Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น - ตอนที่ 759
EG บทที่ 759 แล้วเงินของคุณมาจากทางไหน?
เฝิงหยู่สังเกตเห็นบิล เกตส์นั่งหลังตรงราวกับสนใจในสิ่งที่สตีฟเอ่ยถามเขาออกมา
“ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารวมไปถึงเครื่องใช้ในครัวเรือน..นี่คือธุรกิจหลักของผม..พวกคุณคงเคยได้ยินพัดลมซุปเปอร์มัลติฟังก์ชั่นใช่มั้ยครับ?สินค้าชิ้นนี้ถูกคิดค้นโดยบริษัทของผมซึ่งตอนนี้กำลังขายดีไปทั่วโลกเลยล่ะครับ ”
เฝิงหยู่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้นพัดลมซุปเปอร์ยี่ห้อวินด์แอนด์เรนก็เป็นของคุณสินะครับ?”
สตีฟเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“ผมเป็นผู้ถือหุ้นครับ”
สตีฟก้มอ่านคำถามในสมุดโน้ตของตนก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณพูดถึงมีประเภทใดบ้างครับ? มันคงจะมีแค่ยี่ห้อวินด์แอนด์เรนเท่านั้นใช่มั้ยครับ?”
“ใช่แล้วครับ..คุณเคยได้ยินเครื่องเล่นซุปเปอร์วีซีดีใช่มั้ยครับ?..มันเป็นของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน บริษัทของเรามีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องล่นวีซีดี..คุณคงรู้จักเครื่องเล่นวีซีดีใช่มั้ยครับ?”
เฝิงหยู่ได้ปรับปรุงและตกแต่งพื้นที่ในสำนักงานด้วยการจัดวางและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ของไอว่า เขาหวังว่าคนที่เข้ามาในสำนักงานจะสังเกตเห็นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งตัวเขาเองก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตนเองเช่นกัน
เครื่องเล่นวีซีดี? มันเป็นของเฝิงหยู่ด้วยงั้นหรือ?
ในตอนแรกสตีฟเข้าใจว่ารัฐบาลจีนเป็นคนคิดค้นเครื่องเล่นวีซีดีขึ้นมา ก็พวกเขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าบริษัทที่สามารถทำกำไรได้ทั้งหมดเป็นบริษัทของรัฐบาล?
หรือว่าเขาเข้าใจผิดไป?
“เครื่องเล่นวีซีดีวินด์แอนด์เรนหรือครับ? ดูท่ามูลค่าของแบรนด์วินด์แอนด์เรนจะสูงมากเลยนะครับ คุณพอจะตีมูลค่าออกมาเป็นตัวเลขกลมๆได้หรือเปล่า?”
สตีฟได้ยินมาว่าคนจีนไม่ค่อยทราบข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าแบรนด์สักเท่าไร มันอาจเป็นคำถามที่ยากเกินกว่าเฝิงหยู่จะตอบได้ แต่ก่อนหน้านี้นิตยาสารฟอร์บส์ก็ได้ตีพิมพ์ช่วงเวลาที่แสนน่าอายของเหล่านักธุรกิจมานักต่อนักเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรตราบใดที่มันเป็นเรื่องจริง
“ประมาณหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ครับ”
เฝิงหยู่ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“คุณเฝิง..คุณหมายถึงดอลลาร์สหรัฐหรือครับ?”
คนจีนชอบใช้สกุลเงินของพวกเขา ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าสกุลเงินที่เฝิงหยู่พูดถึงคือสกุลไหนกันแน่หรือว่าตอนนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถูกใช้ไปทั่วโลกแล้ว?
“ก็ต้องเป็นดอลลาร์สหรัฐสิครับ”
เฝิงหยู่มองสตีฟด้วยความแปลกใจ ในขณะที่สตีฟก็มองเฝิงหยู่ด้วยความหนักใจ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้จริงๆว่ามูลค่าแบรนด์คืออะไร? หนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ? นี่เขาคิดว่าบริษัทของตัวเองคือบริษัทดิสนีย์หรือไง?
“คุณเฝิง..ผมว่าเราคงจะเข้าใจกันคนละความหมายแล้วล่ะครับ? มูลค่าแบรนด์ไม่ได้หมายถึงมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของคุณแต่มันคือคุณภาพและความคุ้มค่าที่จะลงทุนกับแบรนด์นี้ต่างหาก”
สตีฟอธิบายให้เฝิงหยู่ฟัง เขาคิดว่าต่อให้เฝิงหยู่จะรวบรวบผลิตภัณฑ์และสินทรัพย์ทั้งหมดของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกัน มันก็ไม่น่าจะมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ไปได้
“แน่นอนสิครับ..ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ?..คุณเองก็เคยได้ยินยี่ห้อวินด์แอนด์เรนมาแล้วใช่มั้ยครับ?”
สตีฟขมวดคิ้วสงสัยแต่ก็พยักหน้ารับ
“ใช่ครับ..ผมเพิ่มซื้อเครื่องทำความชื้นมา”
“แล้วคุณบิลล่ะครับ?”
เฝิงหยู่หันไปถามบิล เกตส์ต่อ
“ผมก็ใช้เครื่องทำความชื้นมาก่อนเช่นกัน..หลังจากนั้นผมก็ไปซื้อพัดลมไร้ใบพัดมาเพิ่มซึ่งตอนนั้นดูเหมือนจะมีแคยี่ห้อนี้เท่านั้นที่วางขายอยู่”
“แสดงว่าพวกคุณเคยได้ยินชื่อแบรนด์ของผมเช่นกันแต่พวกคุณอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่แบรนด์ธรรมดาอื่นๆเท่านั้น..นั่นแสดงให้เห็นว่าวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนหลายๆคน แม้แต่มหาเศรษฐีเช่นพวกคุณก็ยังใช้ผลิตภัณฑ์ของผม..ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำความชื้น,พัดลมไร้ใบพัด,เครื่องเล่นวีซีดีและผลิตภัณฑ์อื่นๆในบริษัทของผมถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกและผมนี่ล่ะครับที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด”
เฝิงหยู่รีบอธิบายต่อทันที
“แม้ว่าวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่แบรนด์นี้ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในบางพื้นที่นะครับผลิตภัณฑ์ของวินด์แอนด์เรนถูกยกย่องว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและเรายังสามารถเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ ที่สำคัญที่สุดมันเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน..ผลิตภัณฑ์ชิ้นไหนที่มีโลโก้ของเราประทับอยู่จะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายดีที่สุดในประเทศจีน..ทำไมคุณถึงคิดว่าแบรนด์ที่สามารถครองตลาดที่มีจำนวนผู้บริโภคมากกว่า 1,000 ล้านคนจะไม่สามารถมีมูลค่าแบรนด์ถึง10,000ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ล่ะครับ? และในอนาคตมูลค่าของมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก”
แล้วมันจะไม่มีแบรนด์อื่นที่ขายดีในประเทศจีนนอกเหนือไปจากวินด์แอนด์เลยหรือไง? ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงแสดงว่าแบรนด์นี้มีอิทธิพลมากกว่าแบรนด์ใหญ่ๆเช่นโซนี่หรือไอบีเอ็มอย่างนั้นหรือ?
แต่ดูเหมือนเฝิงหยู่จะพูดเกินจริงไปสักหน่อย ทำไมแบรนด์ของเขาถึงมีอิทธิพลขนาดนั้นได้?
แน่นอนว่าเฝิงหยู่ไม่ได้พูดเกินจริงเกี่ยวกับมูลค่าแบรนด์ของเขา มันไม่ได้มีแค่เครื่องใช้ในบ้านหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นแบรนด์ของวินด์แอนด์เรนเพียงอย่างเดียวมันยังมีสินค้าอื่นๆที่เป็นแบรนด์ย่อยของพวกเขาเช่นไอว่าเป็นต้น
สตีฟหยุดคิดไปครู่หนึ่งโดยไม่ได้โต้แย้งเฝิงหยู่ออกไป เขาตัดสินใจที่จะถามคำถามต่อไปแทนแต่คำพูดของเฝิงหยู่สามารถที่จะนำเอาไปเขียนหัวข้อบทความได้ นักธุรกิจหนุ่มที่อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของมูลค่าแบรนด์ถึง10,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ! หัวข้อนี้จะดึงดูดผู้อ่านได้เป็นจำนวนมาก
“แล้วคุณยังทำธุรกิจอื่นอีกมั้ยครับ? คุณได้ลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆนอกเหนือไปจากเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเครื่องใช้ในครัวเรือนหรือเปล่า?”
“ครับ..มันเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์..ผมเป็นหุ้นส่วนในบริษัทผลิตเครื่องพีซีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและยังเป็นหุ้นส่วนในบริษัทซอฟต์แวร์ที่ติดอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย”
สตีฟรู้สึกไม่พอใจกับคำตอบของเฝิงหยู่ ดูเหมือนเฝิงหยู่พยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขา จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเฝิงหยู่ได้เงินทุนจากไหนมาซื้อหุ้นส่วนในบริษัทไมโครซอฟท์ได้
“คุณเฝิงครับ? แล้วธุรกิจแรกที่คุณทำล่ะครับคืออะไร? คุณน่าจะบอกได้ใช่มั้ยครับ?”
“เครื่องทำความชื้นและพัดลมไร้ใบพัดครับ..ผลิตภัณฑ์ของผมค่อนข้างผูกขาดในท้องตลาดและทำให้หลายๆรัฐในอเมริกาฟ้องร้องเพื่อเป็นการต่อต้านการผูกขาดนี้..แต่การผูกขาดในท้องตลาดไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายใช่มั้ยล่ะครับ? ขนาดผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์เองก็ยังถูกฟ้องร้องในหลายๆรัฐของอเมริกาแต่สุดท้ายบริษัทไมโครซอฟท์ก็ไม่ได้ถูกตัดสินให้มีความผิดแต่อย่างใด นี่ก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้เลยล่ะครับว่าผลิตภัณฑ์ของเราดีที่สุดในโลก..ส่วนผลิตภัณฑ์ของผมนั้นหลังจากผ่านไปได้สักพักบริษัทอื่นๆในประเทศจีนก็ได้ผลิตเครื่องทำความชื้นออกมาทำให้การฟ้องร้องถูกเพิกถอนออกไป”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฝิงหยู่ก็อดที่จะแสดงสีหน้าภูมิใจไมได้ เขายังอายุเพียงยี่สิบต้นๆมันคงเป็นเรื่องแปลกหากเขาทำตัวเคร่งขรึมและดูเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป คนหนุ่มสาวควรทำตัวหยิ่งไว้บ้างหากพวกเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
หลังจากที่ฟังเฝิงหยู่พูดจบ สตีฟก็หันไปมองบิล เกตส์เพื่อขอความเห็นซึ่งบิล เกตส์ก็พยักหน้ารับว่าตัวเองเห็นด้วยกับสิ่งที่เฝิงหยู่พูด ใช่แล้ว! หากบริษัทไมโครซอฟท์สร้างการผูกขาดในท้องตลาดและทำสัญญากับเจ้าหน้ารัฐแล้วล่ะก็? บริษัทไมโครซอฟท์จะขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟท์จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามได้หรือเปล่าว่า..กำไรที่คุณได้จากเครื่องทำความชื้นและพัดลมไร้ใบพัดสูงเพียงใด?”
สตีฟหันไปถามเฝิงหยู่ต่อทันที
มันเป็นคำถามที่ยากจะตอบพอสมควร ถ้าเฝิงหยู่บอกว่ากำไรไม่ได้สูงมากนัก สตีฟก็จะถามต่อว่าเฝิงหยู่นำเงินมาจากไหนถึงสามารถซื้อหุ้นในไมโครซอฟท์ได้มากขนาดนั้นแต่ถ้าเฝิงหยู่บอกว่ามันสร้างกำไรได้มหาศาล มันก็จะแสดงให้เห็นว่าเขาทำการผูกขาดตลาดจนรวย! สิ่งนี้จะไม่เอื้อต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์และจะส่งผลกระทบต่อยอดขายได้
“ค่าใช้จ่ายที่ผมทุ่มกับการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผมค่อนข้างสูงทีเดียวเลยล่ะครับ คุณรู้มั้ยว่าเราใช้เงินไปเท่าไหร่กับการพัฒนาพัดลมไร้ใบพัดของเรา? นอกจากนี้เรายังต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุด เราลงทุนไปกับมันมากทีเดียวเลยครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าเงินเดือนของวิศวกรและนักวิจัยชั้นนำมีมูลค่าเท่าไหร่? คุณลองเทียบดูกับบริษัทไมโครซอฟ์ได้เลยนะครับ..ลองคิดดูว่าต้องทุ่มเงินไปกับการพัฒนาระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์มากเพียงใด? แล้วไมโครซอฟท์ขายระบบปฏิบัติการดังกล่าวในราคาเท่าไร? คุณคิดว่ามันแพงหรือเปล่าครับ? เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์คือสิ่งที่ประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้นะครับ!”
เฝิงหยู่ใช้ไมโครซอฟท์เป็นโล่กำบังให้กับตัวเอง บริษัทไมโครซอฟท์ในปีนี้สามารถสร้างกำไรได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วราคาทุนของมันเท่าไหร่กันล่ะ? เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงิน
บิล เกตส์เห็นด้วยกับเฝิงหยู่ เขาคิดว่าสตีฟคงไม่สามารถหาช่องทางโต้แย้งเฝิงหยู่ได้อีก อย่างไรก็ตามหลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานานสตีฟก็ยังไม่รู้ว่าเฝิงหยู่หาเงินได้จากไหนกันแน่