Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 312
บทที่ 312 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (4)
ผู้กองตั้งกองทัพสวรรค์ เทพคนแรก เทพเจ้าที่ได้หนีออกไปจากบ้านตัวเอง นี่คือความทรงจำของยูอิลฮานที่มีต่อคนที่มีชื่อว่าพระเจ้า
“แต่ว่านั่นไม่ใช่แบบที่เธอบอกเลย”
“หากว่าคนที่ติดต่อมาหาฉันในตอนปกติเป็นพระเจ้าจริงๆ… สถานการณ์ก็อาจจะแย่กว่าที่เราคิดก็ได้นะ”
“หืม”
ยูอิลฮานได้เอาทูตสวรรค์แปลกๆที่คนอื่นๆจัดการออกมา เขาไม่อาจจะรู้สึกถึงมานาของพวกมันได้เลยแม้แต่ตัวเดียว นี่คือสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดที่สุดนับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานเคยเจอมา
“มันก็จริงที่นอกจากพระเจ้าแล้วไม่มีใครที่ทำอะไรในระดับนี้ได้ แต่ว่านะ…”
ยูอิลฮานได้นึกย้อนไปถึงสิ่งที่คังมิเรย์พูด เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลย มานาได้เสียการควบคุมและกระจายออกไปงั้นหรอ? ลบทุกๆอย่างออกไปแล้วเริ่มต้นใหม่? นี่มันฟังดูเหมือนเจ้านี่เป็นบอสจากยุค 90 เลย
จะใช่พระเจ้าจริงๆงั้นหรอ? แล้วนี่เขาจะต้องฆ่าพระเจ้าจริงๆ?
“ฉันคิดว่าบอสสุดท้ายอย่างน้อยจะเป็นพวกที่ ‘มีทั้งด้านถูกแล้วก็ผิด’ หรือ ‘ก็เป็นการต่อสู้เพื่อชะตาของโลกทั้งโลกที่เราต้องปกป้อง!’หรืออะไรที่มันเท่ๆ แต่ว่า… เจ้านี่ดูหน่อมแน้มไปอะ”
“ดูเหมือนนายจะตกใจในเรื่องนี้มากกว่าการปรากฏตัวของพระเจ้าซะอีกนะ”
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะดูถูกพระเจ้าเกินไปแต่ว่าเขาก็ไม่สนใจ
“ขอบคุณที่มาบอกฉันนะมิเรย์ ยังไงก็ตามมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะสรุปออกมาได้ นอกไปจากนี้ก็ไม่มีทางที่เขาจะพูดความจริงทั้งหมดหรอกนะ”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าอยากน้อยการที่นายได้รู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องดี”
“ก็จริงนั่นแหละ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เจอคำใบ้แล้ว ฉันคิดว่าฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าจะรับมือยังไง”
คังมิเรย์ไม่รู้ว่าเขาเจอคำใบ้อะไร แต่เธอก็คิดว่ายูอิลฮานจะต้องทำได้สำเร็จแน่ แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว และในตอนนี้
“มิเรย์ ขออภัยด้วยนะ”
“อะไรหรอ? กรี๊ดด”
ยูอิลฮานได้วางมือลงไปบนหัวของมิเรย์ หากว่าเขาไม่รู้ว่าเธอได้เจอกับพระเจ้าเขาก็คงจะไม่ว่าอะไร แต่ว่าในตอนนี้เขารู้แล้ว เขาจะต้องดูเธออย่างใกล้ชิด
“ยังมีการเชื่อมต่อหลงเหลืออยู่ มันยังคงอยู่ได้แม้กระทั่งเธอได้วิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้ว เหนียวแน่นจริงๆเลยนะ”
“การเชื่อมต่อ…?”
“ก็เธอบอกว่าเขามันเชื่อมต่อผ่านบันทึกของเธอนี่นา นี่คือเทคนิคที่มีแค่คนที่เชี่ยวชาญในสกิลบันทึกเท่านั้นถึงจะทำได้ เหตุผลที่หัวหน้าของแต่ล่ะกองกำลังต่างก็มีอิทธิพลอย่างมหาศาลนั่นมันก็เพราะพวกเราสามารถที่จะอ่านบันทึกข้อมูลของสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้อย่างอิสระแล้วก็ยังสามารถจัดการได้ตามใจชอบด้วย…”
คังมิเรย์เธอยังไม่อาจเข้าใจ ต่อให้เธอจะเป็นปกครองมานาไปแล้ว แต่ว่านั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสกิลบันทึกแม้แต่นิดเดียว ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาและอธิบายแบบง่ายๆ
“ในระหว่างที่เขาติดต่อกับเธอ เขาก็จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ด้วย พูดง่ายๆก็คือเขาทิ้งเวทย์กระตุ้นบางอย่างเอาไว้ับเธอนั่นแหละ”
“อ่อ เข้าใจแล้ว”
“ฉันได้เจอมันเข้าแล้วก็เอามันออกไปจากตัวเธอ ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
ถึงแม้ว่าความคิดเขาจะเหมือนเด็ก แต่ว่าการกระทำมีระดับที่สูงมาก พลังเวทย์ที่ถึงไว้กับคังมิเรย์ได้ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีมากๆ หากว่าไม่ใช่เพราะพลังของยูอิลฮานได้เผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดออกมา เขาก็ไม่มีทางเจอมันได้ง่ายๆอยู่แล้ว ยิ่งคิดเรื่องเจ้านี่ก็ยิ่งทำให้พระเจ้าดูเป็นคนไร้ยางอายมากยิ่งขึ้น
“ไม่ว่าจะยังไงก็ชัดเจนว่าเขาคือคนที่ฉันจะต้องจัดการ ฟู่ ฉันมีคนที่ต้องจัดการเยอะไปแล้วสิ…”
“ฉันจะคอยช่วยนายอยู่ข้างๆนะ”
“…โอเค”
คังมิเรย์ได้ตาเป็นประกาศขึ้นมา บางทีอาจจะเพราะว่าเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นมังกรทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับเธอรุกมากกว่าแต่ก่อน กระทั่งสายตาของเธอก็ยังเป็นประกายจนเกินไป
“ในอนาคตก็พยายามเข้านะมิเรย์”
“นายก็ด้วยนะ”
ด้วยเวทย์มิติกับการควบคุมมานา และคลาส 6 ของเธอ เธอก็น่าจะทำสิ่งต่างๆได้มากยิ่งขึ้นอีกในอนาคต!
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ”
“ได้เลย”
ยูอิลฮานได้มองดูเธอกางปีกบินออกไปและเขาได้หันกลับมาถอนหายใจ
ทูตสวรรค์แปลกๆยังคงอยู่ที่นี่ วงแหวนที่ไร้แสงกับปีกแปลกๆของมันดูน่าประทับใจพอควร
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ได้เวลาเริ่มจริงๆแล้ว”
[นายท่านก่อนหน้านั้นฉันมีเรื่องอยากจะถามหน่อย สิ่งมีชีวิตที่ปฏิเสธมานา… มันเป็นไปได้จริงๆงั้นหรอ?]
สมกับที่เป็นมังกร อิชจาร์ค่อนข้างจะอ่อนไหวในเรื่องเกี่ยวกับมานา ยูอิลฮานได้ยิ้มส่ายหัวออกมา
“ฉันก็สงสัยเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันจะเรียกได้ว่าเป็นโกเล็มก็ได้”
[ทั้งหมดมันเป็นแบบนั้นหรอ…?]
“หลังจากในจุดๆหนึ่งของโลกที่ได้เจอกับมหาภัยพิบัติ มานาก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่างนั้น มานาคือธรรมชาติ คนที่ปฏิเสธในมานาที่เป็นธรรมชาติ นั่นมันไม่มีทางที่จะมีชีวิตไปได้จริงไหมล่ะ?”
[แล้วถ้าง้้นคนที่เรียกตัวเองว่า ‘พระเจ้า’ ล่ะ?]
“เขามันเป็นทรราชที่ต้องการจะเปลื่ยนธรรมชาติไปและสร้างสวนที่เต็มไปด้วยตุ๊กตา… ปัญหาก็คือเขามันมีพลังมากพอที่จะทำแบบนั้น”
[ฮึ่ม สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังจะต้องทำสิ่งต่างๆได้สำเร็จในสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ เขาคนนั้นมันก็แค่พวกขี้ขลาดที่เอาแต่โยนความรับผิดชอบให้คนอื่นเท่านั้นแหละ]
ลบทุกๆอย่างที่มีมานาออกไปแล้วเริ่มต้นใหม่จากศูนย์สินะ มันก็ไม่ใช่ว่าจะไร้สาระไปซะทั้งหมดหรอกนะ
พระเจ้าได้หนีออกมาจากสวรรค์หลังจากรู้สึกเหนื่อยที่จะทำตัวเป็นหัวหน้ากองทัพสวรรค์ แล้วไปสร้างกองทัพที่ต่อต้านมานาในโลกไหนซักแห่งที่ไม่มีใครรู้ กองทัพสวรรค์ก็ได้แต่รอพระเจ้ากลับมาโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนกองทัพสวรรค์ที่รู้ในเรื่องนี้ได้แยกตัวออกมาเพื่อจะต่อต้านเขา นี่มันฟังดูเป็นไปได้มากๆเลย?
เพราะงั้นเลยไม่น่าแปลกใจเลยที่คนที่ถูกเรียกว่าซาตานถึงได้ยินดีให้มีกองกำลังใหม่เกิดขึ้นมา กองทัพสวรรค์ไม่ได้ทำอะไรสักนิด ส่วนทางกองทัพปีศาจวิบัติก็เป็นแค่กลุ่มของหมูโลภที่อยากจะกินทุกๆอย่าง ทางสวนอาทิตย์อัสดงก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้เลือกยืนฝั่งใครทั้งนั้น! บางทีซาตานอาจจะหวังให้กองกำลังใหม่นี้ช่วยเขาต่อต้านพระเจ้าก็ได้
หรือก็คือหากเป็นไปตามแบบนี้ ยูอิลฮานคงจะต้องไปปรับความเข้าใจผิดกับซาตานแล้วร่วมมือกันเตรียมตัวสู้กับพระเจ้า ในระหว่างนั้นพวกเขาก็จะจัดการกองกำลังอื่นๆ ฟื้นฟูโลกของเขา และจัดการพระเจ้าด้วยกันจนจบลงอย่างมีความสุข…หรืออะไรแบบนั้น แต่ว่า
“ไม่ว่าใครก็ตามที่วางแผนแบบนี้ไว้ให้เป็นสถานการณ์แบบนี้คือพลาดมากที่คิดว่าคนอย่างฉันจะไปร่วมมือกับคนแปลกหน้าได้”
[เป็นข้อผิดพลาดที่เล็กจนน่าตกใจเลย…]
[นายท่านโครตเจ๋ง]
[ไม่เจ๋งเลยสักนิด!!!]
ยูอิลฮายยอมเดินบนทางที่ลำบากเพื่อปกป้องคนของเขา แต่ทีนี้จะมาให้เขาไปร่วมมือกันคนแปลกหน้างั้นหรอ? ไม่มีใครจะมาบังคับให้เขาทำแบบนี้ได้หรอก ไม่มีแม้แต่คนเดียว! ยูอิลฮานจะทำกับแค่คนในดราก้อนเนสเท่านั้น เขาจะทำแบบนี้ไปตลอด!
“เพราะงั้นฉันจะต้องวิเคราะห์เจ้าสิ่งนี้ก่อน…”
ในท้ายที่สุดก็ได้กลับมาสู่จุดเริ่มต้น การวิเคราะห์ทูตสวรรค์แปลกๆ ในเมื่อมันปฏิเสธมานาได้สกิลบันทึกก็ไม่น่าจะใช้ได้ด้วยด้วย แล้วยูอิลฮานก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มวิเคราะห์มันจากตรงไหน ในตอนนี้เองเพลิงนิรันดร์ก็ได้ลุกไหม้ขึ้นจากมือของเขาและส่งความต่อการของเธอมาถึงเขา
[ให้ฉันลองสินายท่าน! ฉันละลายมันได้นะ!]
“…โอเค ฉันก็กำลังจะขอให้เธอทำเลย”
เพลิงนิรันดร์ในตอนนี้ไม่ต่างไปจากร่างโคลนของยูอิลฮานแล้ว เพราะงั้นการใช้ง่ายเพลิงนิรันดร์นั้นจึงง่ายมากๆ หากว่าสกิลบันทึกใช้อ่านข้อมูลมันไม่ได้ ถ้างั้นหากเป็นการเก็บบันทึกมาด้วยใช้เพลิงนิรันดร์ละลายร่างทั้งร่างไปเขาจะได้ข้อมูลมาพอไหมนะ?
ด้วยตัวด้วยอาจจะไม่พอ แต่ว่าคังมิเรย์ที่ส่งส่วนต่างๆของมันไปในโลกต่างๆผ่านประตูมิติจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้รวบรวมพวกมันกลับคืนมาให้ยูอิลฮานแล้ว เพราะงั้นนี่มันก็น่าจะพอแล้ว
“ดีล่ะ งั้นมาลองกันดีกว่า”
เพลิงนิรันดร์ได้เริ่มกระจายเข้าไปหาร่างของมันแต่แล้วก็มีประกายสายฟ้าพุ่งออกมา ยูอิลฮานกับเพลิงนิรันดร์ก็ไม่ได้สนใจ
“กล้าต่อต้านงั้นหรอ?”
[ฉันจะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นมาเอง!]
อุณหภูมิของเพลิงนิรันดร์ได้เพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ! เพลิงจากยูอิลฮานได้กลายเป็นโปร่งแสงไปจนหมดก่อนที่จะเปลื่ยนมาเป็นสีดำสนิท
พลังงานที่เหลืออยู่ในร่างของมันที่ปล่อยออกมาไม่มีทางที่จะทนต่อพลังของยูอิลฮานที่เป็นหัวหน้าดราก้อนเนสได้แน่นอน
ในท้ายที่สุดมันก็ได้เริ่มละลายลงไป ยูอิลฮานได้แชร์สัมผัสของเขากับเพลิงนิรันดร์เพื่อที่จะเก็บบันทึกข้อมูลโครงสร้างและบันทึกข้อมูลที่เผยออกมาในระหว่างการละลาย หัวของเขาได้เริ่มปวดและมานาได้เริ่มปั่นป่วน แต่ว่านี่มันก็แค่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
ข้อมูลของดินแดนที่ไม่เคยมีข้อมูลที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 31]
[นายท่านฉันคิดว่าฉันรู้แล้ว!]
“ใช่ ฉันก็รูแล้วเหมือนกัน การละลายมันคือคำตอบที่ถูกต้อง ต่อให้จะเป็นการสังเคราะห์มันผ่านเวทย์กับสูตรเวทย์ก็จะพังไปในทันทีที่มันละลาย แล้วก็ไม่อาจจะวิเคราะห์โครงสร้างแบบย้อนกลับไป…”
[นี่คือฟังก์ชั่นที่มันน่าจะมีเอาไว้ป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองคนอื่นๆได้อ่านบันทึกสินะ?]
ยูอิลฮานได้หยักหน้าออกมา เมื่อทำแบบนี้หัวหน้าคนอื่นๆจะไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบได้นอกจากโครงสร้างของมัน วงเวทย์ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะทำลายตัวเองอัตโนมัติเมื่อได้รับอิทธิพลมาจากภายนอกที่พยายามจะทำลายร่างกายของมัน
ยังไงก็ตามนี่มันใช้ไม่ได้กับยูอิลฮานและเพลิงนิรันดร์ เขาคือผู้สรรสร้างคนใหม่เชียวนะ เขาสามารถที่จะวิเคราะห์และแยกส่วนประกอบของมันได้อย่างไม่ยากเย็นเลย
“หืมมม มันก็ไม่ได้ทำมาจากของที่ฉันไม่รู้จักไปซะหมดนี่”
[ถ้างั้น?]
“เป็นไปได้สูงแล้วว่าพระเจ้านี่ก็คือพระเจ้าคนเดียวกับกองทัพสวรรค์ นี่ก็เพราะว่าส่วนประกอบของเจ้าสิ่งนี้มีส่วนประกอบหลักคือฮาคาเนียม เฟซิเนียม แล้วก็เอลฮาซา”
[ของพวกนั้นมันอะไรกันน่ะ?]
มีแค่อิชจาร์ที่ถามออกมาอย่างสงสัยเท่านั้น แต่ว่าหากเอิลต้าอยู่ที่นี่ด้วยเธอก็คงจะต้องตะลึงไปแน่
ฮาคาเนียมกับเฟซิเนียม และเอลฮาซาคือวัตถุดิบหลักของกับดักแห่งการทำลายที่ใช้ในการคุมขังมอนสเตอร์ไว้ในดันเจี้ยน
“โลหะสามอย่างนี้คือแร่ที่ปรากฏขึ้นมาเฉพาะในโลกที่เจอกับมหาภัยพิบัติหลายต่อหลายครั้งเหมือนกับสวรรค์เท่านั้น แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้สวรรค์คือสวรรค์อีกด้วย มันเป็นเหตุผลที่ทำไมกองทัพสวรรค์ถึงถูกเรียกร้องให้จัดการดูแลทุกๆโลก… นี่มันน่าสนใจซะแล้วสิ”
กองทัพสวรรค์ได้ไปทุกๆโลกที่เจอกับมหาภัยพิบัติและกระจายกับดักแห่งการทำลาย ด้วยของพวกนี้ทำให้มอนสเตอร์ในโลกต่างๆได้ติดอยู่ในดันเจี้ยน แร่ทั้งสามอย่างนี้มีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เลยกคือการยับยั้งและกักขังมานา และเพราะแบบนี้มันจึงถูกนำมาทำเป็นกับดักแห่งการทำลาย
แต่ในตอนนี้คือการผสมทั้งสามอย่างเข้าด้วยกันจนเกิดขึ้นมาเป็นโกเล็มที่ลบล้างมานาด้วยตัวมันเองงั้นหรอ? พระเจ้านี่มีศักยภาพมากจริงๆด้วย! นอกไปจากนี้แร่ทั้งสามอย่างถูกใช้แค่เฉพาะลบล้างมานาอย่างเดียวงั้นหรอ?
“ยังมีบางส่วนที่ฉันยังไม่ได้วิเคราะห์ แล้วก็ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะเพิ่มฟังก์ชั่นอื่นเข้าไปอีกในตอนสร้างโกเล็ม”
[ฟังก์ชั่นอะไรกันล่ะ?]
“ก็มีแค่อย่างเดียวนั่นแหละ การเชื่อมต่อ”
นี่เป็นแค่ขอสันนิษฐานเท่านั้น เป็นแค่ความคิดที่แว๊บเข้ามาในหัวของยูอิลฮานเท่านั้น
ยังไงก็ตามหากมันเป็นไปได้จริงๆที่โกเล็มจะเชื่อมต่อเข้ากับกับดักแห่งการทำลายและสามารถจะทำการเปลื่ยนกับดักแห่งการทำลายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกโลกได้ล่ะ? ถ้าแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ไหมที่จะสังเวยมอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนเพื่อทำให้กับดักแห่งการทำลายกลายไปเป็นโกเล็มพวกนี้?
[นายท่านกำลังจะบอกว่าเขาจะสามารถจัดการกับทุกๆโลกได้อย่างรวดเร็วและทรงประสิทธิภาพภายใต้การจัดการดูแลของกองทัพสวรรค์งั้นหรอ?]
“ตอนนี้ฉันก็กำลังคิดเหมือนนายจริงๆนั่นแหละ”
[อึก]
ยังไงก็ตามนี่มันถูกต้อง กับดักแห่งการทำลายนั้นมีอยู่ทั่วทุกโลกไม่เว้นแม้แต่โลกเบื้องล่างหรือเอลโลคาทร่าที่เป็นฐานทัพหลักของทั้งสองกองกำลัง แน่นอนว่าที่ดาเรย์กับเอิร์ธก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน
[นี่มัน… น่ากลัวมาก]
“ใช่ นั่นแหละ”
ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาน้ำเสียงเศร้าๆที่เต็มไปด้วยเศษเสี้ยงแห่งการคาดเดา
“บางทีในเร็วๆนี้มันอาจจะเป็น… สงครามสุดท้ายจริงๆแล้วก็ได้”