Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 354 สิบปี
ตอนที่ 354 สิบปี
ทบทวนอีกครั้ง
กล่องสมบัติมีทั้งหมดสี่ระดับ
ทองแดง เงิน ทอง และเพชร
มีรางวัลทักษะขั้นสมบูรณ์แบบซ่อนอยู่ และอยู่ในกล่องสมบัติเพชรเท่านั้น
กล่องสมบัติระดับสูงสุดซึ่งหลินเยวียนได้ในขณะนี้คือระดับทอง เพราะฉะนั้นจึงไม่คาดหวังทักษะขั้นสมบูรณ์แบบ
สำหรับ ‘คน’ คนหนึ่ง ขั้นปรมาจารย์ก็เหลือเฟือแล้ว
ในจุดนี้สามารถหยิบยกภาพกุ้งหกตัวซึ่งก่อนหน้านี้หลินเยวียนใช้การ์ดตัวละครฉีไป๋สือวาดออกมา
ถ้าหากก่อนหน้านี้ หลินเยวียนต้องหยิบยืมการ์ดตัวละครมาใช้วาดผลงานแบบนั้น หลินเยวียนในตอนนี้ขอเพียงลงมือวาดอย่างจริงจัง ไม่จำเป็นต้องใช้การ์ดตัวละครก็สามารถวาดผลงานระดับเดียวกับกุ้งหกตัวออกมาได้
นี่ก็คือพลังของปรมาจารย์!
และเมื่อการเผยแพร่เรื่องสมุดมรณะค่อยๆ เสถียรขึ้น กระแสความร้อนแรงบนโลกออนไลน์ก็ค่อยๆ ยุติลงในที่สุด
ทว่าบนปู้ลั่ว ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นของอิ่งจือ ความคึกคักของแฟนคลับกลับยังไม่ลดลงมากนัก
และเนื่องจากฝีมือของอิ่งจือได้รับการยอมรับ เพราะฉะนั้นชาวเน็ตหลายคนเมื่อเอ่ยถึงฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ ก็เริ่มเชื่อมโยงอิ่งจือเข้าไปด้วยโดยปริยาย
วงกลมปิดซึ่งมีสามคน จึงหยั่งรากลึกลงสู่จิตใจของผู้คนด้วยประการฉะนี้
จินมู่ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างยิ้มแย้ม “เป็นเพราะการ์ตูนของตัวตนอย่างอิ่งจือโด่งดัง ความสัมพันธ์ของทั้งสามตัวตนเลยยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น คนที่แซวสามตัวตนนี้ของหัวหน้าบนอินเทอร์เน็ตมีเยอะมากเลยนะครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
จินมู่กล่าวอีกว่า “มีบริษัทอนิเมชันติดต่อมาถามเรื่องลิขสิทธิ์ของสมุดมรณะแล้วนะครับ”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
หลินเยวียนประหลาดใจอยู่บ้าง การ์ตูนสองเรื่องก่อนหน้านี้ของเขาปล่อยออกไปได้ครึ่งหนึ่ง ถึงจะมีคนสนใจซื้อลิขสิทธิ์
สมุดมรณะในครั้งนี้ปล่อยออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีบริษัทต้องการนำไปผลิตเป็นอนิเมชันแล้ว
“ใช่ครับ”
จินมู่ยกยิ้มมุมปาก “แง่หนึ่งก็คือเรื่องสมุดมรณะดังมากจริงๆ อีกเแง่หนึ่งก็เพราะอนิเมชันจากผลงานสองเรื่องก่อนหน้านี้ของหัวหน้าล้วนประสบความสำเร็จ ทุกคนเลยมีเหตุผลให้คิดว่าการ์ตูนเรื่องที่สามของหัวหน้าจะสามารถนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมชันออกมาได้ดี”
“ครับ”
หลินเยวียนรู้ว่าในวงการอนิเมชันมีสิ่งที่เรียกว่า ‘การดัดแปลงอนิเมชันที่น่าเศร้า’
ความหมายก็คือ มีการ์ตูนหรือนิยายบางเรื่องซึ่งเห็นชัดๆ ว่าต้นฉบับน่าตื่นเต้นมาก ปรากฏว่าเมื่อผลิตเป็นอนิเมชันกลับเละเทะไม่มีชิ้นดี
ในตอนนั้นชาวเน็ตจะวิจารณ์ว่าเป็น ‘การดัดแปลงอนิเมชันที่น่าเศร้า’
ยังดีที่บริษัทผลิตอนิเมชันที่หลินเยวียนเลือกนั้นเชื่อถือได้ ปันจุบันนี้จึงไม่เกิดปรากฏการณ์ที่ผลลัพธ์ของอนิเมชันที่ผลิตออกมานั้นใช้ไม่ได้ ถึงขั้นที่อิทธิพลของอนิเมชันนั้นสูงกว่าการ์ตูนต้นฉบับเสียด้วยซ้ำ
“ยังไม่ขายครับ รอให้เป็นกระแสมากกว่านี้อีกสักหน่อย”
หลังจากนี้เรื่องสมุดมรณะจะยิ่งโด่งดังมากกว่านี้ ลิขสิทธิ์ที่ขายจะมีมูลค่าสูงขึ้น เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงไม่รีบร้อนขายลิขสิทธิ์ในตอนนี้
จินมู่พยักหน้า “ผมเองก็คิดแบบนั้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จินมู่ก็กล่าวเสริม “ต้นฉบับใหม่ของรหัสคดีปัวโรต์ผมส่งไปที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูแล้ว วันที่หนึ่งเดือนหน้าวางแผงครับ”
“อ้อ”
นิยายชุดของนักสืบปัวโรต์เริ่มเปิดโหมดตีพิมพ์เดือนละหนึ่งเรื่องแล้ว
ด้วยความเร็วในการพิมพ์ของหลินเยวียน เขียนนิยายสืบสวนสอบสวนของปัวโรต์เดือนละหนึ่งเรื่องนั้นไม่ได้เสียเวลามากมายนัก
และหลังจากการเผยแพร่ผลงานดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของปัวโรต์ก็เพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน
หลินเยวียนเชื่อว่า กว่าอิทธิพลของปัวโรต์จะระเบิดเต็มที่ สุภาพบุรุษหนวดงามท่านนี้จะกลายเป็นนักสืบชื่อดังที่แท้จริงของบลูสตาร์!
……
วันที่ 23 สิงหาคม หลินเยวียนกลับมายังบริษัท
อู๋หย่งซึ่งรับหน้าที่รองหัวหน้าชั้นเก้าได้ยินข่าว ก็รุดรีบมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ตัวแทนหลิน ในที่สุดคุณก็มาบริษัท!”
หลินเยวียนชะงักไป “ผมถูกจับได้แล้วว่าโดดงาน?”
อู๋หย่งยิ้มขื่น “จะมีใครกล้าตรวจสอบตัวแทนหลินล่ะครับ ผมหมายถึง จะไม่ทันเวลาแล้ว เจียงขุยกับซุนเย่าหั่วกำลังรอคุณลงมืออยู่นะครับ”
“อ้อ สถานการณ์เป็นยังไงนะครับ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
หลินเยวียนมายังบริษัทก็เพราะเรื่องนี้
ปลายเดือนที่แล้วแวะมายังบริษัท อู๋หย่งก็เข้ามาพูดเรื่องนี้กับหลินเยวียน
“คืองี้ครับ”
อู๋หย่งกล่าว “เพลงใหม่ของเจียงขุยติดอันดับสามของชาร์ตเดือนนี้ ทำผลงานได้ดีมาก ส่วนเพลงใหม่ของซุนเย่าหั่วติดอันดับแปด ถึงครั้งนี้จะไม่นับว่าสูงมาก แต่ก็ทำกระแสได้ไม่เลวเลยละครับ แต่หลังจากนี้ถ้าไม่มีผลงานที่มีน้ำหนักมากพอ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าเป็นนักร้องแถวหน้าตอนปลายปีนะครับ”
อู๋หย่งพูดไปเรื่อยๆ อยู่พักใหญ่
เมื่อฟังคำอธิบายของอู๋หย่ง หลินเยวียนก็พอจะเข้าใจสถานการณ์
ความพยายามของเซวียเหลียงและเฟิงซั่วไม่ได้สูญเปล่า ด้วยความบากบั่นของลูกศิษย์ทั้งสองและแรงสนับสนุนจากบริษัท ในปีนี้ซุนเย่าหั่วกับเจียงขุยกำลังมุ่งสู่ทิศทางการเติบโตเป็นนักร้องแถวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ถ้าหากยกเส้นความคืบหน้ามาเปรียบเปรย ระยะห่างของเจียงขุยกับการเป็นนักร้องแถวหน้านั้นเหลืออีกสิบเปอร์เซ็นต์สุดท้าย
ส่วนซุนเย่าหัวค่อนข้างด้อยกว่า แต่เขาก็อยู่ห่างจากเป้าหมายในการเป็นนักร้องแถวหน้าอีกเพียงประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์
แต่ของอย่างเส้นความคืบหน้า ยิ่งเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากเท่าไหร่ ความยากก็ยิ่งสูงขึ้น
ทว่าในตอนนี้ ลูกศิษย์ทั้งสองอย่างเซวียเหลียงและเฟิงซั่วได้แตะถึงขีดจำกัดความสามารถแล้ว
พวกเขาไม่สามารถเขียนเพลงที่ทำให้ซุนเย่าหั่วและเจียงขุยทะลุขึ้นไปเป็นนักร้องแนวหน้าได้อย่างสมบูรณ์
ต่อให้ปล่อยให้พวกเขียนเพลงให้ซุนเย่าหั่วกับเจียงขุยต่อไป ก็แทบรับประกันไม่ได้เลยว่าสองคนนี้จะไม่หลุดออกจากสิบอันดับแรก
เพราะฉะนั้น ในตอนนี้จำเป็นต้องให้หลินเยวียนลงมือเอง
เพราะถ้าต้องการเป็นนักร้องแถวหน้า ลำพังสิบอันดับแรกนั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องประสบความสำเร็จอย่างการคว้าแชมป์ของฤดูกาล จึงจะรับประกันได้!
นี่คือการครอบงำซึ่งเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม!
“ตัวแทนหลินไม่ต้องกดดันเกินไปครับ”
เมื่ออู๋หย่งอธิบายจบ น้ำเสียงก็ผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย
“แผนกประพันธ์เพลงชั้นอื่นๆ ส่วนมากก็ยังทำภารกิจไม่สำเร็จ โดยทั่วไปตอนนี้พวกเขาปั้นนักร้องแถวหน้าออกมาคนเดียว แต่เงื่อนไขของบริษัทคือให้แผนกประพันธ์เพลงดันนักร้องแถวหน้าสองคน เพียงแต่ความคืบหน้าเราช้าที่สุดครับ ยังปั้นไม่ได้เลยสักคนเดียว…”
“เข้าใจแล้วครับ”
หลินเยวียนเอ่ย “แจ้งซุนเย่าหั่ว ให้เตรียมเข้าบริษัท เริ่มอัดเพลงครับ”
“หา?”
อู๋หย่งชะงัก
เขาคิดว่าหลินเยวียนจะเลือกเจียงขุย เพราะเจียงขุยเข้าใกล้เป้าหมายมากกว่า แต่หลินเยวียนกลับเลือกปั้นซุนเย่าหั่ว
ซุนเย่าหั่วคนนี้เป็นที่รักของตัวแทนหลินจริงๆ
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ จะทันเวลาจริงๆ หรือ?
“ตัวแทนหลิน ให้เจียงขุยมาแทนไม่ได้เหรอครับ”
“เพลงนี้เหมาะกับซุนเย่าหั่วมากกว่าครับ”
“เข้าใจแล้วครับ”
อู๋หย่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไรมาก กระวีกระวาดออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
หลังจากอู๋หย่งออกไป ผู้ช่วยกู้ตงก็เข้ามารินชาให้กับหลินเยวียน ก่อนจะเอ่ยเตือนอย่างอ้อมค้อม “ตัวแทนหลิน ถ้าอยากปั้นอาจารย์ซุนเย่าหั่วเป็นนักร้องแถวหน้า ลำพังแค่เขียนเพลงอาจไม่พอนะคะ…”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลินเยวียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว หลังจากอู๋หย่งเตือนความจำหลินเยวียนในเรื่องนี้ หลินเยวียนก็เริ่มขบคิดว่าจะจัดหาเพลงแบบใดให้ซุนเย่าหั่วถึงจะเหมาะสม
เพราะเพลงนี้จำเป็นต้องมีน้ำหนักในระดับหนึ่ง ฉะนั้นเขาจึงใคร่ครวญอยู่นานโข
และในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เขาก็มีแผนการเป็นที่เรียบร้อย ถึงขั้นแม้แต่เพลงเดโมก็ทำไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เรื่องต่างๆ ล่าช้า ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ปลายเดือนสิงหาคมแล้ว หลินเยวียนเหลือเวลาไม่มากในการช่วยซุนเย่าหั่วอัดเพลง
บังเอิญมีเพลงที่เหมาะกับซุนเย่าหั่วมากพอดี
ทั้งเนื้อเสียงและช่วงเสียงเหมาะสมมาก
และบทเพลงนี้มีชื่อว่า ‘สิบปี[1]’
………………………………………………..
[1] สิบปี ขับร้องโดยเฉินอี้ซวิ่น (Eason Chan) เนื้อร้องโดยหลินซี ทำนองโดยเฉินเสี่ยวสยา เรียบเรียงโดยเฉินฮุยหยาง