่างก็ระวังกับตัวเขา มีอารมณ์มากมายที่มีต่อตัวเขา ความหวาดกลัว ความชื่นชม การยอมรับความพ่ายแพ้และการต่อต้านเล็กน้อย
ยังมีกระทั่งร่องรอยความลังเลในเวลาเดียวกันก็มีความสับสน พวกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอยู่ท่ามกลางอารมณ์ที่สั่นไหวโดยที่ไม่รู้จักอารมณ์เหล่านี้เลย คนที่มีความรู้สึกใบนี้ในโลกใบนี้ก็น่าจะเป็น…
“สายพันธ์มังกรสินะ?”
[ท่านก็สัมผัสได้สินะ ท่านพูดถูกแล้ว ในตอนนี้โลกใบนี้ได้ให้กำเนิดแค่มังกรเท่านั้น แต่ยังมีสายพันธ์มังกรขึ้นมากมาย]
“โอโรจิก็เป็นสายพันธ์มังกรใช่ไหมล่ะ….”
โอโรจิในทางเทคนิคแล้วไม่ใช่มังกร ตัวตนจริงๆของโอโรจิแล้วคืองูขนาดยักษ์ที่มีบันทึกตำนานของญี่ปุ่น ยังไงก็ตามโอโรจิก็คือสายพันธ์มังกรและมีข้อได้เปรียบทางพื้นฐานมากกว่าสายพันธ์อื่นๆ นี่จะเรียกว่าโกงก็ได้ แต่ว่ายังไงมังกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ยุติอยู่แล้ว
อิชจาร์ได้ถามกับเขาขึ้น
[ท่านเทพผูเปกครอง ท่านจะดูแลสายพันธ์มังกรทั้งหมดด้วยไหม? ที่ผ่านมาฉันเอาแต่สนใจกับการเพิ่มพูนชื่อเสียงมังกร แต่ว่าฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าชื่อกองกำลัง ดราก้อนเนสจะมีความหมายง่ายๆแบบนั้น]
“ใช่แล้ว ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน นอกไปจากนี้มันก็ยังเป็นตัวฉุกให้ฉันคิดที่จะมาดาเรย์เป็นโลกแรกหลังจากการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง… ฉันไม่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ”
ดาเรย์ไม่ใช่โลกสำหรับมังกรโดยเฉพาะ ที่นี่แต่เดิมแล้วเป็นโลกที่สายพันธ์มังกรเกิดได้อย่างง่ายดาย เหตุผลที่ยูอิลฮานมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็คือการกวาดล้างสายพันธ์มังกรด้วย
ยังไงก็ตามพลังในตอนนี้ของยูอิลฮานคือการเป็นจ้าวมังกร และมังกรก็เป็นแค่สวนหนึ่งของสายพันธ์มังกรเท่านั้น
ถ้ายูอิลฮานเป็นคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็คงจะจัดการกวาดล้างพวกนี้ออกไปด้วยข้อแก้ตัวที่ว่ามังกรกับสายพันธ์มังกรต่างกัน แต่ว่าถากเขาเป็นคนแบบนั้นเขาก็คงยอมแพ้กับการใช้ชีวิตไปตั้งแต่ถูกทิ้งไว้บนโลกเป็นพันปีแล้ว
ยูอิลฮานได้ปรบมือขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่กำลังแอบมองเขาอยู่จากเบื้องหลัง และจากป่าไม้ทั้งหมดได้เริ่มตกใจและบิดร่างกายไปมา ในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็เปล่งเสียงทะเยอทะยานออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก ฉันน่าจะใช้โอกาสนี้ขนาดขอบเขตพลังของฉันออกไป แค่มังกรมันไม่พอหรอกนะ ฉันจะทำให้สายพันธ์มังกรทั้งหมดมาอยู่ใต้การปกครองของฉัน”
[ฉันคิดไว้แล้วว่าท่านจะพูดแบบนี้]
มีศัตรูที่เขายังระบุตัวไม่ได้อยู่ด้วย เพราะงั้นยิ่งมีพรรคพวกมากก็ยิ่งดี! และจะยิ่งดีกว่านี้หากยูอิลฮานทำให้พวกนี้ทั้งหมดกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงด้วย! ยูอิลฮานได้ชักจูงตัวเองและกระจายมานาออกไปรอบๆ
“เฮ้ เจ้าพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นมังกรน่ะ!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นใหญ่ได้ดังออกไปทั่วทั้งโลก
“ฉันจะให้เวลาพวกนายสิบวินาทีเพื่อรวมตัวกัน!”