Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น - ตอนที่ 768
EG บทที่ 768 ผลกระทบของตำแหน่ง
สงครามราคาที่ถูกดำเนินการโดยลีโนโวทำให้แบรนด์พีซีอื่นๆต่างรู้สึกประหลาดใจ มันไม่มีคำเตือนใดๆล่วงหน้า จู่ๆลีโนโวก็ลดราคาขายปลีกของเครื่องพีซีลง
ลีโนโววางขายเครื่องพีซีในราคา 8,800 หยวนแม้แต่เครื่องพีซีของแบรนด์ญี่ปุ่นก็ยังวางขายในราคาที่มากกกว่า 10,000หยวนด้วยซ้ำ
ผู้ผลิตพีซีเจ้าอื่นๆไม่สามารถยอมแพ้ในการแข่งขันนี้ได้ หากพวกเขายอมให้มันเกิดขึ้นจนยอดขาดลดลงและทำให้ลีโนโวผูกขาดตลาดจนสำเร็จ มันเสี่ยงที่พวกเขาจะถูกปรับอย่างหนักจากรัฐบาลจีน ไม่แน่ว่าลีโนโวอาจลดราคาลงอีก พวกเขาอาจขาดทุนมหาศาลและไม่สามารถบรรลุตามสิ่งที่ต้องการเอาไว้ได้
สิ่งที่ดูเหมือนจะเลวร้ายที่สุดก็คือแล็ปท็อป แบรนด์พีซีเจ้าอื่นๆต่างพากันขายแล็ปท็อปในราคาที่มากกว่า 20,000 หยวนแต่ลีโนโวกลับขายแล็ปท็อปที่มีสเปคใกล้เคียงกันหรือมากกว่าในราคาแค่ 14,000 หยวน
สำหรับการขายสินค้าในครั้งนี้ลีโนโวได้ให้คะแนนสินค้าของตนเองโดยแบ่งออกเป็น 3 ข้อหลักๆ ข้อแรกคือพีซีของพวกเขามีราคาถูกที่สุดในประเทศจีน ข้อสองพวกเขาใช้ระบบปฏิบัติการและซอฟท์แวร์ที่ดีที่สุด ข้อสามพวกเขามีไดรฟ์ออปติคัลที่ใช้เล่นวีซีดีที่ทันสมัยที่สุด
จากทั้ง 3 ข้อนี้ทำให้เครื่องพีซีของลีโนโวมีจุดที่สร้างความสนใจได้มากกว่าพีซียี่ห้ออื่นๆ
แบรนด์อื่นๆก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะแข่งกับลีโนโวเช่นกัน วิธีที่ง่ายที่สุดคือพวกเขาจะต้องร่วมมือกันและบีบบังคับให้ลีโนโวเพิ่มราคาขายปลีกของเครื่องพีซี ด้วยวิธีนี้พวกเขาทั้งหมดจะกลับมาสู่จุดเดียวกัน พวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จาก แบรนด์ของพวกเขาเพื่อได้ส่วนแบ่งทางการตลาดและได้ผลกำไรกลับคืน
หลังจากที่ไมโครซอฟท์เปิดตัว Window 95 ยอดขายพีซีทั่วโลกก็เพิ่มขึ้น ผู้ผลิตพีซีต่างยอมรับว่าระบบปฏิบัติการมีส่วนกระตุ้นยอดขายเป็นอย่างมาก
แต่ในประเทศจีนผู้ผลิตพีซีต่างคิดว่ามันเป็นเรื่องยากหากจะนำระบบปฏิบัติการมาแข่งกับลีโนโวได้! นั่นก็เพราะพีซีของลีโนโวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ที่เป็นภาษาจีนและยังไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์จำนวนมากที่ติดตั้งไว้ในเครื่องพีซีล่วงหน้า ผู้ผลิตพีซีได้มีโอกาสทดลองใช้เครื่องพีซีของลีโนโวจึงรู้ว่ามันได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี
เหล่าผู้ผลิตพีซีไม่เข้าใจว่าทำไมลีโนโวจึงแถมซอฟแวร์ให้ลูกค้าฟรีๆ แค่ซอฟต์แวร์อย่างเดียวก็มีต้นทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 หยวนหรือมากสุดก็ประมาณ 3,000 หยวน นั่นหมายความว่าต้นทุนการผลิตพีซีหนึ่งเครื่องของลีโนโวนั้นต่ำกว่า 5,000 หยวนงั้นหรือ?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
ผู้ผลิตพีซีส่วนใหญ่มีโรงงานผลิตที่มีคุณภาพสูงและยังสามารถรับซื้อชิ้นส่วนได้ในราคาที่ต่ำ หากตีเป็นตัวเลขกลมๆการผลิตพีซีหนึ่งเครื่องจะมีต้นทุนประมาณ 5,000 หยวน!
ขนาดโรงงานของลีโนโวไม่ได้ใหญ่เท่ากับโรงงานของพวกเขาดังนั้นลีโนโวจะต้องมีต้นทุนในการผลิตพีซีแต่ละเครื่องที่สูงกว่าพวกเขา มันน่าจะมีราคาประมาณ 6,000หยวน!
ลีโนโวยังต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านการตลาด การขนส่งสินค้า การวางขายในร้านค้าปลีกฯลฯอีกด้วยแล้วการที่พวกเขาขายพีซีในราคาแค่ 8,800 หยวน พวกเขาจะได้กำไรสักเท่าไหร่กันเชียว? ลีโนโวจะต้องขายเครื่องพีซีกี่เครื่องกันถึงจะได้กำไรตามที่พวกเขาตั้งเอาไว้? แล้วมันจะคุ้มกับเงินลงทุนที่พวกเขาเสียไปอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาไม่มีทางได้ซอฟแวร์มาฟรีๆ ซอฟต์แวร์ที่ผลิตโดยไมโครซอฟท์จะต้องเสียงเงินซื้อเท่านั้น ไมโครซอฟท์ก็เปรียบเหมือนพ่อค้าหน้าเลือด แม้ว่าผู้ผลิตพีซีส่วนใหญ่จะพากันซื้อผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์เป็นจำนวนมากๆแต่ราคาส่งก็ยังมีราคาที่แพงอยู่ดี
หรือว่าลีโนโวต่างออกไปพวกเขาสามารถซื้อซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์ได้ในราคาถูกงั้นหรือ?
ผู้ผลิตพีซีต่างรู้ว่าบางโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในพีซีของลีโนโวนั้นได้รับการพัฒนาจากบริษัทของลีโนโวเองจึงสามารถแถมให้ลูกค้าได้ฟรีๆและบริษัทคิงซอฟท์ยังมีลีโนโวเป็นเจ้าของทำให้พวกเขาสามารถนำซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยคิงซอฟท์ไปใช้งานได้ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่น แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ของบริษัทไมโครซอฟ์ย่อมต่างออกไป ไม่มีทางที่มันจะมีราคาที่ถูกอย่างแน่นอน
ผู้ผลิตพีซีคิดว่ามีความเป็นไปได้อยู่ 2 ทางและพากันพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างแพร่หลาย ข้อแรกชิ้นส่วนของพีซีที่ลีโนโวนำมาผลิตนั้นมีราคาที่ถูกมาก ข้อสองโปรแกรมที่นำมาติดตั้งในพีซีนั้นมีราคาไม่แพง!
พวกเขารีบติดต่อไปยังตัวแทนจำหน่ายฮาร์ดแวร์ทันทีเพื่อดูอัตราการซื้อของลีโนโว แม้ว่าปริมาณการซื้อจะแตกต่างกันแต่ราคาที่ลีโนโวซื้อไปนั้นไม่มีทางที่จะแตกต่างจากพวกเขามากนัก ท้ายที่สุดพวกเขาก็พบว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาของฮาร์ดแวร์ ตัวแทนจำหน่ายฮาร์ดแวร์แจ้งกับผู้ผลิตพีซีว่าราคาที่ลีโนโวซื้อไปนั้นเป็นราคาปกติและไม่มีทางที่พวกเขาจะลดราคาให้กับลีโนโว
นั่นทำให้ผู้ผลิตพีซีได้คำตอบ ปัญหาของเรื่องนี้คือซอฟต์แวร์นั่นเอง!
พวกเขาตรวจสอบราคาซอฟต์แวร์ของลีโนโวและคิงซอฟท์ในท้องตลาดและพบว่าซอฟต์แวร์ที่ถูกติดตั้งในเครื่องพีซีนั้นมีราคาประมาณ 1,000 หยวนซึ่งมันก็เป็นราคาที่พวกเขาคาดเอาไว้ แม้ว่าต้นทุนทั้งหมดจะไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายของซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าไปด้วยแต่ถึงอย่างไรลีโนโวก็ต้องจ่ายเงินซื้อระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์อยู่ดี ซึ่งสามารถตีเป็นราคาอย่างต่ำประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1,415 หยวน
เว้นแต่ไมโครซอฟท์จะขายผลิตภัณฑ์ให้กับลีโนโวในราคาที่ถูกมากๆแต่…มันจะเป็นไปได้จริงๆหรือ?
ผู้ผลิตพีซีเหล่านี้ต่างทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์มาเป็นเวลานาน พวกเขาทำงานร่วมกันตั้งแต่ไมโครซอฟท์ยังเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ พวกเขาผลิตพีซีเพื่อวางขายมาก่อนลีโนโวและมีขนาดตลาดที่ใหญ่กว่า แบรนด์ของพวกเขาก็ใหญ่กว่าลีโนโวหลายเท่า หากการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์มีความแตกต่างก็น่าจะเป็นการที่พวกเขาลดราคาให้กับลีโนโว!
ผู้ผลิตพีซีทั้งหมดได้ข้อสรุปแบบเดียวกันและพุ่งเป้าไปที่ไมโครซอฟท์เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาต้องการให้ไมโครซอฟท์แจ้งว่าราคาที่พวกเขาขายให้กับลีโนโวเป็นเรทเดียวกันกับพวกเขาหรือไม่?
พวกเขาติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของไมโครซอฟท์และคำตอบที่ได้คือให้ไปติดต่อ‘สตีฟ บัลเมอร์’ ผู้เป็นหัวหน้าการตลาดของทวีปเอเชีย
ตัวแทนของผู้ผลิตพีซีได้คุยกับเลขาของสตีฟ บัลเมอร์และได้รับแจ้งว่าเฝิงหยู่คือคนที่ดูแลตลาดของประเทศจีนซึ่งสตีฟ บัลเมอร์ได้มอบอำนาจให้เฝิงหยู่จัดการได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่าผู้ผลิตพีซีรีบติดต่อไปหาเฝิงหยู่ทันที
[“สวัสดีครับ..นี่คือห้องทำงานของคุณเฝิงประจำสำนักงานไมโครซอฟท์..ไม่ทราบว่าคุณต้องการติดต่อธุระอะไรหรือครับ?”]
ราล์ฟเป็นคนรับสาย
“ผม..ซาบุรุ ฮิระทานิ..เป็นรองประธานบริษัทโตชิบา…ผมต้องการคุยสายกับคุณเฝิงครับ”
[“ต้องขออภัยด้วยครับ..ตอนนี้คุณเฝิงอยู่ในช่วงลาพักร้อนหากคุณไม่มีอะไรเร่งด่วนก็คงต้องขอให้คุณรอไปก่อนจนกว่าคุณเฝิงจะติดต่อกลับไปครับ”]
ห๊ะ? เฝิงหยู่ลาพักร้อน? แล้วบอกให้ฉันรอจนกว่าเขาจะติดต่อกลับมาหางั้นเหรอ? นี่คือวิธีปกติที่ไมโครซอฟท์ใช้กันใช่มั้ย? ถึงแม้ว่าเฝิงหยู่จะลาพักร้อนจริงๆ คุณก็ควรบอกว่าใครคือคนที่ทำงานแทนเขาในตอนนี้หรือบอกให้ฉันทราบว่าเขาจะกลับมาทำงานเมื่อไหร่กันแน่?
“รอหรือครับ?..ผมควรเรียกคุณว่าอะไรดี?”
[“ผมราล์ฟครับ..เป็นผู้ช่วยของคุณเฝิง”]
“โอเค..คุณราล์ฟครับ..คุณเฝิงจะกลับมาทำงานวันไหนครับ? แล้วช่วงที่เขาไม่อยู่นี้มีใครทำงานแทนเขาหรือเปล่าครับ?”
ซาบุรุ ฮิระทานิเอ่ยถามอีกครั้ง
[“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าคุณเฝิงจะกลับมาทำงานเมื่อไร คงต้องแล้วแต่อารมณ์ของเขาครับผมไม่สามารถบอกวันเวลาที่แน่ชัดให้ได้..ต้องขอโทษจริงๆครับ..ส่วนคนที่ทำงานแทนเขาช่วงนี้ก็ไม่มีเช่นกันครับ..คุณคือซาบุรุ ฮิระทานิใช่มั้ยครับ?..ยังไงก็รบกวนทิ้งเบอร์โทรของคุณเอาไว้นะครับหากคุณเฝิงกลับมาผมจะให้เขาติดต่อกลับไปทันที”]
ซาบุรุ ฮิระทานิรู้สึกสับสน คุณบอกว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยของเฝิงหยู่แต่ไม่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองหยุดถึงวันไหนงั้นหรือ? แถมยังไม่มีใครทำงานแทนเขาในช่วงที่เขาหยุดอีกต่างหาก? ตำแหน่งของเฝิงหยู่ก็ใช่ว่าจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษทำไมถึงไม่คนทำงานแทนเขาล่ะ?
แต่ซาบุรุ ฮิระทานิก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน เขาทำได้แค่ฝากเบอร์โทรไว้กับราล์ฟและย้ำให้ราล์ฟแจ้งกับเฝิงหยู่ให้ได้ว่าตัวเขานั้นมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับเฝิงหยู่จริงๆและให้เฝิงหยู่ติดต่อหาเขาโดยด่วน
ซาบุรุ ฮิระทานิรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเอ่ยถามจากราล์ฟจึงไม่ได้ฝากเรื่องอะไรเอาไว้ แน่นอนว่าราล์ฟรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น สายจากซาบุรุ ฮิระทานิคือสายที่ 6 ที่ติดต่อมาที่ห้องทำงานของเฝิงหยู่ คนที่โทรมาทั้งหมดต่างเป็นผู้ผลิตพีซีและคำตอบที่ราล์ฟให้พวกเขาไปก็เป็นเหมือนกันทั้งหมด
นี่ถือเป็นประโยชน์อย่างหนึ่งจากตำแหน่งที่เฝิงหยู่ได้นั่งในบริษัทไมโครซอฟท์
ในขณะที่ฝั่งของเฝิงหยู่เองก็ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเพียงแค่เข้าไปในร้านขายสัตว์เลี้ยงและกำลังเลือกสัตว์เลี้ยงที่ตนสนใจเท่านั้น