Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 336
บทที่ 336 – วันสิ้นโลก (12)
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้เรียนรู้เรื่องจักรวาล
ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ต่างๆที่โคจรรอบๆดวงอาทิตย์ รวมไปถึงโลกเองก็เป็นแค่หนึ่งในดาวเคราะห์ไม่กี่แห่ง นี่ก็เป็นแค่กาแล็กซี่ที่ล้อมรอบระบบสุริยะเท่านั้น จักรวาลนั้นเต็มไปด้วยกาแล็กซี่มากมาย ในตอนที่ได้เรียนรูเรื่องนี้ยูอิลฮานรู้สึกยังไงงั้นหรอ?
เขารู้สึกกลัว กลัวมากๆ เขากลัวว่าความโดดเดี่ยวของเขาที่มีอยู่แล้วจะมากยิ่งขึ้นและเมื่อเทียบกับจักรวาลนี้แล้วตัวเขาด้อยค่ายิ่งกว่าฝุ่นของจักรวาลเสียอีก
จากนั้นเขาก็ได้ถูกทิ้งเอาไว้ที่เอิร์ธเพียงลำพัง ได้เจอกับเลียร่า ได้รู้ถึงความจริงเกี่ยวกับโลกอื่นๆ มุมมองของเขาได้ถูกขยายขึ้นและในที่สุดเขาก็ได้เห็นโลกในมุมมองใหม่…
…และในตอนนี้เขาก็สามารถที่จะสร้างทั้งโลกด้วยตัวเองได้แล้ว
เขาไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้เขาสามารถจะควบคุมทุกๆอย่างได้แล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีก
“หากว่าฉันกลัวเรื่องการบิดเบือนชั้นบรรยากาศเพราะขนาดของดาวเคราะห์หรือการเปลื่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงสุริยะ ถ้างั้นฉันก็คงไม่เริ่มมันตั้งแต่แรกแล้ว โลกได้เปลื่ยนแปลงไปมากตามสิ่งที่เห็นและมุมมองที่มองมา”
พอมาคิดดูแล้วนี่มันน่าขำดีนะ ยูอิลฮานได้มองลงไปที่โลกทั้งสองใบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา โลกทั้งสองใบเป็นดาวเคราะห์แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ไม่ใช่ดาวเคราะห์
บางทีเขาอาจจะสามารถมองขึ้นไปและเห็นเพดานของจักรวาลหรือมองลงไปเห็นพื้นของจักรวาลก็ได้ ยูอิลฮานได้ยื่นมือออกไปเพื่อเชื่อมต่อกับโลกทั้งสองใบและหัวเราะออกมา แล้วหากว่าเขาไม่สามารถหรือสามารถจะเข้าถึงมันได้ล่ะ? จักรวาลจะถูกนิยามขึ้นใหม่ตามการรับรู้ของเขา
[ฉันจะย้ำอีกครั้วว่าโลกทั้งสองใบจะเท่าเทียมกัน กลายมาเป็นระดับเดียวกัน สอดประสานกลายเป็นหนึ่งเดียว]
หากว่าในตอนแรกเขาได้มุ่งหน้าไปที่เอิร์ธแทนที่จะเป็นดาเรย์ล่ะ? แน่นอนว่าต่อให้เป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกๆอย่างจะจบ
เอิร์ธก็จะก้าวขึ้นมาเป็นโลกระดับสูงในทันที และเขาก็จะตื่นตระหนกจากการมาของคนบนโลกที่กระทันหัน แต่่ว่าเขาก็จะหาวิธีที่จะต่อสู้กับศัตรูในขณะที่ปกป้องทุกๆคนโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ มันจะไม่มีมังกรใหม่ในดราก้อนเนส มีศัตรูจำนวนมากบุกเข้ามาที่โลก และมีคนมากมายที่เขาต้องปกป้อง เพราะงั้นในเวลานั้นเขาก็คงจะลำบากแน่ แต่ไม่ว่าจะยังไงนั่นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่าเช่นเดียว
มันไม่มีเลือดผิดเลือกถูกอยู่แต่แรกแล้ว มันเป็นเรื่องโง่ที่จะคิดว่าตัวเลือดที่ถูกจะทำให้ทุกๆอย่างต่างออกไป ไม่ว่าเขาจะเลือกในเส้นทานไหนต่างก็มีผลลัพธ์ที่ต่างกันมากมายเกิดขึ้นมาตามความพยายามของเขา
เพราะงั้นการรู้ล่วงหน้า คำพยากรณ์หรืออะไรพวกนี้ทั้งหมดต่างก็ไร้ค่า หากว่าเขาต้องการถ้างั้นเขาก็สามารถจะทำให้มันเป็นจริงได้ และหากว่าเขาต้องการเขาก็สามารถป้องกันมันได้ เขาก็แค่ไม่ต้องทำตามคำพยากรณ์เท่านั้นเอง ทุกๆอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเท่านั้น
ไม่สิ นั่นมันไม่ถูก
ทุกๆอย่างจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของยูอิลฮาน และคนที่อยู่เคียงข้างเขา สิ่งที่พวกเขาทุกๆคนได้ตัดสินใจร่วมกัน
[ฉันจะย้ำอีกครั้ง โลกทั้งสองใบจะเท่าเทียมกัน จะไม่มีการเสียสมดุล เผชิญหน้ากันและมอบทราย น้ำ ท้องฟ้า มานา และทุกๆอย่างที่มีอยู่ให้แก่กัน]
ในตอนนี้ยูอิลฮานคือผู้สร้างที่ยืนหยัดอยู่เหนือปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน โลกทั้งสองใบได้เริ่มผสานเข้าด้วยกันอย่างง่ายดายตามคำสั่งของเขา ในตอนนี้ขนาดของโลกทั้งสองใบต่างก็เกิดสมดุลที่แท้จริงของกันและกัน ในที่สุด ‘การหลอมรวมวิวัฒนาการ’ ของโลกทั้งสองใบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
[สกิลทำอาหารสามารถวิวัฒนาการได้]
ในตอนนี้เองได้มีข้อความที่เขาคาดไม่ถึงโผล่ขึ้นมา ยูอิลฮานได้ลืมเรื่องสมดุลของโลกทั้งสองใบไปครู่หนึ่งและจ้องไปที่ข้อความโดยไม่รูตัว
เดี๋ยวสิ ทำไมพอมาในตอนนี้สกิลทำอาหารถึงมาวิวัฒนาการได้ล่ะ? การทำอาหารมันไม่น่าจะมีระดับสูงแล้วนี่?
เดี๋ยวสิ สามารถจะสร้างสกิลใหม่ขึ้นมาได้ด้วยสกิลที่ต่างกันสองสกิลนี่? พอเขามาคิดดูแล้วได้มีความคิดแล่นเข้ามาในหัวเขา เขานึกไปถึงในตอนที่เขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าดราก้อนเนส
ต่อนั้นเขาทำยังไงล่ะ? เขาได้ใช้ความสามารถในการสร้างสร้างตัวเองขึ้นมา และสร้างสกิลใหม่ด้วยการผสมสกิลอื่นๆเข้าด้วยกันนี่
ใช่แล้ว นั่นแหละ! หากไม่ใช่การสร้างแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก? ใช่แล้ว เขามีความสามารถในการสร้างสกิลได้ตามต้องการอยู่แล้ว! เขาได้เผลอผูกมัดตัวเองด้วยกฏการวิวัฒนาการสกิลแบบดั้งเดิมของ ‘บันทึกนภา’ และหลงลืมรากฐานของตัวเองไป!
โง่เง่าจริงๆเลย โง่อะไรแบบนี้! มันมีวิธีที่รวดเร็วและง่ายมากกว่านี้อยู่ แต่เขากลับเรียกมาในทางอ้อมที่ยาวนานเพราะเขาไม่ได้รู้ตัวว่าเขาทำมันได้
‘แต่ก็ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี่มันจะไร้ค่า’
ทุกๆขั้นตอนต่างมีค่าในตัวเองและถูกบันทึกเอาไว้ เขาได้เข้าใจคังมิเรย์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ได้เจอกับนายูนาที่แท้จริง และได้สัมผัสถึงความภักดีและความจริงใจของทุกๆคนที่นี่
การที่ทำให้เขาได้เข้าใจก็เพราะพวกเขาทุกๆคนด้วยเช่นกัน ใช่แล้ว นี่มันยังไม่สายเกินไป จริงๆแล้วนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดต่างหาก
[กำลังใช้ความสามารถในการสร้างของคุณหลอมรวมสกิลทั้งหมดของคุณให้เป็นหนึ่งและสร้างสกิลใหม่ขึ้น]
ข้อความได้ปรากฏขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเศษเสี้ยงอารมณ์ใดๆภายในข้อความ แต่ยูอิลฮานรู้สึกเหมือนกับว่าบันทึกนภากำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
มันได้แสดงข้อความให้เขาได้เห็นในตอนที่ยูอิลฮานรู้ตัวทั้งๆที่มันรู้ว่าเขาสามารถจะทำแบบนี้ได้ตั้งนานแล้ว แน่นอนว่ามันก็แค่กำลังบอกเขาถึงสิ่งที่เขามองเห็นได้ แต่ว่าเขาก็ไม่ชอบมันเอามากๆ
[กำลังหลอมรวมการทำอาหาร การตีเหล็ก หัตถกรรมมานา เอนชานท์วิญญาณ และวิศวกรรมเวทย์เป็นหนึ่ง]
เดิมทีเอนชานท์วิญญาณไม่น่าจะวิวัฒนาการผสมได้อีกแล้วเนื่องจากว่ามันผ่านการวิวัฒนาการผสมมาก่อน แต่ว่านั่นมันก็แค่ตามที่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ นั่นมันสำคัญตรงไหนกัน? เขาได้ก้าวข้ามบันทึกมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำไมจะทำอีกซักครั้งจะไม่ได้ล่ะ?
[สกิลที่ไม่อาจบันทึกได้ การสร้าง กำลังทำงาน]
[กำลังปรับเปลื่ยนโครงสร้างบันทึกนภา ‘การสร้าง’ ได้ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่]
[คุณได้รับสกิลใช้งาน การสร้าง ในตอนนี้คุณได้เข้าใจวิธีการใช้งานแล้ว]
“ใช่ ตอนนี้ฉันรู้วิธีแล้ว”
ยูอิลฮานได้เบ้ปากตอบบันทึกนภากลับไป แต่บันทึกนภาก็ไม่ได้มีอะไรตอบกลับมา มันเป็นแค่กระจกที่สะท้อนสิ่งที่ยูอิลฮานเป็นออกมาก็เท่านั้น
“การสร้าง”
[กำลังเปิดใช้งานการสร้าง]
ในตอนนี้ดาเรย์กับโลกได้อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว ต่างชั่งวัดน้ำหนักของโลกทั้งสองใบไม่ได้เอนเอียงอีกต่อไปแล้ว เมื่อเขาได้ยกมือขึ้นมา ในที่สุดการหลอมรวมโลกทั้งสองใบก็ได้เริ่มขึ้นอย่างแท้จริง
ยูอิลฮานได้ดูสภาพของคนอื่นๆก่อนที่จะใช้สกิลต่อให้จบ เขาได้แยกเมืองที่เต็มได้ด้วยความหนาแน่นมานาจำนวนมหาศาลออกมาแล้ว และใช้ป้อมปราการทั้งสองเป็นแกนกลาง พรรคพวกของเขาได้ถูกปกป้องอยู่ภายในที่แห่งนั้น ทุกๆคนปลอดภัย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องลำบากกัน แต่พวกเขาก็ยังปลอดภัย
อ่า ดูเหมือนคิมเยซอลจะทำได้ เขาได้เห็นเจตจำนงผู้พิทักษ์ได้รับการควบคุมพรมแล้วและยังเตรียมการสำหรับการเปลื่นแปลง ไม่มีอะไรที่จะเหมาะไปกว่าเวลานี้อีกแล้ว
[เจตจำนงผู้พิทักษ์ฉันจะมอบชื่อใหม่ให้กับนาย]
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจเปิดใช้งานสกิลอะไร แต่คำพูดที่เต็มไปด้วยเจตจำนงของเขาได้กลายเป็นประกาศิตและเข้าสู่หูเจตจำนงผู้พิทักษ์ มันไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ยูอิลฮานรู้ว่ามันกำลังสนใจคำพูดของเขาอยู่
[นับต่อแต่นี้ไปนายคือโลก นายคือเอิร์ธ]
[ในที่สุดนายก็ยอมรับแล้วงั้นหรอ?]
[ใช่ ฉันยอมรับ]
ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา ในตอนนี้เจตจำนงผู้พิทักษ์ที่มีชื่อว่าเอิร์ธก็ยังยิ้มออกมา
หลังจากนั้นทุกๆอย่างได้เชื่อมถึงกัน โลกทั้งทั้งสองใบได้รวมเข้าด้วยกันกลายมาเป็น ‘เอิร์ธ’ ทุกๆอย่างได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วราวกับความยากลำบากก่อนหน้านี้ที่พวกเขาได้เจอเป็นเรื่องโกหก
ไม่ว่าจะมีมานาหลั่งไหลภายในโลกมาแค่ไหนมันก็ไม่อาจจะทำอันตรายยูอิลฮานได้อีก ทุกๆอย่างคือของเขา และในเวลาเดียวกันก็คือของโลก ในตอนนี้ไม่มีการแบ่งความเป็นเจ้าของอีกแล้ว
อ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่ครอบคลุมทุกๆอย่างอยู่ได้เริ่มแตกร้าว ก่อนที่ในที่สุดก็ได้แยกออกจากกันพร้อมเสียงดังสนั่น อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับยูอิลฮาน เติมเต็มในภารกิจของมันและกระจายไปทั่วทั้งโลก โลกใบนี้เป็นของเขาและอ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็เป็นของเขาเช่นกัน
โลกขนาดใหญ่ที่งดงามและน่าดึงดูดใจได้ปรากฏขึ้นมาในที่ที่อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้หายไป ยูอิลฮานได้พูดประโยคสุดเท่ออกมา
“เอิร์ธคือสีน้ำเงิน และนี่คือพระเจ้า”
[เอิร์ธได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว]
[สกิลการสร้างได้เพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 2]
“ฟู่ววว หลังจากทำเรื่องบ้าๆทั้งมดนี้เลเวลเพิ่มขึ้นมาแค่เลเวลเดียวเอง การจะเชี่ยวชาญมันคงจะเป็นเส้นทางที่ยาวนานและยากลำบาก”
ถึงแม้ว่าเขาจะบ่นกับข้อความที่ปรากฏขึ้นมาแต่ริมฝีปากของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ จากนั้นเขาก็ได้ลดระดับความสูงลงมาและยืนอยู่บนเมือง
เมืองนี้ยังคงลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ได้หลอมรวมเข้ากับเอิร์ธ และหลังจากที่คนอื่นๆได้ลืมตาขึ้นมาต่างก็ตกตะลึงกับสภาพในปัจจุบันของโลก
“ว้าว นี่คือโลกของเราจริงๆ!”
“ฉันคิดว่ามันใหญ่กว่าเดิมนะ ถึงแม้ว่าฉันจะเล็กเกินไปที่จะรับรู้เรื่องพวกนั้นก็ตาม”
“อิลฮาน เราทำสำเร็จใช่ไหม?”
คังมิเรย์ได้ถามออกมาด้วยสายตาที่มั่นใจ ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาและหยักหน้า
“แน่นอนสิ ทุกๆอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
“ถ้างั้นทำไมเมืองเราถึงยังลอยอยู่บนท้องฟ้ากันล่ะ~?”
“ฉันสามารถจะหลอมรวมมันกลับเข้าไปได้ตลอดเวลา แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา เรายังทำไม่เสร็จเลย”
ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ในจุดๆนี้ทุกๆอย่างได้เป็นไปตามที่เขาวางแผนไว้แล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคิดว่าหากเขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการมันคงจะดีที่สุด
“ถ้างั้นฉันควรที่จะทำในสิ่งที่ฉันจะทำตั้งแต่แรกแล้ว”
“สิ่งที่ลูกอย่างจะทำตั้งแต่แรกมันคืออะไรงั้นหรอ? ช่วยบอกแม่หน่อยจะได้ไหม?”
มันไม่มีทางที่คิมเยซอลจะรู้ได้ถึงการเปลื่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยูอิลฮานได้อย่างสมบูรณ์ แต่ว่าเธอก็ดูจะสังเกตได้ถึงการเปลื่ยนแปลงโดยพื้นฐานในตัวเขา คำพูดที่ใจเย็นของเธอได้ทำให้ยูอิลฮานสดชื่น เขาได้ขยิบตาพูดออกมา
“นาฬิกาทรายแห่งกาลเวลา”
“…หืม!?”
ในตอนนี้ที่นี่เนี้ยนะ!? ในระหว่างที่ทุกๆคนกำลังงุนงงกันอยู่ ยูอิลฮานก็ได้พูดออกมาด้วยตาเป็นประกาย
“ในตอนเราเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเราสามารถที่จะทำให้เวลาไหลช้าลงได้ แต่ในตอนนี้เขาแกร่งขึ้นและสามารถจะใช้อาร์ติแฟคได้ดียิ่งขึ้นแล้ว แถมยังมีเจตจำนงผู้พิทักษ์ เอิร์ธที่ได้กลายมาสมบูรณ์แบบแล้วด้วย เพราะงั้นเราจะชะลอการไหลของเวลาได้มากแค่ไหนกันล่ะ! นี่มันน่าสนุกสุดๆไปเลยถูกไหม ลองคิดกันดูสิ”
“โอ้ว…”
นายูนาได้พูดออกมา เลียร่าได้ถอนหายใจและเอามือก่ายหน้าผาก
“หัวใจของฉันไม่เคยหยุดเต้นเลยนับตั้งแต่ที่ฉันได้เจอเข้ากับยูอิลฮาน… ในทางที่แย่ล่ะนะ!”
“คุณผู้หญิง เคยได้ยินคำว่า ‘ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า’ ไหมล่ะ?”
น้ำเสียงของยูอิลฮานนั้นจริงจังจนน่าแปลกใจ เฮเรียน่าก็ได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
“มันหมายความว่าเราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้มากพอที่จะปลอดภัยแทนที่จะไปทำอะไรเสี่ยงๆแล้วก็ต้องมาเสียใจที่หลังสินะที่รัก”
“ถูกแล้ว นี่คือสำนวนยอดเยี่ยมที่หมายความว่าฉันไมาควรจะทำมันจนกว่าที่ฉันจะเอาชนะบอสสุดท้าย บอสที่แท้จริงสุดท้ายที่จะตามมา ดันเจี้ยนลับที่จะตามมาอีกทีแล้วก็บอสลับสุดท้ายที่จะโผล่ออกมาในท้ายสุด แล้วก็ยังมีบอสสุดท้ายที่แท้จริงที่สุดที่จะถูกเพิ่มเข้ามาภายหลัง แถมยังจะมีอุปกรณ์และขีดจำกัดเลเวลที่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก”
ยูอิลฮานได้หยิบเอานาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาออกมาและจับมันเอาไว้ เอิร์ธได้ตอบสนองกลับมาและเริ่มเรืองแสง ตามปกติแล้วในตอนนี้เขาสามารถจะสร้างบาเรียที่ครอบคลุมได้ทั่วทั้งโลกและยังมีพื้นที่เหลืออีกได้แล้ว
เอิร์ธได้ตอบกับมา
[ฉันพร้อมแล้ว]
“เยี่ยม ถ้างั้นเราก็มาเตรียมตัวกันเพื่อที่จะได้พักผ่อนกันหลังจากที่บอสท้ายสุดของท้ายสุดที่แท้จริงสุดๆปรากฏตัวออกมา”
บาเรียได้ทำงานแล้ว
นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นกาลเวลาขึ้นมา นี่คือช่วงเวลาที่กาลเวลาหยุดลงยาวนานที่สุด