Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 318
บทที่ 318 – ฉันจะเป็นคนปิดม่านครั้งนี้เอง (2)
ไฮเชียคือโลกระดับต่ำที่ยังเหลืออยู่ที่เขาไม่ได้มามานานแล้ว หลังจากครั้งก่อนที่ยูอิลฮานได้กวาดล้างมอนสเตอร์ไปความเป็นอยู่ของผู้คนได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังคงมีการปะทะกับมอนสเตอร์ที่รุนแรงอยู่ดี และเรื่องที่น่าประหลาดใจที่สุดเลยก็คือ…
“…โลกนี้เหมือนกับจะมาอยู่ใต้การปกครองของฉันได้ตลอดเวลาเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันล่ะ?”
[ฉันได้ยินมาว่านายได้แสดงปาฏิหาริย์ขึ้นบนโลกใบนี้ คนทั้งโลกไฮเชียได้บูชานายเหมือนกับพระเจ้าไปแล้ว หากนายเผยตัวออกมาในตอนนี้อาจจะเป็นการกดสวิตเลยก็ได้]
ทั้งๆที่ในตอนเก็บกวาดมอนสเตอร์เขายังไม่ได้เผยตัวออกมาเลยเนี้ยนะ!? ในระหว่างคิดแบบนี้เขาก็ยังรู้ตัวว่านี่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เมื่อเขาได้เผยตัวออกมาและแสดงสิ่งที่คล้ายปาฏิหาริย์ให้คนที่นี่ได้เห็น ผู้คนก็จะเลือกติดตามขาแน่นอน ศรัทธาได้กระจายไปในหมู่มนุษยชาติในโลกใบนี้จนหยั่งรากลึ้งและทำให้ไฮเชียได้กลายมาเป็นโลกภายใต้การปกครองของเขา นี่มันอาจจะหลอมรวมเข้ากับดาเรย์ในทันทีอีกด้วย
เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นมาจากการที่แค่เขาอยากจะยืนยันความปลอดภัยของพ่อเขา ยูอิลฮานรู้สึกประหลาดใจมากๆกับการบูชาที่โลกใบนี้มีต่อเขา ยูเรียลได้ยิ้มพูดออกมา
[เทพองค์ที่ห้าและเป็นดาวที่เปร่งประกายมากที่สุด? นี่มันคือความจริง ไม่เคยมีเทพคนไหนที่รวมโลกระดับต่ำได้ นายคิดยังไงล่ะ? นายยังจะคิดว่านายเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่อีกหรอ ทั้งๆที่การกระทำเล็กๆน้อยๆของนายเป็นการทำให้มีคนรอดชีวิตมากมาย]
“ใช่แล้ว ตราบใดที่คนรอบตัวฉันปลอดภัยก็ไม่มีปัญหา เรื่องอื่นฉันไม่สนใจหรอกนะ ต่อให้จะมีคนที่ฉันช่วยเอาไว้มามากมาย แต่ว่านั่นมันก็เพราะหากพวกเขาตายต่อหน้าฉันมันน่าอีดอัดเท่านั้นเอง ฉันไม่ใช่ฮีโร่ ฉันเกลียดการเป็นฮีโร่สุดๆเลยล่ะ”
[ฟุฟุ ที่นายได้คุณสมบัติในการเป็นเทพก็น่าจะเพราะนายเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง เหมือนกับคนที่ฉันเคยรู้จักจริงๆ]
ยูเรียลได้ยิ้มออกมา นี่เขาทำผิดหรือป่าวนะ? ภาพของยูอิลฮานที่เป็นมิตรกับเขาในตอนนี้ต่างจากตัวเธอในโลกก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ยูอิลฮานได้ตัดสินว่านี่มันอาจจะเป็นเพราะในโลกใบนี้ไม่ได้มีร่องรอยกองทัพสวรรค์ใดๆอยู่เลยก็ได้ หรือก็คือนี่มันทำให้เธอซื่อตรงกับเขามากกว่าเดิม
“กองทัพสวรรค์ได้ทอดทิ้งโลกใบนี้ ไม่สิพวกเธอพลาดไป?… หรือว่าตั้งใจล่ะ?”
[กองทัพสวรรค์ได้ดูแลจัดการโลกจำนวนนับไม่ถ้วน นี่ก็คือสิ่งที่เราสี่ยอดเทวทูตใช้รับมือกับสิ่งที่เกินกำลัง]
เธอได้ยอมรับออกมาตรงๆว่าเธอเป็นคนทำมัน
“แล้วทำไมพระเจ้าถึงได้เชื่อในตัวพวกเธอแล้วแบ่งพลังให้กันล่ะ?”
[มันไม่ใช่ว่าเขาได้มอบพลังส่วนหนึ่งให้กับเราหรอกนะ นี่มันคือการหวนคืนเท่านั้นเอง ในระหว่างกระบวนการนี้ลูซิเอลได้กลายมาเป็นซาตานในระหว่างที่พระเจ้าหายตัวเอง และสี่ยอดเทวทูตก็ได้ครอบตำแหน่งสูงสุดในสวรรค์]
แค่การพึมพัมของเขากับตัวเองได้ทำให้เราได้รับคำตอบที่ไม่น่าเชื่อออกมา และเพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานสงสัยในคำพูดของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ยังไงก็ตามเมื่อเขาคิดไปถึงคำพูดที่คนที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้าพูดกับคังมิเรย์ ยูอิลฮานก็ยอมรับในเรื่องนี้
“ทำไมเธอถึงได้บอกกับฉันกันล่ะ?”
[ในตอนนั้นพวกเราทุกคนยังเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ แต่แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ? ความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเขาได้ถูกแย่งออกเป็นเศษเสี้ยวต่างๆ มิคาเอลอยากที่จะทำตามกฏเดิมของพระเจ้าคนเก่า ส่วนราฟาเอลอยากที่จะให้มิคาเอลเข้าแทนที่พระเจ้า… ฉันไม่อาจจะทนดูพวกเขาเดินไปในเส้นที่พวกเขาเองก็รู้ว่ามันผิดได้…]
“แล้วกาเบรียลก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกันสินะ?”
มุมปากยูเรียลได้ยกขึ้นมาเป็นรอยยิ้มบางๆ
[ฉลาดอย่างที่คิดเลย]
“ฉันอยากจะได้ยินส่วนต่อไปจากปากกาเบรียลเอง”
ยูอิลฮานได้ยกมือของเขาขึ้นมา
ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในจุดสูงสุดของการซ่อนตัวแล้ว เขาได้ตวัดมือลงมาเบาๆทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ภายในท้องฟ้าต้องเผยตัวออกมา
เขาคนนี้คือคนที่ยูอิลฮานรู้จักเป็นอย่างดี แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นคนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
“เพราะงั้น…. คุณช่วยพ่อผมในเรื่องนั้นได้ไหมครับพ่อ?”
หนึ่งในสี่ยอดเทวทูตที่ซ่อนตัวอยู่ กาเบรียล ในเวลาเดียวกันเขาคนนี้ยังเป็นหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดง รวมไปถึงพ่อของยูอิลฮานอีกด้วย
ยูยงฮานได้ยืนอยู่ตรงนี้
[ได้เลยลูกพ่อ ตอนนี้พ่อจะเล่าทุกๆเรื่องให้ลูกฟังเอง]
[พยายามมาตลอดเลยนะกาเบรียล]
[งานนี่มันถูกลูกชายของฉันจัดการไปแล้ว … ขอโทษนะที่ทำให้ลูกต้องเป็นห่วงมาตลอด]
ในขณะเดียวกันยูอิลฮานรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่เอ่อล้นมาจากภายใน แต่เขาก็ห้ามมันเอาไว้และหัวเราะออกมา
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ตัวตนของพ่อจืดจางจนผมชอบลืมไปบ่อยๆเลย”
[พ่อไม่ได้กำลำพูดเรื่องนั้น ที่พ่อกำลังพูดถึงเลยก็คือการที่ลูกต้องมาดูแลพ่อที่ไม่คู่ควรคนนี้]
“…”
ยูอิลฮานมีคำพูดมากมายที่อยากจะบ่นใส่พ่อเขาออกไปเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง ยังไงก็ตามเมื่อได้มาเจอกันอีกและได้เห็นสภาพของพ่อของเขาที่ดูโทรมทำให้อิลฮานลืมเรื่องพวกนั้นไปจนหมด
จริงๆแล้วเขาก็พอจะรู้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เขาเริ่มสงสัยตั้งแต่ในตอนที่เขาได้เป็นจ้าวแห่งการซ่อนตัวตั้งแต่เกิดด้วยซ้ำ จากการที่ทูตสวรรค์เข้ามาช่วยสนับสนุนเขาในเวลาที่เหมาะเจาะ เขายิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกเมื่อไม่อาจจะหาร่องรอยของพ่อเขาได้ในไฮเชีย ยิ่งเข้าใจมากขึ้นเมื่อได้เจอแม่ของเขาที่อยู่ในโลกของสวนอาทิตย์อัสดงที่ซึ่งมิติเวลาถูกหยุดนิ่งเอาไว้ และในท้ายที่สุดเขาก็ได้รู้ถึงตัวตนของพ่อเขาในตอนที่เขาได้ต่อต้านสวรรค์
ยังไงก็ตามเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี เขาอยากจะให้พ่อเขาเป็นคนธรรมดา เขาอยากจะให้พ่อเขาไม่ต้องรับรู้ถึงแรงกดดันที่เขาแบกรับอยู่ เขาอยากที่จะให้พ่อของเขามีชีวิตที่ปกติสุข
แต่มันก็เท่านั้นเขาไม่อาจจะหลีกหนีไปจากความจริงตรงหน้าได้
ยูอิลฮานได้ถามขึ้นมา
“พลังในการเห็นอนาคตมีแค่พ่อคนเดียวที่มีใช่ไหม?”
[ถูกแล้ว นี่คือสิ่งที่พ่อมีมาตั้งแต่ที่ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเลย ในตอนที่มิคาเอลถามว่าพ่อเอาชนะหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดงได้ไหม พ่อเกือบจะหลุดขำออกมาแน่ะ]
เมื่อพ่อของเขาได้หัวเราะออกมา ยูอิลฮานก็หัวเราะตามเช่นกัน โอโรจิกับมิสทิคได้ยืนอยู่ด้านหลังเงียบๆ ส่วนยูเรียลได้เฝ้ามองการกลับมาเจอกันของพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม
“แล้วพ่อสร้างสวนอาทิตย์อัสดงเมื่อไหร่กันล่ะ?”
[ก็เป็นในตอนที่พ่อรู้สึกว่ามิคาเอลเปลื่ยนไป ซาตานได้สร้างกองทัพจรัสแสงขึ้นมาต่อต้านมิคาเอล แต่ว่าพ่อรู้สึกว่ามันยังไม่พอ แล้วลูกรู้อะไรไหม? การสับรางนี่มันยากกว่าที่พ่อคิดอีกนะ มันไม่ได้เป็นไปตามที่พ่อต้องการเลย]
“แน่นอนสิ แม้กระทั่งเวลามาใช้กับครอบครัวยังยากเลย”
พ่อของเขาได้ถูกกระตุ้นและตอบกลับไป
[แต่ว่าพ่อก็ยังคงบรรลุเป้าหมายอยู่ดี]
“แล้วเป้าหมายของพ่อคืออะไรกันล่ะ?”
[เผชิญหน้ากับพระเจ้า ทำให้มีดวงดาวที่เปล่งประกายมากที่สุดเกิดขึ้นมานั่นก็คือลูก รวมไปถึงกำจัดตัวแปรต่างๆที่มีมากมายเท่าที่จะทำได้ด้วย และอย่างสุดท้าย… คือการปกป้องครอบครัว]
ปล่อยเรื่องการเผชิญหน้าหรือดวงดาวอะไรนั่นไว้ก่อนเลย เหตุผลที่สร้างสวนอาทิตย์อัสดงขึ้นมานั่นเพื่อปกป้องครอบครัว? นี่เรื่องพลังในการเห็นอนาคตของพ่อนี่มั่วหรือป่าวเนี้ย? ยูอิลฮานได้หรี่ตาขึ้นมา
“ทั้งแม่ทั้งผม มีอยู่หลายครั้งที่เราทั้งคู่ต่างได้รับความเสียหายจากสวนอาทิตย์อัสดง แล้วนี่พ่ออยากจะให้ผมเชื่อเรื่องนี้หรอ? แล้วก็นะตัวแปรต่างๆ? สวนอาทิตย์อัสดงนี่แหละคือตัวแปรใหญ่ที่สุดที่ไม่มีใครทำอะไรได้!”
[การมองเห็นอนาคตมันไม่ใช่อำนาจที่เบ็ดเสร็จ แล้วพ่อก็ได้แต่เชื่อในผลลัพธ์ที่มองเห็นและทำตามเท่านั้นเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้… ลูกกับแม่ของลูกต้องลำบาก มีอยู่หลายเรื่องที่ไม่ได้เป็นไปตามที่พ่อหวังไว้]
หลังจากยูอิลฮานได้ยินคำสารภาพของพ่อเขา เขาได้คิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องที่สวนอาทิตย์อัสดงเข้ามาเกี่ยวด้วยทั้งหมดต่างก็เป็นเรื่องที่เขาหาทางออกได้ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งทั้งนั้นนี่
สถานที่ที่เป็นแหล่งพลังที่ใหญ่ที่สุดของเขาอย่างดาเรย์ดาเรย์ก็เกี่ยวข้องกับสวนอาทิตย์อัสดงด้วยนี่ แม้กระทั่งลูกชายที่ล้ำค่าที่สุดของเขาอย่างยูมิลก็ยังเป็นเด็กที่เขาได้มาจากเลอซิดน่าที่เป็นผู้ติดตามสวนอาทิตย์อัสดง แม่ของเขาก็ยังได้รับพลังมาจากโลกที่ถูกหยุดนิ่งด้วยถึงแม้ว่าจะต้องอยู่ในกาลเวลาที่หยุดนิ่งจนน่ากลัวก็ตาม
ใช่แล้ว หากมองในผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้แหละ
“แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ให้อภัยพ่อหรอกนะ พ่อยังมีความผิดอยู่ดี ผมต้องกัดฟันแน่นในทุกๆครั้งที่ผมคิดถึงการที่ถูกทิ้งเอาไว้บนโลกได้ยัง”
[พ่อยินดียอมรับโทษทุกๆอย่างเลย พ่อขอโทษจริงๆลูกพ่อ]
ยิ่งพ่อเขาไม่แก้ตัวเลยยิ่งทำให้ยูอิลฮานอึดอัดเอามากๆ หากว่านี่ไม่ใช่พ่อเขาแต่เป็นคนอื่นยูอิลฮานก็คงอัดจนเกือบจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาจะไปทำแบบนั้นกับพ่อเขาได้ยังไงกัน?
นี่มันเพราะยูอิลฮานรู้ดีว่าพ่อขอของเขาคิดยังไงกับลูกของตัวเอง พ่อของเขาทำทุกๆอย่างโดยคิดถึงยูอิลฮานกับคิมเยซอลมาตลอด นี่มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหงุดหงิด
“วิธีของพ่อมันผิดเอามากๆ! พวกผมไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะ!”
[แต่พ่อก็คิดว่านี่มันดีกว่าการต้องตายนะ… แถมพ่อก็ไม่คิดว่าลูกจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงแบบนี้ด้วย พ่อขอโทษนะลูกพ่อ]
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
ดีกว่าตาย – เขาไม่อาจจะปฏิเสธคำนี้ได้ในเมื่อเขาได้เห็นการตายมามากมาย ยูอิลฮานคิดว่าเขาจะต้องอัดพ่อให้เจ็บปวดที่สุดแต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ห่อไหล่
“งั้นกลับไปคุยเรื่องเก่าเถอะนะ”
[นี่ลูกเห็นด้วยกับพ่อแล้วใช่ไหม?]
“ผมไม่เห็นด้วย แต่ว่าเราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
[เข้าใจล่ะ]
เพราะกลัวลูกชายจะคลั่งไปทำให้ยูยงฮานได้เงียบลงในทันที ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและหยิบกับดักแห่งการฟื้นคืนมาให้พ่อเขาดู
[โอ้ นี่มัน…]
“ศักยภาพของลูกพ่อไงล่ะ”
แม้ว่าจะไม่มีใครวิเคราะห์ถึงกับดักแห่งการฟื้นคืนที่ติดตั้งไปแล้วได้ แต่ว่าหากได้มาเห็นสภาพก่อนเปิดใช้งานของมันก็พอที่จะมองเห็นฟังก์ชั่นการทำงานได้ แล้วยูยงฮานก็อุทานออกมาหลังจากได้เห็นตามที่เขาคาดเอาไว้
[นี่มันคืออาร์ติแฟคที่น่าทึ่งมากจริงๆ มันคืออาร์ติแฟคที่เต็มไปด้วยการเอาคืนเร็กน่า นอกจากนี้ยังมีความสามารถที่พ่อยังมองไม่ออกอีกด้วย]
“แล้วเกิดอะไรขึ้นพระเจ้าถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”
นี่คือคำถามที่สำคัญ เขาต้องการจะรู้ว่าทำไมยูยงฮานถึงได้เป็นทั้งหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดงและกาเบรียลในเวลาเดียวกัน รวมถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องล้มเลิกชีวิตที่โดดเดี่ยวมาเป็นหัวหน้ากองกำลังด้วย
[จริงด้วย พ่อยังไม่ได้บอกลูกสินะ]
กาเบรียล ยูยงฮานดูจะลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะหลับตาไปสักพักก่อนจะเริ่มพูดออกมา
[เอาล่ะนะ…. พ่อคงจะต้องพูดถึงเรื่องหนึ่งก่อนจะเริ่มกัน นั่นก็คือพระเจ้าของกองทัพสวรรค์น่ะไม่ใช่ผู้สร้าง ‘พระเจ้า’ ตามความหมายจริงๆน่ะไม่เคยมีอยู่เลย]
ยูอิลฮานได้นึกไปถึงตอนที่มีข้อความจากเทพแห่งความรักที่บอกว่าพระเจ้าไม่มีอยู่ เพราะงั้นนั่นมันหมายความว่าพระเจ้าไม่ได้มีอยู่จริงๆ
“นี่เพราะจะบอกว่าไม่มีใครที่รู้ว่าผู้สร้างคือใครและไม่รู้ว่าเขาหรือเธอคนนั้นมีตัวตนหรือป่าวถูกไหม?”
[ใช่แล้ว และพระเจ้าจากกองทัพสวรรค์ก็อยากที่จะเป็นผู้สร้าง]
ระหว่างนี้ยูอิลฮานก็นึกไปถึงเร็กน่า รวมไปถึงพระเจ้าที่ติดต่อหาคังมิเรย์
“เขาบอกว่าเขาสร้างมานาขึ้นมา นี่ก็เป็นเรื่องโกหกงั้นหรอ?”
[เป็นเรื่องโกหก เขาได้เกือบจะถึงขอบเขตของผู้สร้างจริงๆ แต่ว่าเขาก็ยังไปไม่ถึง เรื่องทั้งหมดนั่นคือเรื่องโกหก สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสร้างได้ก็คือโกเล็มเร็กน่าพวกนั้นนั่นแหละ หรือก็คือเขากระทั่งด้อยกว่าลูกอีกด้วยซ้ำไป อย่างเช่นกับดักแห่งการฟื้นคืนนี่ของลูกก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจสร้างได้]
“ทั้งๆที่ผมมีเวลาฝึกแค่พันปีแต่เขากลับด้อยกว่าผมเนี้ยนะ? เป็นคนที่เลอะเทอะจริงๆ…”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้จากยูอิลฮานได้ทำให้ยูยงฮานระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ลูกของเขาได้ไปถึงขอบเขตผู้สร้างที่ไม่เคยมีใครไปถึงและไม่ได้รู้ตัวเลยว่าขอบเขตที่ตัวเองไปถึงนั้นน่าทึ่งค่ไหน
“แล้วทำไมเขาถึงได้พยายามลบมานาทิ้งไปด้วยล่ะ?”
[เนื่องจากเขาพยายามจะลบสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไป สิ่งที่ทำแบบนั้นได้มีแต่ต้องลบมานา ยังไงก็ตามอย่างที่รู้ ‘การสร้าง’ ของพระเจ้าจากสวรรค์ยังไม่ใช่ ‘การสร้าง’ ที่แท้จริง เขาก็แค่ใช้การเผาไหม้ของดวงวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนมาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อทำสิ่งที่ใกล้เคียงเท่านั้นเอง เพราะแบบนี้ในที่สุดแล้วทุกๆอย่างจะเดินทางไปสู่การถูกทำลาย… ลูกก็รู้ว่านี่มันผิดใช่ไหมล่ะ?]
“ใช่ผมรู้”
หรืออีกความหมายถึงก็คือการตายของโลก คำพูดจากความโลภบางทีอาจจะมองเห็นความจริงข้อนี้โดยไม่ตั้งใจด้วยก็ได้
“…ผมมีอีกหลายคำถามที่อยากจะถาม แต่ในตอนนี้ผมจะถามแค่คำถามเดียว”
ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและถามขึ้น
“ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้ด้วยล่ะ?”
[นั่นมันเพราะ…]
ยูยงฮาน กาเบรียลได้หลับตาลงเพราะคำถามนี้
เขาไม่รู้ว่าลูกชายเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงได้มายืนอยู่ในจุดนี้ เขารู้เพียงแค่ว่าลูกชายเขาจะกลายมาเป็นเทพที่เจิดจรัสที่สุดและกลายเป็นคนที่จะเผชิญหน้ากับพระเจ้า
ลูกชายของเขามีประสบการณ์มากยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้และเติบโตมามาก เขาไม่ได้ถูกโลกหรือสถานการณ์ต่างๆชี้นำแล้ว ในที่สุดอนาคตที่เขามองเห็นก็ชัดเจนขึ้น
‘เอิร์ธจะกลายเป็นโลกที่ใหญ่ยิ่งกว่าสวรรค์ เทพคนที่ห้าผู้เป็นดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสผู้ปกครองเอิร์ธจะปรากฏ เกิดมาจากทูตสวรรค์ ถูกเลี้ยงดูในฐานะมนุษย์ กำเนิดใหม่ขึ้นเป็นมังกร…’
ยูยงฮานได้บอกความจริงกับลูกชายของเขาด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งอยู่ภายในใจทั้งความเสียใจและพึงพอใจที่ได้เห็นลูกชายเติบโตขึ้น
[นั่นมันเพราะลูกปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว การปรากฏตัวของลูกได้ทำให้ทุกๆกองกำลังถดถอยและช่วงเวลาที่พรเจ้ารอคอยอยู่ก็ได้มาถึง]
‘และในสุดท้ายแล้ว เขาก็จะกลายเป็นพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว’
เขาได้พูดคำที่พอจะเดาได้ออกมา
[อาร์มาเก็ดดอน(วันสิ้นโลก)กำลังจะมาถึงแล้ว]