Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น - ตอนที่ 764
EG บทที่ 764 พนักงานทำความสะอาด
ในนามผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์ถือว่าใช้ประโยชน์ได้ดีทีเดียว เย็นวันนั้นโทนี่ก็นำสัญญามาให้เฝิงหยู่ถึงที่โรงแรมที่เขาพักอยู่
เมื่อประตูห้องพักของเฝิงหยู่เปิดออก โทนี่ก็ถึงตกใจเมื่อเห็นบอดี้การ์ดร่างสูงถึง 6 คนเดินออกมาจากห้องของเฝิงหยู่ นี่เฝิงหยู่กำลังจะทำอะไรกับเขากันแน่?
แน่นอนว่าเฝิงหยู่ไม่ได้ทำอะไรโทนี่ เขาแค่ให้บอดี้การ์ดออกมาต้อนรับเท่านั้น หลังจากวิลสันตรวจสอบดูเอกสารเรียบร้อยแล้ว เฝิงหยู่ก็เซ็นสัญญาพร้อมกับมอบเช็คใบหนึ่งให้กับโทนี่ เขาบอกแก่โทนี่ว่าเช็คจำนวนเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นทิปพิเศษที่เขามอบมันให้กับโทนี่โดยเฉพาะ และขอให้โทนี่ดำเนินการเอกสารทั้งหมดให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
โทนี่รีบพยักหน้ารับอย่างไว เฝิงหยู่ช่างใจดีเสียจริง นี่มันทิปตั้ง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยนะ!
บอดี้การ์ดต่างมองโทนี่ด้วยความอิจฉา งานง่ายๆแค่นี้ได้ทิปตั้ง10,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยหรือ?
เฝิงหยู่ลอบสังเกตบอดี้การ์ดของตนด้วยความพอใจ เขาพอใจที่บอดี้การ์อิจฉาโทนี่และไม่ได้อิจฉาเขา
เฝิงหยู่ไม่ได้ย้ายเข้าบ้านทันที ของบางอย่างในบ้านจะต้องถูกเปลี่ยนออก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องถูกเปลี่ยนแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้ภายในบ้านเกือบทั้งหมดจะต้องถูกเปลี่ยนออกไป
หากเป็นไปได้เฝิงหยู่จะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าของวินด์แอนด์เรนทั้งหมด หากสิ่งที่เขาต้องการวินด์แอนด์เรนไม่มีก็จะเลือกใช้ของฟิลิปส์แทน เขาจะไม่เลือกใช้สินค้ายี่ห้ออื่นเป็นอันขาด เฝิงหยู่จะนำหนังสือที่เขาไม่สนใจไปบริจาคหรือเอาไปทิ้ง เขาไม่ต้องการเก็บหนังสือที่เขาไม่ได้อ่านเอาไว้ เขาจะตกแต่งห้องหนังสือใหม่ทั้งหมดโดยจะซื้อนวนิยายชุดของ‘โกวเล้ง’และ‘กิมย้ง’มาไว้แทน
แน่นอนว่าเฝิงหยู่ต้องการหนังสือที่เกี่ยวข้องกับแวดวงธุรกิจรวมถึงนิตยสารอื่นๆอีกด้วย แต่ประเภทหนังสือที่เฝิงหยู่ไม่คิดที่จะซื้อมันมาอ่านโดยเด็ดขาดก็คือหนังสือในหมวดเศรษฐศาสตร์ ชีวิตก่อนของเฝิงหยู่มีหลายๆคนที่ได้อ่านหนังสือของ‘เดล คาร์เนกี’แต่จะมีสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จแบบที่เดล คาร์เนกีเป็น หนังสือประเภทนี้ต่างก็เขียนถึงสิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้ว
เฝิงหยู่รู้สึกว่าหนังสือพวกนี้เป็นเรื่องไร้สาระ! ของสะสมของเขาจะต้องดูดีกว่าใครๆเพราะอย่างน้อยมันก็ได้รวบรวมข้อมูลมากมายที่คนส่วนใหญ่ไม่มีทางรู้
สำหรับบ้านอาถรรพ์ เฝิงหยู่ให้วิลสันเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยเพื่อดำเนินการทุบทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่ เขาต้องการบ้านหลังใหม่พร้อมกับรั้วที่ดูมิดชิดของบ้านทั้งสองหลัง เขาจะได้นำสุนัขมาวิ่งเล่นในสนามหญ้าและดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น บางทีเขาอาจจะสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในสนามหลังบ้านเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง
การใช้เฮลิปคอปเตอร์สัญจรในน่านฟ้าของประเทศจีนยังไม่ถูกเปิดขึ้น ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของเฮลิคอปเตอร์แบบส่วนตัวได้แต่กฎหมายของอเมริกามีความยืดหยุ่นมากกว่าเพียงแค่เฝิงหยู่จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
นอกจากนี้ที่นี่ยังคือซีแอตเทิลซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของโบอิ้ง บริษัทโบอิ้งไม่เพียงแต่ผลิตเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ในการขนส่งสินค้าเพื่อการพาณิชย์เท่านั้นยังมีการผลิตเฮลิปคอปเตอร์สำหรับพลเรือนอีกด้วย แต่เฮลิคอปเตอร์ของโบอิ้งไม่ได้โด่งดังเท่ากับเครื่องบิน เฝิงหยู่สามารถซื้อเฮลิคอปเตอร์จากโบอิ้งและให้พวกเขาจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมดให้แก่เขาได้
แต่สุดท้ายเฝิงหยู่ก็เจอเรื่องที่ทำให้เขาไม่ได้รับความสะดวกในอเมริกาจนได้ นอกจากต้องขออนุญาตเพื่อนบ้านเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่แล้วยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับความสูงของตัวบ้านและบ้านของเขาจะไม่สามารถบังแสงแดดของเพื่อนบ้านได้ สไตล์ของบ้านก็จะต้องไม่ต่างจากบ้านหลังอื่นๆแม้แต่สีสันก็ต้องเหมือนกัน…!
มีข้อจำกัดมากเกินไป ให้ตายเถอะ!
โชคดีที่เฝิงหยู่มีวิลสันและราล์ฟเข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นล่ะก็เขาจะต้องแย่อย่างแน่นอน! บ้าชะมัด! แม้แต่จะเปลี่ยนกระเบื้องปูพื้นก็ต้องแจ้งเพื่อนบ้านก่อนไม่เช่นนั้นตำรวจอาจมาลากคอเขาเข้าคุกได้!
บ้านใหม่ของเฝิงหยู่หลังใหญ่มากและเขาต้องการทั้งแม่บ้าน พ่อครัวและคนสวน แม้ว่าเขาจะสามารถจ้างบริษัทข้างนอกมาทำงานในส่วนนี้ได้แต่เขาก็อยากได้คนงานประจำมากกว่า เขาไม่ชอบเห็นคนไม่คุ้นเคยอยู่รอบๆตัวเขา ใครจะไปรู้ว่าคนเหล่านั้นอาจประสงค์ร้ายต่อเขาก็เป็นได้!
.
.
บ้านหลังแรกของเฝิงหยู่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกหลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง วันนี้จะมีคนงานในตำแหน่งแม่บ้านมาสัมภาษณ์งานประมาณ 2-3 คน ซึ่งเฝิงหยู่ตัดสินใจสัมภาษณ์พวกเขาด้วยตัวเอง
“บอสครับ..สองคนนี้เกือบจะได้ทำงานให้กับวิศวกรชาวจีนของบริษัทโบอิ้งแต่วิศวกรผู้นี้ต้องย้ายไปประจำที่อื่นทำให้สองคนนี้ต้องตกงานไปโดยปริยาย..พวกเขาเคยเปิดร้านอาหารจีนมาก่อนและมีฝีมือการทำอาหารที่ดีมากๆ..ผมเองก็ไม่คุ้นกับอาหารจีนมากนักเลยไม่สามารถตัดสินฝีมือของพวกเขาได้ครับ”
ราล์ฟยื่นเอกสารที่ระบุประวัติส่วนตัวของคนงานที่จะเข้าสัมภาษณ์พร้อมกับอธิบายให้เฝิงหยู่ฟัง
“พวกเขาเป็นคนอเมริกันหรือ?”
“ไม่ใช่ครับ..พวกเขาเป็นคนจีนและมีใบอนุญาตเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อย..หากพวกเขาไม่สามารถหางานทำได้ภายในเดือนนี้ก็จะถูกส่งตัวกลับประเทศ..ลูกชายของพวกเขากำลังเรียนอยู่ในม.วอชิงตันและพวกเขาต้องการหารายได้เพื่อส่งค่าเทอมให้กับลูกชายของพวกเขา..ปีหน้าลูกชายของพวกเขาก็จะเรียนจบแล้วครับ”
เฝิงหยู่พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ราล์ฟอธิบายให้ฟัง อันที่จริงลูกชายของสามีภรรยาคู่นี้สามารถช่วยเหลือตัวเองในขณะที่เรียนที่นี่ได้แล้ว ชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ก็ยังหางานพาร์ทไทม์ทำในขณะที่เรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย บางทีผู้ปกครองของนักศึกษาเหล่านี้อาจคิดว่าพวกเขาสามารถหารายได้จากการทำงานในอเมริกาได้เป็นจำนวนมาก พวกเขาจะสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำในระยะเวลาสั้นๆ
แน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง หากสามารถหางานทำที่อเมริกาได้และตั้งใจทำงานอย่างหนักในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาหรือเธอจะสามารถหาเงินได้มากกว่าประเทศจีนอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับคุณเฝิง”
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้อง พวกเขาแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูเรียบร้อย พวกเขาทั้งคู่ดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาโค้งคำนับให้กับเฝิงหยู่และเป็นฝ่ายผู้ชายที่เอ่ยทักทายเฝิงหยู่ด้วยภาษาอังกฤษ
“ผมเป็นคนจีนครับ..พูดภาษาจีนกับผมก็ได้”
ทั้งคู่ดูผ่อนคลายเล็กน้อย ชายตรงหน้าเฝิงหยู่โค้งคำนับให้กับเฝิงหยู่อีกครั้งและเอ่ยขึ้น
“คุณเฝิงครับ..ตอนอยู่ที่จีนผมเคยทำงานเป็นคนสวนมาก่อน..ผมมั่นใจในทักษะของตนเองนอกจากนี้ผมยังรู้วิธีในการทำความสะอาดและดูแลสระว่ายน้ำ..ผมยังรู้งานไฟฟ้าและสามารถซ่อมของได้หลายอย่าง..ผมไม่สนครับว่าตัวเองจะได้เงินเดือนจำนวนเท่าไหร่ขอแค่คุณรับผมเข้าทำงานผมก็จะตั้งใจทำงานให้เต็มที่..ส่วนภรรยาของผมเธอทำอาหารเก่งมากครับเธอเคยเปิดร้านอาหารในประเทศจีนและเรื่องงานบ้านก็ทำได้ดีเช่นกัน เธอไม่สนเหมือนกันครับว่าตัวเองจะได้เงินเดือนเท่าไหร่”
“เรื่องเงินเดือนไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ..ผมแค่อยากรู้ว่าคุณทั้งสองรู้ภาษาอังกฤษมากน้อยแค่ไหน? แล้วพวกคุณได้ใบอนุญาตเข้าทำงานตั้งแรกได้อย่างไร?”
ลูกชายของพวกเขารู้จักเป็นการส่วนตัวกับวิศวกรชาวจีนผู้นั้น วิศวกรชาวจีนรู้สึกเห็นใจต่อพวกเขาทั้งคู่จึงได้ติดต่อไปยังบริษัทจัดหางานเพื่อช่วยให้พวกเขาได้ใบอนุญาตเข้าทำงานในอเมริกาแต่วิศวกรชาวจีนถูกย้ายไปทำงานอีกรัฐหนึ่งหลังจากช่วยเหลือพวกเขาจนได้ใบอนุญาตเข้าทำงานเรียบร้อยแล้ว เขาไม่สามารถพาสามีภรรยาคู่นี้ไปทำงานด้วยได้จึงต้องเลิกจ้างคนทั้งสองไป
ผู้เป็นสามีเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาจึงพอรู้ภาษาอังกฤษมาบ้าง มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสื่อสารกับคนอื่นๆได้คล่องแต่หากให้เขาไปซื้อของตามร้านต่างๆเขาก็สามารถทำมันได้ ฝ่ายภรรยาไม่รู้ภาษาอังกฤษแต่เธอดูเรียบร้อยและน่าจะทำงานบ้านได้ดีทีเดียว
“อืม..ถ้าอย่างนั้นคุณลองไปจัดการกับสนามหญ้าพวกนั้นดู..ผมจะให้ลูกน้องไปซื้อของมาทำอาหารแล้วให้พวกคุณลองทำอาหารมาให้ผมทานสัก 4 จานแล้วกัน..หากคุณสามารถทำให้ผมพอใจได้เราค่อยมาคุยกันเรื่องเงินเดือน..แต่ถ้าไม่ก็อย่าหาว่าผมใจร้ายแล้วมาคร่ำครวญทีหลังว่าทำไมคนจีนถึงไม่ช่วยเหลือคนจีนด้วยกัน”
“ขอบคุณครับคุณเฝิง..พวกเราทำงานได้ดีอย่างแน่นอน!”
ทั้งคู่โค้งคำนับและเดินออกจากห้องไป ภรรยาไปที่ห้องครัวส่วนสามีไปที่โรงรถเพื่อรับเครื่องมือทำสวน ทั้งคู่ต่างกระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ฝีมือตนเอง
“มีอีกหรือเปล่า? ติดต่อไปหาพวกเขาได้เลย..เราจะได้ทำการสัมภาษณ์ต่อ”