Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 148 ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์
ตอนที่ 148 ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์
หลินเยวียนไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด หลังจากออกมาก็ไม่ได้ไปที่บริษัท แต่กลับเรียกกู้ตงให้ไปช่วยรับคนที่สนามบินกับเขาหน่อย
เจี่ยนอี้ถึงฉีโจวแล้ว
วิทยาลัยศิลปะฉีโจวเปิดเทอมในวันพรุ่งนี้ เดิมทีเจี่ยนอี้อยากไปรายงานตัวที่วิทยาลัย แต่ว่าก่อนหน้านี้หลินเยวียนขบคิดเรื่องหนึ่ง ดังนั้นจึงเสนอว่า ‘หรือว่านายจะมาอยู่กับฉันมั้ย ฉันยังมีห้องเหลืออีก’
หลินเยวียนอยู่ในห้องที่มีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น
ปกติแล้วเขานอนในห้องนอนหลัก ห้องนอนแขกยังว่างอยู่ ให้เจี่ยนอี้มาอยู่นับว่าสบายมาก พวกเขาสองคนอยู่ที่นี่ปีเดียว คณะของพวกเขาก็ห่างกันมาก จะเจอกันทุกวันก็ออกจะยุ่งยาก ดังนั้นพักอยู่ด้วยกันก็จะได้ดูแลกัน
‘ก็ได้ งั้นก็ตามนี้’
หลังจากเจี่ยนอี้ไตร่ตรองอยู่สักพัก ก็พยักหน้า เขากับหลินเยวียนเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนเหมือนกัน หนำซ้ำยังมาตอนปีสาม จะให้เขาไปอยู่หอกับคนแปลกหน้าก็รู้สึกชอบกล ไม่สู้พักกับหลินเยวียนดีกว่า ‘เดี๋ยวฉันจะบอกคนที่บ้านก่อน’
หลินเยวียนพยักหน้า
ระหว่างทางก็แนะนำเจี่ยนอี้กับกู้ตงให้รู้จักกันเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งสองคนเพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรก จึงสนทนากันอย่างเรียบง่ายเพียงไม่กี่ประโยค หัวข้อสนทนาจึงวกกลับไปที่หลินเยวียนโดยปริยาย “นายอยู่ที่นี่คุ้นเคยหรือยัง”
หลินเยวียนพยักหน้า
เจี่ยนอี้ยิ้มเอ่ย “ฉันลงเครื่องมาก็ลองสังเกตดู รู้สึกว่าฉีโจวต่างกับฉินโจวมาก สไตล์ของสถาปัตยกรรมก็ไม่เหมือน แถมคนท้องถิ่นที่นี่ยังใช้ภาษาฉีสื่อสาร คิดว่าฉันต้องเรียนสักหน่อยแล้ว…”
หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร
อันที่จริงเขาพูดภาษาฉีได้นิดหน่อย จะเรียกให้จำเพาะเจาะจงกว่าก็คือภาษากวางตุ้ง นี่เป็นภาษาที่ไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขา แต่เขาพูดไม่ชัด จัดว่าอยู่ในระดับที่สามารถฟังคนท้องถิ่นพูดเข้าใจ
“อินเทอร์เน็ตก็ด้วย”
เจี่ยนอี้หยิบโทรศัพท์ออกมาเข้าอินเทอร์เน็ต “รู้สึกว่าถึงแม้แต่ละพื้นที่จะเชื่อมต่อถึงกัน แต่ความสนใจของแต่ละทวีปนั้นแตกต่างกัน ที่บ้านเราชอบใช้ปู้ลั่ว ที่ฉีโจวเหมือนจะนิยมใช้สิ่งที่เรียกว่าเว็บบล็อก แต่ลักษณะของทั้งสองอย่างนี้ก็เหมือนว่าจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่”
หลินเยวียนพยักหน้า
บลูสตาร์มีทั้งหมดแปดทวีปใหญ่ ทุกทวีปมีขนาดใกล้เคียงกับบางประเทศบนโลก ดังนั้นถึงแม้บลูสตาร์ใช้หลักธรรมาภิบาลโลก ผู้คนไม่ได้มีแนวคิดเรื่องประเทศ ทว่าความแตกต่างและการแข่งขันระหว่างทวีปก็มีให้เห็นดาษดื่น ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับความแตกต่างของแต่ละประเทศบนโลกอยู่หลายส่วน แต่จุดร่วมที่ใหญ่ที่สุดของกันและกันเห็นจะเป็นภาษาทางการของแต่ละทวีป ซึ่งก็คือภาษากลาง
นี่เป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแตกต่างกัน ฉะนั้นการแบ่งพื้นที่ของแต่ละทวีปจึงค่อนข้างชัดเจน ทางการของแต่ละทวีปมีเจตจำนงจะแบ่งเขตแดน อินเทอร์เน็ตแม้ว่าจะไม่ได้ตัดขาดจากกัน แต่ก็ยังปรากฏความแตกต่างในการนำทางของผลการค้นหาบนเว็บไซต์ ถ้าผู้คนไม่ได้เจาะจงเสิร์ชหาเกี่ยวกับต่างทวีป ระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันก็ยังไม่นับว่าสูง
ตัวอย่างเช่น
เสิร์ชหาเซี่ยนอวี๋ในฉินโจว ข่าวที่เกี่ยวข้องใหม่ล่าสุดก็จะปรากฏขึ้นมาสารพัด และละเอียดยิบย่อย แต่ถ้าเสิร์ชหาเซี่ยนอวี๋ในฉีโจวก็ล้วนแต่ปรากฏข้อมูลง่ายๆ ทั่วไป ตัวอย่างเช่นผลงานของเซี่ยนอวี๋อะไรทำนองนั้น ข่าวสารโดยละเอียดนั้นค้นหาได้ไม่ง่าย เรื่องนี้เป็นเพราะอะไรหลินเยวียนก็อธิบายไม่ได้ บางทีต้นสายปลายเหตุทั้งหมดอาจอยู่ที่การแข่งขันในด้านต่างๆ ระหว่างแต่ละทวีปก็เป็นได้
……
ในวันต่อมาหลังจากที่ทั้งสองจัดแจงเรื่องที่พักกันเสร็จสรรพ วิทยาลัยศิลปะฉีโจวก็เปิดเทอมในที่สุด หลินเยวียนกับเจี่ยนอวี้ต่างคนต่างมุ่งหน้าไปรายงานตัวที่คณะของตน สถาบันแห่งนี้มีขั้นตอนซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะ เมื่อขั้นตอนเหล่านี้เสร็จสมบูรณ์ หลินเยวียนก็ถูกจัดให้อยู่ในเซคสามของปีสามสาขาการประพันธ์เพลงวิทยาลัยศิลปะฉีโจว
เขาไม่ได้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนเพียงคนเดียว
ในชั้นเรียน นอกจากหลินเยวียนแล้วก็ยังมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนอีกสองคน เห็นได้ชัดว่าหลินเยวียนเป็นคนหนึ่งที่ได้รับความสนใจและความนิยมมากที่สุด เพราะที่ฉีโจวกับฉินโจว นอกจากภาษาราชการที่เหมือนกันแล้ว อีกจุดร่วมหนึ่งซึ่งใหญ่ที่สุดก็คือ
ทุกคนล้วนมองหน้าตา
คำพูดนี้น่าจะใช้ได้กับทั้งบลูสตาร์ เรียกว่าใช้กับโลกทั้งสองใบเลยก็ว่าได้ สรุปแล้วก็คือ เมื่อผู้หญิงในห้องเรียนเห็นหลินเยวียนเดินเข้าประตูมา แววตาก็พลันเป็นประกายวับ จนเสียงปรบมือต้อนรับที่หลินเยวียนได้รับนั้นดังเกรียวกราวเป็นพิเศษ
หลังจากแนะนำตัวไปตามธรรมเนียมเสร็จแล้ว
หลินเยวียนก็ถูกจัดให้นั่งอยู่ในที่หนึ่งด้านหลัง เพื่อนร่วมโต๊ะของเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนเพื่อนนักศึกษาผู้หญิง แต่ท่าทีก็นับว่ามีมารยาท กระซิบแนะนำตัวประโยคหนึ่ง
“ถังหมิง”
“สวัสดีครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า วางกระเป๋าลง นักศึกษาซึ่งพักอยู่ในวิทยาลัยแค่ถือตำราเรียนที่ต้องใช้มายังห้องเรียนก็ใช้ได้แล้ว ส่วนนักศึกษาซึ่งไปเช้าเย็นกลับอย่างหลินเยวียนต้องแบกกระเป๋าใบน้อยมาด้วยทุกวัน แต่ที่ฉินโจวก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นหลินเยวียนจึงเคยชินแล้ว
วันแรกไม่มีการเรียนการสอน
วันที่สองถึงจะเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการ
เดิมทีหลินเยวียนยังกังวลว่าวิชาเรียนของฉินโจวกับฉีโจวจะแตกต่างกันมาก ทว่าเมื่อได้ฟังไปสองสามวิชาถึงได้พบว่าความคืบหน้าของบทเรียนนั้นไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ และใช่ว่าจะตามการเรียนการสอนในชั้นเรียนไม่ทัน เพียงเพราะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะความรู้ด้านการประพันธ์เพลงถึงอย่างไรก็เหมือนและเชื่อมโยงถึงกัน
ปรับตัวเช่นนี้อยู่ไม่กี่วัน
หลินเยวียนก็คุ้นเคยแล้ว
และขณะที่หลินเยวียนเรียนหนังสือ ทางสตาร์ไลท์มิวสิกก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาหาออเดอร์ต่อไป ระหว่างนั้นก็หาบริษัทที่สนใจได้สองเจ้า แต่ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ เมื่อเจรจากับพวกเขา ทันทีที่อีกฝ่ายได้ฟังเงื่อนไขของเซี่ยนอวี๋ ก็สะบัดหน้าหนีเดินจากไปทันที
“ทำแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่”
กู้เฉียงอวิ้นถอนหายใจ ช่วงนี้เจรจาล้มเหลวไปสามออเดอร์แล้ว ทั้งหมดล้วนสนใจอยากร่วมงานก็เพราะเซี่ยนอวี๋ และทั้งหมดก็สะบัดแขนเสื้อเดินหนีไปเพราะเงื่อนไขของเซี่ยนอวี๋ ผู้ว่าจ้างในฉีโจวเคยคุยด้วยง่ายๆ ซะที่ไหน
“ไม่ได้จริงๆ ด้วย”
หัวหน้าแผนกประพันธ์เพลงเอ่ยอย่างจนปัญญา “ถ้าพวกเราทำแบบนี้ต่อไปอีกสองสามเดือน บริษัทจะอยู่ได้อีกสักเท่าไหร่กัน ต้องคิดหาวิธีเปลี่ยนสถานการณ์ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ปรับราคาลงหน่อย?”
“ไม่ได้”
กู้ตงไม่เห็นด้วย “ลืมคำพูดครั้งก่อนของตัวแทนหลินไปแล้วเหรอ จะให้ตัวแทนหลินออกโรงทำออเดอร์ราคาต่ำ กำลังเสริมอย่างมือทองที่พวกเราอุตส่าห์เชิญมาด้วยความยากลำบากยังจะมีความหมายอะไร ปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือทางฉีโจว…”
ทันใดนั้นเองกู้ตงก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้!
เธอพึมพำว่า “พวกเราเหมือนจะกำลังคิดมาผิดทาง พยายามเสาะหาความร่วมมือกับบริษัทขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ทำไมไม่ไปหาความร่วมมือจากบริษัทใหญ่ล่ะ มีแค่บริษัทใหญ่ที่คู่ควรกับสถานะของตัวแทนหลิน”
“เธอบ้าไปแล้ว?”
หัวหน้ายิ้มขื่นเอ่ย “ออเดอร์ขนาดเล็กถึงกลางยังไม่ได้ เธอยังจะอยากได้ออเดอร์จากบริษัทใหญ่อีก หรือเธอคิดว่าบริษัทใหญ่คุยง่ายกว่ากว่าบริษัทเล็ก ความจริงแล้วผู้ว่าจ้างของบริษัทใหญ่เข้มงวดกว่านี้อีก ”
กู้เฉียงอวิ้นเองก็ส่ายหน้า
ไปหาบริษัทใหญ่ก็ไม่มีหวังยิ่งกว่า
สายตาของกู้ตงยังคงทอประกาย “แต่บริษัทนี้ บางทีพวกเราอาจลองดูได้ แล้วก็เป็นความหวังเดียวของพวกเราด้วย ถ้าบริษัทนี้ยังไม่โอเคละก็ พวกเราคงหาโอกาสที่ดีกว่านี้ยากแล้ว”
“บริษัทอะไร”
“ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์”
กู้เฉียงอวิ้นและหัวหน้าแผนกประพันธ์เพลงทำตาโต รู้สึกว่ากู้ตงเพ้อฝันไปไกล นี่เป็นหนึ่งในบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในฉีโจวเชียวนะ
“พวกคุณลืมไปแล้วเหรอ”
กู้ตงยิ้มเอ่ย “ก่อนหน้านี้ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์เคยร่วมงานกันอาจารย์เซี่ยนอวี๋มาก่อน และเดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาน่าจะพึงพอใจกับผลลัพธ์ของการร่วมงานครั้งก่อนมาก”
“หมายถึง!”
กู้เฉียงอวิ้นมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ผู้ว่าจ้างของฉีโจวเอาใจยากเสียยิ่งกว่ายาก ทว่าเรื่องมังกรมัจฉาเริงระบำก่อนหน้านี้เป็นภาพยนตร์อนิเมชันที่ผลิตโดยธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ และเพลงซาวด์แทร็กที่ภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องนี้เลือกใช้ก็คือผลงานของเซี่ยนอวี๋ เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่านั่นเป็นการร่วมงานที่สมบูรณ์แบบมากครั้งหนึ่ง!
“หมายถึงปลายักษ์!”
หัวหน้าแผนกประพันธ์เพลงเพิ่งได้สติกลับมา ทันใดนั้นก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนสุดขีด “ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์จะยอมเหรอ บริษัทใหญ่พรรค์นี้ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิด ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติพวกเราคงไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ ด้วยซ้ำไป”
“กุญแจสู่อนาคตก็ได้มาแล้ว”
กู้ตงลุกพรวดขึ้นยืน “ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะไขประตูใหญ่ของธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้ พวกเขาไม่ได้ชอบร่วมงานกับมาตุภูมิแห่งดนตรีหรอกเหรอคะ ตอนนี้คนจากมาตุภูมิแห่งดนตรีมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่มีเหตุผลให้ผลักไสไล่ส่งเขาไป!”
………………………………………….