Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น - ตอนที่ 718
EG บทที่ 718 ยังไม่ถึงเวลา
ไม่ใช่จางรุ่ยเฉียงที่มาหาหลี่หมิงเต๋อ หากจางรุ่ยเฉียงต้องการให้บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เขาจะไม่มาหาหลี่หมิงเต๋อ เพราะเขารู้ว่าใครเป็นคนตัดสินใจในบริษัทนี้ ซึ่งก็คือเฝิงหยู่
คนที่มองหลี่หมิงเต๋อไปหาก็คือเลขาธิการของรัฐบาลเมืองปิง เขาต้องการความดีความชอบเพื่อการเลื่อนตำแหน่งของเขา เขารู้ว่าเฝิงหยู่เป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทเครื่องจักรและดูแลบริษัทโดยรวมทั้งหมด
แต่เมื่อเลขาธิการโทรหาเฝิงหยู่ เขาก็รู้ว่าเฝิงหยู่ไม่เต็มใจที่จะนำบริษัทนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเขาจึงมาหาหลี่หมิงเต๋อโดยหวังว่าหลี่หมิงเต๋อจะโน้มน้าวเฝิงหยู่ได้ เขารู้ว่าเฝิงหยู่เชื่อใจหลี่หมิงเต๋อมาก ไม่งั้นเฝิงหยู่ก็จะไม่ขอให้หลี่หมิงเต๋อเกษียณอายุก่อนกำหนดจากการรับราชการและจ้างเขาเข้าไปทำงานที่บริษัทหรอก หลี่หมิงเต๋อยังได้รับหุ้นของบริษัทด้วย
เลขาธิการยังรู้สึกว่าจางรุ่ยเฉียงจะไม่หยุดเพียงแค่นี้เพราะรัฐบาลเมืองปิงทั้งหมดจะได้รับความดีความชอบหากบริษัทนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากเลขาธิการได้รับการเลื่อนตำแหน่ง จางรุ่ยเฉียงจะสามารถเข้าดำรงตำแหน่งแทนเขาได้ จางรุ่ยเฉียงทำผลงานได้ดีในช่วงสองปีที่ผ่านมาและมีความหวังสูงมากในการเข้ารับตำแหน่งนี้ นอกจากนี้ เขายังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจังหวัดหมายเลข 1 ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวลือว่ารัฐบาลจังหวัดหมายเลข 1 จะเกษียณอายุและไปอยู่เบื้องหลังในช่วงสิ้นปีนี้ ถึงตอนนั้น จางรุ่ยเฉียงจะต้องเสียการสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในรัฐบาลจังหวัด มีหรอที่จางรุ่ยเฉียงจะไม่อยากเป็นเลขาธิการพรรคของรัฐบาลเมืองปิงหรอ? ในการรับราชการนั้น ถ้าทำผิดแค่ขั้นตอนเดียว นั่นหมายถึงความล้มเหลว
หลี่หมิงเต๋อไม่กล้าขัดใจกับเลขาธิการพรรค และเขาทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากเฝิงหยู่เท่านั้น
เฝิงหยู่รู้ว่าการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นบรรทัดฐานสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อระดมทุน ซึ่งดีกว่าการกู้เงินจากธนาคารและสามารถเพิ่มมูลค่าของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่เฝิงหยู่ไม่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเมื่อบริษัทเข้าจดทะเบียนแล้ว หุ้นของเขาใน บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงจะลดลง สำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีการเสนอขายหุ้นอย่างน้อย 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดต่อประชาชน ถ้างั้นหุ้นของฝิงหยู่และพ่อของเขาจะน้อยกว่า 50%
แน่นอนว่าหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นและหุ้นจะมีมูลค่ามากขึ้น แต่นั่นเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายหุ้นของพวกเขา เฝิงหยู่ไม่ได้อยากจะขายหุ้นของเขา
เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ได้เป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการระดมทุน แต่เป็นเพราะพวกเขาลงทุนโดยการร่วมลงทุน แล้วนายทุนผู้ร่วมทุนทำเงินได้อย่างไร? ก็ขึ้นอยู่กับการขายหุ้นของบริษัทหลังจากที่พวกเขาได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ราคาหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดีหรือบริษัทที่นักลงทุนชื่นชอบจะเพิ่มขึ้นหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นายทุนผู้ร่วมทุนสามารถขายหุ้นของพวกเขาได้ในช่วงเวลานั้น บางครั้งพวกเขาอาจได้รับผลตอบแทนมากกว่า 20 เท่า
นอกจากนี้ โดยปกติแล้วนายทุนผู้ร่วมทุนจะเป็นเจ้าของหุ้นบุริมสิทธิ์ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ออกเสียง แต่จะได้รับเงินปันผล พวกเขาจะมีสิทธิ์ในการขายหุ้นก่อนด้วย
บางบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินของพวกเขา บริษัทหลายแห่งมีหนี้สินจำนวนมาก แต่ยังสามารถจดทะเบียนได้ เมื่อจดทะเบียนแล้วพวกเขาจะสามารถชำระหนี้ได้
แน่นอนว่ายังมีประโยชน์อีกมากมายสำหรับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้มีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนไม่มาก หากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะสามารถเพิ่มการรับรู้ตราสินค้าและภาพลักษณ์ของตราสินค้าได้ แต่บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงไม่ได้ต้องการสิ่งนี้ ตั้งแต่บริษัทเครื่องจักรเมืองปิงเปิดตัวรถจักรยานยนต์ บริษัทก็ได้กลายเป็นแบรนด์ชั้นนำทั่วประเทศจีน ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของพวกเขาถูกขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
บริษัทหลายแห่งที่กำลังทำผลงานไปได้สวย โดยเฉพาะบริษัทที่มีบุคคลเป็นเจ้าของ จะเลือกที่จะไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ซุนเฟิงโลจิสติกส์ ในชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ หลายคนพยายามที่จะจดทะเบียนบริษัทนี้ในตลาดหลักทรัพย์ พวกเขาบอกเจ้าของว่าเขาสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้หากบริษัทจดทะเบียน แต่เจ้าของปฏิเสธเพราะเขาไม่ได้ร้อนเงิน
ข้อเสียอีกอย่างของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คือต้องมีการเปิดเผยเรื่องการเงินต่อสาธารณะ นี่ไม่ใช่เพราะว่าบริษัทเครื่องจักรเมืองปิงมีหนี้สินหรือบัญชีปลอม แต่เป็นเพราะเฝิงหยู่ไม่ต้องการให้ชื่อของเขาปรากฏในรายงาน
แม้ว่าเฝิงหยู่จะไม่สามารถปกปิดความมั่งคั่งของเขาไว้ได้ทั้งหมด แต่เขาก็ยังชอบที่จะทำตัวไม่ให้เป็นที่สนใจและทำเงินอย่างเงียบๆ
เฝิงหยู่ต้องการที่จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งในฮ่องกงและโอนหุ้นทั้งหมดของเขาในบริษัทต่างๆ ไปยังบริษัท โฮลดิ้งแห่งนี้ที่ฮ่องกง แต่มันมีปัญหาเยอะ เฝิงหยู่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อทำสิ่งนี้
ปัจจุบันฮ่องกงยังไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน หากเฝิงหยู่จะทำเช่นนี้ ผู้คนจะคิดว่าเขากำลังโอนทรัพย์สินของเขาไปต่างประเทศ เฝิงหยู่ยังต้องขอความช่วยเหลือจากนายท่านลู่ แต่นายท่านลู่ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เว้นแต่ว่าเฝิงหยู่จะขายหุ้นทั้งหมดในราคาตลาด ไม่งั้นรัฐบาลกลางจะเข้ามายุ่งและห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมใดๆ
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังปี 1997 ซึ่งเป็นปีที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีน เฝิงหยู่ที่จะสามารถจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งในฮ่องกงได้ง่ายขึ้น
เฝิงหยู่คิดถึงเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะรอ นอกจากนี้ นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะจดทะเบียนบริษัทของเขาในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นจีนเพิ่งเริ่ม T+1 เพื่อป้องกันการปั่นหุ้นของตลาดหุ้น
แต่ปีนี้ตลาดหุ้นของจีนยังไม่เสถียร ประเทศจีนได้ออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมากและบริษัทรักษาความปลอดภัยหลายแห่งเริ่มเข้ามาปั่นหุ้นในตลาด ในช่วงสองปีนี้ ตลาดจะอยู่ในช่วงขาลงและนักลงทุนจะขาดความเชื่อมั่น หากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้ ราคาหุ้นอาจลดลง
แน่นอนว่าถ้าเฝิงหยู่ต้องการที่จะปั่นหุ้นในตลาดจริงๆ จะไม่มีใครเทียบเขาได้ ความรู้ด้านเทคนิคและการสนับสนุนทางการเงินของเขาอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศจีน
แต่เฝิงหยู่ไม่ต้องการทำเช่นนี้ เขาไม่ต้องการมีปัญหา แม้ว่าเขาจะสามารถปกปิดทุกอย่างได้ แต่คนอื่นอาจพบเจอในอนาคตและตราหน้าเขาว่าเป็นคนปั่นหุ้นในตลาดได้ เขาจะมีความผิดโทษฐานฉ้อโกงเงินที่หามาได้ยากของนักลงทุนรายอื่น
หลังจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฝ่ายบริหารต้องทำงานหนักมากขึ้น เฝิงหยู่รู้สึกว่าหลี่หมิงเต๋อและคนอื่นที่เหลือยังไม่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการบริษัทที่จดทะเบียนแล้ว แม้ว่าคนพวกนี้จะยอมรับสิ่งใหม่ๆ ได้ แต่ความเร็วและความสามารถในการยอมรับสิ่งใหม่นั้นก็ยังเร็วไม่พอ
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนสูงมาก บริษัทจำเป็นต้องจ้างคนมาเพื่อตรวจสอบบริษัท จ้างทนายความ และอื่นๆ การตรวจสอบของบริษัทจะเข้มงวดมากขึ้นและทุกรายละเอียดเล็กๆ ของบริษัท จะต้องได้รับการตรวจสอบ และจะยิ่งลำบากมากขึ้นถ้าเฝิงหยู่ต้องโอนหุ้นบริษัททั้งหมดของเขาไปยังบริษัท โฮลดิ้งในฮ่องกง
มีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เฝิงหยู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะจดทะเบียนบริษัทของเขาในตลาดหลักทรัพย์
เฝิงหยู่บอกหลี่หมิงเต๋อเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐพวกนั้นไม่ให้เข้ามายุ่ง เขามอบหุ้นของบริษัทบางส่วนให้หลี่หมิงเต๋อ และนี่คือความรับผิดชอบของเขา เฝิงหยู่จะไม่จดทะเบียนบริษัทของเขาเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐพวกนั้นมาเอาความดีความชอบไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง……เฝิงหยู่ไม่รู้จักเลขาธิการพรรคของเมืองปิง
เฝิงหยู่บอกหลี่หมิงเต๋อว่าถ้ายังไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้จริงๆ ให้บอกเขาอีกที เขาจะกลับไปแก้ไขปัญหานี้เอง