Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 395 ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์
ตอนที่ 395 ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์
อันที่จริงในวงการภาพยนตร์มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับความโด่งดังของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู
ผู้คนในวงการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋อีกครั้ง
ปลาตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ!
ตั้งแต่คอเมดี้จนถึงระทึกขวัญ ตอนนี้ยังมาทำภาพยนตร์ดราม่าอีก ประเภทไม่ได้สอดคล้องกันเอาเสียเลย แต่ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศกลับสูงลิ่ว
นอกจากนั้น คำวิจารณ์ยังไม่เคยแย่เลย!
ครั้งนี้ทำคะแนนได้เกิน 9 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!
นั่นทำให้ผู้อาวุโสซึ่งคร่ำหวอดในวงการภาพยนตร์ยากที่จะจินตนาการว่าเซี่ยนอวี๋เป็นเพียงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการภาพยนตร์ได้ไม่นาน
นั่นรวมไปถึงเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู ภาพยนตร์ทุกเรื่องของเซี่ยนอวี๋ใช้ต้นทุนไม่มาก ทว่ายอดบ็อกซ์ออฟฟิศกลับสูงจนน่าตกใจ
ทำให้คนรู้สึกว่า
เซี่ยนอวี๋เชี่ยวชาญการ ‘ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่’
ถึงขั้นมีคนคิดว่าความสามารถในการเขียนบทของเซี่ยนอวี๋กำลังไล่ตามฝีมือในการประพันธ์เพลงของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวนี้ถูกหักล้างอย่างรวดเร็วโดยผู้ที่เข้าใจเซี่ยนอวี๋
‘ฝีมือการเขียนบทของเซี่ยนอวี๋เทียบกับความสำเร็จด้านการประพันธ์เพลงของเขาไม่ได้อยู่แล้ว คนเขาเป็นถึงพ่อเพลงตัวน้อยในวงการประพันธ์เพลง แต่ในบรรดานักเขียนบทหน้าใหม่ของวงการหนัง ความสำเร็จของเซี่ยนอวี๋จัดอยู่ในอันดับต้นๆ เลย!’
สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้
สิ่งที่ทำให้ผู้คนในวงการประหลาดใจ ที่จริงแล้วไม่ใช่สถิติบ็อกซ์ออฟฟิศของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูหรอก
ศักยภาพสูงสุดของภาพยนตร์สามารถดูได้จากข้อมูลบ็อกซ์ออฟฟิศของสัปดาห์แรก
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้คาดการณ์อยู่ที่ประมาณหนึ่งพันล้านหยวน ซึ่งดีกว่าผลงานเรื่องก่อนหน้านี้ของเซี่ยนอวี๋
แต่นี่คือสถิติซึ่งภาพยนตร์หลายๆ เรื่องสามารถทำได้
หลังจากหลายทวีปผนวกรวมกัน บ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์หลายเรื่องก็ทะลุร้อยล้าน
ความเก่งกาจของเซี่ยนอวี๋อยู่ตรงที่ใช้เงินทุนที่ต่ำมาก ผลิตเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูออกมา!
และอย่าลืม
ว่าเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูเป็นภาพยนตร์ดราม่าตัวจริงเสียงจริง!
ในตลาดภาพยนตร์ แต่ไหนแต่ไรมาภาพยนตร์ดราม่าไม่ใช่ภาพยนตร์ประเภทที่ทำรายได้สูงนัก แต่การที่ภาพยนตร์สร้างชื่อเสียงและรายได้สูงลิ่วเช่นนี้ ก็นับว่าควรค่าแก่การจดจำมากแล้ว
หลินเยวียนเองก็พึงพอใจกับยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจรูปแบบของตลาด แต่หลินเยวียนรู้ดีว่าภาพยนตร์ดราม่าทำรายได้ได้ยากแค่ไหน
จากการคาดการณ์แรกเริ่มของหลินเยวียน ขอเพียงภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้สูสีกับเรื่องนักปรับเสียงเปียโน ก็นับว่าทำผลงานได้ไม่เลวแล้ว
แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้เหนือกว่านักปรับเสียงเปียโนด้วยซ้ำไป
นี่เป็นเรื่องดีที่อยู่เหนือความคาดหมาย
“หลังจากนี้ ก็ถึงเวลาอัดเพลงใหม่แล้ว”
ถึงแม้จะยังคงให้ความสนใจกับรายได้ของเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู แต่หลินเยวียนก็ยังไม่ลืมเรื่องมหาสงครามเทพเซียนในเดือนธันวาคม
ในที่สุดเขาก็ติดต่อเจียงขุยไป เพื่อเตรียมการบันทึกเพลง
ทันทีที่เจียงขุยได้รับข่าวก็ไปที่สตูดิโออัดเพลงในทันที
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋…”
“เพลงอยู่นี่ครับ คุณไปทำความคุ้นเคยก่อน”
หลินเยวียนหยิบเพลง ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์’ ออกมา
เดิมทีหลินเยวียนมีแผนจะเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น ‘จันทร์แจ่มเมื่อไรมี’
แต่ระยะหลังมานี้หลินเยวียนขบคิดอย่างรอบคอบ และตัดสินใจใช้ชื่อเพลงเดิม
เพราะชื่อ ‘จันทร์แจ่มเมื่อไรมี’ นั้นถ่ายทอดอารมณ์ได้ไม่มากเท่า ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์’
ความหมายของชื่อหลังนั้นงดงามกว่า
ต้องเข้าใจว่ามาจากประโยคซึ่งเป็นที่รู้จักและโด่งดังตลอดกาลอย่าง ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ห่างพันลี้ร่วมชมจันทร์’
“ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์?”
เจียงขุยรับเนื้อเพลงมา มองปราดเดียวก็เห็นเนื้อเพลง
ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงจริงๆ กลับเป็นเนื้อเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์!
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋ เนื้อเพลงนี้…”
“มีปัญหาเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากบอกว่า…”
ที่จริงเจียงขุยมีความรู้ด้านวรรณกรรมดีทีเดียว
ชั่วขณะที่เธอเห็นเนื้อเพลง ในห้วงสำนึกก็ปรากฏถ้อยคำที่สวยงามนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอเอ่ยออกมานั้น กลับเป็นคำพูดแสนธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาไปมากกว่านี้ได้
“ยอดเยี่ยมมากค่ะ!”
หลินเยวียน “…”
ใช้คำพูดนี้ก็เหมือนจะไม่ผิด
“ลองดูแล้วกันครับ” หลินเยวียนบอก “วันนี้ไม่ต้องอัดเพลง คุณทำความคุ้นเคยกับเพลงก่อน ผมอยู่ด้วย”
“ได้ค่ะ!”
พลังของเจียงขุยพลันเต็มเปี่ยม สาวเท้าเดินเข้าไปในสตูดิโอบันทึกเพลงอย่างเร็วรี่
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ห้องอัดเสียงเห็นเจียงขุย แววตาก็ฉายแววสะท้อนใจ เช่นเดียวกับที่ซาวด์เอนจิเนียร์กล่าวไว้
เธอคนนี้โชคดีจริงๆ
บทเพลงระดับนี้ เนื้อเพลงระดับนี้ ถ้าเกิดราชาราชินีเพลงรู้เข้า น่ากลัวว่าคงตบตีแย่งชิงกันเพื่อร้องเพลงนี้เลยทีเดียว
“ร้องท่อนหน้าก่อนครับ”
หลินเยวียนไม่ได้สนใจความคิดของคนรอบตัว
เจียงขุยพยักหน้า เปล่งเสียงร้องเพลงออกมาด้วยความเคารพและชื่นชม
หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ฟังอย่างเงียบเชียบ
ช่วงแรกแค่ให้เจียงขุยคุ้นเคยกับเพลง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ค่อยเก็บหลังจากที่เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับเพลงนี้แล้ว
และสำหรับนักร้องฝีมือดีแล้ว จะใช้เวลาเพียงไม่นานเพื่อบรรลุความสามารถขั้นพื้นฐาน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงขุยก็จับทำนองได้แล้ว
หลินเยวียนบอก “เสียงกลางต่ำต้องใช้เนซัลเรโซแนนซ์ให้เหมาะสม อีกอย่างไฮโน้ตไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดังเกินไป แต่ทำให้เสียงก้อง รวมเสียงเข้าไว้ด้วยกันจะทำให้เสียงกังวานแล้วก็พุ่งครับ”
“อื้ม”
เจียงขุยทำตามวิธีที่หลินเยวียนบอกทันที
ถึงแม้จะไม่ใช่การอัดเพลงอย่างเป็นทางการ ทว่าตั้งแต่การลองร้องในครั้งนี้ หลินเยวียนก็เริ่มขัดจังหวะการร้องของเจียงขุยอยู่หลายครั้ง
“อันนี้คือเฮดเรโซแนนซ์ครับ”
“ควบคุมปากกับลำคอยังไม่เป็นธรรมชาติพอ ตอนร้องอย่าคิดว่าจะใช้แต่เทคนิคอย่างเดียวครับ เทคนิคต้องออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ”
“การร้องมิกซ์วอยซ์พิตช์สูงเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง ยังไม่ต้องฝึกครับ คุณดูก่อนว่าตัวเองใช้ช่วงเสียงที่เป็นธรรมชาติ ก็คือโน้ตที่ใช้เวลาพูดปกติ มาร้องเสียงสูง C5 ถึง G5 ได้ไหม”
มิกซ์วอยซ์เป็นหนึ่งในเทคนิคการร้องที่ยากที่สุด
เติ้งลี่จวินเชี่ยวชาญการร้องมิกซ์วอยซ์เสียงสูงเช่นนี้มาก แฟนเพลงบางคนซึ่งคุ้นชินกับเพลงประเภทระเบิดพลังถึงกับคิดว่าเติ้งลี่จวินไม่มีเสียงสูง แต่อันที่จริงนี่เป็นวิธีจัดการกับเสียงสูงในระดับที่สูงมาก
ในเพลง ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์มีเสียงสูง แต่ไม่นับว่าสูงสำหรับนักร้อง
เขาต้องการให้เจียงขุยแสดงฝีมือที่แข็งแกร่งออกมา
นี่คือเหตุผลที่เขาให้เจียงขุยฝึกฝนล่วงหน้า
เจียงขุยร้องตามคำอธิบายของหลินเยวียนอีกครั้ง ครั้งนี้มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด หลินเยวียนซึ่งฟังอยู่พยักหน้าเบาๆ
“คุณลองแบบนี้ดูอีกครั้ง”
หลินเยวียนสาธิตให้เจียงขุยดู
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสาธิตในสตูดิโอบันทึกเสียง เจ้าหน้าที่ห้องอัดกับนักร้องซึ่งเคยร่วมงานกับหลินเยวียนอย่างเจียงขุยเองก็รู้ หลินเยวียนนอกจากจะประพันธ์เพลงได้แล้ว อันที่จริงเขายังมีความสามารถด้านการขับร้องที่สูงมาก แต่เพราะคอของเขาไม่สามารถแบกรับการขับร้องเสียงสูงและใช้พลังได้ พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก
“เสียงท้ายยกขึ้น?”
“ใช่ครับ แต่ทำให้เป็นธรรมชาติหน่อย”
นี่เป็นจุดเด่นของหลินเยวียน
เขาสามารถใช้วิธีของนักร้อง ในการสื่อสารกับนักร้องได้
ในวงการภาพยนตร์ก็มีผู้กำกับจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเคยเป็นนักแสดงมาก่อน อีกทั้งทักษะการแสดงยังไม่เลว จึงสามารถเข้าใจนักแสดงได้ ทั้งยังเชี่ยวชาญในการสอนด้วย
สถานการณ์เช่นนี้ของหลินเยวียน ก็นับว่าคล้ายคลึงกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
ในช่วงเวลาที่เรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูกำลังเข้าฉาย หลินเยวียนก็ใช้เวลาในสตูดิโอบันทึกเสียง และช่วยเจียงขุยในการฝึกซ้อมมาตลอด
นั่นทำให้การขับร้องเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ของเจียงขุยราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เพียงการขับร้องดีขึ้นเท่านั้น
แม้แต่ความมั่นใจของเจียงขุยในมหาสงครามเทพเซียนเดือนธันวาคมก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อผ่านการฝึกฝน
ต้นกำเนิดสำคัญของความมั่นใจนี้ก็คือคุณภาพของเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์เอง!
การเคี่ยวกรำดำเนินต่อไปอีกหลายวัน
ในที่สุดหลินเยวียนก็ยุติการฝึกซ้อม “คุณเข้าใจพื้นฐานของเพลงแล้ว หลังจากนี้ฝึกซ้อมเองทุกวันก็ได้ หนึ่งอาทิตย์หนังจากนี้เราค่อยมาอัดเพลงกันอย่างเป็นทางการ”
“ค่ะ!”
เจียงขุยตอบเสียงดังฟังชัด
หลินเยวียนพยักหน้า จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ตาคุณเป็นอะไรไป”
เมื่อไม่กี่วันก่อนเจียงขุยยังดีๆ อยู่ วันนี้กลับดวงตาแดงก่ำ หลินเยวียนเป็นห่วงว่าเธออาจกดดันตัวเองในการฝึกซ้อมมากเกินไป
“ตา?”
เจียงขุยชะงักไป ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “เมื่อวานเจอซุนเย่าหั่ว จู่ๆ เขาก็ให้ตั๋วหนังเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูมาหนึ่งใบด้วยความหวังดี แถมบอกว่าเป็นหนังอบอุ่นเยียวยาจิตใจ ฉันคิดว่าไหนๆ ก็เป็นหนังของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ ตอนเย็นก็เลยไปดู”
หลินเยวียน “…”
…………………………………………………………