Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 120 โชติช่วงชัชวาล
ตอนที่ 120 โชติช่วงชัชวาล
ร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่งในเมืองซู
เหล่าบรรณาธิการแผนกแฟนตาซีของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูกำลังปิดร้านเลี้ยงฉลอง
งานเลี้ยงของบริษัทเป็นเรื่องปกติ ทว่าขนาดของแต่ละครั้งแตกต่างกันก็เท่านั้นเอง
งานเลี้ยงในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เหล่าสยงหัวหน้าบรรณาธิการก็อยู่ด้วย
ที่สำคัญก็เพราะกระบี่เทพสังหารทำยอดขายถล่มทลาย ดังนั้นบริษัทจึงพึงพอใจกับผลงานในช่วงนี้ของแผนกแฟนตาซีมาก และตบรางวัลให้ไม่น้อย
บรรยากาศของงานเลี้ยงก็แสนครึกครื้น
วันนี้เหล่าสยงไม่ได้วางมาดหัวหน้าบรรณาธิการ สนิทสนมกลมกลืน และกินดื่มไปพร้อมกับทุกคน
“ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องมืดมัว…”
โทรศัพท์ซึ่งหยางเฟิงวางไว้บนโต๊ะดังขึ้น
หลังจากเหล่าสยงรูดเนื้อแพะย่างกินไปเต็มปากเต็มคำ ความน่าเกรงขามของหัวหน้าก็บังเกิด ตะโกนดังลั่นว่า “เอ้ยๆ ก่อนหน้านี้ฉันพูดแล้วไม่ใช่เหรอ วันนี้ทุกคนอย่ารับโทรศัพท์ มางานเลี้ยงก็ต้องเมา ผู้ชายอกสามศอกอย่างพวกนายปกติทำงานขยันขันแข็ง แต่ก็ต้องรู้จักปล่อยวางกันบ้าง!”
“ได้ครับๆ”
หยางเฟิงพยักหน้ารัว
ถึงแม้วันนี้เหล่าสยงจะดูท่าทางคุยง่าย แต่บรรณาธิการตัวเล็กๆ ก็ไม่กล้าขัดเจตนารมณ์หรอก
ขณะที่กำลังจะตัดสาย
เพื่อนร่วมงานซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างก็เหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ฉู่ขวงโทรมาหรอกเหรอ”
“แค่ก!”
เหล่าสยงได้ยินคำพูดนี้ ก็แทบสำลักเนื้อย่างในปาก รีบกลืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระแอมอย่างประดักประเดิด “ถ้าจะไม่รับโทรศัพท์เลยดูท่าจะไม่ดีเท่าไหร่ หยางเฟิงรับโทรศัพท์ก่อนเถอะ”
ทุกคน “…”
หยางเฟิงพยักหน้า ลุกขึ้นเดินเลี้ยวไปยังมุมสงบ แล้วกดรับสาย
บรรยากาศงานเลี้ยงพลันแปลกพิลึกขึ้นมาทันที
เหล่าสยงดื่มเหล้าไปอีกหนึ่งคำ กล่าวกลั้วหัวเราะฮ่าๆ “เสียงโทรศัพท์ของหยางเฟิงเพราะมากใช่มั้ยล่ะ”
“ใช่ครับๆๆ!”
“ไม่เลวเลยครับ!”
“เพลงกุหลาบแดง!”
“คนร้องคือซุนเย่าหั่ว!”
“ช่วงนี้เพลงนี้ดังมากเลย!”
ทุกคนพูดต่อกันเป็นลูกขุนพลอยพยัก ไม่รู้จะพูดอะไรก็สรรหาคำพูดมา ดังนั้นบรรยากาศดูจากภายนอกจึงคึกคักขึ้นมา
ไม่ทันไร
หยางเฟิงก็กลับมา
เหล่าสยงรออยู่นานแล้ว พูดพลางยิ้มตาหยี “ดึกป่านนี้ฉู่ขวงโทรมาหานายมีเรื่องอะไร”
“ผมกำลังจะมารายงานอยู่พอดีครับ”
หยางเฟิงถาม “ช่วงนี้เบื้องบนมีแผนจะเทคโอเวอร์สำนักพิมพ์หลิงชวนเหรอครับ”
เหล่าสยงพูด “มีแผนนี้อยู่นะ”
ในฐานะหัวหน้าบรรณาธิการ เขาเองก็พอจะได้ยินมาบ้าง
หยางเฟิงพยักหน้า “คืองี้ครับ พี่สาวของฉู่ขวงทำงานอยู่ที่สำนักพิมพ์หลิงชวน เขากังวลว่าหลังจากที่สำนักพิมพ์หลิงชวนถูกเราเทคโอเวอร์แล้ว พี่สาวจะตกงาน ดังนั้นเลยถามผมว่าพอจะช่วยได้มั้ย แต่บ.ก.ตัวเล็กๆ อย่างผมอำนาจมีจำกัด ผมก็เลย…”
เหล่าสยงตกใจจนสะดุ้งโหยง “นายปฏิเสธเขา?”
หยางเฟิงรีบโบกมือกล่าว “เปล่านะครับ ผมบอกว่าจะไปช่วยถามให้…”
“อ้อ พี่สาวเขาชื่ออะไรล่ะ”
“หลินเซวียน”
เหล่าสยงพรูลมหายใจ “ได้ พวกนายกินไป ฉันจะไปโทรศัพท์ก่อน”
เหล่าสยงก็เดินเลี้ยวมุมออกมา
สายของเขาโทรหาบรรณาธิการบริหาร
เรื่องการจัดการทรัพยากรบุคคลของบริษัท ลำพังหัวหน้าบรรณาธิการอย่างเขาเข้าไปสอดมือไม่ได้
โทรศัพท์ต่อสายติด เหล่าสยงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมมีเรื่องเล็กน้อยจะมารายงานบ.ก.บริหารน่ะครับ”
ปลายสายถาม “เรื่องอะไร”
เหล่าสยงเล่าเรื่องพี่สาวของฉู่ขวงคร่าวๆ รอบหนึ่ง
บรรณาธิการบริหารเงียบไปหลายวินาที ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “เมื่อกี้คุณบอกว่ามีเรื่องเล็กน้อยจะมารายงานไม่ใช่หรือ”
เหล่าสยงตอบ “ใช่ครับ”
บรรณาธิการบริหารถาม “ใช่เหรอ?”
เมื่อหลี่ว์เป่ยเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นในสมอง ปัญหาไม่ใช่เพราะหลี่ว์เป่ย แต่เป็นเพราะหลี่ว์เป่ยคิดว่าเหล่าสยงมีปัญหา
……
สามวันให้หลัง
สำนักพิมพ์หลิงชวน
ในตอนนี้บริษัทแห่งนี้ถูกซื้อกิจการไปเป็นที่เรียบร้อย สถานที่แห่งนี้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูจะส่งคนมาดูแลต่อ เหลือเพียงสิบคนที่ไม่ถูกไล่ออก แต่กลับถูกโยกย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู
หลินเซวียนก็เป็นหนึ่งในสิบคนนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเทียบกับอีกเก้าคนซึ่งตื่นเต้นและตั้งหน้าตั้งตาคอยกับคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ในใจของเธอกลับสับสนอยู่บ้าง ทำไมฉันที่เพิ่งผ่านช่วงฝึกงานมาได้ไม่นานถึงไม่ถูกคลังหนังสือซิลเวอร์บลูไล่ออกกันนะ
ต้องอธิบายก่อน
ว่าสิบคนที่ได้อยู่ต่อ นอกจากหลินเซวียนแล้ว อีกเก้าคนที่เหลือล้วนเป็นบุคลากรระดับสำคัญ ในนั้นรวมไปถึงบรรณาธิการบริหารหนึ่งคน หัวหน้าบรรณาธิการสองคน และบรรณาธิการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งอยู่ในวงการมาเกือบสิบปีและดูแลนักเขียนฝีมือดีมาก่อนอีกหกคน!
อีกเก้าคนก็งุนงงเช่นเดียวกัน
เมื่อหลินเซวียนยืนเทียบกับอีกเก้าคน ก็แลดูไม่เข้าพวกจริงๆ นั่นแหละ บรรณาธิการซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าหลินเซวียนถูกไล่ออกไป ทำไมหลินเซวียนยังเข้ามาเป็นหนึ่งในสิบของรายชื่อคนที่ได้เข้าไปทำงานในคลังหนังสือซิลเวอร์บลูได้
“ได้เข้ามาแล้วก็ไม่ต้องคิดมาก”
หานเซี่ยวบรรณาธิการบริหารกล่าวกับหลินเซวียน “เธอได้อยู่ต่อก็น่าจะเป็นเพราะทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลูแสดงออกว่าให้ความสำคัญกับบ.ก.มือใหม่ล่ะมั้ง ถึงยังไงเธอก็ผ่านการฝึกงานมาแล้ว ด้านการทำงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ทุกคนต่างพยักหน้า
จะว่าไปเรื่องนี้ก็อธิบายได้
หัวหน้าบรรณาธิการทางด้านซ้ายยิ้มเอ่ย “ที่สำคัญก็คือบ.ก.บริหารหานคุณมีอิทธิพลมากพอในวงการ ตอนแรกพวกเราคิดว่าจะต้องนั่งรถไปรายงานตัวที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูเอง นึกไม่ถึงว่าทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลูถึงกับบอกว่าจะส่งรถมารับพวกเรา”
หานเซี่ยวพยักหน้าอย่างไว้ตัว
เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง สำนักพิมพ์หลิงชวนและคลังหนังสือซิลเวอร์บลูไม่มีคุณสมบัติจะไปเทียบเคียงกันได้เลย แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่บริษัทถูกซื้อกิจการไป คลังหนังสือซิลเวอร์บลูจะยังให้ความนับถือต่อบรรณาธิการบริกหารอย่างตนมากเช่นนี้
“เหมือนรถจะมาแล้วนะ!”
บรรณาธิการบริหารอีกคนหนึ่งดวงตาเป็นประกาย “บ.ก.บริหารมีหน้ามีตาใช้ได้เลยนะครับเนี่ย คลังหนังสือซิลเวอร์บลูถึงกับส่งรถที่ดีขนาดนี้มารับพวกเรา รถหรูระดับวีไอพีคันนี้พวกเราเคยดูอยู่ แถมยังเป็นรุ่นที่เพิ่มความยาวด้วยนะครับ ถ้าเงินไม่ถึงสิบล้านซื้อไม่ได้นะเนี่ย!”
ส่งรถหรูสิบล้านมารับพวกเรา
หานเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ฉันมีหน้ามีตาขนาดนั้นเลยเหรอ?
คลังหนังสือซิลเวอร์บลูนี่ใช้ได้เลยนะ!
ท่านยกดินแดนให้แก่ข้า ข้าย่อมปูนบำเหน็จให้อย่างงาม!
ในตอนนั้นมีคนสามสี่คนลงมาจากรถ ผู้ที่นำมาก็คือตัวแทนของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ท่าทีของอีกฝ่ายไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งที่ตนเป็นตัวแทนจากบริษัทใหญ่เลย “ทุกท่านเป็นคนของสำนักพิมพ์หลิงชวนใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ”
หานเซี่ยวก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว
ตัวแทนจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูมองทุกคน สายตาไปหยุดอยู่ที่หลินเซวียนสักสองวินาที ก่อนจะพูดว่า
“เชิญขึ้นรถครับ”
ทุกคนขึ้นรถไปด้วยกัน หลินเซวียนเองก็ตามขึ้นรถไปด้วยความสับสน ด้านข้างเป็นเสียงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นของเพื่อนร่วมงาน
“บ.ก.บริหารหานหน้าใหญ่เกินไปแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าพอถึงคลังหนังสือซิลเวอร์บลูแล้วบ.ก.บริหารหานจะได้จัดให้อยู่ตำแหน่งไหน ดูจากสวัสดิการในตอนนี้แล้ว น่ากลัวว่าต้องไม่ธรรมดาแน่!”
“บ.ก.บริหารหานคะ ต่อไปรบกวนช่วยดูแลลูกน้องเก่าด้วยนะคะ”
“พูดก็พูดเถอะ ไม่ว่าต่อไปทุกคนจะได้อยู่แผนกไหน พวกเราก็มาจากหลิงชวนทั้งนั้น บ.ก.บริหารหานต้องไม่ลืมพวกเราแน่”
“ถึงฟังดูโหดร้ายไปหน่อย แต่หลิงชวนถูกคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเทคโอเวอร์ไปก็เป็นโชคดีของพวกเรานะ ”
“เป็นถึงหนึ่งในสำนักพิมพ์ใหญ่ที่สุดในฉินโจว ให้ฉันฝันก็ยังไม่กล้าฝันเลยว่าจะได้มาทำงานที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลู!”
“…”
สองชั่วโมงผ่านไป
รถซึ่งไปรับจากหลิงชวนก็มาถึงสำนักงานใหญ่ของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู
ผู้คนจากหลิงชวนถูกพาไปยังชั้นแปด
ในตอนนั้นผู้ที่มาต้อนรับมีอยู่หลายคน คนที่นำมาเป็นผู้ชายสีหน้าเคร่งขรึม “ผมคือหลี่ว์เป่ย บ.ก.บริหารคลังหนังสือซิลเวอร์บลู”
คนจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูก้มหน้างุด
นี่คือบรรณาธิการบริหารของบริษัทใหญ่สินะ ดูน่าเกรงขามเหลือเกิน คนทั่วไปรับมือไม่ไหว แม้แต่หานเซี่ยวเองก็รู้สึกคล้ายจะลมจับขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ขณะที่รู้สึกคล้ายจะลมจับ ในใจก็รู้สึกภาคภูมิใจอยู่บ้าง คลังหนังสือซิลเวอร์บลูให้ความสำคัญกับฉัน บรรณาธิการบริหารยังออกมาต้อนรับด้วยตนเอง!
นี่มันบุคคลระดับไหน!
วงการสำนักพิมพ์มีใครไม่รู้จักหลี่ว์เป่ยบ้าง!
เขากระแอม “สวัสดีครับ ผมชื่อหานเซี่ยว…”
หลี่ว์เป่ยพยักหน้ากับหานเซี่ยวเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังกลุ่มคน โดยเฉพาะบรรณาธิการผู้หญิง “ท่านไหนคือหลินเซวียนครับ”
หานเซี่ยว “…”
ไม่ต้องจับไม้จับมือกันก่อนสักหน่อยหรือ?
ทำไมจู่ๆ หลี่ว์เป่ยก็ไปหาหลินเซวียนซะล่ะ
หลินเซวียนเอ่ยขึ้นเสียงค่อย “สวัสดีค่ะบ.ก.บริหาร ฉันเองค่ะ”
บนใบหน้าดุดันของหลี่ว์เป่ย พลันประทับด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกมา “ยินดีต้อนรับสู่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูนะ!”
“ขอบคุณค่ะ”
สมองของหลินเซวียนยิ่งสับสนเข้าไปอีก จนแทบยื่นมือออกไปจับมือกับหลี่ว์เป่ยตามสัญชาตญาณ
“คุณอยากไปแผนกไหนล่ะ”
รอยยิ้มของหลี่ว์เป่ยฉายแววอบอุ่นกว่าเดิม
คนจากหลิงชวน “…”
ทำไมหลี่ว์เป่ยถึงได้เกรงอกเกรงใจหลินเซวียนขนาดนี้
บ.ก.บริหารหานเซี่ยวพวกเราถูกเขี่ยไว้ด้านข้าง?
หลี่ว์เป่ยเข้าใจผิดไปว่าหลินเซวียนเป็นบ.ก.บริหารของพวกเราหรือเปล่า?
อายุก็วัดกันไม่ได้แล้วนะ
ในตอนนั้นเอง ไม่ไกลออกไปก็มีเงารูปร่างคล้ายภูเขาขนาดย่อมตะโกนมา “บ.ก.บริหารให้หลินเซวียนมาอยู่แผนกแฟนตาซีของพวกเราเถอะครับ!”
หลี่ว์เป่ยขมวดคิ้ว
เหล่าสยงวิ่งกระหืดกระหอบมายังด้านหน้าของหลินเซวียน ฉีกยิ้มกว้างเอ่ยว่า “ผมเป็นหัวหน้าบ.ก.ของแผนกแฟนตาซีเยาวชน คุณเรียกผมว่าเหล่าสยงก็ได้ มาเป็นรองบ.ก.ที่แผนกผมเถอะ ผมไม่ค่อยถูกชะตากับรองบ.ก.คนเดิมมานานแล้ว!”
“แผนกนิตยสารเราขาดคนนะครับ!”
อีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เป็นโหยวหรงจากแผนกนิตยสารของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู
เขาพุ่งปราดมายังเบื้องหน้าของหลินเซวียนเช่นเดียวกัน แถมยังเบียดเหล่าสยงไปด้านข้าง “สวัสดีครับผมคือหัวหน้าบ.ก.นิตยสารอ่านสนุก แผนกของเรายินดีต้อนรับคุณเป็นอย่างยิ่ง ผมคิดว่าตำแหน่งรองบ.ก.ของเราเหมาะกับคุณมาก!”
ผู้คนจากหลิงชวนจ้องตาค้าง ในห้วงสำนึกเริ่มบิดวนไปมา
หานเซี่ยวยิ่งสงสัยในสัจธรรมชีวิตเข้าไปใหญ่!
รถหรูรับส่ง…
บ.ก.บริหารมาต้อนรับ…
หัวหน้าบ.ก.แย่งคน…
ไม่ได้เป็นเพราะฉันเลย?
แต่พุ่งไปหาหลินเซวียนกันทั้งนั้น?
นี่มันสวัสดิการจากสวรรค์ชั้นไหนกัน!
หรือว่าหลินเซวียนจะเป็นลูกสาวของบอสใหญ่ของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู?
หลินเซวียนไม่รู้ว่าตนควรมีปฏิกิริยาอย่างไร ฝันไปหรือเปล่านะ แต่ในความฝันเธอเองก็ไม่กล้าลำพองใจ ทำได้เพียงพูดว่า “ฉันว่าตามที่บริษัทจัดการ…”
“งั้นมาทำงานที่ฝ่ายบริหารก่อนแล้วกัน”
หลี่ว์เป่ยกวาดสายตาไปยังเหล่าสยงและโหยวหรง กล่าวกลั้วหัวเราะ “ฝ่ายบริหารดูแลทุกส่วน ฉันเป็นหัวหน้าโดยตรงของเธอ เธอจะได้ค่อยๆ เรียนรู้สถานการณ์ของแต่ละแผนก รอให้ผ่านไปสักระยะแล้วตัดสินใจได้ ค่อยเลือกแผนกที่ตัวเองชอบก็ได้ แน่นอนว่าถ้าชอบฝ่ายบริหารก็อยู่ต่อได้เช่นกัน”
“!!!”
ฝ่ายบริหาร ตำแหน่งไม่สูง แต่อำนาจมหาศาล แทบจะเป็นโฆษกของบรรณาธิการบริหารเลย หัวหน้าบรรณาธิการแต่ละแผนกล้วนเกรงอกเกรงใจมากขึ้นหลายส่วน!
“ได้ค่ะ”
หลินเซวียนตอบ
มีบางเรื่องก็อย่าไปคิดจริงจังมาก ความฝันนี้ช่างหอมหวาน หอมหวานซะจนน่าตกใจ ตื่นขึ้นช้าหน่อยก็ดี
“อื้ม”
หลี่ว์เป่ยมองคนอื่นๆ ยิ้มเอ่ย “หานเซี่ยวไปเป็นหัวหน้าบ.ก.แผนกแฟนตาซีไซไฟของเรา ไม่ทราบว่าคุณหานเซี่ยวมีความเห็นว่าอย่างไรครับ”
“ขอบคุณครับบ.ก.บริหารหลี่ว์!”
หานเซี่ยวรีบตอบ รู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง เขานั่งตำแหน่งบรรณาธิการบริหารตอนอยู่หลิงชวน เมื่อมาถึงคลังหนังสือซิลเวอร์บลูได้เป็นเพียงหัวหน้าบรรณาธิการ!
ทว่าสำหรับหานเซี่ยวแล้ว เขายอมเลือกเป็นหัวหน้าบรรณาธิการที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูดีกว่า!
เพราะการทำงานที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลู และการทำงานที่หลิงชวนนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน!
แต่ว่า…
เมื่อนึกถึงว่าหลินเซวียนได้เข้าไปในฝ่ายบริหาร ความตื่นเต้นของเขาก็เหือดหายไปไม่น้อย ในใจมีเพียงความคิดเดียว ‘หลินเซวียนต้องมีเบื้องหลัง หลังจากนี้จะต้องปรนนิบัติพัดวีให้ดี!’
เบื้องหลังนี้อาจน่ากลัวมากก็ได้!
อย่ามาเหลวไหลหน่อยเลย คนที่ไม่มีเบื้องหลังจะทำให้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูมาคอยพะเน้าพะนออย่างกับเป็นเจ้าแม่แบบนี้ได้หรือ?
บรรณาธิการบริหารมาต้อนรับเอง การกระทำแบบนี้แพร่สะพัดออกไปทั้งคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ใครแตะหลินเซวียนเท่ากับตั้งตัวเป็นอริกับหลี่ว์เป่ย!
แถมยังมีหัวหน้าบรรณาธิการอีกสองคน ที่รีบวิ่งมาแย่งคนกันอย่างเปิดเผย รู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ว์เป่ยปรามเอาไว้ น่ากลัวว่าสองคนคงเปิดฉากทึ้งหัวกันตรงนั้น!
หานเซี่ยวถึงขั้นรู้สึกเสียดาย เมื่อก่อนตนไม่ได้ผูกมิตรกับหลินเซวียนให้มากกว่านี้
เรื่องนี้ใครจะไปคาดคิดล่ะ
เจ้าแม่หลินมีเบื้องหลังที่น่ากลัวขนาดนี้ ทำไมต้องมาอยู่ที่บริษัทเล็กๆ อย่างหลิงชวน เป็นบรรณาธิการฝึกหัดผู้ต้อยต่ำคนหนึ่งด้วย
หาประสบการณ์ชีวิตหรือ?
ในขณะนั้นหลี่ว์เป่ยกวาดสายตาไปยังคนอื่นๆ ในหลิงชวน ยิ้มให้หลินเซวียนพลางบอกว่า “ถ้าเธอคิดถึงเพื่อนร่วมงานเก่า ก็เลือกจากตรงนี้ไปเป็นผู้ช่วยสักคนก็ได้”
ทุกคนได้ฟังดังนั้นก็สั่นสะท้าน ส่งสายตาละห้อยไปหาหลินเซวียน
ต่อให้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการทั้งสองของหลินเซวียน ก็ยังใจเต้นไม่เป็นส่ำ!
นั่นมันฝ่ายบริหารเชียวนะ!
เข้าไปในฝ่ายบริหารก็เท่ากับก้าวเดียวเหยียบถึงสวรรค์!
เป็นผู้ช่วยหลินเซวียนแล้วยังไง ถ้ามีสมองสักหน่อยก็ต้องรู้ว่าขลุกอยู่กับหลินเยวียน มีแต่ชีวิตจะดี!
หลินเซวียน “…”
ปฏิกิริยาของทุกคนสมจริงเกินไปแล้ว ฉันคงไม่ได้ฝันไปสินะ แต่ถ้าไม่ได้กำลังฝัน ถ้างั้นเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย
มีใครไปเปลี่ยนลิขิตสวรรค์หรือเปล่านะ
ยังมีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่าง จะต้องกลับไปถามแม่ ว่าตอนเด็กๆ อุ้มฉันมาผิดหรือเปล่า ที่จริงแล้วฉันอาจเป็นลูกสาวลับๆ ของบุคคลสำคัญ?
แบบนั้นก็ดีสิ
ต่อไปทั้งน้องชาย ทั้งน้องสาว ทั้งแม่ ฉันจะไม่ลืมทุกคน หลินเซวียนจะโชติช่วงชัชวาล จะต้องทำให้ทุกคนอยู่อย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต!
………………………………………………………