Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น - ตอนที่ 605
ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นความรับผิดชอบต่อฉวนจวี้เต๋อ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นความดีความชอบทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ รองนายกเทศมนตรีหลิวอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากห้างหุ้นส่วนประสบความสำเร็จโดยการนำของเขา และฉวนจวี้เต๋อกลายมาเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งของเอเชีย เขาจะได้รับผลประโยชน์ครั้งสำคัญมาก
ตอนนี้เขาเป็นรองนายกเทศมนตรี แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะไปดำรงตำแหน่งแทนที่นายกเทศมนตรี เขาอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งและถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่จังหวัดไหนสักแห่ง หรือเขาอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองเลขาธิการพรรคของเมือง ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งแน่นอนถ้าเขายอมให้มีหุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้น
พนักงานของรัฐบาลคนไหนที่ไม่อยากเลื่อนตำแหน่งบ้าง? ข้าราชการทุกคน โดยเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่มีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว พวกเขาทุกคนต้องการพลังและอำนาจที่มากขึ้น
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังดี และถ้าหากใครไม่มีความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ก็ยากที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ถ้าใครมีบทบาทและส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งแน่นอน!
เฝิงหยู่ไม่ชอบเจ้าหน้าที่ทุจริตที่หิวเงิน แต่เขาก็ยังโอเคกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องการการเลื่อนตำแหน่งมากเหลือเกิน หากเจ้าหน้าที่คนไหนไม่ได้อยากเลื่อนตำแหน่งและไม่อยากทำงานอะไรทั้งนั้น แค่อยากนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในสำนักงานของพวกเขาไปวันๆ คนพวกนี้แย่กว่าเจ้าหน้าที่ทุจริตอีก
เฝิงหยู่และฟู่กวางเจิ้งตัดสินใจเกลี้ยกล่อมรองนายกเทศมนตรีหลิวด้วยความดีความชอบทางการเมือง
“นายกเทศมนตรีหลิวครับ เราคิดว่าจะนำแบรนด์ฉวนจวี้เต๋อออกไปต่างประเทศ เราต้องการให้ทั่วทุกมุมโลกได้รู้จักอาหารจีน และหาเงินจากชาวต่างชาติพวกนั้น เมื่อห้างหุ้นส่วนก่อตั้งขึ้น เราก็สามารถดำเนินการได้ทันที” ฟู่กวางเจิ้งพูดต่อ
“แต่มีหลายบริษัทมากในห้างหุ้นส่วนนี้ และร้านอาหารก็เยอะด้วย ฉวนจวี้เต๋อจากร้านเดียวจะกลายเป็นร้านอาหารหลายสิบแห่งทันที เราไม่ได้มีพ่อครัวทำเป็ดย่างเยอะขนาดนั้น” รองนายกเทศมนตรีหลิวพูด
เฝิงหยู่ยิ้ม “นายกเทศมนตรีหลิวครับ เปี้ยนอี้ฟังก็เป็นหนึ่งในบริษัทของเมืองด้วยไม่ใช่หรอครับ? ที่นั่นมีพ่อครัวตั้งเยอะ ถ้าฉวนจวี้เต๋อสามารถฝึกฝนพ่อครัวพวกนั้นได้ พวกเขาก็จะมีทักษะได้ภายในหนึ่งเดือน ปักกิ่งก็ยังมีร้านอาหารเป็ดย่างอีกมากมาย เราสามารถซื้อตัวพ่อครัวจากร้านพวกนั้น รวมถึงเป็ดย่างของพวกเขามาให้ฉวนจวี้เต๋อได้”
“คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? เป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อมีความแตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ นะ!” รองนายกเทศมนตรีหลิวตอบอย่างหนักแน่น
“นายกเทศมนตรีหลิวครับ คนจากภูมิภาคต่างกันก็รับรู้รสชาติต่างกัน บางแห่งชอบกินรสหวานและบางแห่งก็ชอบรสเผ็ด เนื่องจากแต่ละภูมิภาคมีรสนิยมที่แตกต่างกัน แล้วมันจะแปลกตรงไหนถ้ารสชาติของเป็ดเราแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ล่ะครับ? เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าเป็ดของเรามีรสชาติอร่อยและลูกค้าชื่นชอบ แค่นั้นก็พอแล้ว”
“แต่ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนว่าโดนหลอกหรือเปล่า?”
“ไม่แน่นอนครับ!”
เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เป็ดที่เสิร์ฟในร้านอาหารของฉวนจวี้เต๋อในสหรัฐอเมริกานั้นแตกต่างจากปักกิ่งเล็กน้อย แต่ร้านอาหารก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่นที่นั่น ก็เหมือนกับอาหารเสฉวนที่ขายในเจ๋อเจียง ซึ่งรสชาติไม่ได้เผ็ดเหมือนของแท้ดั้งเดิม
ไม่ว่าอาหารจีนจะยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม จะต้องการปรับเปลี่ยนสูตรไปตามความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น ร้านอาหารจีนในสหรัฐอเมริกาที่ฟู่กวางเจิ้งเข้าซื้อกิจการก็เหมือนกัน เขาบอกกับเฝิงหยู่ว่าอาหารที่เสิร์ฟในร้านอาหารนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาหารจีนด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมมากในนิวยอร์ก
รองนายกเทศมนตรีหลิวลังเล แต่เขาก็อยากได้รับการเลื่อนตำแหน่งจริงๆ
เขารายงานเรื่องนี้ต่อนายกเทศมนตรี และเมื่อนายกเทศมนตรีถามเขา เขาก็ตอบตามสิ่งที่เฝิงหยู่ และฟู่กวางเจิ้งพูดให้เขาฟัง
สุดท้าย หุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้ก็ได้รับการอนุมัติหลังจากการประชุม แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งก็คือประธานของฉวนจวี้เต๋อคนใหม่จะต้องเป็นคนจากรัฐบาลเมือง!
เมืองต้องการให้ “ผู้อาวุโสและมีประสบการณ์” เป็นประธานและผู้จัดการทั่วไปของบริษัท แต่เฝิงหยู่ ปฏิเสธ
ไม่ว่าจะเป็นประธานหรือผู้จัดการทั่วไป คุณไม่สามารถครองทั้งสองตำแหน่งได้!
เฝิงหยู่ต้องการให้เจียงเสียนจวิ้นมีอำนาจ เมื่อชาติก่อนของเฝิงหยู่ เจียงเสียนจวิ้นบริหารจัดการฉวนจวี้เต๋อ และแบรนด์ได้ดีมาก
นอกจากนี้ เจียงเสียนจวิ้นยังเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ และมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองในการบริหารจัดการบริษัท เฝิงหยู่จะรู้สึกวางใจถ้าได้เจียงเสียนจวิ้นมาเป็นผู้นำบริษัท ชื่อเสียงของเจียงเสียนจวิ้นใน บริษัทก็โดดเด่น เขาสนิทกับทุกคนและไม่มีปัญหากับใครเลย
ฟู่กวางเจิ้งก็รู้สึกแบบเดียวกันหลังจากที่ได้คุยกับเจียงเสียนจวิ้น ตาเฒ่าคนนั้นหัวโบราณเกินไป หากเขาได้เป็นประธานและผู้จัดการทั่วไป เขาจะทำให้บริษัทพัฒนาตัวไปได้อย่างช้ามาก
เจียงเสียนจวิ้นมีส่วนร่วมในการจัดตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือครั้งนี้ และเฝิงหยู่ก็อยากให้รางวัลแก่เขาด้วยหุ้นบางส่วน ตำแหน่งประธานสามารถมอบให้แก่รัฐบาลเมืองได้ แต่เจียงเสียนจวิ้นต้องเป็นผู้จัดการทั่วไป
เฝิงหยู่ยังคงยืนกรานกับความต้องการของเขาอย่างหนักแน่น ดังนั้นรองนายกเทศมนตรีหลิวจึงไปคุยกับเจียงเสียนจวิ้น เขาอยากรู้ว่าทำไมเจียงเสียนจวิ้นในฐานะพนักงานรัฐวิสาหกิจถึงอยู่ข้างเดียวกับเฝิงหยู่
รองนายกเทศมนตรีหลิวรู้จากเจียงเสียนจวิ้นว่าเฝิงหยู่รับปากกับเขาไว้ว่าจะมอบตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปให้ และถ้าเขาลาออกจากตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ เขาจะมอบหุ้นบริษัทให้ด้วย เจียงเสียนจวิ้นยังรู้สึกว่าเฝิงหยู่เป็นคนรักษาคำพูด
เขาบอกรองนายกเทศมนตรีถึงสิ่งที่เขาคิดและพูดกับเขาว่าแม้ว่าเขาจะลาออกจากรัฐวิสาหกิจแล้ว แต่เขาก็ยังคงภักดีต่อพรรคและยังคงเป็นคนที่มาจากปักกิ่งอยู่ดี เขาจะไม่มีวันลืมคำแนะนำที่รัฐบาลเมืองเคยมอบให้เขาโดย เขาจะปกป้องและบริหารฉวนจวี้เต๋อเป็นอย่างดี
เจียงเสียนจวิ้นยังได้บอกกับรองนายกเทศมนตรีหลิวเกี่ยวกับแผนการของเขาสำหรับฉวนจวี้เต๋อด้วย และเขาก็พิสูจน์ตัวเองว่าเขาทำงานได้ดีกว่าผู้นำคนเก่าในการบริหารฉวนจวี้เต๋อ!
……
รองนายกเทศมนตรีหลิวติดต่อบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอีก 2 แห่ง บริษัทอาหารและเครื่องดื่มคิดว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงทุนในฉวนจวี้เต๋ออีกต่อไปแล้ว พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ารัฐบาลเมืองจะติดต่อพวกเขา
ความต้องการของฉวนจวี้เต๋อนั้นสมเหตุสมผลมาก หลังจากก่อตั้งกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อ สำนักงานใหญ่จะตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง และรัฐบาลเมืองจะแต่งตั้งประธานกลุ่มบริษัท ส่วนตำแหน่งที่เหลือจะได้รับการตัดสินใจจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด
เมื่อบริษัทรู้ว่าบริษัทจากฮ่องกงจะร่วมลงทุนในกิจการนี้ด้วย และจะเร่งขยายกลุ่มบริษัท พวกเขาก็ตกลงเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขายังได้เป็นรองประธานด้วย พวกเขาจะยังมีอำนาจในการตัดสินใจอยู่บ้างในบริษัท และจะได้รับเงินมากขึ้นหลังจากที่ก่อตั้งกลุ่มบริษัทขึ้นแล้ง
ตอนนี้ทุกคนอยู่ฝ่ายเดียวกันและรายละเอียดที่เหลือก็สรุปได้อย่างรวดเร็ว
ทั้ง 4 ฝ่ายรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อโดยมีรัฐบาลเมืองปักกิ่ง รัฐบาลเมืองเสฉวน เฝิงหยู่ ฟูกวางเจิ้ง กลุ่มนักธุรกิจจากเจ๋อเจียง กลุ่มนักธุรกิจจากเสฉวน และเจียงเสียนจวิ้นเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท เฝิงหยู่ ฟู่กวางเจิ้ง เจียงเสียนจวิ้นและอีกไม่กี่คนจัดตั้งคณะกรรมการบริษัท และตาเฒ่าจากรัฐบาลเมืองปักกิ่งก็ได้เป็นประธานคนแรกของกลุ่มบริษัท และเจียงเสียนจวิ้นเป็นผู้จัดการทั่วไป
มูลค่ารวมทั้งหมดของกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋ออยู่ที่ 1.72 พันล้านหยวน รัฐบาลเมืองปักกิ่งถือหุ้น 16.3% เฝิงหยู่ถือหุ้น 15.8% ฟู่กวางเจิ้งถือหุ้น 10% รัฐบาลเสฉวนถือหุ้น 8.2% …… เจียงเสียนจวิ้นได้รับหุ้น 0.8% และผู้จัดการร้านอาหารคนอื่นๆ ก็ได้รับหุ้นคนละ 0.05% เฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นในนามบุคคลรายใหญ่สุดและรัฐบาลเมืองปักกิ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนถัดมา
รัฐบาลเมืองปักกิ่งรู้สึกโล่งใจที่จะรู้ว่าไม่มีผู้ถือหุ้นสองคนใดที่สามารถรวมตัวกันเพื่อให้ได้หุ้นที่มีอำนาจควบคุมบริษัทได้ พวกเขาเชื่อว่าฉวนจวี้เต๋อจะไม่ถูกแปรรูปเป็นเอกชนอย่างเต็มตัว!
ดังนั้น กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อจึ’เริ่มดำเนินการ และหนึ่งเดือนต่อมาร้านอาหารฉวนจวี้เต๋อทั้งหมดก็เริ่มขายเป็ดย่างเมนูพิเศษของพวกเขา เมนูพิเศษของร้านอาหารแต่ละแห่งก็มีให้บริการในร้านอาหารอื่นๆ ด้วย เครือข่ายร้านอาหารที่ทรงพลังได้ก่อตัวขึ้นแล้ว………