Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น - ตอนที่ 642
EG บทที่ 642 จากสิ่งหนึ่งนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง
ฟิลิปส์ไม่ได้จ้างคนดังใดๆมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อโปรโมทสินค้าของพวกเขา ในครั้งแรกพวกเขาต้องการจ้างนักร้องชื่อดังแต่การเจรากลับล้มเหลวไปก่อน พวกเขาต้องการจ้าง‘ไมเคิล แจ็คสัน’แต่ไมเคิลนั้นอยู่ในสังกัดของโซนี่และไม่มีทางที่โซนี่จะให้ไมเคิลมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของฟิลิปส์อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดฟิลิปส์จึงตัดสินใจใช้วิธีดั้งเดิมที่เคยทำ พวกเขาใช้วิธีการแบบเดียวที่วินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ทำ พวกเขาจะแสดงคุณสมบัติของเทคโนโลยีนั้นๆและใช้โลโก้ของพวกเขาเป็นตัวชูโรง
จำนวนเงินที่ฟิลิปส์ลงทุนให้กับแคมเปญโฆษณาชุดนี้เป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง โฆษณาของพวกเขาสามารถพบเห็นได้ทุกที่ทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
เครื่องเล่นSuper VCDถือเป็นตลาดดาวรุ่งพุ่งแรง ยอดขายของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาขายปลีกของเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาก็ลดลงเรื่อยๆและยอดขายเครื่องเล่นวีซีดียี่ห้ออื่นๆก็ลดลงเช่นกัน
แม้แต่บริษัทอิแล็คทรอนิกส์รายใหญ่ๆก็ไม่สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้อีก มีเพียงโซนี่ โตชิบา ฮิวเลตต์ – แพคการ์ดและไพโอเนียร์เท่านั้นที่ยังพอประคองไปได้ ส่งผลให้บริษัทอื่นๆต้องการเจรจากับวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์อีกครั้ง
.
.
“ผู้จัดการเฝิงครับ! ตัวแทนจากบริษัท NEC สาขาประเทศจีนต้องการพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเครื่องเล่นดีวีดีครับ”
เจียงหวันเหมิงเอ่ยรายงานแก่เฝิงหยู่
เฝิงหยู่เลิกคิ้วสูง ถึงเวลาแล้วหรือนี่? ทุกๆอย่างที่เฝิงหยู่ทำก็เพื่อให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้นก้มหัวให้กับเขา!
ในตอนแรกเฝิงหยู่อนุญาตให้บริษัทเหล่านั้นใช้สิทธิบัตรเครื่องเล่นวีซีดีและอนุญาตให้พวกเขาผลิตเครื่องเล่นวีซีดีขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มลดราคาเครื่องเล่นวีซีดีของเขาลงเมื่อบริษัทเหล่านั้นตั้งราคาขายปลีกเครื่องเล่นวีซีดีของพวกเขาถูกกว่าบริษัทของเฝิงหยู่
เขาให้ส่วนแบ่งการตลาดกับบริษัทเหล่านั้นอย่างจงใจ เมื่อบริษัทเหล่านั้นเห็นว่าตลาดเครื่องเล่นวีซีดีเป็นไปได้ดีก็เพิ่มยอดการผลิตและพยายามโปรโมทการขายทุกวิถีทาง พวกเขาทั้งหมดต้องการครองตลาดวีซีดีและผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะนั้นเฝิงหยู่ก็ปรับราคาเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาของเขาลงซึ่งมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรกับบริษัทเหล่านั้นเช่นกันเมื่อพวกเขายังสามารถทำกำไรได้อยู่
เนื่องจากยังมีกำไรและยอดผลิตที่เพิ่มมากขึ้นบริษัทอื่นๆจึงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ บริษัทใหญ่ๆหากมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาพวกเขาก็จะค่อยๆทยอยนำออกจากชั้นวางสินค้าหลังจากผ่านไปสัก2-3เดือนเพื่อไม่ให้กระทบกับแบรนด์สินค้าของพวกเขา
ในขณะที่บริษัทเล็กๆบางแห่งถูกกดดันให้ขายหุ้นและหยุดการผลิตลง บริษัทเล็กๆเหล่านี้มียอดการผลิตขั้นต่ำประมาณ 10,000 เครื่องตามที่ระบุไว้ในสัญญาของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทเหล่านี้สามารถทำเงินได้ในช่วงแรกแต่ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียในภายหลัง โดยรวมแล้วพวกเขาสามารถทำรายได้หรือทำกำไรได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าพวกเขายังคงดันทุรังผลิตเครื่องเล่นวีซีดีต่อไปอีกพวกเขาก็ต้องประสบกับภาวะขาดทุนอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากนั้นไม่นานเครื่องเล่นSuper VCD ก็ถูกเปิดตัว ราคาขายปลีกของเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาก็ลดลงอีกครั้ง นี่เป็นช่วงเวลาที่วินด์แอนด์เรน ไอว่าและฟิลิปส์แบ่งปันช่องทางการจัดจำหน่ายร่วมกัน ร้านค้าปลีกของพวกเขาเริ่มขายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่นเป็นอย่างมาก
บริษัทใหญ่ๆต่างยืนยันที่จะผลิตเครื่องเล่นวีซีดีต่อไปและพวกเขาก็ได้จัดตั้งพันธมิตรการค้าเพื่อแบ่งปันช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มยอดขายอีกทางหนึ่ง
ในตอนแรกยอดขายของบริษัทใหญ่ๆเหล่านี้กระเตื้องขึ้นและพวกเขาคิดว่าวิกฤตการณ์สิ้นสุดลงแล้ว แต่จู่ๆวินด์แอนด์เรน ไอว่าและฟิลิปส์ก็เริ่มทำการตลาดโปรโมทเครื่องเล่น Super VCDแบบจริงจัง แคมเปญโฆษณาของพวกเขาหลั่งออกมาในหน้าจอทีวีไม่ขาดสาย
คุณใช้เงินลงทุนไปกับแคมเปญโฆษณานี้เท่าไหร่กัน? แล้วมันยังจะสามารถสร้างกำไรให้คุณได้อีกหรือ? กำไรจากเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาก็ถือว่าได้เยอะอยู่แล้ว แม้ว่าราคาขายของเครื่องเล่นSuper VCDจะมีราคาที่สูงกว่าแต่ก็ควรทำได้รายได้ประมาณ 200 ดอลล่าร์ หากทำยอดขายได้ 10,000เครื่องก็จะได้เงินประมาณ 2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
แคมเปญโฆษณานี้ถือเป็นสเกลที่ใหญ่ คาดว่าจะมีรายจ่ายมากกว่า 10 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี คุณสามารถขายเครื่องเล่นSuper VCDได้กี่เครื่องต่อปีกัน? พวกผู้บริหารพากันคิดอะไรอยู่? พวกเขาเสียสติกันไปแล้ว! พวกเขาพากันรู้วิธีนับยอดขายในแต่ละปีหรือเปล่า?!
แต่ในไม่ช้าบริษัทพวกนี้ก็ตระหนักได้ว่าผู้บริหารที่พวกเขาดูถูกนั้นไม่ได้เสียสติแต่อย่างใดเพราะผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
แค่เครื่องเล่นSuper VCDเพียงอย่างเดียวก็สามารถขายได้มากกว่า 500,000 เครื่องหลังจากแคมเปญโฆษณาออกอากาศ มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่แข่งขันกันในตลาดนี้ทำให้ยอดขายโดยเฉลี่ยของแต่ละแบรนด์อย่างต่ำก็ได้ประมาณ 100,000 เครื่อง กำไรโดยประมาณมากกว่า 20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ มันเกินพอที่จะชดใช้เงินที่เสียไปกับกับการลงทุนสร้างโฆษณา!
สิ่งสำคัญที่สุดคือยอดขายเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาของทุกแบรนด์รวมไปถึงวินด์แอนด์เรนและไอว่ากลับลดลงเป็นอย่างมาก ตลาดเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดากำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
จากการคำนวณของบริษัทใหญ่ๆเหล่านี้ ยอดขายรวมทั้งหมดของเครื่องเล่นวีซีดีทั่วไปควรเกิน 1 ล้านเครื่องในปีนี้ พวกเขาควรได้รับส่วนแบ่งทางตลาดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่ประมาณการเอาไว้และส่วนที่เหลือควรจะเป็นยอดขายของวินด์แอนด์เรนและไอว่า มันแสดงให้เห็นว่ากำไรจากเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดคือบริษัทของพวกเขาเป็นคนเปิดตลาดนี้ขึ้นมาและผลไม้ที่กำลังสุกงอมจากแรงงานของพวกเขากลับถูกพรากไป!
แน่นอนว่าบริษัทเหล่านั้นไม่ทราบว่ายอดขายเครื่องเล่นวีซีดีในอนาคตข้างหน้าจะเป็นยอดขายที่สูงและผลกำไรสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วยซ้ำ โดยเฉลี่ยทุกครัวเรือนจะเป็นเจ้าของเครื่องเล่นวีซีดี 1 เครื่อง จำนวนเครื่องเล่นวีซีดีโดยรวมในตลาดคิดเป็นตัวเลขกลมๆได้มากกว่า 100 ล้านเครื่อง
เมื่อเครื่องเล่นดีวีดีเข้าสู่ตลาด ยอดขายของเครื่องเล่นทั้ง2แบบนี้จะมีมากกว่า 1 พันล้านเครื่อง!
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในปี 1997 เมื่อชีวิตก่อนของเฝิงหยู่และมันจะมาถึงจุดที่บูมที่สุดในช่วงปี1999 แต่ตอนนี้ทุกอย่างดำเนินไปเร็วกว่านั้น เฝิงหยู่ประมาณการว่าปีหน้าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรุ่งเรืองและช่วงที่บูมที่สุดจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นมาก
วินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุ่มงบสำรองและลงทุนในการพัฒนาเลเซอร์ออฟติคอลไดรฟ์ให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น
เฝิงหยู่หลอกใช้บริษัทเหล่านี้ทั้งหมด พวกเขาช่วยเฝิงหยู่เปิดตลาดนี้ขึ้นมาและเงินส่วนใหญ่ก็หล่นเข้ากระเป๋าของเขาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้บริษัททั้งหมดถูกบีบให้ตายทางอ้อมหากยังฝืนดำเนินกิจการต่อไป พวกเขาจะประสบกับภาวะขาดทุนและอาจต้องล้มละลายในที่สุด
ตอนนี้บางบริษัทไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและท้ายที่สุดพวกเขาก็จะกำจัดความขุ่นเคืองที่มีต่อวินด์แอนด์เรนลงได้ หากบริษัทใหญ่2แห่งต้องการมีส่วนแบ่งทางการตลาด พวกเขาต้องไม่แข่งขันกันเอง พวกเขาควรร่วมมือกันเพื่อผูกขาดตลาดเช่นที่วินด์แอนด์เรนและฟิลิปส์ทำ
บริษัทเหล่านี้เลือกที่จะสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามและไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะทำงานร่วมกับวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วบริษัทบางส่วนเปลี่ยนใจที่จะหันมาสนับสนุนการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมเครื่องเล่นดีวีดีของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์และฟิลิปส์ บริษัทเหล่านี้ยินดีที่จะได้รับส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมเครื่องเล่นดีวีดีในอนาคต
NEC เป็นบบริษัทแรกที่เข้าหาวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ นั่นก็เพราะความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักระหว่างพวกเขากับโซนี่และโตชิบา
แต่เฝิงหยู่ก็ไม่คิดที่จะพูดคุยกับตัวแทนของNECจากประเทศจีนเช่นกัน ตัวแทนเล็กๆจะมาขอพบเขาได้อย่างไร? อย่างน้อยก็ควรเป็นประธานหรือรองประธานจากบริษัทแม่สิ!
เฝิงหยู่เพิ่งปฏิเสธตัวแทนของNECไปและตัวแทนจากบริษัทอื่นๆก็ติดต่อผ่านเจียงหวันเหมิงเพื่อเข้าพบกับประธานใหญ่ของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพูดคุยและหารือร่วมกัน
คนเหล่านี้เลือกที่จะติดต่อเจียงหวันเหมิงเข้ามาเพราะคิดว่าเขาสามารถตัดสินใจได้แต่เจียงหวันเหมิงก็แจ้งกับพวกเขาไปว่าตนอาจเป็นผู้จัดการทั่วไปและเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น แต่ยังมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมในบริษัทอีกทีหนึ่ง ผู้ถือหุ้นรายนี้เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในขั้นสุดท้ายของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์
ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่ต้องการพบกับเฝิงหยู่ กลุ่มคนที่เป็นตัวแทนบริษัทที่ส่งไปเจรจากับวินด์แอนด์เรนก็เริ่มเป็นคนที่ดำรงตำแหน่งในบริษัทที่สูงขึ้นเช่นกัน
ทุกคนต้องการสิ่งเดียวกัน พวกเขาต้องการสนับสนุนมาตรฐานอุตสาหกรรมเครื่องเล่นดีวีดีของวินด์แอนด์เรนและฟิลิปส์ตั้งแต่ต้นเพื่อที่จะได้เสียค่าธรรมเนียมในราคาที่ต่ำ พวกเขาต้องการสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด
บริษัทเหล่านี้มีอิสระมากพอที่จะสนับสนุนมาตรฐานอุตสาหกรรมของบริษัทอื่นๆ พวกเขาไม่ใช่คนบุกเบิกมาตรฐานอุตสาหกรรมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในโลกของธุรกิจไม่มีทั้งมิตรและศัตรูมีแต่ผลประโยชน์ล้วนๆ!
เมื่อรองประธานของพานาโซนิคขอเข้าพบกับเฝิงหยู่เป็นการส่วนตัวเฝิงหยู่ก็ปรากตัวในที่สุด ถึงเวลาที่เขาจะจัดการกับโซนี่และบริษัทอื่นๆอีกครั้งแล้ว!