Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 288 เรื่องสั้นเรื่องใหม่กำลังมา
ตอนที่ 288 เรื่องสั้นเรื่องใหม่กำลังมา
ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศมีเสถียรภาพอย่างมาก
วันเวลาหลังจากนี้ หลินเยวียนไม่ได้ไปติดตามสถานการณ์ของขั้นโพสต์โพรดักชันของภาพยนตร์มากนัก และหันไปสวมบทบาทฉู่ขวงเพื่อเขียนเรื่องคนขุดสุสานเล่มสุดท้ายแทน…
ใช่แล้ว
หลังจากเผยแพร่มาเป็นเวลาหนึ่งปีติดต่อกัน ในที่สุดเรื่องคนขุดสุสานนี้ก็ดำเนินมาจนถึงเล่มสุดท้าย
เนื่องจากหลินเยวียนพิมพ์ออกมาได้รวดเร็ว เดิมทีเวลาของเล่มจบสามารถตีพิมพ์ล่วงหน้าได้หนึ่งเดือน แต่เพราะก่อนหน้านี้ง่วนอยู่กับการ์ตูนและการทำดนตรีในขั้นโพสต์โพรดักชันของภาพยนตร์ จึงทำให้งานนี้ล่าช้าเล็กน้อย
เล่มสุดท้ายมีชื่อว่า ‘ตำนานสุสานตี้เซียน’
ในบรรดานิยายทั้งแปดเล่ม ความนิยมของตำนานสุสานตี้เซียนนั้นไม่นับว่าสูงที่สุด แต่ความสำคัญนั้นไม่ต้องบอกก็รู้
เพราะช่องโหว่ทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ จะถูกเติมเต็มเมื่อถึงเล่มสุดท้าย!
นี่เป็นข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้กับนิยายในหมวดหมู่เดียวกันอย่างเรื่องบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า จนกระทั่งบันทึกจอมโจรแห่งสุสานดำเนินไปจนจบ ช่องโหว่บางจุดก็ยังไม่ได้ถูกเติมเต็ม
คงมีคนถามว่า เรื่องคนขุดสุสานหลงเหลือช่องโหว่อะไรไว้…
หรือว่าตำราเคล็ดวิชาหยินหยางสิบหกอักขระจะถูกนับรวมด้วย?
เนื้อหาโดยละเอียดของหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างไร นักเขียนไม่ได้ระบุข้อมูลที่จำเพาะเจาะจงมากนัก บอกเพียงแต่ว่ายอดเยี่ยมมาก
ทว่าอันที่จริงเรื่องเหล่านี้จะนับรวมว่าเป็นช่องโหว่ก็คงไม่ได้
ยามที่ปรมาจารย์จินเขียนสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรสำหรับฝึกวรยุทธ์ ก็คงไม่เขียนเนื้อหาออกมาทั้งหมดใช่ไหมล่ะ
นอกจากนั้นแล้วนิยายยังมีคำอธิบาย
เพราะตำราเคล็ดวิชาหยินหยางสิบหกอักขระเปิดเผยลิขิตสวรรค์ ดังนั้นอีกครึ่งหนึ่งจึงถูกทำลายไป
เนื้อหาที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง ในนิยายก็เอ่ยถึงอีกครั้ง
นี่คือจุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเรื่องคนขุดสุสาน มีช่องโหว่ก็เติมเต็ม ไม่ว่าจะเติมเต็มได้สมบูรณ์แบบหรือไม่ อย่างน้อยก็ไม่ปรากฏกรณีที่ผู้อ่านยังคงเกิดความสงสัยทั้งที่อ่านจบทั้งชุดแล้ว
นิยายจบลงในกลางเดือนกุมภาพันธ์
หลังจากหลินเยวียนส่งต้นฉบับให้กับคลังหนังสือซิลเวอร์บลูแล้ว คลังหนังสือซิลเวอร์บลูไม่ได้รีรอให้ถึงวันที่หนึ่ง หากแต่ตีพิมพ์ออกมาในทันที
หลังจากนั้น ผู้อ่านซึ่งตามหนังสือเล่มนี้มาร่วมปี ในที่สุดก็ได้อ่านเรื่องคนขุดสุสานฉบับเต็มสักที
ในฐานะหนังสือขายดีซึ่งเป็นกระแสโด่งดังเรื่องหนึ่ง การจบบริบูรณ์ของคนขุดสุสานจึงควรค่าแก่ความสนใจจากผู้คนทั่วทั้งวงการ
เพราะการถือกำเนิดขึ้นของนิยายเรื่องนี้ทำให้เกิดปรากฏการตามกระแสนิยายเรื่องนี้เป็นจำนวนมากในอุตสาหกรรมนิยาย และมีผลงานขายดีเกิดขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง หากมองเพียงมุมนี้ สถานะของนิยายเรื่องนี้ได้รับการยอมรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น เมื่อนิยายเรื่องนี้จบลงไปหมาดๆ ยอดขายของสองสามเล่มแรกก็เพิ่มสูงขึ้นอีกระดับ
นอกจากนั้นแล้ว คำวิจารณ์ของหนังสือเรื่องนี้ ก็ยังอยู่ในระดับที่มากอีกด้วย
บนกระดานข้อความของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู พื้นที่แสดงความคิดเห็นของเรื่องคนขุดสุสานในตอนนี้คึกคักเหลือเกิน
‘แปดเล่มยังอ่านไม่หนำใจเลย เจ้าแก่ฉู่ขวงจัดมาอีกแปดเล่มได้ม้ายย~’
‘ในใจรู้สึกย้อนแย้งมาก ใจหนึ่งไม่อยากให้นิยายเรื่องนี้จบ อีกใจหนึ่งก็หวังว่านิยายเรื่องนี้จะจบ เพราะพวกเราอยากอ่านนิยายเรื่องใหม่ของอาจารย์ฉู่ขวงแล้ว’
‘จากเนื้อหา นิยายขนาดยาวของเจ้าแก่ฉู่ขวงมีจำนวนตัวอักษรมากขึ้นเรื่อยๆ เลย นิยายเรื่องนี้สามารถตีพิมพ์ออกมาได้สองล้านตัวอักษรก็นับว่าใจดีมากแล้ว ลองคิดดูว่าเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสมีกี่ตัวอักษรกัน’
‘ตอนที่อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบตลอดเวลา พออ่านจบแล้วกลับรู้สึกใจหายวาบซะงั้น’
‘สุสานหวังต้าเซียนกับตำนานราชาศพเซียงซีสนุกที่สุดในความคิดของผม ไก่นู่ฉิงปะทะกับตะขาบยักษ์ เส้นอารมณ์ของเจ้อกูเซ่ากับหงกูเหนียงละเอียดอ่อนและน่าทึ่งมาก!’
‘ฉันว่าเมืองโบราณกลางทะเลทรายดีที่สุด เปิดเรื่องมาก็ดึงดูดความสนใจของฉันได้เลย’
‘…’
ไม่เพียงเสียงโอดครวญและบทสรุปของผู้อ่าน คำวิจารณ์ของผู้คนในวงการก็มีเช่นกัน
บรรณาธิการบริหารจากกองบรรณาธิการแห่งหนึ่งกล่าวว่า
‘นี่เป็นผลงานเรื่องหนึ่งซึ่งทำให้ผู้คนอดตาหลับขับตานอนอ่านตั้งแต่วางขาย จินตนาการเลิศล้ำ ทว่าคงความสมจริง ท้าทายสิ่งที่อยู่เหนือการรับรู้และไม่อาจอธิบายได้ของมนุษย์ด้วยความเป็นวัตถุนิยมและอเทวนิยม…หลังจากนั้น สถานะก็เริ่มพลิกผัน สิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้มีมากมายเหลือเกิน…ผู้อ่านอ่านจนเกิดความหวาดกลัวในจิตใจ…วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมีขีดจำกัด แต่สิ่งที่เราไม่รู้นั้นไร้ซึ่งขีดจำกัด เรากลัว จึงก่อเกิดเป็นวิทยาศาสตร์ ทว่าวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้นจากความกลัวไปเสียทุกครั้ง…บางทีศาสนาก็อาจถือกำเนิดขึ้นด้วยเหตุผลเดียวกัน’
หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ก็รายงานเรื่องนี้เช่นกัน
‘ฉู่ขวงใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ฝีมือด้านการเขียนและวางโครงเรื่องอันเยี่ยมยอด เรียงร้อยเรื่องราวออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ กรุยทางให้นิยายแนวขุดสุสานของบลูสตาร์ อันที่จริงเรื่องคนขุดสุสานไม่มีผีหรือเทพเจ้า หากแต่เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และธรรมชาติ เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ จนผู้อ่านรู้สึกประหนึ่งกำลังร่ำสุรา ดื่มเข้าไปเพียงอึกเดียวก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า และเปรียบเสมือนการดื่มชา ลิ้มลองเพียงครั้งเดียวดื่มด่ำไปได้เนิ่นนาน’
ขณะเดียวกัน
บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของฉู่ขวง ก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นของผู้อ่าน แน่นอนว่าในนั้นมีผู้อ่านจำนวนไม่น้อยเร่งเร้าให้ฉู่ขวงปล่อยหนังสือเรื่องใหม่
หลินเยวียนว่างๆ ไม่มีอะไรทำ จึงเข้าไปอ่านคอมเมนต์อีกสักหน่อย
หนึ่งในนั้นมีคอมเมนต์หนึ่ง ไปสะกิดใจเขาขึ้นมา
‘เจ้าแก่ฉู่ขวงลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองไม่ได้เขียนนิยายสั้นมานานแล้ว ทั้งที่หลังจากเรื่องสร้อยคอ ผมเองก็รอเรื่องสั้นเรื่องใหม่มาตลอด อย่ามัวแต่เขียนนิยายยาวได้มั้ยครับ’
ก็จริงของเขา
หลังจากที่เขียนเรื่องสร้อยคอจบ หลินเยวียนก็ไม่ได้แตะเรื่องสั้นอีกเลย ก่อนหน้านี้มือขึ้น เขาเปิดกล่องออกมาได้เรื่องสั้นห้าเรื่องในรวดเดียว
ตอนนี้เผยแพร่ไปแล้วสี่เรื่อง ยังเหลืออีกเรื่องหนึ่งซึ่งยังไม่ได้หยิบออกมา
ต้องหาโอกาสปล่อยเรื่องนี้แล้วใช่ไหม
เพราะจะให้เขาปล่อยนิยายเรื่องใหม่ออกมาทันทีก็คงไม่ได้ ผู้อ่านยังต้องการเวลาย่อยเรื่องคนขุดสุสาน
ไม่ได้ปล่อยเรื่องสั้นมานานแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินเยวียนก็รู้สึกยินดียิ่งที่จะปล่อยผลงานใหม่อย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกบ่อยครั้งนัก เขาจึงรีบไปคุยกับจินมู่
“เรื่องสั้นเรื่องใหม่?”
จินมู่ครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยว่า “ในตอนนี้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเผยแพร่ผลงานก็คือปู้ลั่ววรรณกรรม เพราะหลังจากที่ฉิน ฉี และฉู่ผนวกรวมกัน ทรัพยากรนักเขียนก็เพิ่มขึ้น ตอนนี้ปู้ลั่วมีเรื่องสั้นใหม่ๆ เผยแพร่ทุกเดือน อีกทั้งสามอันดับแรกจะมีรางวัลในระยะยาว อีกอย่างแพลตฟอร์มนี้สามารถรับประกันกลุ่มผู้อ่านขนาดใหญ่ได้”
กล่าวมาถึงตรงนี้
จินมู่กล่าวกลั้วหัวเราะ “เพราะฉู่เข้าผนวกรวม อันดับนักเขียนเรื่องสั้นของหัวหน้าก็เลยหล่นลงมาหลายขั้น ถ้าครั้งนี้คุณภาพของนิยายไม่เลว อันดับก็อาจเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้สักหน่อย…”
หลินเยวียนเอ่ย “งั้นผมปล่อยผลงานไปก่อน?”
จินมู่ส่ายหน้า “นักเขียนนิยายเบอร์ใหญ่ๆ เผยแพร่ผลงานใหม่สามารถเจรจาค่าต้นฉบับกับเว็บไซต์ได้อีกนะครับ นี่เป็นรายได้นอกเหนือจากเงินรางวัล พวกเราสามารถหารายได้จากตรงนี้เพิ่มขึ้นได้”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนยิ้มแย้ม
นี่คือข้อดีของการมีผู้จัดการ เมื่อก่อนเขาโพสต์ไปเฉยๆ หลังจากนั้นก็ได้เงินรางวัล นึกไม่ถึงว่าจะคำนวณค่าต้นฉบับก่อนตีพิมพ์ได้ เรื่องเหล่านี้จินมู่จะไปเจรจากับอีกฝ่ายเอง
“อย่างน้อยก็ต้องได้สองแสน!”
จินมู่เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “แน่นอนว่าเงื่อนไขคือหัวหน้าได้เป็นสามอันดับแรก อีกอย่างหนึ่งก็คืออันดับนักเขียนในวงการเรื่องสั้นของหัวหน้าก็เป็นปัจจัยในการตัดสินค่าต้นฉบับเช่นเดียวกัน ถ้าคุณเข้าสิบอันดับแรก เราน่าจะเรียกได้สูงกว่านี้ เพราะนอกจากปู้ลั่วแล้ว ก็ยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ต้องการต้นฉบับเช่นเดียวกัน”
ปู้ลั่วเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้
แต่นอกจากปู้ลั่วแล้ว แพลตฟอร์มที่ตกเป็นรองอย่างเช่นบล็อกก็ไม่เคยยอมแพ้ กำลังดิ้นรนเพียรพยายามหาโอกาสกลับคืนสังเวียน ถึงอย่างไรการช่วงชิงลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน
เพียงแค่ตอนนี้ปู้ลั่วกำลังได้เปรียบก็แค่นั้นเอง
………………………………………………………………